“อ๊า… คุณลุงขาหนูเสียว… ” แพรลดาครางเป็นประโยคซ้ำๆ… โดนท่านประธานจอมหื่นเอื้อมมือขึ้นมาบีบนมพร้อมกับปาดลิ้นเบิร์นกลีบสวาทไปพร้อมกัน ทำเอาหล่อนเสียวซ่านแทบขาดใจ “อูยยย… ซี้ดดด… เสียวค่ะคุณลุง” ไหล่สองข้างของแพรลดาบิดลู่เข้าหากัน สองมือเกาะไหล่ของธำรงค์เอาไว้แน่น แอ่นง่ามขารับปลายลิ้นปาดเลียเข้าใส่กลีบมาลีอย่างกระหาย เต้านมกระเพื่อมส่ายตามจังหวะบิดตัวไปมาด้วยความเสียวซ่าน “อ๊า… อ๊า… อ๊า… อ๊า… อ๊า… อ๊า… ” แพรลดาร้องครางตามจังหวะลิ้น ปลายหัวนมชูชันสู้ฝ่ามือใหญ่ที่กำลังบีบเคล้นหัวนมแล้วลงลิ้นเลียน้องสาวของหล่อนไปพร้อมกัน กระตุ้นจุดอ่อนไหวในกายสาวทั้งบนและล่างจนน้ำคาวสวาทหลั่งไหลออกมาอีกระลอก “อูย… คุณลุงขาหนูจะตายอยู่แล้ว… ” แพรลดาแสดงอาการกระสันหาการสอดใส่ออกมาด้วยความลืมตัวด้วยการขมิบกลีบไม่หยุด “อยากแล้วใช่ไหม… ” ท่านประธานกล่าวอย่างเข้าใจความรู้สึกของสาวน้อยที่เขาพยายามกระตุ้นเร้าจนร่างกายของหล่อนตื่นตัวตอบสนองอย่างที่เห็น “ว้าววว… เยิ้มฉ่ำเลยหนูจ๋า… ” ธำรงค์ชอบใจ…
ท่านประธาน
กระหายสวาท
มกราคม พุทธศักราช 2564
ที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือไอโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ทำให้ ‘ธำรงค์’ ชายวัยสี่สิบปีผู้เป็นเจ้าของโรงแรมต้องเอื้อมมือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู เมื่อเห็นชื่อของเพื่อนรักปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“เฮ้ย… ไอ้นันต์… วันนี้นึกยังไงโทรมาหากู”
ธำรงค์กรอกเสียงทักทายไปยังต้นสายด้วยสรรพนามที่สนิทสนม
“สวัสดีเพื่อน… กูมีเรื่องให้มึงช่วยหน่อย”
‘อนันต์’ กล่าวไม่อ้อม ใช้สรรพนามแทนตัวเองว่ามึงกูเพราะความสนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน
“มีอะไรว่ามาเลยเพื่อน… ”
ธำรงค์พร้อมจะช่วย
“ยัยแพรลูกสาวกูกำลังหาที่ฝึกงาน… กูอยากให้มาฝึกที่โรงแรมมึงได้ไหมวะ จะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลลูกสาวให้กูด้วย… ”
อนันต์บอกธุระที่ทำให้ต้องโทรมา เรียกชื่อลูกสาวสั้นๆ ว่า ‘แพร’ ชื่อจริงคือ ‘แพรลดา’
“แหมเรื่องแค่นี้เอง ได้เลยเพื่อน”
ธำรงค์ไม่ขัดข้อง
“ตอนนี้ยัยแพรลูกสาวกูเรียนมหาลัยฯ ใกล้จบแล้ว… ”
“เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ เผลอไม่กี่ปีหนูแพรกำลังจะเรียนจบแล้วหรือนี่… ”
ธำรงค์กล่าว…
ภาพเมื่อหลายปีก่อนของเด็กสาวใบหน้าสะสวย ผิวขาว ตาคม ผมยาว จมูกโด่ง ใบหน้ารูปไข่ ผุดเข้ามาในความทรงจำของธำรงค์อีกครั้ง เขาไม่เคยลืมเด็กหญิงผู้น่ารักคนนี้
“ใช่… ตอนนี้ยัยแพรกำลังเรียนอยู่ชั้นปีสี่… ปีสุดท้ายแล้ว… อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้ว”
อนันต์ตอบ
“หนูแพรเรียนสาขาอะไร”
ที่ต้องถามก็เพราะธำรงค์คิดว่าจะได้ให้ฝึกงานในแผนกที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่หล่อนเรียนมา
“เรียนเลขา… ”
อนันต์ตอบ
“ถ้าหนูแพรเรียนมาทางด้านเลขา… งั้นก็มาฝึกงานกับกูตรงโดยตรงจะดีกว่า ตอนนี้เลขาคนเก่าของกูเพิ่งลาออกไปทำกิจการส่วนตัว… ”
ธำรงค์คิดว่าจะได้ช่วยดูแลลูกสาวของเพื่อนรักได้อย่างใกล้ชิด ช่างบังเอิญว่าตอนนี้เขากำลังจะประกาศรับสมัครเลขาคนใหม่อยู่พอดี
“ดีเหมือนกัน… ขอบใจมากนะเพื่อน งั้นอาทิตย์หน้าจะให้ยัยแพรเข้าไปฝึกงานที่โรงแรม ว่าแต่ยัยแพรยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน… กลัวว่าจะช่วยงานแกไม่ได้อย่างที่หวัง… ”
อนันต์รีบออกตัว
“ไม่เป็นไร… เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง หนูแพรเรียนมาทางนี้ฝึกได้ไม่ยาก… ”
“ขอบใจมากธำรงค์… ฝากด้วยนะเพื่อน… ”
น้ำเสียงของอนันต์โล่งใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อรู้ว่าลูกสาวของตนจะได้ฝึกงานในโรงแรมใหญ่ของเพื่อนรัก
“แล้วมึงเป็นไงบ้างวะ กิจการไร่กาแฟเป็นยังไงบ้าง… ”
ธำรงค์ถาม…
แม้ทุกวันนี้อนันต์มีไร่กาแฟและไร่ส้มอยู่ในจังหวัดเชียงราย แต่ฐานะก็ยังเทียบไม่ได้กับธำรงค์ที่เป็นเจ้าของโรงแรมและรีสอร์ทอีกหลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดท่องเที่ยวหลายที่ในประเทศ
“กิจการไร่กาแฟไปได้ดีเลยว่ะ ปีนี้ส่งออกเมล็ดกาแฟได้ตามเป้าที่ตั้งไว้… ”
“เยี่ยมเลยเพื่อน… เอาไว้ว่างๆ กูจะแวะไปเที่ยวหา… ”
“มาเลย… กูอยากเจอมึงเหมือนกัน… นานแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน… ”
พูดคุยกันต่อมาอีกครู่สั้นๆ ก็กดวางสาย
ในเวลาต่อมา
ภายหลังวางสายสนทนาจากธำรงค์ได้ไม่นาน อนันต์ก็โทรหาลูกสาวของตนในทันที
“ยัยแพร… ตอนนี้พ่อหาที่ฝึกงานให้แกได้แล้วนะ… ”
อนันต์บอกข่าวดีในทันทีที่หญิงสาวกดรับสาย แพรลดากำลังหาข้อมูลของบริษัทที่รับนักศึกษาฝึกงานอยู่เช่นกัน
“ที่ไหนคะคุณพ่อ… ”
แพรลดารู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าบิดาของตนจะหาที่ฝึกงานได้เร็วขนาดนี้
“โรงแรมของเพื่อนพ่อเอง… ”
อนันต์ตอบ
“โรงแรมของเพื่อนคุณพ่ออยู่ที่ไหนคะ… ”
ความหวังว่าจะได้ลงไปฝึกงานในกรุงเทพฯ ของแพรลดา มีแววว่ากำลังจะดับวูบ
“โรงแรมอยู่ที่เชียงใหม่นี่แหละ… แกจะได้ไม่ต้องไปฝึกงานไกลถึงกรุงเทพฯ… ”
อนันต์บอกชื่อของโรงแรมกับลูกสาว แพรลดารู้จักโรงแรมชื่อดังแห่งนี้ แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าเจ้าของโรงแรมเป็นเพื่อนกับบิดาของตน
“เดี๋ยวไปฝึกงานกับลุงธำรงค์… ”
อนันต์กล่าวเสียงเข้ม เพราะรู้ว่าลูกสาวของตนนั้นอยากลงไปฝึกงานที่กรุงเทพฯ
“อันที่จริงหนูอยากไปฝึกงานที่กรุงเทพฯ… ”
หญิงสาวกล่าวเสียงอ่อน ก่อนที่เสียงเข้มของบิดาจะตอบกลับมา
“ไม่ได้… ไปอยู่ไกลหูไกลตาพ่อเป็นห่วง สรุปว่าฝึกงานที่โรงแรมของเพื่อนพ่อนี่แหละ… ลุงธำรงค์ใจดี”
“ลุงธำรงค์… อืมมม… หนูเคยเห็นไหมคะ”
หญิงสาวรู้สึกคุ้นชื่อ
“เคยเมื่อนานมาแล้ว เมื่อเจ็ดหรือแปดปีที่แล้วลุงธำรงค์เคยแวะมาที่ไร่กาแฟของเรา… ”
อนันต์กล่าว
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ………. นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง *เราเตือนท่านแล้ว*
กรุงเทพฯ มหานคร ตอนเช้า ที่ห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ เสียงพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างลูกสะใภ้กับเพื่อนสาวของหล่อนที่อยู่ปลายสาย ทำให้ พ่อเลี้ยง ‘เพลิง’ ถึงกับชะงัก ต้องแอบฟังอย่างเสียมารยาท เพราะมันเหมือนเป็นการหยามเกียรติของลูกชายจนเขาทนไม่ได้
ทีปต์อุทานเบาๆ กับภาพที่เห็น… มาลิลล์กำลังนอนหงายอยู่บนเตียง ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน โดยมีหมอนสีขาวสองใบรองไว้ที่แผ่นหลัง ทำให้สองเต้าคัพเอฟอวบใหญ่มหึมา นูนเด่นอวดสายตาของทีปต์ และสิ่งที่ทำเอาเลือดกำเดาของทีปต์แทบสาดทะลักออกมา ก็คือของดีที่กำลังเปิดเปลือยอยู่ระหว่างเข่าสองข้างตั้งชัน มือข้างหนึ่งจับกล้วยหอมดุนดันเข้าออกเป็นจังหวะ “อ่า… ลุงทีปต์จ๋า กระแทกหนูเถอะค่ะ… อูย… ของลุงใหญ่เหลือเกิน… ซี้ดดดด… เห็นแล้วอยากสุดๆ” มาลิลล์หลับตาพริ้ม…
“ไม่ให้เลียข้างล่าง... งั้นผมดูดข้างบนนะที่รัก” อดัมส์ยังมีอารมณ์ขี้เล่น แม้ในตอนจะร่วมรัก เขารีบผละออกมาจากง่ามขา จูบไซ้ขึ้นมาที่ท้องน้อย กระทั่งถึงเต้านมของหล่อน ครอบริมฝีปากดูดเลียอย่างโหยหาเอาเป็นเอาตาย “อุ๊ย... วันนี้คุณดำซาดิสม์จัง” อรทัยสะดุ้งเฮือก เมื่อทรวงอกอวบโดนมือใหญ่ของสามีบีบขยำอย่างแรง จากนั้นก็เกลือกใบหน้าฟอนฟัดอย่างไม่ลืมหูลืมตา อรทัยเสียวซ่านสุดๆ รีบบีบนมยัดปากเขาที่ค้อมลงมาดูดเลียหัวนมอย่างตะกละตะกลาม อดัมส์ดูดเลียสลับไปมาระหว่างยอดอกทั้งสองข้างเสียงดังซ่วดๆ เหมือนกำลังซดกลืนของอร่อย ทำเอาสาวน้อยที่แอบยืนดู เกิดอาการเสียวซ่านขึ้นมาที่ยอดอกของตัวเองอย่างควบคุมเอาไว้ไม่ได้ รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังโดนพี่เขยดูดนม
แก้วตาพึมพำในใจ มองพี่เขยจัดหนักพี่สาวของหล่อน ยิ่งมอง… ก็ยิ่งตื่นเต้นมีอารมณ์ หน้าขาหนีบแน่น บิดไปบิดมาจนรู้สึกได้ว่ามีน้ำหล่อหลื่นเหนียวๆ หลั่งชุ่มออกมาแฉะแพนตี้ตัวน้อย พอเอามือเอื้อมลงมาแตะที่ง่ามขา ก็รู้ว่ามีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มเป็นยางย้อยติดนิ้ว ‘อุ๊ย… ’ แก้วตาตกใจ หลังจากแอบดูจนน้ำเดิน ด้วยภาพที่เกิดขึ้นในห้องนอน อยู่ห่างจากสายตาของหล่อนเพียงช่วงแขนกระมัง จึงเห็นทุกอย่าง ชัดเจนเต็มสองตาทั้งภาพทั้งเสียง คมชัดปานว่ากำลังมองผ่านจอภาพระบบเอชดี “อ๊าย... ผัวจ๋า... เมียเสียว... เมียทรมาน” ใบหน้าของลีนาบิดเบะ สะบัดไปด้วยความซ่านสยิว ก้นอวบขาวดีดเด้ง แอ่นส่ายไปตามอารมณ์กระเจิดกระเจิง โดนกระแทกกระทั้นดุเดือดขนาดนี้ไม่ว่าเป็นใครก็คงเคลิบเคลิ้มไม่ต่างจากหล่อน ลีนาเปล่งเสียงร้องครางออกมาตลอดเวลาที่ท่อนเอ็นคัดแข็งเป็นลำเหมือนดุ้นมะระจีนใหญ่ๆ ของสามีกระแทกใส่จนมิดสุดโคนพวงสวรรค์ บลั่กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
“ไม่ไหวแล้วครับ… ผมแข็งแทบระเบิดแล้ว… ไม่เชื่อก็ลองจับ… ” บอสหื่นดึงมือข้างหนึ่งของเลขามาทางด้านหลังเธอจึงต้องไล้ลูบสัมผัสความเป็นชาย ใหญ่ยาวน่าสะพรึง ยิ่งลูบไล้ของเขา… มือเธอยิ่งสั่น ใบหน้าร้อนผะผ่าว ความเสียวซ่านแล่นวาบเข้ามาตรงกึ่งกลางกาย ใจเต้นระทึก มือยังจับท่อนเนื้อยาวใหญ่ของบอส ใหญ่มากจนมือกำไม่รอบ
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย