เขา เจ้านายผู้เย็นชา แต่เก็บซ่อนความรักเอาไว้ในใจมาเนิ่นนาน เธอ เลขาสาวที่ไม่มีทางเลือก ต้องกลับมาทำงานกับคนที่เคยเป็นศัตรู จากการหยอกล้อในวัยเรียน สู่อีกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริง ว่าความสัมพันธ์นี้ไม่อาจหนีหัวใจตัวเองได้
เขา เจ้านายผู้เย็นชา แต่เก็บซ่อนความรักเอาไว้ในใจมาเนิ่นนาน เธอ เลขาสาวที่ไม่มีทางเลือก ต้องกลับมาทำงานกับคนที่เคยเป็นศัตรู จากการหยอกล้อในวัยเรียน สู่อีกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริง ว่าความสัมพันธ์นี้ไม่อาจหนีหัวใจตัวเองได้
เช้าแรกของสัปดาห์ ตึกไฟแนนซ์ “คีรีภัทร โฮลดิ้ง” สะท้อนสกายไลน์เมืองด้วยประกายเข้ม ลินินสูดลมหายใจลึกๆ มือกำแน่นรวบรวมความกล้าไว้สุดแรง ซองเอกสารสมัครงานถูกรั้งอยู่ในอ้อมแขน เธอรู้ดีว่านี่คือไพ่ใบสุดท้ายหลังเกิดวิกฤติครอบครัวอย่างไม่ให้ตั้งตัว
“ถ้าทำที่ไหนไม่ได้ ก็ต้องทำที่นี่” เธอบอกตัวเองเบา ๆ
เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ต้อนรับด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร ก่อนส่งบัตรผู้มาติดต่อให้ ลิฟต์กระจกพาเธอไต่สูงขึ้นทีละชั้น จนประตูเปิดสู่โถงสำนักงานผู้บริหารชั้นบนสุด
“คุณลินินใช่ไหมคะ เชิญทางนี้ค่ะ” ผู้ช่วยฝ่ายบุคคลนำเธอไปยังห้องกระจกทางฝั่งตะวันออก โลโก้บริษัทฝังอยู่บนบานประตูเหมือนตราประทับ
เมื่อประตูเลื่อนเปิด เสียงหัวใจของลินินเหมือนตกลงพื้น
ผู้ชายหลังโต๊ะไม้สีเข้มเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร แววตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นบางสะท้อนแสง รอยยิ้มเอาแน่เอานอนไม่ได้ ลมหายใจเธอสะดุดวูบ
กฤษณ์ เขาคือคู่กัดสมัยมัธยมของเธอ คนที่ชอบดึงยางรัดผมของเธอแล้วทำหน้ากวน ๆ คนที่ชอบทำเสียงยียวน จนเธออยากฟาดหนังสือการบ้านใส่หน้า คนที่เธอคิดว่าคงไม่มีวันได้เจออีก
“สวัสดี” เขาพูดเสียงเรียบ
“ไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่”
ลินินยืดตัวตรงเพื่อตั้งสติ
“ดิฉันมาสมัครงานตามประกาศ ในตำแหน่งเลขาฯ ค่ะ”
“เห็นแล้ว” กฤษณ์เคาะปลายนิ้วบนแฟ้มใบสมัคร
“เรซูเม่คุณสะอาด ตรงสเป็ก และ” เขาเงยหน้าขึ้นอีก
“ความจำผมก็ดี”
เสี้ยววินาทีที่สายตาสบกัน ลินินรู้สึกเหมือนอดีตกับปัจจุบันชนเข้าหากัน เธอไม่เปิดช่องให้เขาได้คุมเกมง่าย ๆ
“ถ้าคุณจะทบทวนเรื่องในอดีต ดิฉันขอทบทวนเรื่องงานแทนดีกว่าค่ะ”
มุมปากของกฤษณ์ยกยิ้ม คล้ายพึงพอใจ
