ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
แสงแดดที่เล็ดลอดเข้ามาจากรอยแยกของม่านหน้าต่างทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่น หญิงสาวรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวจนแทบขยับร่างกายไม่ไหว
เธอลืมตาขึ้นมองและตกใจเมื่อบรรยากาศในห้องนั้นไม่คุ้นเคยเลยสักนิด เมื่อทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืนแล้วก็ต้องรีบลุกจากเตียงและมองหาชุดของตัวเอง
หญิงสาวคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนโซฟาปลายเตียงมาพันรอบกายเปลือยเปล่าก่อนจะเดินออกมานอกห้องอย่างเงียบที่สุด เธอจำได้ว่าครั้งแรกของเธอและเขาเกิดขึ้นบนโซฟาในห้องรับแขก
เมื่อเจอชุดชั้นในของตนเองที่ตกอยู่กลางห้องก็รีบหยิบขึ้นมาสวมแต่สายเดี่ยวที่เธอใส่มาเมื่อคืนนั้นถูกเขาดึงจนขาดไปแล้ว เธอจึงหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ตกอยู่บนพื้นมาสวมแทนและนับว่าโชคดีอยู่บ้างที่กางเกงขาสั้นของเธอยังอยู่ในสภาพที่พอจะสวมได้
หญิงสาวรีบแต่งตัวและคว้ากระเป๋าสะพายของตนที่ตกที่ทำตกไว้เธอก้มลงเก็บและจังหวะที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาก็มองเห็นกรอบรูปอันหนึ่งที่รูปค่อนข้างคุ้นตา
เมื่อขยับเข้ามาใกล้และหยิบขึ้นมาดูหญิงสาวต้องตกใจจนหน้าซีดเพราะมันคือรูปถ่ายรูปเดียวกับรูปที่เธอมีอยู่ รูปถ่ายก่อนจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกของเธอและเพื่อนๆ นั่นก็เท่ากับว่าผู้ชายที่เธอนอนด้วยเมื่อคืนก็คือเพื่อนคนใดคนหนึ่งของเธอ
เธอรีบวางกรอบรูปลงและออกจากห้องอย่างรวดเร็วเพราะถ้าหากเจ้าของห้องตื่นขึ้นมาเจอกับเธอตอนนี้คงไม่ดีแน่ เรื่องคืนนี้มันจะเป็นความลับ เธอมองหน้าเขาไม่ชัดเท่าไหร่ส่วนเขาถ้าเจอกับเธออีกครั้งก็คงจำไม่ได้เนื่องจากเมื่อคืนหญิงสาวแต่งหน้าจัดกว่าทุกครั้ง
เมื่อออกมาจากห้องของชายหนุ่มแล้วเธอก็เรียกแท็กซี่ให้มาส่งที่หน้าซอยเข้าหอพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่เธอทำงานเท่าไหร่ หญิงสาวเดินไปยังร้านขายยาที่อยู่ใกล้ๆ ขณะกำลังจะเข้าไปซื้อยาคุมฉุกเฉินก็เจอกับเภสัชกรประจำร้านซึ่งทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกับเธอ
“อ้าวป่านมาซื้ออะไรแต่เช้าล่ะ”
หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเพราะถ้าบอกว่ามาซื้อยาคุมฉุกเฉินก็คงต้องตอบคำถามยาวหรืออาจจะถูกเภสัชกรมองไม่ดีก็ได้เธอจึงรีบโกหกออกไป
“ยาแก้ปวดประจำเดือนน่ะ” ปราญติญาหรือป่านตอบเภสัชไปแบบนั้น เธอพลาดเองที่มาซื้อยาคุมฉุกเฉินที่ร้านของคนรู้จัก
เมื่อได้ยาแก้ปวดประจำแล้วหญิงสาวก็เดินกลับหอพักของตนที่อยู่ไม่ไกล เธอรีบอาบน้ำและเปลี่ยนชุดก่อนจะขับรถญี่ปุ่นคันเล็กของตนเองไปซื้อยาคุมฉุกเฉินร้านที่ไกลออกไปจากบริเวณนี้
พอออกจากร้านยามาแล้วก็รีบรับประทานทันที ถึงแม้เมื่อคืนเธอจะพลาดไปนอนกับผู้ชายที่ไม่รู้ว่าเป็นใครแต่เธอจะพลาดให้ตัวเองท้องไม่ได้ หลังจากทานยาแล้วหญิงสาวก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเธอขับรถมายังร้านข้าวแกงจากนั้นซื้อข้าวและข้าวแกงใส่ถุงสำหรับทานมื้อเช้าและมื้อกลางวันก่อนจะขับรถกลับมายังหอพักของตนเอง
หอพักแห่งนี้อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลที่เธอทำงานผู้พักอาศัยส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนวัยทำงานมีทั้งคนในโรงพยาบาลเดียวกับเธอและคนที่ทำงานในบริษัทอื่นที่อยู่บริเวณนี้ใกล้
“ไปไหนมาแต่เช้า” เพื่อพยาบาลทักทายเมื่อหญิงสาวกำลังจะเดินขึ้นตึก
“ไปซื้อข้าวมาจ้ะ เจี๊ยบเพิ่งลงเวรเหรอ”
“ใช่จ้ะ ป่านหยุดเหรอ”
“เปล่าหรอกวันนี้ป่านขึ้นเวรบ่ายนะ เจี๊ยบล่ะต่อเวรไหม”
“เจี๊ยบหยุดสองวันว่าจะกลับบ้านน่ะ”
“เดินทางปลอดภัยนะ” ปราญติญาบอกกับเพื่อน
เธอกับพยาบาลที่ชื่อเจี๊ยบทำงานโรงพยาบาลเดียวกันแต่คนละแผนกปราญติญาทำงานแผนกฉุกเฉินส่วนเพื่อนทำงานที่แผนกผู้ป่วยใน โรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางพนักงานในโรงพยาบาลจึงรู้จักกันดี
หญิงสาวเดินขึ้นมาบนห้องพักหลังจากทานอาหารเช้าแล้วก็ล้มตัวลงนอนเพราะเมื่อคืนเธอแทบไม่ได้นอนพักเลย หญิงสาวกลัวว่าจะไม่มีแรงไปทำงานในเวรบ่าย
เธอหลับยาวตั้งแต่ช่วงสายแล้วตื่นมาอีกครั้งในเวลาบ่ายสามโมงเย็นก็รีบอาบน้ำเพื่อจะแต่งตัวไปทำงาน
โรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่นั้นใกล้กับหอพักมากปกติถ้าเป็นเวรเช้าเธอจะเดินไปทำงานแต่วันนี้เป็นเวรบ่ายและต้องเลิกงานในเวลาเที่ยงคืนหญิงสาวจึงขับรถไปโรงพยาบาลเพราะไม่อยากเดินกลับในเวลากลางคืนคนเดียว
“สวัสดีค่ะพี่บี” ปราญติญามือไหว้พี่บีหรือสุนิสาหัวหน้าแผนกฉุกเฉินที่กำลังจะเดินออกจากห้องพักด้านหลังแผนก
“สวัสดีจ้ะป่านวันนี้ขึ้นบ่ายกับน้องใหม่พี่ฝากดูด้วยนะ พี่ไปประชุมก่อน”
“ได้ค่ะพี่บี”
เมื่อเก็บของใช้ส่วนตัวในตู้ล็อกเกอร์แล้วปราญติญาก็ออกมาที่ห้องฉุกเฉินซึ่งตอนนี้พยาบาลเวรเช้ากำลังทำแผลให้กับคนไข้ที่มีเพียงคนเดียวในแผนก
เวรบ่ายวันนี้ผู้ป่วยในแผนกฉุกเฉินค่อนข้างยุ่งมากเธอและเพื่อนพยาบาลที่ขึ้นเวรด้วยกันห้าคนแทบไม่ได้มีเวลาพักเลยแม้กระทั่งเวลาทานอาหารเย็นก็ต้องเปลี่ยนกันไปทาน ก่อนจะรีบออกมาทำงานต่อกว่าทุกคนจะได้นั่งพักก็เกือบจะห้าทุ่ม
“ขึ้นเวรกับหมออรรณพทีไรยุ่งทุกทีเลยป่านว่ามั้ย”
“อืมป่านเห็นด้วยนะ ดีนะที่วันนี้ป่านนอนพักเอาแรงมาเยอะแล้วบุ๋มไหวไหมบ่ายต่อดึกด้วย” ปราญติญาถามเพราะวันนี้เพื่อนของเธอต้องทำงานตั้งแต่เวลาสี่โมงเย็นจนถึงแปดโมงเช้าของอีกวัน
“สบายมากเพราะเวรบ่ายวันนี้บุ๋มขึ้นกับพี่นกหนักแค่ไหนพี่นกก็เอาอยู่ บุ๋มเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าป่านยังไม่ตอบตกลงจะไปงานโรงเรียนเลยนะ”
“งานจะเริ่มแล้วเหรอ”
“อีกสองอาทิตย์ตกลงไปนะ เรื่องเวรไม่ต้องห่วงเพราะบุ๋มโยกให้แล้วนะ” บุ๋มหรือพรชนกรู้ว่าปราญติญาเกรงใจเพื่อนร่วมงานคนอื่นจริงไม่กล้าแลกเวรเธอก็เลยจัดการให้เพราะโรงเรียนเก่าทั้งสองเรียนด้วยกันในสมัยชั้นมัธยมปลายนั้นไม่ได้จัดงานกันทุกปีและมันพิเศษกว่ามากเพราะปีนี้เป็นการจัดงานครบรอบ 50 ปีของโรงเรียน
“เพื่อนในห้องเราไปกันครบทุกคนไหมบุ๋ม” ปราญติญาเป็นกังวลเพราะกลัวว่าจะไปเจอผู้ชายคนนั้น
“ตอนนี้เพื่อนคนอื่นก็พยายามตามให้ครบทุกคนนะ บุ๋มตื่นเต้นมากไม่ได้เจอเพื่อนมาเกือบหกปีแล้วไม่รู้ว่าแต่ละคนจะเป็นยังไงบ้าง”
“ป่านก็ตื่นเต้นเพื่อนกลุ่มเราจะมากับครบไหม”
“ครบสิขนาดยัยกวางที่แต่งงานแล้วย้ายไปอยู่กับสามีที่อเมริกายังบินมาเลย”
“ไม่เจอกันนานไม่รู้ว่าเพื่อนจะจำป่านได้มั้ยนะ”
“ไม่มีใครจำป่านได้แน่ๆ เพราะป่านสวยขึ้นมาก”
“มันต่างจากตอนอยู่ม.ปลายมากๆ เลยใช่ไหมบุ๋ม”
“ต่างสิตอนอยู่ม.ปลายป่านเพิ่งเริ่มดัดฟันหน้าก็เป็นสิวและยังอ้วนกว่าตอนนี้มากๆ เพื่อนที่เคยเรียกป่านว่ายัยอ้วนยัยเหยินจะต้องตะลึงในความสวยของป่านแน่เผลอๆ จะเข้ามาจีบป่านด้วย”
“คงไม่ขนาดนั้นหรอก พอโตขึ้นคนเราก็หน้าเปลี่ยนและรู้จักดูตัวเองมากขึ้น บุ๋มก็ยังสวยขึ้นมากกว่าตอนเรียน”
“เราสองคนเหมาะจะเป็นเพื่อนกันนะ ชมกันได้ไม่มีเบื่อ”
พูดจบปราญติญากับพรชนกพากันหัวเราะ
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
เพราะชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนเธอความจำเสื่อม โดยมีตนเองเป็นต้นเหตุ หมออย่างเขาก็ไม่รีรอที่จะรับเธอไปดูแลในฐานะคนรัก
หญิงสาวตามจับผิดอาเขยแต่โดนเขาตลบหลังกลับจนเกิดความสัมพันธ์ลับ เธอรู้สึกผิดและอยากหนีแต่สุดท้ายก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"