เสียงฝนตกกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย กลิ่นคาวเลือดผสมกับกลิ่นควันปืนลอยคลุ้งไปทั่วตรอกแคบ ๆ
คมน์พิงกำแพงหายใจถี่ มือหนากุมแผลกระสุนที่แขนซ้าย เลือดสีเข้มไหลซึมผ่านปลายนิ้วไม่หยุด ดวงตาคมเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวและเจ็บปวด เขาหนีจากการซุ่มโจมตีของศัตรูได้อย่างฉิวเฉียด แต่แรงมากพอจะทำให้ร่างกายบาดเจ็บ
ขณะเดียวกัน เสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้น ฝ่าสายฝนมาอีกด้านหนึ่งของตรอก
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสราคาแพงวิ่งหนีสุดชีวิต ชมพูพริ้ง ใบหน้าสวยซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริก เธอเพิ่งหนีออกมาจากรถของแฟนเก่าที่พยายามบังคับเธอด้วยอารมณ์รุนแรง เธอไม่รู้จะหนีไปไหน นอกจากตรงตรอกมืดนี้ที่ดูเหมือนไม่มีคนอยู่ แต่เธอกลับพบคนคนหนึ่งที่แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงยืน
“คุณ! เลือดคุณออกเยอะมาก” เสียงหวานเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ
คมน์เงยหน้าขึ้นมอง ริมฝีปากซีดเซียวแต่สายตากลับนิ่งลึกจนน่าขนลุก เขาไม่ตอบ มีเพียงเสียงหอบเบา ๆ ก่อนจะพยายามขยับหนี
“อย่าขยับ!” ชมพูพริ้งรีบเข้าไปประคองโดยไม่คิดอะไร
“ให้ฉันช่วยคุณเองนะคะ” เธอไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นใคร รู้แค่เขากำลังจะเสียเลือดมาก เธอฉีกชายชุดเดรสของตัวเองออก เนื้อผ้าขาดดังแคว่ก แล้วรีบพันรอบแขนของเขาแน่น ๆ เพื่อห้ามเลือด
“แค่ชั่วคราวก่อนนะคะ” เธอกระซิบ พยายามทำเสียงให้มั่นคงทั้งที่หัวใจเต้นแรง
คมน์มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่วางตา มือของเธอสั่นเล็กน้อยแต่ยังพยายามช่วยเขาโดยไม่ลังเล ความอบอุ่นแปลก ๆ แทรกเข้ามาในหัวใจท่ามกลางความเจ็บปวดและเสียงฝนที่กำลังตกกระหน่ำลงมา ไม่เคยมีใครกล้าเข้าใกล้เขาในสภาพนี้มาก่อน
“ขอบคุณ” เสียงทุ้มแหบพร่าหลุดออกมาเบา ๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงฝีเท้าหนัก ๆ และเสียงคนตะโกนก็ดังแว่วจากปลายตรอกทั้งสองด้าน
“อยู่แถวนี้แน่!”
“หามันให้เจอ”
ชมพูพริ้งสะดุ้ง รีบหันซ้ายหันขวา
“พวกเขาตามฉันมา!”
คมน์กัดฟัน
“ไม่ใช่แค่เธอ พวกมันก็ตามฉันด้วย”
หญิงสาวกับชายบาดเจ็บสบตากันเพียงเสี้ยววินาที ก่อนทั้งคู่จะรีบหลบเข้าไปในช่องกำแพงแคบ ๆ ระหว่างอาคารเก่าที่แทบไม่มีใครสังเกตเห็น
ร่างทั้งสองเบียดชิดจนแทบได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่าย ชมพูพริ้งพยายามกลั้นหายใจ ในขณะที่คมน์ใช้มืออีกข้างโอบไหล่เธอไว้แน่นเพื่อไม่ให้เธอขยับ
กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวของเธอผสมกับกลิ่นเลือดและกลิ่นฝน กลายเป็นกลิ่นที่เขาไม่มีวันลืม
เขาเงยหน้ามองเธออีกครั้ง แววตาคมที่เคยเย็นชาเริ่มสั่นไหวอย่างประหลาด
เขาไม่รู้ว่าเพราะอาการเสียเลือด หรือเพราะผู้หญิงคนนี้กันแน่ที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบระเบิด
ส่วนเธอ ไม่แม้แต่จะสังเกตสายตานั้น เพราะในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เธอคิดคือต้องเอาตัวรอดออกไปให้ได้ ไม่คิดเลยว่าแฟนเก่าจะใช้วิธีสกปรกหลอกเธอมางานเลี้ยงแบบนี้ แถมยังใช้ให้คนอื่นมาหลอกอีก เพราะถ้าเขาเป็นคนชวน เธอไม่มีทางมาแน่นอน
ฝนเริ่มซา เสียงฝีเท้าของพวกคนร้ายค่อย ๆ ห่างออกไปทีละน้อย อาจเพราะค้นหาอย่างไรก็หาไม่เจอ ต้องขอบคุณซอกเล็กๆ ที่ไม่มีใครสังเกตเห็นอันนี้ที่สุก ในตอนนี้เหลือเพียงเสียงหยดน้ำไหลจากชายคาเก่า ๆกระทบพื้นซีเมนต์ดังเป็นจังหวะเท่านั้น
คมน์ยังคงโอบร่างหญิงสาวไว้แน่น รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดต้นคอของเขาเป็นจังหวะ หญิงสาวในอ้อมแขนตัวสั่นน้อย ๆ แต่ดูอ่อนแรงผิดปกติ
“คุณเป็นอะไร” เสียงทุ้มต่ำแทบไม่ต่างจากการกระซิบ ไม่มีคำตอบ มีเพียงเสียงครางแผ่ว ๆ ที่หลุดจากริมฝีปากของเธอ
“ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองโดนวางยา”
คมน์ขมวดคิ้วแน่น เขามองเห็นเงาของใบหน้าเธอที่ซีดขาวกว่าปกติ เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดขึ้นที่ขมับ แม้อากาศจะเย็นเฉียบจากฝนก็ตาม
“โดนวางยางั้นเหรอ” เขาถามเสียงเข้ม ชมพูพริ้งพยายามขยับปาก แต่พูดไม่ออก ร่างทั้งร่างอ่อนแรงก่อนเอนซบลงกับอกเขาอย่างหมดแรง
เขายกมือขึ้นแตะแก้มเธอ ร้อนจัด ก่อนสบถเบา ๆ ยังไม่ทันได้คิดหาทางออก เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นอีกครั้งจากปลายตรอก แต่คราวนี้ไม่ใช่ศัตรู
“คุณชาย!” เสียงคุ้นเคยของลูกน้องคนสนิทดังขึ้น
ชายร่างใหญ่ในชุดดำพร้อมลูกน้องอีกสามคนวิ่งเข้ามา จักรซึ่งเป็นมือขวาผู้ซื่อสัตย์ของคมน์ กวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง ก่อนจะถอนหายใจเมื่อเห็นเจ้านายของตนยังมีชีวิต
“ขอบคุณพระเจ้า ผมตามหาคุณแทบพลิกแผ่นดิน!” คมน์ยังคงกอดร่างหญิงสาวไว้แน่น
“อย่าเพิ่งเสียงดัง” เขาพูดเสียงเรียบแต่แฝงอำนาจ
จักรมองภาพตรงหน้าแล้วถึงกับนิ่งงัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นชายผู้เยือกเย็นดั่งน้ำแข็งคนนี้อุ้มผู้หญิง แน่นราวกับกลัวเธอจะหายไป
“เธอเป็นใครครับ” จักรถามด้วยความระแวง
“ไม่เกี่ยวกับนาย” คมน์ตัดบทในทันที น้ำเสียงเย็นเฉียบ แต่แววตาเต็มไปด้วยความหวงแหน
จักรเหลือบมองหญิงสาวในอ้อมแขน เธอดูเปราะบางจนแทบไม่กล้าหายใจใกล้ ๆ
“เธอโดนวางยา” คมน์พูดพลางพยายามลุกขึ้น แต่แผลที่แขนทำให้เขาเซจนต้องกัดฟันแน่น
“คุณชาย! ให้ผมอุ้มเถอะครับ แขนคุณ”
“ไม่ต้อง!” เสียงคำรามต่ำหลุดออกมาจากลำคอ ราวกับสัตว์ร้ายกำลังปกป้องของรัก
จักรชะงัก เขาไม่เคยเห็นเจ้านายมีสีหน้าแบบนี้มาก่อน ทั้งดุดันและอ่อนโยนในคราวเดียวกัน
คมน์ขยับแขนที่บาดเจ็บอีกข้างประคองร่างชมพูพริ้งไว้แน่นขึ้น แม้เลือดที่ซึมจากผ้าพันแผลจะเปรอะเต็มแขนเสื้อ เขาก็ไม่ยอมปล่อย
“เดี๋ยวผมจัดการเรียกหมอให้มาช่วยทำแผลนะครับ”
“ไม่ต้อง กระสุนไม่ได้ฝังใน” คมน์เอ่ยเสียงเข้มต่ำ แต่ที่เขาไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้เพราะต่อสู้ยาวนานหลายชั่วโมงจนร่างกายเหนื่อยล้า ถ้าได้อาบน้ำ พันแผล นอนพักก็หาย เขาฝึกการต่อสู้มาทุกชนิด ผ่านอะไรมามาก แค่นี้ทนไหวอยู่แล้ว
“ครับ” จักรรับคำ เป็นห่วงเจ้านายสุดใจ
“เปิดประตูรถ” เขาสั่งเสียงต่ำ
“แวะโรงแรมที่ใกล้ที่สุด”