จู่ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องดังสนั่น กลบเสียงสะอื้นอันแผ่วเบาของเจียงหยวนที่เอื้อมไปถึงจุดสูงสุดได้พอดี
ชายหนุ่มถอยห่างไปก้าวหนึ่ง ไอร้อนระอุที่แผ่นหลังพลันหายไป เจียงหยวนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
ขณะที่เธอกำลังคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้วนั่นเอง ทันใดนั้นร่างทั้งร่างก็ถูกฝ่ามือใหญ่คู่หนึ่งหมุนตัวเธอให้หันมา แล้วกระแสความเร่าร้อนที่จางหายไปก็กลับมาอีกครั้ง จนเธอกลายเป็นเหมือนนางเงือกในห้วงทะเลลึกที่ถูกคลื่นซัดพาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เจียงหยวนไม่รู้ว่าตัวเองถูกทรมานอยู่นานแค่ไหน เพียงแต่จำได้อย่างเลือนรางว่าสลบไปครั้งแล้วครั้งเล่า และเมื่อใกล้จะสิ้นใจเต็มทีก็ถูกความสุขสมขั้นสุดดึงให้กลับมาอีกครั้ง
น้ำฝนสาดซัดเข้ามาที่ขอบหน้าต่าง ชื้นแฉะและเหนียวเหนอะหนะ
เมื่อฟ้าเริ่มสาง เจียงหยวนคลับคล้ายว่าจะได้ยินเสียงชายหนุ่มซบลงบนแผ่นหลังของเธอ กักขังข้อมือขาวอันเรียวเล็กของเธอไว้ ปลายนิ้วแกร่งค่อยๆ ลูบไล้ไฝสีแดงใต้ดวงตาของเธออย่างเชื่องช้า
น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นแสนแหบพร่า เจือด้วยอันตรายที่ยากจะบรรยาย
“รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
“ถึงได้กล้าปีนขึ้นมาบนเตียงฉันแบบนี้น่ะ”
“หืม?”
น้ำเสียงนี้ช่างเย้ายวนและน่าหวาดหวั่นเหลือเกิน หัวใจของเจียงหยวนเต้นรัวแรงขึ้นมากะทันหัน ความรู้สึกขาดอากาศหายใจอย่างรุนแรงพลันถาโถมเข้าใส่ แทบจะทำให้เธอจมดิ่งลงในห้วงฝันอันบ้าคลั่งนี้
เจียงหยวนหอบหายใจอย่างหนัก ต้องบังคับลมหายใจเข้าออกอย่างเร่งรีบหลายครั้งเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องขาดอากาศหายใจจนตายเพราะความฝัน
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นดั่งเสียงเรียกวิญญาณ เมื่อเจียงหยวนเห็นคำว่า “พี่ตู้” เธอก็ขมวดคิ้วมุ่นโดยไม่รู้ตัว
คำพูดที่ไร้ความปรานีและเย็นชาของชายหนุ่มเมื่อสัปดาห์ก่อนกลับมาฉายซ้ำในห้วงความคิดอีกครั้ง
“เสี่ยวหยวน เธอคงรู้จักคุณชายใหญ่ตระกูลเจี่ยงคนนั้นใช่ไหม ช่วยพี่ตู้หน่อยนะ ไปนอนกับเขาสักครั้งได้ไหม?”
“เธอก็รู้นี่ว่าฉันชอบพี่สาวเธอ มีแต่ทำให้เธอตัดใจจากเจี่ยงเฉินโจวได้เท่านั้น เธอถึงจะยอมคบกับฉัน”
“ดังนั้นเธอคงเต็มใจจะช่วยฉันใช่ไหม?”
เจียงหยวนจำได้ชัดเจนถึงใบหน้าเปื้อนยิ้มของเสิ่นตู้ในตอนที่เขาพูดเรื่องนี้กับเธอ แต่ทุกคำที่ออกมาจากปากของเขาราวกับเป็นคำที่เธอไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อย
ตอนนั้นเธอถามเขาว่า “ผู้หญิงที่อยากจะนอนกับเจี่ยงเฉินโจวมีตั้งเยอะแยะ ทำไมจะต้องเป็นฉันด้วยคะ?”
ในตอนนั้นเสิ่นตู้ตอบกลับมาแบบนี้
“เพราะเธอเป็นน้องสาวของซิงเหยาไง น้องสาวที่เธอเกลียดที่สุด”
เจียงหยวนหลุบสายตาลงต่ำ มุมปากพลันเผยรอยยิ้มเย็นชา จากนั้นก็กดรับสายในวินาทีสุดท้ายก่อนที่เสียงเรียกเข้าจะหยุดลง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ? พี่ตู้” น้ำเสียงนั้นนุ่มนวลและอ่อนโยน
เสิ่นตู้เงียบไปเพียงครู่ ก่อนจะพูดขึ้น “คืนนี้มีงานเลี้ยงสังสรรค์ เจี่ยงเฉินโจวก็จะไปด้วย”
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะ จู่ๆ ถึงได้เป็นฝ่ายโทรมาหาเธอแบบนี้
เจียงหยวนเข้าใจสถานการณ์ดี และตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”
“เดี๋ยวตอนที่ไปรับเธอ คนขับรถจะเอาเสื้อผ้าไปด้วย อย่าลืมเปลี่ยนชุดซะล่ะ” เสิ่นตู้กำชับด้วยน้ำเสียงไม่รีบร้อน จากนั้นก็พูดต่อ “รอบฟินาเล่ในงานแฟชั่นโชว์ประจำฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนของเอิร์ธตาร์ที่เธอต้องโชว์ในช่วงนี้ ก็ยกให้ซิงเหยาไปก่อนเถอะนะ เดี๋ยวฉันหาอย่างอื่นให้เธอแทน”
เขาพูดอย่างเป็นธรรมชาติราวกับเป็นเรื่องที่ถูกต้องชอบธรรม จนเจียงหยวนฟังแล้วอยากจะหัวเราะ
ก่อนหน้านี้ เจียงซิงเหยากลัวว่าเธอจะเข้ามาแย่งชิงสมบัติ เลยทำทุกวิถีทางให้เธอออกห่างจากธุรกิจของเจียงซื่อ กรุ๊ปไปเสีย
ได้ เธอไม่อยากจะแก่งแย่งชิงดีกับพี่สาวอยู่แล้ว และด้วยโอกาสที่ลงตัว เธอจึงเข้าสู่วงการนางแบบแทน
เดิมทีคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะได้อยู่ให้ห่างจากเจียงซิงเหยาและตระกูลเจียง แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเมื่อปีที่แล้ว เจียงซิงเหยาเกิดนึกสนุกอยากมาเป็นนางแบบบ้างเหมือนกัน
ด้วยความช่วยเหลือของเสิ่นตู้และการสนับสนุนจากเจียงซื่อ กรุ๊ป เธอจึงกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการอย่างรวดเร็ว โอกาสที่เคยเป็นของเจียงหยวนจึงถูกเจียงซิงเหยาคว้าไปทั้งหมด