เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
“บอสแน่ใจนะครับว่าจะทำแบบนี้จริงๆ”
“แน่ใจสิ” วิคเตอร์มาเฟียหนุ่มลูกครึ่งไทยรัสเซียวัย 32 ปีตอบด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดแววตาของเขามองไปยังประวัติผู้หญิงทั้งสามคนบนหน้าจอแท็บเล็ตด้วยความแค้นเมื่อหนึ่งในนั้นคือคนที่เขาจะต้องจัดการเพื่อแก้แค้นให้กับมาเรียน้องสาวของตนเองที่เสียชีวิตไปเมื่อครึ่งปีก่อน
“แล้วถ้านายหญิงรู้ล่ะครับ” โรมันผู้ช่วยของชายหนุ่มหมายถึงคุณวัชรีมารดาของเจ้านายที่สั่งไว้ว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือคิดจะแก้แค้นอย่างเด็ดขาด
“เวลามันผ่านมาครึ่งปีแล้วแม่ก็คงคิดว่าฉันไม่ได้ติดใจเรื่องนี้แต่คนอย่างฉันไม่มีทางลืมเรื่องแย่ๆ ที่ผู้ชายคนนั้นมันทำไว้กับน้องสาวฉันหรอกนะ นายก็เห็นแล้วว่ามาเรียเจ็บปวดและเสียใจเรื่องนี้มากแค่ไหน มันจะต้องเจ็บปวดมากกว่ามาเรียหลายเท่า”
“ตอนนี้ไอ้หมอนั่นมันคบผู้หญิงอยู่หลายคนเลยแล้วบอสจะให้ผมจัดการกับคนไหนดีล่ะครับ คนหนึ่งเป็นนางแบบแถวหน้าของเมืองไทยส่วนอีกคนก็เป็นนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงานในบริษัทของมัน”
“สองคนนี้ก็แค่ตัวหลอกเท่านั้นแหละ คนที่ฉันจะให้นายไปจัดการก็คือคู่หมั้นของมัน”
“คนที่เรียนอยู่อังกฤษเหรอครับ แต่แปลกนะบอสผมไม่เคยเห็นมันไปหาคู่หมั้นของมันเลย”
“ก็เพราะมันคิดว่ายังไงผู้หญิงคนนี้ก็ต้องกลับมาหามันยังไงล่ะ” เขาพอมองออกว่ากิตติเดชกำลังใช้ช่วงเวลานี้หาความสุขให้กับตัวเองอย่างเต็มที่เพราะถ้าคู่หมั้นกลับมาเขาจะเจ้าชู้ไม่ได้อีก
“น่าสงสารเธอนะครับที่มีคู่หมั้นแบบนี้”
“นี่ยังไม่ทันพาตัวเธอมานายก็สงสารเธอแล้วเหรอโรมัน นายจะถอนตัวจากงานนี้ก็ได้นะ ฉันให้นายตัดสินใจเอง”
“ไม่หรอกครับผมคิดว่าผมคงทำงานนี้ได้ดีกว่าเดนิส”
โรมันหมายถึงลูกน้องคนสนิทอีกคนหนึ่งของวิตเตอร์ที่ชื่อเดนิสเพราะชายคนนั้นเหี้ยมกว่าเขามาก
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปจัดการเถอะ”
“บอสมีแผนจะทำยังไงกับเธอครับ”
“ก็ทำอย่างที่มันทำกับน้องสาวของฉันไงล่ะ”
“บอสครับแต่ผู้หญิงคนนี้เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนะครับ”
“ฉันไม่สนใจหรอกว่าเธอจะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องแต่เธอคือคู่หมั้นของไอ้กิตติเดชและฉันคิดว่าที่อาจเป็นทางเดียวที่ฉันจะทำให้มันเจ็บได้ รีบไปจัดการตามที่ฉันสั่งพาเธอไปอยู่ที่เกาะและอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้อย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะแม่ของฉัน”
“ได้ครับบอส” โรมันรับคำสั่งจากนั้นก็รีบเดินออกจากห้อง