“ดี งั้นเริ่มเลย คุณรับแรงกดดันได้แค่ไหน”
“เท่าที่งานต้องการค่ะ”
“งานนี้อยู่ใกล้ผมมาก ทุกอย่างจะผ่านมือคุณก่อนออกจากห้องนี้ ตารางนัด เอกสารดีลใหญ่ จดหมายโต้ตอบ ตลอดจนการประสานงานกับบอร์ด” เขาพูดไป เปิดแฟ้มข้อมูลไปด้วยด้วยท่วงท่าที่ชำนาญ
“เวลาของผมเป็นเงินเป็นทอง คุณจะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด”
“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับ
“ถ้าค่าตอบแทนคุ้มกับความรับผิดชอบ”
เขาหลุดหัวเราะในคอ
“คมเหมือนเดิม”
การสัมภาษณ์ไม่ได้ยาวนานเท่าที่ลินินกังวล เขาถามตรง เธอตอบตรง วัดกันด้วยความนิ่งของน้ำเสียงมากกว่าความคมคายของสำนวน จนท้ายที่สุด ผู้ช่วยฝ่ายบุคคลที่นั่งจดบันทึกอยู่เงียบ ๆ เอ่ยขอเอกสารเพิ่มเติม กฤษณ์จึงปิดแฟ้มพลิกกลับมา
“เริ่มงานพรุ่งนี้ได้ไหม”
ลินินชะงัก
“พรุ่งนี้”
“บริษัทนี้ต้องการคนทำงานเร็วและเก่ง” เขาว่าเสียงเรียบ
“คุณบอกว่ารับแรงกดดันได้ แสดงให้เห็นหน่อยสิ”
ความจริงคือเธอไม่มีตัวเลือกอื่น เงินค่ารักษาแม่ และค่าเทอมของน้องชายไม่รอใคร ลินินพยักหน้า
“ได้ค่ะ”
ดวงตาของกฤษณ์ทอประกาย ไม่ใช่แววเยาะ ไม่ใช่แววเมตตา แต่เป็นบางอย่างที่อ่านยาก ทว่าคล้ายรอคอยมานาน
“ดี ยินดีต้อนรับเลขาคนใหม่”
บ่ายวันเดียวกัน ลินินกลับบ้านพร้อมสัญญาจ้างงานชุดหนา แนบท้ายด้วยข้อกำหนดความลับและผลประโยชน์ คำศัพท์ทางกฎหมายเรียงตัวกันแน่น เธอนั่งหน้าพัดลม เก็บรายละเอียดทีละข้อ สะดุดกับเงื่อนไขสองสามบรรทัดที่ถูกทำตัวหนา
“ระยะเวลาการจ้างห้ามยุติสัญญาก่อนครบกำหนด เว้นแต่ ต้องจ่ายค่าชดเชย”
เธออ่านซ้ำ ๆ พอให้รู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่ตั๋วชั่วคราว แต่เธอคำนวณในใจแล้ว ยังไงก็ต้องผ่านทั้งหมดนี้ให้ได้
หลังเซ็นชื่อ เธอมองรูปครอบครัวบนตู้โชว์ มารดายิ้มจาง ๆ นัยน์ตาอ่อนล้า เธอสูดลมหายใจ ไม่ว่ากฤษณ์จะเป็นใครในอดีต วันนี้เขาคือเจ้านาย พรุ่งนี้เธอคือเลขา
เช้าวันถัดมา โถงชั้นผู้บริหารครึกครื้น เสียงรองเท้าและแป้นคีย์บอร์ดผสมคลอไปกับกลิ่นกาแฟอ่อน ๆ ลินินมาถึงก่อนเวลา เธอจัดโต๊ะใหม่ เช็กอีเมล เปิดปฏิทิน จัดเรียงวาระประชุมตามที่ได้รับมอบหมาย เมื่อคืนประทับใจตัวเองเล็ก ๆ ที่จับจังหวะได้เร็ว
“กาแฟคุณกฤษณ์ครับ” บาริสต้าส่งถุงผ้าพรีเมียมมาให้ เธอรับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ รู้สึกถึงสายตาบางคู่ที่มองมาไม่วางตา
“ขอบคุณค่ะ” เธอก้มศีรษะน้อย ๆ แล้วหันกลับสู่โต๊ะทำงาน ตรงหน้าคือประตูห้องผู้บริหารบานใหญ่ เธอสูดลมหายใจ เคาะสองครั้ง
“เชิญ” กฤษณ์ยืนอยู่ริมหน้าต่าง ม่านกรองแสงทำให้เงาเขาดูสูงกว่าเดิม เขาหันมา สายตาไล่จากถ้วยกาแฟก่อนจะมองสบตาเธอ
“เริ่มงานก่อนเวลา ดีมาก”
“วันนี้ดิฉันจัดเอกสารตามลำดับเร่งด่วนไว้แล้วค่ะ รายที่สามต้องเซ็นก่อนสิบเอ็ดโมง เพราะอีกฝั่งต้องยื่นที่ธนาคารตอนบ่าย”
“อืมดี” เขารับแฟ้ม
“คุณจำได้ด้วยว่าเอสเปรสโซผมไม่เอาฟองนม”
“คุณยังมีรสนิยมเหมือนสมัยเรียนหรือคะ” เธอหลุดถามออกไป ก่อนจะนึกได้ว่าไม่ควรพูดมันออกไปเลยสักนิด
กฤษณ์เลิกคิ้ว เหมือนแปลกใจเล็กน้อย
“ก็มีบางอย่างที่ไม่เปลี่ยน” เขาหยุดนิดหนึ่ง
“เช่นความดื้อของบางคน” เขาพูดไปอีกทาง
“ดิฉันเรียกว่าความตั้งใจค่ะ” เธอยิ้มบาง ๆ เมื่อรู้ว่าเขากำลังประชดหรือพูดแดกดันอะไรสักอย่าง
ดวงตาเขาหรี่ลง เหมือนเป็นการวัดใจ จากนั้นก็หันกลับไปที่แฟ้มงานอย่างรู้หน้าที่ อารมณ์ในห้องเปลี่ยนกลับไปเป็นโหมดธุรกิจร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างรวดเร็ว
ตลอดทั้งเช้า ลินินรับสาย ประสานคิว คอยยื่นเอกสารเซ็นและชี้จุดสำคัญให้สั้น กระชับ เธอพบว่าเมื่องานคือประเด็น ทุกอย่างไหลลื่นเกินคาด แม้บางจังหวะสายตาของกฤษณ์จะดุเข้มเมื่อพนักงานบางคนตอบช้า แต่เขาไม่ข้ามเส้นของใคร เขาเพียงคาดหวังมาตรฐานสูง และเธอก็ทำได้
เที่ยงตรง ประตูลิฟต์ส่วนตัวเปิด ผู้บริหารอาวุโสสามคนเข้ามาพร้อมเอกสารดีลใหญ่ ลินินส่งสัญญา ชี้โพสต์อิทเครื่องหมายสีให้
“หน้านี้บอร์ดขอคำยืนยันอีกข้อค่ะ ดิฉันสรุปไว้ท้ายแฟ้ม” กฤษณ์เหลือบมองเธอนิดหนึ่ง เหมือนจะชม แต่เปลี่ยนเป็นขอบคุณสั้น ๆ อย่างมืออาชีพ
"มะนาว" นักศึกษาสาวปีสามผู้ฉลาดแกมโกง คิดว่าตัวเองเอาตัวรอดเก่ง แต่เมื่อหัวใจดันตกหลุมรัก "พี่ธันวา" รุ่นพี่ปีสี่สุดหล่อ สุขุม และเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่า เธอจึงต้องวาง "แผน" เพื่อให้ได้ใกล้ชิดเขา แต่ทุกครั้งที่คิดจะเหนือกว่า กลับกลายเป็นว่าเธอตกหลุมพรางหัวใจของเขาซะเอง เกมนี้ไม่มีใครแพ้ เพราะสุดท้ายความรักที่มีแผนซ่อนอยู่ก็คือความรักที่ทำให้ทั้งคู่ยิ้มได้ จะหลอกล่อหรือจะวางแผนยังไงก็ไม่พ้น…เพราะพี่เขาวาง "แผนรัก" รออยู่แล้ว
"มะนาว" ครูสอนโยคะสายสุขภาพที่รักความสงบ ย้ายมาอยู่บ้านใหม่หวังจะมีชีวิตเรียบง่าย…แต่ดันต้องเจอเพื่อนบ้านข้างรั้วอย่าง "ภูผา" วิศวกรหนุ่มเสียงดังที่ชอบทำอะไรปั่น ๆ จนเธอหงุดหงิดไม่เว้นแต่ละวัน เสียงเพลง เสียงเลื่อย เสียงหัวเราะของเขา คือสิ่งที่เธออยากปิดประตูหนี แต่แปลก…เมื่อไรที่มันหายไป หัวใจกลับโหวงเหวงราวกับขาดอะไรบางอย่าง รั้วที่กั้นอาณาเขต อาจกั้นบ้านได้…แต่กั้นหัวใจไม่ได้เลย
เมื่อ "ลมหนาว" สถาปนิกหนุ่มกลับบ้านต่างจังหวัดด้วยหัวใจที่อยากพักเหนื่อย เขาได้พบ "ฟ้าใส" ครูสาวประจำโรงเรียนเล็ก ๆ ที่สดใสเหมือนชื่อ และทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงทุกครั้ง จากแรงลมที่คิดว่าจะพัดผ่านไปชั่วคราว กลับกลายเป็นสายลมที่หอบความรักมาเติมเต็ม… และคราวนี้ เขาไม่ยอมให้มันพัดหายไปอีกแล้ว
การแก้แค้นที่แท้จริง เหมือนประโยคที่ว่า... "สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร"
จาก "เพื่อนบ้านห้องข้าง ๆ" ที่ไม่เคยกินเส้นกัน กลับกลายเป็น "คนบนเตียงเดียวกัน" เพียงเพราะค่ำคืนที่เมามาย เขา จิตรกรอิสระสายหน้ามึน ที่ชอบทำอาหาร วาดรูป และกวนหัวใจเธอทุกวัน เธอ นักเขียนสาวปากแข็ง ที่พยายามบอกตัวเองว่าไม่สนใจเขา ทั้งที่หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่โดนกอด จากการงอแงเรียกร้องความรับผิดชอบ กลายเป็นการตามตื้อจนได้อยู่ห้องเดียวกัน จากคำว่า "คู่กัด" กลายเป็น "คู่ชีวิต" ที่หวานจนทะเลยังต้องอาย "ข้าวเช้าวันนี้ ฉันทำให้เธอเอง" "อย่ามาทำเป็นแฟนฉันนะ!" "ไม่ต้องทำเป็นหรอกฉันเป็นจริง ๆ" เรื่องราวรักวุ่น ๆ ปนร้อนแรงของคนสองคน ที่เริ่มจากความกวน แต่จบลงด้วยความรักสุดหัวใจ
1. ทาสรักคุณชายมาเฟีย เธอ... ชมพูพริ้ง คุณหนูผู้เพียบพร้อมทั้งรูปลักษณ์ ฐานะ และการศึกษา กลับต้องตกกระไดพลอยโจนเข้าไปช่วยชายแปลกหน้าที่บาดเจ็บกลางตรอก ไม่รู้เลยว่าคืนนั้น จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของพันธนาการหัวใจ... เขา... คมน์ เคมินธาดา มาเฟียหนุ่มทายาทธุรกิจพันล้าน ผู้ไม่เคยศรัทธาในคำว่ารัก แต่หลังจากคืนที่เธอช่วยชีวิต เขากลับนอนไม่หลับถ้าไม่มีเธออยู่ข้างกาย หนึ่งคนหนีเพราะกลัวหัวใจตัวเองจะหวั่นไหว อีกคนกลับตามตื้ออย่างแนบเนียนในชื่อของ "การทำงาน" จากผู้ช่วยจำเป็น... กลายเป็นคนที่ขาดไม่ได้ เมื่อศัตรูทางธุรกิจกลายมาเป็นคู่ชีวิต และความรักครั้งนี้ไม่ใช่แค่เกมมาเฟีย แต่คือ "ชีวิตทั้งชีวิต" ของเขา "ผมไม่ได้อยากได้คุณมาเป็นลูกน้อง ผมอยากได้คุณมาเป็นเมียต่างหาก คุณหนูชมพูพริ้ง" 2. เจ้าาสาวนิรนาม เธอ...หญิงสาวที่ยอมแต่งงานกับมหาเศรษฐีหนุ่มเพราะ โชคชะตาและหนี้สิน เขา...ทายาทหนุ่มผู้ไม่เชื่อในดวงชะตา มองว่าการแต่งงานนี้เป็นแค่เรื่องไร้สาระ แต่ใครจะรู้ว่า... เจ้าสาวที่ไร้ตัวตนในใจของเขา จะกลายเป็นคนเดียวที่เขารักหมดใจ ห้าปีแห่งสัญญาและความห่างเหิน เมื่อโชคชะตาเล่นตลกให้ทั้งคู่ต้องกลับมาอยู่ใต้หลังคาเดียวกันอีกครั้ง หัวใจที่เคยเย็นชาเริ่มละลายลงทีละน้อย จากเจ้าสาวจำเป็น... กลายเป็น "เจ้าสาวตัวจริง" ที่เขาอยากครอบครองตลอดไป แต่เมื่อถึงวันที่เธอขอ "หย่า" เขาจึงเพิ่งรู้ว่า สิ่งที่กลัวมาตลอดไม่ใช่การแต่งงาน...แต่คือการ "เสียเธอไป" 3. เจ้าสาวอนุรักษ์ เธอ… "ศิริลดา" หญิงสาวที่ต้องแต่งงานกับคู่หมั้นซึ่งไม่เคยเจอหน้า เขา… "อนุรักษ์" ชายหนุ่มผู้สูญเสียการมองเห็นจากอุบัติเหตุ การแต่งงานที่เริ่มจาก "หน้าที่" กลับกลายเป็นเรื่องราวที่อบอุ่นที่สุดในชีวิต เพราะในความมืดที่เขาเผชิญ มีเพียงเสียงหัวเราะและมืออบอุ่นของเธอที่คอยนำทาง และในวันที่เขา "มองเห็นอีกครั้ง" เขากลับเลือกจะ "แกล้งมองไม่เห็น" เพื่อจะพิสูจน์ว่าผู้หญิงคนนี้ รักเขาจากใจจริงหรือแค่สงสาร แต่สิ่งที่เขาได้เห็น ไม่ใช่เพียง "ใบหน้า" ของเธอ หากคือ "หัวใจ" ที่สว่างกว่าทุกแสงในโลก เรื่องราวของชายตาบอดปากแข็ง กับหญิงสาวฉลาดอบอุ่น ที่คอยปราบพยศกันด้วยเสียงหัวเราะ ความห่วงใย และความรัก จะทำให้คุณยิ้ม อมยิ้ม และอบอุ่นหัวใจ "ในวันที่มืดมิด...เธอคือแสงสว่างเดียวที่เขาเห็น" "ในวันที่มองเห็น เขาก็ยังอยากมองเห็นแค่เธอคนเดียว"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เรือนนี้ผีไม่หลอก : นามปากกา บ.บี อู่หลิงเยว่หญิงสาววัย 17 ปี ตายเพราะแผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 21 แต่ยังไม่ทันได้ผุดได้เกิด กลับตื่นขึ้นในร่างหญิงโบราณที่ชื่อแซ่เดียวกันท่ามกลางภาวะสงคราม โลกใหม่ที่นางมาเยือนคือแคว้นเหยียน ดินแดนที่เพิ่งถูกตีแตกและกำลังจะล่มสลาย นางไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน ไม่มีครอบครัวหลงเหลือ มีเพียง “ห้างสรรพสินค้าส่วนตัว” พร้อมระบบแลกแต้มที่ยังไม่เสถียร และกฎเหล็กข้อเดียว: จะใช้ของในห้างสรรพสินค้าได้ ต้องทำความดีเพื่อสะสมแต้ม! แต่ในยุคที่ผู้คนกำลังอดอยากและถูกไล่ล่าจากศัตรู หากนางเผลอหยิบเอาอาหารออกมาจากอากาศแล้วมีคนพบเห็นเข้า นางคงถูกตีตราว่าเป็นแม่มดนอกรีตเป็นแน่ เพื่อเอาตัวรอด อู่หลิงเยว่หนีเข้าเรือนร้างเก่าแก่ของตระกูลเกา เรือนที่คนทั้งหมู่บ้านร่ำลือว่ามีผีเฮี้ยน เพราะเจ้าของเรือนกับบ่าวไพร่สิบสองชีวิต เคยถูกฆ่าตายยกหลังในคืนเดียว นางจึง "แกล้งเป็นผี" แจกจ่ายข้าวของกลับไปเป็นข้าว ยา และของใช้ ชาวบ้านได้ของกินนางได้แต้ม ระบบได้ทำงาน วิน วิน!!! แต่เรื่องกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด... แม่ทัพเซี่ยโม่เหวิน นำทหารสามร้อยนายเข้ามาตั้งค่ายในหมู่บ้านหานเฉิง เพื่อดูแลชาวบ้านและทหารหนีตายจากทั่วสารทิศ เมื่อเขาค้นพบว่าองค์ชายแห่งแคว้นยังมีชีวิตอยู่พร้อมกองกำลังขนาดใหญ่ที่อาจเป็นกุญแจสำคัญในการกอบกู้บ้านเมือง เขาจึงวางแผนพาชาวบ้านและทหารที่เหลือทั้งหมดไปรวมกำลังกับองค์ชาย ทว่า..ชาวบ้านกลับปฏิเสธ พวกเขาไม่เชื่อในกองทัพ แต่กลับเชื่อมั่นใน "ผีเรือนร้าง" ผีที่ไม่เคยหลอกใคร แต่แจกข้าว แจกยา และความหวัง เมื่อทางเลือกหมดลง..เซี่ยโม่เหวินจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีแม่ทัพคนใดเคยคิดจะทำมาก่อน เขาจะไปเชิญ “ผี” ร่วมเดินทางไปด้วย และสิ่งที่เขาได้พบในเรือนร้าง จะเปลี่ยนทุกอย่างที่เขาเคยเชื่อไปตลอดกาล
เจียงเหว่ยยี่ และ กู้เหยียนอันเป็นคู่รักในวัยเด็กมา 12 ปีแล้ว และคบกันมา 3 ปีแล้ว การแต่งงานระหว่างตระกูลเจียง และตระกูลกู้นั้นยิ่งใหญ่มากจนผู้หญิงทุกคนในเมืองเอต่างก็อิจฉา ในวันแต่งงาน สถานที่จัดงานเลี้ยงเต็มไปด้วยแขกและเพื่อนต่างๆ แต่แล้วเมื่อมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาทำให้กู้เหยียนอันละทิ้งเจียงเหว่ยยี่ ซึ่งแต่งตัวอย่างหรูหราสวยงามแล้ว การหลบหนีจากงานแต่งงานของกู้เหยียนอันทำให้เจียงเหว่ยยี่ดลายเป็นตัวตลกของเมืองเอ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่คนในเมืองเหล่านั้นได้หัวเราะเยาะเท่าไร ก็เห็นเจียงเหว่ยยี่โพสต์ใบทะเบียนสมรสระหว่างเธอกับเสิ่นจินโจว: "แต่งงานแล้ว" จากนั้นไม่นาน เสิ่นจินโจวที่ไม่ได้โพสต์ข้อความมาหลายปีก็โพสต์ว่า "อ่านแล้ว" บางคนบอกว่าครั้งนี้เจียงเหว่ยยี่โชคเข้าข้าง และสูญเสียของเล็กน้อยไป แต่กลับได้ของมีค่ามากกลับมา เพราะกู้เหยียนอันเทียบไม่ติดเสิ่นจินโจวแม้แต่นิดเลย เมื่อเผชิญกับคำพูดที่เต็มไปด้วยความอิจฉาเหล่านี้ เจียงเหว่ยยี่ก็ตอบเห็นด้วยทุกครั้งอย่างตรงไปตรงมา จนกระทั่งวันหนึ่ง นักข่าวการเงินตัวกล้าถามเสิ่นจินโจวว่าเขาคิดอย่างไรกับการแต่งงานของเขา เมื่อทุกคนคิดว่าเสิ่นจินโจวจะเยาะเย้ยเจียงเหว่ยยี่อย่างหยิ่งผยอง แต่เขากลับพูดอย่างใจเย็นว่า: "ผมสมหวังแล้ว"
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY