“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
“พี่เขยคลั่งสวาท”
¬
“ขอบคุณนะคะ...ขอบคุณที่ให้เจนนี่ได้มีที่ซุกหัวนอน”
‘เจนนี่’ หญิงสาวหน้าตาสะสวย กระพุ่มมือกราบลงแทบอกของ ‘สิงหา’ สถาปนิกหนุ่มที่คบหาดูใจกันได้ไม่นาน แต่สิงหาก็รักและสงสารหล่อน ในวันที่เจนนี่ไม่เหลือใครแล้ว บ้านที่เคยซุกหัวนอนมาตั้งแต่เด็กก็โดนธนาคารยึดไปสดๆ ร้อนๆ เพราะติดจำนองเอาไว้นาน
อีกทั้งบิดาของหล่อนก็ต้องมีอันมาจบชีวิตลงด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก หลังจากเครียดเรื่องหนี้สินมานานหลายปี ตรอมใจจนโรคภัยรุมเร้า สุดท้ายมัจจุราชก็ยื่นมือมารับไปอยู่ในปรโลก ทิ้งลูกสาวสองคนซึ่งก็คือ ‘เจนนี่’ และ ‘น้ำผึ้ง’ ให้เผชิญชะตากรรมตามลำพังสองพี่น้อง
“อย่าคิดมากนะ บ้านพี่ก็กว้างขวางใหญ่โต...แล้วตอนนี้พี่ก็อยู่คนเดียว เลี้ยงผู้หญิงอีกสองคนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก”
ผู้หญิงอีกคนที่สิงหาเอ่ยถึงก็คือ ‘น้ำผึ้ง’ น้องสาวของเจนนี่
‘ผมไม่ชอบพิธีรีตอง...ถ้าจะอยู่กับผมก็อยู่กันง่ายๆ คุณเป็นแม่บ้านให้ผม...เป็นเมียผม...ผมสัญญาว่าจะเลี้ยงดูคุณเอง’
เป็นคำมั่นสัญญาที่สิงหากล่าวกับเจนนี่เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้หล่อนตัดสินใจมาอยู่กับเขา ตามข้อเสนอของสิงหาว่าจะเลี้ยงดูเป็นภรรยา
ในอดีตสิงหาเคยแต่งงานมาก่อน แต่ภรรยาของเขาโชคร้าย หล่อนเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสองปีก่อน ทำให้สิงหาต้องครองตัวเป็นม่ายเรื่อยมา กระทั่งมาพบรักอีกครั้งกับเจนนี่
“ขอบคุณค่ะ...แค่คุณสัญญาว่าจะรักและดูแลเจนนี่ตลอดไป...งานวิวาห์ใดๆ ก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ”
หล่อนก้าวเข้ามาสวมกอดเขาแน่น ซบหน้าแนบอกกว้างของชายที่ฝากชีวิตไว้กับเขา
อีกสองวันต่อมา
“ยัยผึ้ง...นี่คุณสิงห์...สามีของพี่”
เจนนี่แนะนำน้องสาวกับเจ้าของบ้าน ในวันที่น้ำผึ้งเก็บข้าวของย้ายเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับพี่สาว
“สวัสดีค่ะคุณสิงห์”
หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้ชายหนุ่มร่างสูงสง่า ความสูงที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้น่าจะเกินร้อยแปดสิบเซนติเมตร หน้าตาเขาเป็นฝรั่ง หล่อจนน้ำผึ้งตะลึง ผมของสิงหาเป็นสีน้ำตาลเข้ม ผิวสีแทนเหมือนฝรั่งแถบอเมริกาใต้
“เรียก ‘พี่สิงห์’ ก็ได้...ไม่ต้องเรียกคุณ”
สิงหามองหน้าหญิงสาวด้วยความตะลึงไม่ต่างกัน น้ำผึ้งสวยสะดุดตา ใบหน้ารูปไข่สวยหวานภายใต้กรอบเรือนผมสีดำสลวย ยาวสยายลงมาถึงบ่า หล่อนสวย...สวยกว่าพี่สาว
“ค่ะพี่สิงห์”
สิงหาจ้องหน้าน้องเมีย ดวงตาของหล่อนกลมโต จมูกโด่งเป็นสันสวย เค้าโครงหน้าต่างไปจากเจนนี่ผู้เป็นพี่สาว ซึ่งสิงหามารู้ในภายหลัง ว่าน้ำผึ้งไม่ใช่น้องสาวร่วมสายเลือดกับเจนนี่ หล่อนเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่บิดาของเจนนี่เก็บมาเลี้ยงดูด้วยความเวทนาสงสาร
“เจนนี่เกรงใจจัง...ลำพังตัวเองเข้ามาเป็นภาระของพี่สิงห์ก็เกรงใจจะแย่...นี่ยังต้องหอบหิ้วเอาน้องสาวมาด้วยอีกคน”
สุ้มเสียงของเจนนี่บอกความเกรงใจ แต่จะทิ้งน้ำผึ้งก็ไม่ได้ เพราะถึงตอนนี้ชีวิตหล่อนก็ไม่เหลือใคร น้ำผึ้งกับเจนนี่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ
“ก็บอกแล้วไงว่าพี่เลี้ยงได้”
สิงหาโอบไหล่ของเจนนี่ กอดกระชับให้ความมั่นใจว่าสถาปนิกชื่อดัง มีรายได้แต่ละเดือนเกินแสนอย่างเขา สามารถดูแลหล่อนกับน้องสาวได้อย่างสบายๆ
อีกสัปดาห์ต่อมา
หลังจากเข้ามาอยู่ในบ้านของสิงหา น้ำผึ้งทำงานบ้านทุกอย่างด้วยความขยันขันแข็งไม่ต่างจากคนใช้
งานหนักงานเบาน้ำผึ้งไม่เคยบ่นสักคำ เพราะถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณที่สิงหาเมตตาให้หล่อนกับพี่สาวได้มีที่ซุกหัวนอน
แม้ว่าสิงหาเคยออกปากว่าจะจ้างคนใช้มาทำงานบ้าน แต่น้ำผึ้งก็รีบคัดค้าน แล้วยังแสดงให้เห็นว่าหล่อนสามารถทำงานบ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ตอนค่ำของวันหนึ่ง
ในค่ำคืนที่อากาศร้อนผิดปกติ น้ำผึ้งนอนไม่หลับ หล่อนกระสับกระส่าย รู้สึกคอแห้งหิวน้ำ จึงเดินออกมาจากห้องนอน ตั้งใจจะมาหาน้ำดื่มในตู้เย็น
ทว่าหลังจากดื่มน้ำเสร็จ กำลังจะเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังออกมาจากห้องรับแขก
‘เสียงอะไร’
หัวใจของหญิงสาวเต้นแรง ปลายเท้าน้อยๆ ที่กำลังจะเดินผ่านห้องรับแขกต้องหยุดชะงักเพราะเสียงครวญครางแปลกๆ ดังออกมา
ความอยากรู้เร่งเร้าให้น้ำผึ้งเดินอ้อมทางหลังครัว แอบมองผ่านบานหน้าต่างของห้องรับแขกที่เปิดแง้มเอาไว้ ตรงที่มีแสงไฟสาดลอดออกมา
“โอ้แม่เจ้า...”
หญิงสาวอุทาน ตกใจจนต้องยกมือขึ้นปิดปากกับสิ่งที่เห็น มือใหญ่ของสิงหากดแผ่นหลังของเจนนี่ให้ลำตัวคว่ำอยู่กับพนักโซฟา ชุดนอนสายเดี่ยวเนื้อผ้าซาตินบางๆ ถูกเลิกขึ้นมากองอยู่เหนือก้นกอยหนั่นแน่นของเจนนี่
“อ๊า...อูย...”
เจนนี่ร้องครางครวญ เมื่อโดนสิงหาจูบไซ้ก้นขาวๆ ของหล่อน ก่อนจะดันสะโพกของเจนนี่ให้โยกโย้ไปข้างหน้า แสงไฟที่สาดลงมาจากเพดาห้อง ทำให้มองเห็นพูเนื้ออวบใหญ่เหมือนส้มโอสีชมพูสองกลีบประกบกันแน่น แอ่นทะลักออกมาจากซอกขาด้านหลังของเจนนี่ นูนเด่นออกมาจากพุ่มขนสีดำระยับ โอบล้อมกลีบงามเอาไว้
“ใหญ่จริงๆ...เจนนี่”
สิงหาตาวาว มองร่องสวาทที่ยังเป็นสีชมพูน่าลงลิ้นเบิร์นจนเขาทนมองไม่ไหว สองมือหยาบใหญ่ตะปบก้นกอยหนั่นแน่นอวบขาว ผลักให้ถลำไปข้างหน้าเล็กน้อย กดใบหน้าเกลือกเข้าหาพูเนื้ออูมย้อย ปลิ้นออกมาเป็นกลีบ
“อ๊าย...อ๊า...”
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ………. นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง *เราเตือนท่านแล้ว*
กรุงเทพฯ มหานคร ตอนเช้า ที่ห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ เสียงพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างลูกสะใภ้กับเพื่อนสาวของหล่อนที่อยู่ปลายสาย ทำให้ พ่อเลี้ยง ‘เพลิง’ ถึงกับชะงัก ต้องแอบฟังอย่างเสียมารยาท เพราะมันเหมือนเป็นการหยามเกียรติของลูกชายจนเขาทนไม่ได้
ทีปต์อุทานเบาๆ กับภาพที่เห็น… มาลิลล์กำลังนอนหงายอยู่บนเตียง ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน โดยมีหมอนสีขาวสองใบรองไว้ที่แผ่นหลัง ทำให้สองเต้าคัพเอฟอวบใหญ่มหึมา นูนเด่นอวดสายตาของทีปต์ และสิ่งที่ทำเอาเลือดกำเดาของทีปต์แทบสาดทะลักออกมา ก็คือของดีที่กำลังเปิดเปลือยอยู่ระหว่างเข่าสองข้างตั้งชัน มือข้างหนึ่งจับกล้วยหอมดุนดันเข้าออกเป็นจังหวะ “อ่า… ลุงทีปต์จ๋า กระแทกหนูเถอะค่ะ… อูย… ของลุงใหญ่เหลือเกิน… ซี้ดดดด… เห็นแล้วอยากสุดๆ” มาลิลล์หลับตาพริ้ม…
“ไม่ให้เลียข้างล่าง... งั้นผมดูดข้างบนนะที่รัก” อดัมส์ยังมีอารมณ์ขี้เล่น แม้ในตอนจะร่วมรัก เขารีบผละออกมาจากง่ามขา จูบไซ้ขึ้นมาที่ท้องน้อย กระทั่งถึงเต้านมของหล่อน ครอบริมฝีปากดูดเลียอย่างโหยหาเอาเป็นเอาตาย “อุ๊ย... วันนี้คุณดำซาดิสม์จัง” อรทัยสะดุ้งเฮือก เมื่อทรวงอกอวบโดนมือใหญ่ของสามีบีบขยำอย่างแรง จากนั้นก็เกลือกใบหน้าฟอนฟัดอย่างไม่ลืมหูลืมตา อรทัยเสียวซ่านสุดๆ รีบบีบนมยัดปากเขาที่ค้อมลงมาดูดเลียหัวนมอย่างตะกละตะกลาม อดัมส์ดูดเลียสลับไปมาระหว่างยอดอกทั้งสองข้างเสียงดังซ่วดๆ เหมือนกำลังซดกลืนของอร่อย ทำเอาสาวน้อยที่แอบยืนดู เกิดอาการเสียวซ่านขึ้นมาที่ยอดอกของตัวเองอย่างควบคุมเอาไว้ไม่ได้ รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังโดนพี่เขยดูดนม
แก้วตาพึมพำในใจ มองพี่เขยจัดหนักพี่สาวของหล่อน ยิ่งมอง… ก็ยิ่งตื่นเต้นมีอารมณ์ หน้าขาหนีบแน่น บิดไปบิดมาจนรู้สึกได้ว่ามีน้ำหล่อหลื่นเหนียวๆ หลั่งชุ่มออกมาแฉะแพนตี้ตัวน้อย พอเอามือเอื้อมลงมาแตะที่ง่ามขา ก็รู้ว่ามีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มเป็นยางย้อยติดนิ้ว ‘อุ๊ย… ’ แก้วตาตกใจ หลังจากแอบดูจนน้ำเดิน ด้วยภาพที่เกิดขึ้นในห้องนอน อยู่ห่างจากสายตาของหล่อนเพียงช่วงแขนกระมัง จึงเห็นทุกอย่าง ชัดเจนเต็มสองตาทั้งภาพทั้งเสียง คมชัดปานว่ากำลังมองผ่านจอภาพระบบเอชดี “อ๊าย... ผัวจ๋า... เมียเสียว... เมียทรมาน” ใบหน้าของลีนาบิดเบะ สะบัดไปด้วยความซ่านสยิว ก้นอวบขาวดีดเด้ง แอ่นส่ายไปตามอารมณ์กระเจิดกระเจิง โดนกระแทกกระทั้นดุเดือดขนาดนี้ไม่ว่าเป็นใครก็คงเคลิบเคลิ้มไม่ต่างจากหล่อน ลีนาเปล่งเสียงร้องครางออกมาตลอดเวลาที่ท่อนเอ็นคัดแข็งเป็นลำเหมือนดุ้นมะระจีนใหญ่ๆ ของสามีกระแทกใส่จนมิดสุดโคนพวงสวรรค์ บลั่กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
“ไม่ไหวแล้วครับ… ผมแข็งแทบระเบิดแล้ว… ไม่เชื่อก็ลองจับ… ” บอสหื่นดึงมือข้างหนึ่งของเลขามาทางด้านหลังเธอจึงต้องไล้ลูบสัมผัสความเป็นชาย ใหญ่ยาวน่าสะพรึง ยิ่งลูบไล้ของเขา… มือเธอยิ่งสั่น ใบหน้าร้อนผะผ่าว ความเสียวซ่านแล่นวาบเข้ามาตรงกึ่งกลางกาย ใจเต้นระทึก มือยังจับท่อนเนื้อยาวใหญ่ของบอส ใหญ่มากจนมือกำไม่รอบ
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่