วิคเตอร์เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานและดึงภาพที่ตัวเองถ่ายกับน้องสาวครั้งล่าสุดมาดู ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความเสียใจปนเปกันไปหมด
มาเรียคือน้องสาวคนเดียวที่เขารักมาก ทั้งสองเคยสนิทสนมกันมากแต่ช่วงหลังเขาเอาแต่ทำงานหนัก จนลืมสนใจน้องสาวว่ากำลังคบหากับใครอยู่พอรู้ตัวอีกทีมาเรียก็กลับมาบ้านพร้อมกับร้องไห้เสียใจอย่างหนักที่ถูกผู้ชายทิ้ง และเธอกลับพร้อมกับตั้งครรภ์อ่อนๆ ชายหนุ่มคาดคั้นถึงพ่อของเด็กในท้องแต่มาเรียก็ปิดปากเงียบแต่คนอย่างวิคเตอร์ก็สืบรู้จนได้ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร
เขาจึงตามไปหาเพื่อจะคุยกับผู้ชายคนนั้นให้รู้เรื่อง
“เราก็แค่สนุกกัน ไม่เชื่อมึงไปถามน้องมึงสิว่าเราสนุกกันมากแค่ไหน” นั่นคือคำพูดที่ทำให้วิคเตอร์โกรธเป็นอย่างมาก
“แต่มึงทำน้องสาวกูท้อง” วิคเตอร์ขึ้นเสียงด้วยความโมโห
“มึงแน่ใจได้ยังไงว่าลูกในท้องของน้องสาวมึงคือลูกของกู น้องมึงมันก็แค่ผู้หญิงรักสนุกคนหนึ่งนอนกับใครมาบ้างก็ไม่รู้แล้วจู่ๆ จะให้กูรับผิดชอบฝันไปเถอะ”
“ที่กูมาหามึงวันนี้กูไม่ได้อยากจะให้มึงรับผิดชอบกูแค่จะมาบอกมึงว่าต่อไปนี้ห้ามยุ่งกับน้องสาวของกูอีกเด็ดขาด”
“กูก็ไม่อยากยุ่งหรอก มึงนั่นแหละไปบอกน้องมึงนะว่าอย่ามาตามตื๊อกูอีก แต่ถ้าหากอยากออกมาสนุกด้วยกันกูก็ไม่ขัดนะ แต่ต้องไปเอาเด็กออกก่อนเพราะกูไม่นอนกับคนท้อง โอ๊ย...”
หมัดหนักๆ ของวิคเตอร์ซัดลงไปบนสันกรามของกิตติเดชจนเซล้มลงไปบนพื้น แต่มาเฟียอย่างเขาไม่ตามไปซ้ำคิดว่าถ้าจะจัดการกับคนปากดีแบบนี้การใช้กำลังคงไม่ได้ผล ที่ทำไปก็แค่อยากระบายอารมณ์ออกไปก็เท่านั้น
“แน่จริงมึงอย่าเล่นทีเผลอสิวะ” กิตติเดชตะโกนไล่ตามหลังวิคเตอร์ที่เดินออกไปจากผับ
ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าผู้ชายที่เขาคุยด้วยนั้นเป็นมาเฟียและมีอิทธิพลมากมายแค่ไหน เขาไม่ใช่คนแถวนี้แต่บังเอิญต้องมาคุมงานและเจอกับมาเรียทั้งสองสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วจนกระทั่งหญิงสาวต้องท้องแต่กิตติเดชก็ไม่คิดจะรับผิดชอบ เพราะไม่แน่ใจว่าเด็กในท้องนั้นจะใช้ลูกของเขาหรือเปล่าแต่ถ้าหากใช่ลูกของเขาจริงๆ ชายหนุ่มก็ไม่มีทางที่จะรับผิดชอบเขาทำได้อย่างมากก็แค่ไล่เธอไปทำแท้งเพราะตนเองนั้นมีคู่หมั้นอยู่แล้ว
วิคเตอร์นึกถึงเรื่องในอดีตแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดใจมากมาเรียผิดหวังกับผู้ชายที่ชื่อกิตติเดชมากๆ หญิงสาวท้องโตขึ้นเรื่อยๆ และวันหนึ่งก็แอบไปทำแท้งกับหมอเถื่อนจนตกเลือดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ในเวลานั้นวิคเตอร์อยากจะแก้แค้นให้น้องสาวมากแต่มารดาก็ห้ามไว้เพราะไม่อยากเป็นเวรเป็นกรรมต่อกัน ชายหนุ่มต้องนิ่งเงียบเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งที่ในใจรอวันที่จะแก้แค้นจนกระทั่งเวลาผ่านมาครึ่งปี มารดาของเขาก็คงคิดว่าเขาลืมเรื่องนี้ไปแล้วแต่สำหรับวิคเตอร์แล้วไม่เคยลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ในเมื่อกิตติเดชทำให้น้องสาวคนเดียวที่เขารักมากจากไปเขาก็จะทำให้ผู้ชายคนนั้นรู้สึกเจ็บเหมือนอย่างที่เขาเจ็บและผู้หญิงหน้าสวยที่เห็นในรูปก็คือเป้าหมาย
เธอชื่อกีรติกาเป็นคู่หมั้นของกิตติเดชและทั้งสองมีแพลนจะแต่งงานกันหลังจากหญิงสาวเรียนจบมาจากประเทศอังกฤษ วิคเตอร์มองแล้วยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมเขาจะต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้เจอชะตากรรมแบบเดียวกับน้องสาวของเขา
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
หญิงสาวตามจับผิดอาเขยแต่โดนเขาตลบหลังกลับจนเกิดความสัมพันธ์ลับ เธอรู้สึกผิดและอยากหนีแต่สุดท้ายก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น
หลังจากแต่งงานมาสามปี ฮั่วเป่ยอวี๋ไม่เพียงแต่เย็นชากับเสิ่นเจียงหนานเท่านั้น แต่ยังคบชู้ ทำให้เสิ่นเจียงหนานผิดหวังมาก เขาก็แค่ชายเจ้าชู้นี่เอง หลังจากหย่ากันอย่างเด็ดขาด เธอก็มุ่งหน้าไปทำงาน ในฐานะนักออกแบบชั้นนำ แพทย์ผู้อัศจรรย์ และแฮ็กเกอร์เก่งๆ เธอเชี่ยวชาญหลายๆ ด้านและกลายเป็นเจ้าหญิงที่ทุกคนชื่นชมและเป็นที่ต้องการ ในที่สุด ฮั่วเป่ยอวี๋ก็ตระหนักถึงสิ่งที่เขาสูญเสียไปและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะใจเธอ แต่เขากลับเห็นเธอจัดงานแต่งงานแห่งศตวรรษร่วมกับชายอีกคน เมื่องานแต่งงานของคนสองคนถูกถ่ายทอดสดบนป้ายโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในโลก-- เผ๋ยเหยียนหลี่สวมแหวนให้เธอ และประกาศให้โลกได้รับรู้อย่างท่วมท้น "เสิ่นเจียงหนานเป็นภรรยาของผมและเธอเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผม ใครกล้ามาแตะต้อง ต้องเจดีแน่!"
นางเคยมอบความรัก ความภักดี ให้เขาด้วยความจริงใจ แต่เขากลับตอบแทนนางด้วยการทรยศ หักหลัง สกุลของนางต้องล่มสลาย ยามที่สวรรค์มอบโอกาสให้นางได้หวนคืนชะตา นางจึงตั้งมั่นไม่ขอหวนกลับไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับเขาอีก เพียงแต่นางพยายามหลีกหนี คนหน้าหนากลับพยายามไล่ตาม ใช้ความเจ้าเล่ห์ทั้งหลอกล่อบีบคั้นจนนางไร้หนทางหลีกหนี ในเมื่อมิอาจหลีกหนีเช่นนั้นครั้งนี้นางก็จะทำให้เขาได้รู้ว่า สตรีสกุลหลิวจะไม่ยอมโง่เขลาเป็นครั้งที่สอง "กู่เหว่ยหยวน ตลอดชีวิตของข้า สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุด คือมอบใจให้บุรุษชั่วช้าเช่นเจ้า หากสวรรค์มีจริง ไม่ว่าจะกี่ภพชาติอย่าได้พบกันอีกเลย"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด