หากนายแพทย์ภวินท์รู้ว่าเธอซุกลูกแฝดของเขาเอาไว้อย่างมิดชิด เขาจะต้องมาพรากลูกไปจากเธอแน่ กระบวนการซ่อนลูกจากพ่อ รอกำหนดการหย่าจึงเกิดขึ้น ##### ฐิตตาใจคอไม่ดี ตั้งแต่ออกจากบ้าน ยิ่งพอรถเลี้ยวกลับเข้ามา ก็ยิ่งใจหายหนักเข้าไปใหญ่ เธอเห็นภวินท์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิม เหมือนคราวแรกที่เขามา แต่ที่ไม่เหมือนคราวแรกเสียทีเดียว คือเขากำลังนั่งคุยอยู่กับสองแสบของเธอ เจ้าสองแสบวิ่งเข้ามากอดขาแม่ทันที แล้วแย่งกันพูด ชนิดที่ฟังแล้วตัวชาวาบราวกับถูกสาดด้วยน้ำแข็ง “แม่จ๋า มีคนมาหาแม่จ้า เขาบอกว่าชื่อ ‘พ่อ’ ” พี่ชายได้ยินอย่างนั้นรีบแย้ง “เขาไม่ได้ชื่อ ‘พ่อ’ เขาบอกว่า ‘เขาเป็นพ่อ’ ” ฐิตตากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ใจสั่น และมันคงรุนแรงมากพอ พอที่จะทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือด เกิดความหวาดกลัวหวาดหวั่นขึ้นในตอนนั้นเล็กน้อย และเธอไม่ได้หันไปทางที่นายแพทย์ภวินท์ยืนอยู่ ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นว่าเขามองเธอกับลูกนิ่งเป็นนานสองนานด้วยสายตาเฉียบขาดเฉียบคมมากขนาดไหน
ฐิตตาในวัยสิบสี่ปีมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความไม่สบอารมณ์อยู่พอควร เพราะบิดาของเธอไม่ไปรับกลับจากหอแบบที่เคยทำ อีกทั้งพอถึงบ้านก็เรียกให้มาทำความรู้จักกับคนพวกนี้ในทันที
ดีที่รู้มาจากพี่นวลว่าสองคนนี้เป็นใคร
ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอคนนี้คงเป็นคนลูก ที่ซึ่งบิดาให้การอุปถัมภ์ค้ำชูอยู่
ส่วนอีกคนเป็นหญิงวัยไม่น่าห่างจากบิดาของเธอเกินห้าปี
“นี่อัมพร” บิดาแนะนำหญิงคนนั้นจบเอื้อมมือโอบไหล่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ติดกับท่าน แนะนำต่อด้วยสีหน้าปลื้มอกปลื้มใจนักหนา
“ส่วนนี่ภวินท์ ลูกศิษย์คนเก่งของพ่อเอง”
เธอได้รับการแนะนำจากบิดาแบบนั้นในวันนั้น
ภวินท์เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง แววตาคู่คมเข้มจ้องเธอราวกับมองเด็กอมมือ ฐิตตาได้แต่นิ่งไม่ตอบรับว่าอะไร แต่ภายในใจเดือดดาลราวกับน้ำร้อนจัดที่ต้มทิ้งเอาไว้บนเตาไฟระอุ
และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับนักศึกษาแพทย์ภวินท์ จากนั้นเป็นต้นมาเธอไม่ได้พบเจอเขาอีก มีก็แต่นางอัมพรที่คอยรับใช้บิดาของเธอจากนั้น ก่อนจะได้เลื่อนขึ้นมาเป็นคุณหัวหน้าแม่บ้านในเวลาต่อมา
ฐิตตาต้องกลับไปที่โรงเรียนและอยู่ประจำที่หอพักจวบจนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย หากเป็นช่วงปิดเทอมเธอจะไปอยู่ที่บ้านของคุณตาโชติ ญาติผู้ใหญ่ที่เหลือเพียงคนเดียวของเธอ แทนที่จะกลับบ้านมาพบหน้าบิดา
เธอไม่ไปเรียนติวอย่างที่บิดาต้องการ ไม่สอบเข้าในคณะที่บิดาบอกให้ไป ฐิตตาต่อต้านทุกอย่างที่บิดาสั่งเมื่อรับรู้เพิ่มเติมว่านอกเหนือจากดื่มหนักแล้ว ท่านยังมีข่าวซุบซิบในวงสังคมเรื่องพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ เธอไม่ได้รังเกียจหากท่านจะเป็นแบบนั้น แต่เธอไม่พอใจที่บิดาเห็นสองแม่ลูกนั่นดีกว่าเธอ ให้ความสำคัญคนอื่นมากกว่าเธอ
ฐิตตาเรียนในมหาวิทยาลัยในคณะที่ตนเองสนใจจนจบ ก็ถูกบิดาพาตัวกลับมาที่บ้านราวกับนักโทษคุมขัง ท่านบอกให้เธอเข้าไปในห้องที่ตอนนั้นมีเพียงท่าน คุณอาทนายสุนัย เจ้าหน้าที่ของเขต เธอและนายแพทย์ภวินท์เท่านั้น
พร้อมยื่นคำขาดให้เธอจดทะเบียนสมรสกับนายแพทย์ภวินท์
“คุณพ่อทำบ้าอะไรคะเนี่ย”
จำได้ว่าตอนนั้นเธอไม่ยินยอม และไม่ได้คำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้นจากบิดา นายแพทย์ชวัลก็ไม่คิดจะปริปากบอกอะไรกับเธอ ทำแต่เพียงสั่ง
“เซ็นชื่อลงไปถิง”
“ไม่!”
“อย่างนั้นพ่อจะโอนบ้านหลังนี้ให้หมอวิน”
“คุณพ่อทำแบบนั้นไม่ได้นะคะ นี่เป็นบ้านของคุณแม่ คุณพ่อมีแต่ตัว เงินที่เอาไปลงทุนในโรงพยาบาลนั่นก็ของคุณแม่” ฐิตตาเถียงเสียงสั่น มองบิดานิ่งอยู่นาน ก่อนผุดรอยยิ้มยียวนใส่ท่าน “คิดจะจับถิงแต่งงานบังหน้าให้หรือยังไงคะ คนอื่นเขาจะได้ไม่ดูถูกคุณพ่อใช่ไหมเรื่องรักร่วมเพศกับเด็กของคุณพ่อนั่นน่ะ อยากแต่งนักคุณพ่อก็แต่งเอาเองสิ คุณพ่อหลงผู้ชายจนหน้ามืดตามัวไปแล้ว...”
เธอยังบริภาษท่านไม่จบดี ก็ถูกท่านตวัดมือตบลงบนซีกแก้มจนเสียววาบและชายิบไปหมด แก้มนวลใสปรากฏรอยนิ้วขึ้นในตอนนั้นเอง ดวงตาของหญิงสาววาวฉ่ำด้วยน้ำตาก่อนจะหยดแหมะลงมาไม่ขาดสาย คุณพ่อไม่เคยตบตีเธอมาก่อน เรียกว่านี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็คงได้ละมัง
นายแพทย์ชวัลมองเธอด้วยสายตาจริงจัง แล้วสั่งคำเดิม
“เซ็นชื่อลงไป พ่อไม่ได้ขู่เรานะ แต่พ่อจะทำจริงๆ เลือกเอาเองว่าจะให้พ่อโอนบ้านเป็นชื่อของหมอวินไหม”
ฐิตตามองท่านอย่างโกรธเคือง สุดท้ายก็เห็นบิดาจับปากกายัดใส่ในมือของตนเอง เธอนิ่งมองท่านอยู่อย่างนั้นอีกครู่แล้วตวัดเขียนชื่อลงไปในทะเบียนสมรส ค่อยผละจาก
คุณพ่อซื้อรถ ซื้อข้าวของมากมายให้นายคนนั้น แล้วยังจะยกบ้านนี้ให้อีก
นางอัมพรถูกเลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าแม่บ้าน
ให้ท้ายกันแบบนี้สิ สองแม่ลูกนั่นถึงได้มีท่าทีหยิ่งผยองใส่เธอ
ฐิตตาคิดอย่างแค้นใจ แล้วเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวจะออกไปข้างนอก แต่ก็ไปไหนไม่ได้ ประตูถูกใส่กุญแจเอาไว้ที่หน้าห้อง บิดาขังเธอเอาไว้ที่ในนั้นทั้งวัน
รุ่งขึ้นเธอถูกจับเข้าพิธีสมรสที่จัดขึ้นเงียบๆ
สายวันนั้นหลังเสร็จพิธีเธอเปลี่ยนชุดแล้วขับรถออกจากบ้านไปเลย แล้วไม่กลับเข้ามาอีก ทั้งยังปิดโทรศัพท์หนีด้วย จงใจไม่ให้ใครติดต่อเธอได้นั่นแหละ
จากที่คิดว่าเป็นการแต่งงานแบบเงียบๆ จากนั้นอีกไม่กี่วัน เพื่อนก็เอาบทสัมภาษณ์ของนายแพทย์ภวินท์มาให้เธอดู เขาบอกกับสื่อสั้นๆ ว่าแต่งงานแล้วกับบุตรีของนายแพทย์ชวัล และไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากกว่าไปกว่านั้น
นี่เขาจะป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ทำไม
เธอหรือสู้อุตส่าห์เงียบปากเอาไว้เพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้แม้แต่คนเดียว
“จริงหรือถิง นี่แกแต่งงานแล้วจริงหรือ”
เพื่อนคนที่หอบเอาข่าวมาให้ดูถามเสียงสูง ท่าทีของอีกฝ่ายตื่นเต้นเสียจนน่ารำคาญ ฐิตตาทำตัวให้เป็นข่าวทุกวัน โดยเฉพาะเรื่องฉาวโฉ่ ฐิตตาแต่งตัวเปรี้ยวเฉี่ยวเข็ดฟันออกไปปาร์ตี้ทุกคืน ควงผู้ชายที่ส่วนใหญ่ก็เพื่อนในกลุ่มนั่นเองที่ล้วนแต่เป็นเพื่อนสาวของเธอทั้งนั้น กอดบ้าง จูบบ้าง อวดสื่อ ฐิตตาไม่แคร์ใคร เธอคิดตื้นๆ ว่าหากนายแพทย์ภวินท์เห็นว่าเธอเหลวแหลก รังแต่จะทำให้เขาเสียชื่อเสียง เขาคงจะรีบประเคนใบหย่าให้เธอเป็นแน่
แต่แล้วก็เงียบ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากเขา ซ้ำร้ายอีกสองเดือนถัดมา เธอก็รู้ข่าวการเสียชีวิตของบิดาบนสื่อออนไลน์พร้อมทุกคน ว่าท่านพลัดตกจากดาดฟ้าของโรงพยาบาล และข่าวก็ถูกใครบางคนบิดเบือนปกปิดความจริงเอาไว้ นานวันเข้าไม่มีคนขุดคุ้ยรวมถึงอำนาจเงินก็สามารถทำให้ข่าวนั่นเงียบหายไปตามกาลเวลาได้ในที่สุด
เสียงก้าวย่างหนักๆ ฟังดูมั่นคงแฝงดุดันเล็กน้อยดังก้องกังวานไปทั่วทั้งชั้นนั้นบนตึกสูงระฟ้ากลางมหานคร นายแพทย์ภวินท์เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า และต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์ฝ่าจราจรแน่นขนัดเพื่อมาให้เห็นกับตาตัวเองว่าภรรยาตีทะเบียนมาที่ปาร์ตี้ปัญญาอ่อนนั่นจริงๆ ทั้งที่เธอเพิ่งดิสชาร์จไปเมื่อตอนบ่าย ด้วยอาการเป็นลมหมดสติทำอย่างไรก็ไม่ฟื้น จนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล
ขนาดนี้แล้วยังไม่เจียมตัวอีก
ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"
"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ
ปัญญารัตน์กำแท่งตรวจการตั้งครรภ์ในกระเป๋าไว้จนเหงื่อชุ่มเต็มมือ วันนี้เธอมาเพื่อบอกเขาว่า ท้อง แต่นายแพทย์อนลกลับเอ่ยปาก บอกเลิกความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่าของเขาที่กำลังย้อนกลับมาคบกันอีกครั้ง
คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ
พ่อหายตัวไปอย่างลึกลับ พี่สาวของฉันถูกข่มขืนและจุดไฟเผา พี่ชายถูกทำร้ายจนตายและโยนศพลงแม่น้ำ ใครจะช่วยฉันได้ในสถานการณ์แบบนี้ . "เป็นคนของผม แล้วผมจะช่วยคุณลากคนผิดมาแก้แค้น" เจ้าของคำพูดนั้นคือ รฐนนท์ นิยายไม่เน้นสืบสวน เน้นความสัมพันธ์ของตัวเอก จบดี แฮปปีค่ะ
วันดีคืนดีก็มีมาเฟียมาจอดหน้าบ้าน บอกว่าอยากได้ที่ของผืนสุดท้ายของเธอ มาเฟีย เจ้าของรีสอร์ท ฟาร์มควาย ม้า วัวที่อยู่ตรงรอยต่อของไทยมาเจรจาด้วยตัวเอง ทันทีที่เจอกัน ศศิร์ธาไม่ได้แค่อยากได้ที่ของเธอ ตัวเธอเองเขาก็อยากได้ด้วย เสียแต่ว่าเป็นม่ายลูกติด ไอ้ระยำนั่นมันเอาอะไรคิดถึงได้ถึงผู้หญิงแบบนั้นไป
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
นิยายเรื่องนี้มีพระนาง2คู่ "อย่าหวังจะเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจับฉัน ผู้หญิงของฉันทุกคนก็สาวบริสุทธิ์ทั้งนั้นแล้วอย่าลืมคุมกำเนิด ถ้าไม่อยากทำแท้ง! เพราะฉันไม่มีทางมีทายาทกับผู้หญิงชั้นต่ำ" VS "อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้ แม้แต่ตัวนายถ้าฉันต้องการ นายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน