กะ่าส
‘ความแค้น’ เหมือนไฟ
แต่ ‘ความใคร่’
สุดเร่าร้อนรุนแรงยิ่งกว่า
ไฟราคะของเขาพร้อมจะแผดเผาหล่อน
ใช้ความใคร่กลบรอยความแค้น
ให้หล่อนมอดไหม้ไปกับ
‘กามตัณหา’ ที่ยากจะหยุดยั้ง
แต่สุดท้าย…
ใครจะคิดว่าผู้ชาย ‘สุดร้าย’ คนนี้
จะกลายมาเป็น
ผู้ชาย ‘สุดที่รัก’ ของหล่อนในที่สุด
สาวน้อย
บำเรอกาม
ที่บ้านหลังใหญ่ราวกับคฤหาสน์
ตั้งอยู่ท่ามกลางเนินหญ้าสีเขียวขจี บนเนื้อที่กว่าร้อยไร่ในอำเภอแม่ริมของจังหวัดเชียงใหม่
ที่ห้องครัวด้านหลังบ้าน ใกล้กับเรือนพักของคนใช้ ‘คมภวัศน์’ หรือที่ผู้คนในบ้านมักจะเรียกชื่อของเขาสั้นๆ ว่าคุณ ‘คมน์’ จนติดปาก
คมน์ตัดสินใจย่องเข้ามาใกล้ห้องครัว เมื่อเห็นว่านาย ‘วศุวัฒน์’ บิดาของตน เดินเข้าไปในครัวด้วยท่าทางมีพิรุธน่าสงสัย
คมน์ครุ่นคิดด้วยความข้องใจ ว่าเพราะเหตุใดนายใหญ่ของบ้านที่ไม่เคยย่างกรายเข้ามาถึงห้องครัว วันนี้จึงลงมาได้
ดวงตาคมกริบราวกับตาของสัตว์นักล่า เพ่งมองผ่านช่องว่างของบานหน้าต่างที่เปิดแง้มเอาไว้เพียงน้อย เห็นบิดาของตนนั่งอยู่หัวโต๊ะ โดยมีผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ข้างๆ
หญิงวัยกลางคนร่างอวบคือ ‘ป้านิ่ม’ เป็นคนรับใช้ที่คมน์รู้จักดี ป้านิ่มทำงานอยู่ในบ้านหลังนี้มานานนับสิบปี
ส่วนอีกคนเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยสะดุดตา เป็นใครที่คมน์ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน?
รู้แต่ว่าหล่อนใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า ‘หนู’
คมน์ยืนนิ่ง
ฟังสิ่งที่นายพศุวัฒน์ผู้เป็นบิดากำลังกล่าวกับผู้หญิงสองคน คนหนึ่งคือหญิงรับใช้เก่าแก่ และอีกคนนั้นคมน์เพิ่งได้รู้ก็เดี๋ยวนี้… ว่าสาวน้อยหน้าตาสะสวยสะดุดตาคนนี้เป็นใคร?... มาจากไหน?
‘เป็นแบบนี้นี่เอง… ’
เรื่องที่ได้แอบฟังเกือบสิบนาที ทำเอาคมน์ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ เหตุนี้เอง… ที่ทำให้บิดาของตนต้องเดินเข้ามาถึงห้องครัวของคนรับใช้
‘ร้ายนะคุณพ่อ… กล้าเอาลูกชู้เข้ามาอยู่ในบ้าน’
คมน์รำพึงในใจ
รีบเดินออกมาเสียก่อนที่จะมีใครรู้ว่าเขาเข้ามาแอบฟังความลับของคนอื่นอย่างเสียมารยาท
‘ได้รู้แบบนี้ก็ดี… เดี๋ยวกูจะเอาคืนให้สาสม’
คมน์กำมือแน่นด้วยความโกรธ
อีกสัปดาห์ต่อมา
ตอนเย็นของวันเสาร์
นานเกือบสัปดาห์ที่คมน์ไม่อยู่บ้าน เพราะว่าต้องเดินทางไปดูแลโรงแรมในกรุงเทพฯ และรีสอร์ตในจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวมาแต่ดั้งเดิม
พศุวัฒน์รู้ดี
ว่าคมน์ซึ่งเป็นลูกชายคนโตนั้นเป็นคนเก่งรอบด้าน ทั้งในเรื่องการบริหารจัดการและการตลาด จึงตัดสินใจยกตำแหน่ง GM (General Manager) ของโรงแรมทั้งหมดที่มีอยู่ในหลายจังหวัดของภาคเหนือและกรุงเทพฯ ให้คมน์เป็นผู้ดูแล
ส่วนเกสเฮาส์เล็กๆ และร้านอาหารในกรุงเทพฯ อีกหลายที่ พศุวัฒน์ยกให้ ‘ราเมศ’ ซึ่งเป็นลูกชายอีกคนเป็นผู้ดูแล โดยที่เขาคอยดูอยู่ห่างๆ
“ป้านิ่ม… นั่นใคร”
คมน์ทอดสายตามองไปยังหญิงสาวที่กำลังเก็บจานของว่างออกไปจากห้องรับแขก
อันที่จริงคมน์รู้…
รู้ตั้งแต่วันที่แอบฟัง… แต่ลองแกล้งถาม ทั้งที่ก็รู้ว่าจะไม่ได้ความจริงจากปากของป้านิ่ม
“อ๋อ… หลานสาวป้าชื่อ ‘ดาวเรือง’ จ้ะ มันเป็นลูกกำพร้า พ่อแม่มันตายหมดแล้ว ป้าสงสารที่เห็นมันเหลือตัวคนเดียว ก็เลยต้องเอาเข้ามาทำงานเป็นคนรับใช้ โชคดีที่คุณท่านเมตตารับเข้าทำงาน ไม่งั้นมันคงลำบาก แล้วดาวมันเพิ่งสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ ป้าเลยช่วยเอามาส่งเสียให้มันได้ร่ำเรียนต่อ”
ป้านิ่มกล่าวถึงที่มาของหญิงสาวที่ลูกชายคนโตของบ้านกำลังมองอย่างให้ความสนใจ
คมน์นิ่งฟัง
เหลือบมองไปทางหญิงสาวพร้อมกับเหยียดยิ้มน้อยๆ เพราะรู้ว่าที่ป้านิ่มบอกนั้นไม่ใช่ความจริง
เรื่องสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้อาจจะใช่ แต่เรื่องที่บอกว่าเป็นหลานป้านิ่มนั้นไม่ใช่แน่ๆ
จากที่แอบฟังมา ทำให้คมน์รู้ว่าดาวเรืองเป็นลูกติดมาจากเมียน้อยของนายพศุวัฒน์ผู้เป็นบิดา
“เป็นคนใช้… ถ้างั้นผมจะใช้อะไรก็ได้ใช่ไหม”
คมน์กล่าวพลางเหลือบมองไปยังดาวเรืองอย่างเอาเรื่อง
“ค่ะ… คุณคมน์จะใช้อะไรมันหรือคะ?”
ป้านิ่มถามด้วยความสงสัย เห็นสายตาของคมน์แล้วนึกเป็นห่วงดาวเรืองขึ้นมาทันที
ป้านิ่มเรียกดาวเรืองเข้ามาแนะนำตัวกับลูกชายคนโตของบ้าน
“ดาวจ๊ะ… นี่คุณคมน์”
ป้านิ่มแนะนำชายหนุ่ม ในชุดสูทสีดำยิ่งทำให้คมน์ดูสมาร์ท มีออร่าผู้บริหารเด่นชัด โครงร่างสูงใหญ่แบบลูกครึ่งฝรั่งยิ่งทำให้เขาดูหล่อเหลาสะดุดตา แต่แววตาคมดุที่มองมา ก็ทำเอาดาวเรืองรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ
“สวัสดีค่ะคุณคมน์… หนูชื่อดาวเรืองค่ะ”
หญิงสาวแนะนำตัวเอง
คมน์จ้องมองดวงหน้าสวยหวาน ตาคมกลมโต จมูกโด่งเป็นสัน ผมสีดำยาวสลวยลงมาประบ่า ริมฝีปากจิ้มลิ้มเซ็กซี่สะดุดตา
“ดาวเรือง… ชื่อเชยจัง”
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ………. นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง *เราเตือนท่านแล้ว*
กรุงเทพฯ มหานคร ตอนเช้า ที่ห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ เสียงพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างลูกสะใภ้กับเพื่อนสาวของหล่อนที่อยู่ปลายสาย ทำให้ พ่อเลี้ยง ‘เพลิง’ ถึงกับชะงัก ต้องแอบฟังอย่างเสียมารยาท เพราะมันเหมือนเป็นการหยามเกียรติของลูกชายจนเขาทนไม่ได้
ทีปต์อุทานเบาๆ กับภาพที่เห็น… มาลิลล์กำลังนอนหงายอยู่บนเตียง ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน โดยมีหมอนสีขาวสองใบรองไว้ที่แผ่นหลัง ทำให้สองเต้าคัพเอฟอวบใหญ่มหึมา นูนเด่นอวดสายตาของทีปต์ และสิ่งที่ทำเอาเลือดกำเดาของทีปต์แทบสาดทะลักออกมา ก็คือของดีที่กำลังเปิดเปลือยอยู่ระหว่างเข่าสองข้างตั้งชัน มือข้างหนึ่งจับกล้วยหอมดุนดันเข้าออกเป็นจังหวะ “อ่า… ลุงทีปต์จ๋า กระแทกหนูเถอะค่ะ… อูย… ของลุงใหญ่เหลือเกิน… ซี้ดดดด… เห็นแล้วอยากสุดๆ” มาลิลล์หลับตาพริ้ม…
“ไม่ให้เลียข้างล่าง... งั้นผมดูดข้างบนนะที่รัก” อดัมส์ยังมีอารมณ์ขี้เล่น แม้ในตอนจะร่วมรัก เขารีบผละออกมาจากง่ามขา จูบไซ้ขึ้นมาที่ท้องน้อย กระทั่งถึงเต้านมของหล่อน ครอบริมฝีปากดูดเลียอย่างโหยหาเอาเป็นเอาตาย “อุ๊ย... วันนี้คุณดำซาดิสม์จัง” อรทัยสะดุ้งเฮือก เมื่อทรวงอกอวบโดนมือใหญ่ของสามีบีบขยำอย่างแรง จากนั้นก็เกลือกใบหน้าฟอนฟัดอย่างไม่ลืมหูลืมตา อรทัยเสียวซ่านสุดๆ รีบบีบนมยัดปากเขาที่ค้อมลงมาดูดเลียหัวนมอย่างตะกละตะกลาม อดัมส์ดูดเลียสลับไปมาระหว่างยอดอกทั้งสองข้างเสียงดังซ่วดๆ เหมือนกำลังซดกลืนของอร่อย ทำเอาสาวน้อยที่แอบยืนดู เกิดอาการเสียวซ่านขึ้นมาที่ยอดอกของตัวเองอย่างควบคุมเอาไว้ไม่ได้ รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังโดนพี่เขยดูดนม
แก้วตาพึมพำในใจ มองพี่เขยจัดหนักพี่สาวของหล่อน ยิ่งมอง… ก็ยิ่งตื่นเต้นมีอารมณ์ หน้าขาหนีบแน่น บิดไปบิดมาจนรู้สึกได้ว่ามีน้ำหล่อหลื่นเหนียวๆ หลั่งชุ่มออกมาแฉะแพนตี้ตัวน้อย พอเอามือเอื้อมลงมาแตะที่ง่ามขา ก็รู้ว่ามีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มเป็นยางย้อยติดนิ้ว ‘อุ๊ย… ’ แก้วตาตกใจ หลังจากแอบดูจนน้ำเดิน ด้วยภาพที่เกิดขึ้นในห้องนอน อยู่ห่างจากสายตาของหล่อนเพียงช่วงแขนกระมัง จึงเห็นทุกอย่าง ชัดเจนเต็มสองตาทั้งภาพทั้งเสียง คมชัดปานว่ากำลังมองผ่านจอภาพระบบเอชดี “อ๊าย... ผัวจ๋า... เมียเสียว... เมียทรมาน” ใบหน้าของลีนาบิดเบะ สะบัดไปด้วยความซ่านสยิว ก้นอวบขาวดีดเด้ง แอ่นส่ายไปตามอารมณ์กระเจิดกระเจิง โดนกระแทกกระทั้นดุเดือดขนาดนี้ไม่ว่าเป็นใครก็คงเคลิบเคลิ้มไม่ต่างจากหล่อน ลีนาเปล่งเสียงร้องครางออกมาตลอดเวลาที่ท่อนเอ็นคัดแข็งเป็นลำเหมือนดุ้นมะระจีนใหญ่ๆ ของสามีกระแทกใส่จนมิดสุดโคนพวงสวรรค์ บลั่กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
“ไม่ไหวแล้วครับ… ผมแข็งแทบระเบิดแล้ว… ไม่เชื่อก็ลองจับ… ” บอสหื่นดึงมือข้างหนึ่งของเลขามาทางด้านหลังเธอจึงต้องไล้ลูบสัมผัสความเป็นชาย ใหญ่ยาวน่าสะพรึง ยิ่งลูบไล้ของเขา… มือเธอยิ่งสั่น ใบหน้าร้อนผะผ่าว ความเสียวซ่านแล่นวาบเข้ามาตรงกึ่งกลางกาย ใจเต้นระทึก มือยังจับท่อนเนื้อยาวใหญ่ของบอส ใหญ่มากจนมือกำไม่รอบ
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา