นานนับปีแล้วที่อรณิชาไม่ได้รับความสุขจากสามี เขาอ้างว่าเพราะงานแต่จริงๆ แล้วเขามีคนอื่นโดยที่อรณิชาไม่รู้ หญิงสาวจึงให้เวลาเขาและเธอหนึ่งเดือนเพื่อจัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตคู่ หญิงสาวจึงกลับมาที่เมืองไทย และได้เจอกับอดีตคน รักความสุขความผูกพัน ทางใจในอดีตกับกลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายในปัจจุบัน ความใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทั้งสองเผลอใจก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไม่สนใจทถูกผิดมองแค่บนเตียงเพียงอย่างเดียว
“ไอ้น่าน ทำไมทุกครั้งที่ลูกค้าคนนี้โทรมามึงจะต้องให้กูเป็นคนรับสายด้วยว่ะ ทั้งที่บ้านหลังนั้นมึงเป็นคนออกแบบและส่งแบบให้เขา” กษิดิศถามน่านนทีเพื่อนที่ร่วมหุ้นกับเขาเปิดบริษัทรับรีโนเวทและออกแบบบ้านด้วยความไม่เข้าใจ
ลูกค้าคนนี้เป็นลูกค้าชาวไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ วันนี้หญิงสาวอยากจะรีโนเวทบ้านหลังเก่าก็เลยติดต่อมาที่บริษัทซึ่งน่านนทีเป็นคนออกแบบและควบคุมทุกขั้นตอนของการรีโนเวทอย่างใกล้ชิด แต่ชายหนุ่มไม่ยอมคุยกับลูกค้าคนนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียวทำให้เขารู้สึกสงสัยในตัวเพื่อนมากๆ
“กูก็แค่ไม่อยากคุยแค่นั้นไม่มีอะไรหรอก”
“แต่กูว่ามันแปลกนะหรือมึงเคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน กูเดาว่าเธอคือผู้หญิงมึงคบตอนอยู่ม.6 ใช่ไหม”
“มึงจะรู้มากเกินไปแล้วนะไอ้บาส”
“นั่นไงกูนึกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นผู้หญิงคนที่มึงยังไม่เคยลืม แล้วทีนี้จะเอายังไงล่ะอาทิตย์หน้าเธอก็จะกลับมาแล้วนะยังไงก็ต้องได้เจอกัน”
“กลับมาแล้วยังไงล่ะกูกับเธอก็คงไม่เจอกันอยู่ดี เรื่องบ้านกูฝากมึงจัดการด้วยแล้วกันนะบาส”
“ได้ยังไงกูไม่อยากรับความดีความชอบในสิ่งที่กูไม่ได้ทำหรอกนะ บ้านหลังนี้มันเป็นฝีมือมึงทั้งหมด ยังไงวันส่งมอบงานก็คงต้องไปเจอเธอ”
“กูไม่อยากเจอ”
“มึงกลัวอะไรน่าน”
“กูไม่ได้กลัวอะไรหรอก”
“แต่หน้าตามึงไม่ได้บอกแบบนั้นเลย มึงยังรักเธออยู่ใช่ไหม”
“อืม” น่านนทียอมรับอย่างไม่อายเพราะผู้หญิงคนนี้คือรักแรกของเขาในขณะที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก
และไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ปีน่านนทีก็ไม่เคยลืมรักแรกได้เลยแม้จะมีแฟนมาหลายคนแต่ก็ไม่มีคนไหนที่ทำให้เขารักมากเท่ากับเธอเลยสักคน
“ถ้างั้นก็ยิ่งดีสิ มึงจะได้สานสัมพันธ์กับเธอต่อ ตอนนี้ก็โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วน่าจะคุยกันง่ายขึ้น”
“กูก็อยากทำแบบนั้น”
“แล้วทำไมมึงถึงไม่คุยกับเธอล่ะ เท่าที่กูได้คุยกับคุณอีฟเธอก็เป็นคนน่ารักอัธยาศัยดีและดูเหมือนจะเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมากๆ ด้วย กูไม่รู้ว่าในอดีตมึงกับเขาเลิกกันยังไงแต่ไม่ในเมื่อมีโอกาสกลับมาเจอกันก็น่าจะคุยกันให้เข้าใจดีกว่านะ”
“กูก็อยากทำแบบนั้นนะบาส แต่เท่าที่รู้มาอีฟเขาแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วว่ะ” น่านนทีพูดด้วยเสียงที่ฟังดูผิดหวัง ในวันที่เธออีเมลติดต่อมาที่บริษัทว่าอยากจะรีโนเวทบ้าน เขาดีใจมากแต่ก็ต้องเศร้าเมื่อเพื่อนที่อเมริกาบอกว่าตอนนี้อรณิชาแต่งงานไปแล้ว
“เพราะแบบนี้ใช่ไหมล่ะมึงถึงไม่อยากคุยกับเธอ”
“อือ กูไม่รู้คุยแล้วจะได้อะไรขึ้นมาเผลอๆ จะเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม”
“แล้วมึงกับเขาเลิกกันยังไงวะ กูจำเหตุการณ์ไม่ได้ว่ะโทษทีนะเพื่อน ช่วงนั้นกูเอาแต่เล่นบาสหนักไปหน่อย”
“กูกับอีฟไม่เคยบอกเลิกกันแต่จู่ๆ อีฟก็หายไปกูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“แล้วตอนนั้นมึงได้ไปถามใครหรือเปล่า”
“กูจะถามใครล่ะช่วงนั้นมันช่วงปิดเทอมแล้วทุกคนก็ต้องเข้ามหาลัยเพื่อนสนิทของอีฟก็ย้ายไปเรียนที่อื่นกันหมด ตอนนี้กูก็ยังงงอยู่เลยว่ากูทำอะไรผิดทำไมอีฟถึงทิ้งกูไปแบบนั้น”
“แล้วมึงจะเอายังไงต่อล่ะถ้าเกิดเธอกลับมาและอยากจะเจอมึงล่ะ”
“มึงก็ไปแทนกูสิ แค่รับมอบงานใครก็ทำได้” ใจจริงน่านนทีก็อยากเจอกับอรณิชาแต่ก็กลัวว่าการเจอกันอีกครั้งมันจะตอกย้ำให้เขาเจ็บมากขึ้น
“แต่กูว่ามึงควรจะออกไปเจอเธอนะคุยกันให้เข้าใจถามกันให้เคลียร์จะได้ไม่รู้สึกติดค้าง แล้วมึงก็จะได้เปิดใจรับผู้หญิงคนใหม่สักทีไม่ใช่คบไปเรื่อยสองสามเดือนก็เลิก ตอนนี้กูจำชื่อแฟนมึงแต่ละคนไม่ได้เลย”
“อย่าว่าแต่มึงเลยบางทีกูก็ลืมเรียกชื่อผิดก็เคยมีมาแล้ว”
“มึงนี่มันชั่วใช้ได้เลยว่ะ”
“เป็นคนดีแล้วยังไงล่ะ เป็นคนชั่วแบบกูใช้ชีวิตสนุกไม่ต้องซีเรียสกับอะไรมาก”
“เออตอนนี้มึงยังรู้สึกสนุกถ้ามึงอายุมากกว่านี้มึงจะสนุกไม่ออก”
“มึงอย่าพูดดีเลยไอ้บาสมึงกับกูก็อายุเท่ากันว่าแต่มึงเถอะจริงจังแล้วใช่ไหมผู้หญิงที่คบ”
“จริงจังสิคุณครูเขาน่ารักแบบนี้กูจะมองคนอื่นได้ยังไง”
“กูก็ขออวยพรให้มึงกับครูหนูนารักกันไปแบบนี้ตลอดนะ อย่าทำให้ครูเขาเสียใจล่ะ” น่านนทีพูดถึงครูวิยดาหรือครูหนูนาที่กษิดิศคบอยู่
“ถ้ามึงเคลียร์กับคุณอีฟได้แล้วกูว่าจะติดต่อเพื่อนของหนูนาให้เอาไหม เพื่อนครูที่โรงเรียนหนูนามีโสดอยู่หลายคนแต่ละคนก็น่ารักทั้งนั้น”
“ไม่ล่ะกูกลัวเลิกกันแล้วจะทำให้มึงกับแฟนมีปัญหา”
“มึงยังไม่ได้ลองคบเลย อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องเลิกกันสิ”
“มึงก็รู้ว่ากูคบใครได้ไม่นานหรอก นิสัยอย่างกูจะมีผู้หญิงที่ไหนเขาจริงจังด้วยล่ะ”
“มึงไม่จริงจังกับเขาเองมากกว่าและกูก็พอจะเดาออกแล้วว่าทำไมคบใครก็เลิกเพราะมึงยังฝังใจเรื่องอีฟอยู่ใช่ไหม” กษิดิศพอจะเดาความรู้สึกของเพื่อนออก
“กูยอมรับกูยังฝังใจอยู่”
“เขากลับมาครั้งนี้มึงก็เคลียร์เลยจะได้จบๆ ตอนนี้มึงกับเขาไม่ใช่เด็กแล้วกูว่าน่าจะคุยกันเข้าใจมากขึ้น” กษิดิศบอกเพื่อนด้วยเสียงเข้มเพราะไม่อยากจะเห็นน่านนทีเป็นแบบนี้ต่อไปที่ผ่านมาเพื่อนของเขาคบผู้หญิงมาก็หลายคนแต่ไม่เคยคิดจริงจังกับใครชายหนุ่มเดาว่าน่าจะเป็นเพราะยังฝังใจกับรักแรกอยู่ก็เป็นได้
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
เนี่ยหลิง ตายแบบ งงๆ และได้ไปเกิดใหม่แบบ งงๆ ในโลกลมปราณของผู้ฝึกตนและพร อีก สอง ข้อ พร้อมธนู และลูกธนูหนึ่งชุด แหวนมิติเก็บของหนึ่งวง อย่าถามหา เหตุผล ว่าทำไม เนี่ยหลิงก็ไม่รู้เช่นกัน หวังว่า มันจะดี
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง