เพียงสบตาเขาครั้งแรก โมนาสั่นสะท้านรู้สึกเหมือนตนเองอยู่บนภูเขาน้ำแข็งสูงตั้งตระหง่าน ชายคนนี้ทั้งน่ากลัว น่าพิศวงในคราเดียวกัน เธอไม่อาจต้านทานสายตาแห่งมนต์สะกดนั้นได้เลย แต่สำหรับซาฟ นี่เขากำลังมองผู้หญิงบอบบางคนหนึ่ง ยืนตัวสั่นเพราะกลัวเขาราวกับลูกนก แล้วเขาเป็นพรานป่า แล้วเหตุใดเขาถึงหงุดหงิดที่ต้องเผชิญกับอะไรเช่นนี้ แล้วที่สำคัญ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนในโลกที่กลัวเขาจนเป็นลมแบบนี้
ร่างสูงใหญ่ตามแบบฉบับยุโรปยืนเหม่อมองออกไปด้านนอกคฤหาสน์สุดหรู แววตาสีเทาหม่นดูเยือกเย็นลึกลับน่าค้นหา ชายหนุ่มอายุสามสิบสอง ใบหน้าคมเข้ม คิ้วดกดำตรงยาว ดวงตาเรียวคม ริมฝีปากหยักลึก จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้ารูปสี่เหลี่ยม ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและชาติตระกูล รวมถึงทรัพย์สมบัติ ซาฟ เดเวเต้ อัลเล็นโซ่ ผู้ซึ่งนำพาหัวใจสาวๆ ในเมืองเวนิชลุ่มหลงกับรูปลักษณ์อันแสนสง่างาม
ตระกูลอัลเล็นโซ่ถูกสืบทอดมาอย่างยาวนานในอดีตที่เคยต่อสู้เคียงข้างกษัตริย์มา บรรพบุรุษส่งต่อความรุ่งเรืองให้กับบิดาของเขาจนกระทั่งถึงรุ่นหลาน ทุกคนขนานนามพี่น้องสี่คนว่าเทพบุตรอัลเล็นโซ่ เมื่อก่อนจับดาบแต่เวลานี้จับธุรกิจแทน
“คุณชายครับ ท่านซานโต้เรียกพบครับ”
คนถูกเรียกขยับกายเล็กน้อยหันมองผู้มาเยือนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เห็นชายชราอายุราวหกสิบได้กำลังยืนในท่าทีน้อมน้อม
“เข้าใจแล้ว บอกท่านด้วยว่าเดี๋ยวผมตามไป”
คนใช้เก่าแก่ก้มหน้าลงแล้วหลบฉากออกจากห้อง ซาฟหันมองวิวผ่านหน้าต่างอีกสักพัก จึงตัดสินใจละสายตาแล้วเดินทางตามคำนัดหมาย
ซานโต้ขยับกายเล็กน้อยทันทีที่เห็นบุตรชายคนโตมายืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าเย็นชาไม่บ่งบอกความรู้สึกอะไรทำให้คนเป็นพ่ออย่างเขารู้สึกหนักใจไม่น้อย แม้ว่าซาฟจะไม่เคยทำอะไรให้ผิดหวังเลย
“พ่อมีธุระสำคัญจะคุยด้วย”
“ครับ”
“นั่งลงก่อนสิ”ซานโต้บอก
ร่างสูงใหญ่ทอดกายลงนั่งบนโซฟาสีน้ำตาลอ่อน สีหน้าลูกทำเอาเขาหนักใจ ที่ซาฟกลายเป็นคนเช่นนี้ มันเป็นเพราะเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อสมัยเด็ก มันไม่มีทางแก้ไขอะไรได้เลย แม้ตนพยายามพาจิตแพทย์มา แต่ซาฟยังคงมีท่าทีหมางเมินต่อคนรอบข้าง แสดงสีหน้าและท่าทางราวกับคนไม่มีจิตใจหรือความรู้สึกใดๆ
“วันนี้เพื่อนพ่อมาขอกู้เงินกับเรา แต่มันเป็นจำนวนมากเกินกว่าที่พ่อจะยอมรับได้ พ่อจำต้องทำสัญญาเป็นข้อตกลงกับทางนั้นไว้”
“ครับ”
“ตระกูลดีกาลโน่จะส่งตัวลูกสาวของเขามาแต่งงานกับเรา”
ซาฟนิ่งงัน ครุ่นคิดคำบิดาครู่หนึ่งแล้วกระตุกมุมปากเล็กน้อย ช้อนสายตามองผู้ให้กำเนิด
“แล้วพ่อว่ายังไงล่ะครับ”
“พ่ออยากให้แกช่วยตัดสินใจ”
“ทางนั้นขอกู้เท่าไหร่ครับ?”
“หนึ่งหมื่นล้าน!”
ชายหนุ่มเงียบประมวลผลกำไรในหัวอย่างฉับไว การปล่อยเงินให้ดีกาลโน่ใช่ว่าจะมีผลเสียอย่างเดียว ท่าเรือของตระกูลนี้เป็นที่ต้องการของนักธุรกิจหลายคน
“แล้วเขาจะส่งลูกสาวคนไหนมาแต่งกับเราล่ะครับ?”เขาถามสบตาบิดาเพื่อรอคำตอบ
“ลูกสาวคนรอง เทียร่า”
ซาฟหยุดใช้ความคิดอีกครั้ง ข่าวแว่วมาตาเฒ่าเซโตหวงบุตรสาวคนเล็กที่สุด เพราะอย่างนี้ถึงได้ส่งคนรองมาสินะ
“พ่อจะให้ลูกสาวของตระกูลนั้นแต่งงานกับลูกชายคนไหนล่ะครับ”
“ที่พ่อเรียกแกมาคุยก็เพราะเรื่องนี้นี่แหละ พ่ออยากให้แกแต่งงานกับเทียร่า...”
ซาฟชะงัก หากตนต้องแต่งจะเลือกเอาประโยชน์ที่ได้จากการแต่งงานกับตระกูลนั้นให้ได้มากที่สุด เพราะการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งตัวเขาก็พอจะรู้เรื่องมรดกที่เซโตแบ่งให้กับบุตรสาวแต่ละคนมาคร่าวๆ
“ผมแต่งได้ แต่หากผมจะแต่งผมต้องการลูกสาวที่ตระกูลดีกาลโน่หวงแหนที่สุด”เขาบอกบิดา
“หมายความว่ายังไง?”
“ผมต้องการแต่งงานกับโมนา ดีกาลโน่”
ซานโต้ขมวดคิ้วมองลูกชายอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ไม่คิดเลยแม้แต่เรื่องแต่งงานลูกยังเอาธุรกิจมาเกี่ยวข้อง ประมวลทุกอย่างเป็นผลกำไร อายุอานามไม่ใช่น้อยเลย อยากให้เป็นฝั่งเป็นฝา จะมีใครบางไหมที่สามารถเปลี่ยนซาฟให้เป็นคนมีความรู้สึก
“แกตัดสินใจไปเลยก็แล้วกัน เพราะแกเป็นคนที่จะต้องแต่งงาน”
“งั้นเรื่องนี้ผมจัดการเองแล้วกันครับ”
เขาลุกยืนเต็มความสูง แล้วก้มศีรษะให้บิดาราวกับเจ้านาย แล้วหันกายก้าวยาวออกนอกห้อง
ซาฟกลับมายืนอยู่จุดเดิมอีกครั้ง เมืองเวนิชช่างมีมนต์ขลังทำให้เขาทอดสายตามองออกไปได้ไม่รู้เบื่อ สวยเสียยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก อยากจะรู้นักจะมีผู้หญิงคนไหนที่สามารถทำให้เขาหลงรักได้ จะมีอยู่บนโลกใบนี้หรือเปล่า
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเข้ามาในความคิดเลยสักคน แม้แต่สาวๆ ที่เคยนอนกอดก่ายด้วย ไม่เคยระลึกได้สักครั้งหลังจากเลิกราบนเตียง แต่ในความคิดกลับคะนึงหากลับนึกถึงใบหน้าอันแสนหวานสดใส ของเด็กสาวคนนึงแม้หลายปีมาแล้วก็ไม่อาจลืมเลือน
เสียงสะอื้นยังคงดังไม่หยุด เมื่อคำบัญชาจากบิดา ต้องการส่งให้เธอไปเป็นภรรยาของบุตรชายคนโตของตระกูลอัลเล็นโซ่ โมนา ดีกาลโน่ สาวน้อยวัยยี่สิบสอง หน้าตางดงามหวานละมุน ผิวกายขาวนวลลออ แพขนตางอนยาวดวงตากลมแววตาทอประกายปนเศร้า นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวตรงสีคาราเมล รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอม หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นเพราะไม่อยากทำตามความต้องการของบิดา
“หนูไม่อยากไปค่ะพ่อ...” เธอบอกบิดาสะอื้นออกมาอย่างหนัก
“หากหนูไม่ไปพ่อจะไม่สามารถกู้เงินมาได้นะลูก เราต้องใช้เงินก้อนนี้” เซโตพยายามขอร้อง
“พี่เทียร่า ช่วยโมนาด้วยค่ะ”
เทียร่ายืนมองน้องสาว อยากไปใจแทบขาดแต่ทำไมทางนั้นดันยืนคำขาดว่าจะเอาตัวยัยเด็กขี้แยนี่ ไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เธอเป็นลูกเมียหลวงแต่ยัยเด็กบ้านี่เป็นแค่ลูกเมียน้อยที่เกิดจากผู้หญิงไทยก็แค่นั้น
“พ่อค่ะ เทียร่าไปแทนน้องไม่ได้เหรอคะ”
“จะไปได้ยังไงล่ะลูกในเมื่อทางนั้นเขายื่นคำขาดมา”
กลิ่นจันทร์ หญิงสาวมากความสามารถ หนีห่างไกลเมืองไทยเพราะเจ็บช้ำจากแฟนหนุ่มซึ่งนอกใจ ทว่าเมื่อกลับมาเขากลับกลายเป็นเจ้าของบ้านที่เธอเคยอาศัยตั้งแต่เด็ก แม่เลี้ยงและพี่สาวต่างบิดารวมหัวกันหักหลังเธอกับพ่อ ขายบ้านหลังนี้ กลิ่นจันทร์ต้องการได้คืน แต่เธอไม่มีเงินมากพอ เมื่อนั้น แฟนหนุ่มซึ่งอยู่ในหัวใจเธอตลอดเวลา แม้เขาทำเรื่องผิดมหันต์ เธอก็มิอาจทำใจให้ลืมลง คิมหันต์ ชายหนุ่มผู้ฝ่าฝันอุปสรรค จำตั้งตัวเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ได้สำเร็จ กระนั้นในหัวใจเขากลับเย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง เพียงเพราะถูกแฟนสาวทรยศหนีไปต่างประเทศ เพียงเพราะได้พบกับผู้ชายคนใหม่ ความแค้นฝังแน่นในอก เขารอวันเอาคืน และโอกาสก็มาถึง “ผมจะคืนบ้านให้ ถ้าคุณยอมเป็นเมียผมเป็นเวลาหนึ่งปี”
เมื่อหนึ่งมีรักให้แต่ไม่อาจบอก กับอีกหนึ่งที่ไม่เคยรู้และตั้งหน้าตั้งตาชิงชัง การหมั้นหมายที่เกิดจากผู้ใหญ่ส่งผลให้นาฎสุรีย์ต้องจากลาไปไกลเพื่อรักษาแผลใจ ส่วนอีกคนที่ไม่เคยรับรู้ แท้จริงแล้วกลับห่วงหา ห้าปีต่อมา สองคนได้พบกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอเปลี่ยนไป ส่วนเขากลับรู้หัวใจตัวเอง ******************** เพียะ! ใบหน้าหันตามแรงฝ่ามือ ชายหนุ่มนิ่งงัน มันชาไปทั้งแถบ นาฎสุรีย์มองมือตัวเอง มันกำลังสั่น เมื่อเขาหันมาสบตา เห็นสีหน้าแววตามันเปลี่ยนไป เธอชะงักตัดสินใจหันหลังคิดวิ่งหนี แต่ทว่าเรียวแขนกลับถูกคว้าเอาไว้ “คิดว่าทำแบบนี้ แล้วจะหนีไปงั้นเหรอ มันง่ายไปมั้ง” พูดจบ เขาเหวี่ยงร่างบางลงบนเตียง แล้วใช้เท้าถีบประตูปิดลง ก่อนล็อคอย่างแน่หนา “ช่วยด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที!” หญิงสาวร้องลั่น “แหกปากไปเลย เอาให้ดัง ห้องฉันเป็นห้องเดียวที่ไม่มีกุญแจสำรองไข ถึงมีก็ไม่มีใครก็กล้ามายุ่งหรอกนะ เพราะฉันเป็นคนยังไง ทุกคนรู้ดี” เขาส่งเสียงข่มขู่ นาฎสุรีย์จ้องมองอีกฝ่าย กัดริมฝีปากครุ่นคิดหาทางเอาตัวรอด เธอไม่ได้อยากตบหน้าเขา แต่เพราะคำพูดนั้นมันทำให้ระงับความโกรธไว้ไม่ได้เลย “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ก็นายพูดจาไม่ให้เกียรติกันเลย!” หญิงสาวพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ตอนนี้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ เสียเปรียบอย่างรุนแรง ทว่าแววตาของอีกฝ่าย กลับไม่เย็นลงเลยแม้แต่น้อย “ตอนนี้ต่อให้พ่นอะไรออกมา มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะฉันไม่ให้อภัยเธอ!” เขาตวาดลั่น คนใต้ร่างสะดุ้งสีหน้าตื่นกลัว มือหนาจับสาบเสื้อ ที่เคยถูกกระชากมาก่อนหน้า ออกแรงดึง แควก! มันขาดติดมือ เจ้าของเสื้อชะงักดวงตาเบิกกว้าง กรีดร้องขึ้นมาทันที พยายามดิ้นรนผลักดันอีกฝ่ายเพื่อให้พ้นจากการโดนกระทำ แต่ทว่าอารมณ์ของเขา กลับรุนแรงเกินกว่า เรี่ยวแรงเธอจะต้านทานเอาไว้ได้ “ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน ได้ยินไหม!” คนหน้ามืด ไม่ฟังเสียง ตอนนี้ในหัวเขาแค่ต้องการเอาคืน กับการกระทำไร้ซึ่งการไตร่ตรองของอีกคน คนอย่างพีรดล ไม่มีวันยอมให้ใครมาหยาม เท่าที่ผ่านก็ถือว่ายอมมามากพอแล้ว ริมฝีปากบางถูกฉกฉวยอย่างรวดเร็ว จนคนใต้ร่างร้องครางในลำคอ พยายามผลักไสอีกฝ่าย แต่ร่างกายนั้นกลับไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อยเลย มือหนาลูบไล้ไปตามสัดส่วน ทำเอาเลือดในกายชายหนุ่มเริ่มร้อนฉ่า กระโปรงนักศึกษาถูกรั้งออก เจ้าของน้ำตาเริ่มคลอ ความหวาดกลัวแล่นพล่าน เธอไม่น่าโมโหจนน่ามืด แล้วหลงลืมไปว่า แท้จริงแล้วพีรดลเป็นคนเช่นไร หมดสิ้นแล้วซึ่งหนทางเอาตัวรอด อยากหลับโดยไม่รับรู้อะไรอีกเลย เขาถอนริมฝีปากจ้องมองอีกคน เห็นน้ำตาเธอกำลังไหลรินออกมา ทว่ามันได้ทำให้รู้สึกสงสาร เมื่ออารมณ์ตอนนี้มันกระเจิงไปไกล นาฎสุรีย์มีดีกว่าที่คิด เรือนร่างเย้ายวน ตรงหน้าทำเอาหายใจแทบไม่ออก ตัวตนแข็งขืนจนแทบปริแตก มันกำลังต้องการปลดปล่อย “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง นายอย่าทำอะไรฉันเลยนะ...” เธออ้อนวอนทั้งน้ำตา “มันสายไปแล้ว เธอไม่ควรเข้ามาที่ห้องฉันตั้งแต่แรก...” เขาตอบเสียงรอดไรฟัน จะให้ผละไปได้ยังไง ในเมื่อเธอทำให้เขาแทบคลั่งแบบนี้
เธอถูกจ้างให้แย่งชิงชายคนหนึ่ง ทว่าหญิงคนนั้นเสียใจจนฆ่าตัวตาย เธอจมอยู่กับความเสียใจจนกระทั่งได้พบกับเขา ชายผู้เอื้อมมือมาปลุกปลอบและทำลาย
เพราะความผิดพลาดในค่ำคืนนั้น ทำให้นรีกานต์และกวีวัธน์ต้องแต่งงานกัน ทว่าเขากลับยังคงมีเยื่อใยต่อคนรักเก่าอยู่ เธอจำต้องเดินออกมา เพื่อให้เขาได้สมหวังกับคนรัก แม้กำลังตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม ทว่าเขากลับตามหา เพื่อทวงสิทธิ์ของความเป็นสามีและพ่อของลูกกับเธอ ******************************* ปัง! ประตูปิดลงร่างเธอถูกโยนลงบนเตียง รีบลุกพรวด จ้องมองอีกฝ่ายแววตาตื่นตระหนก “นี่คุณทำบ้าอะไร ไม่ตลกแล้วนะ!” เธอตวาดลั่น “ฉันก็ไม่ตลกเหมือนกัน มาอยู่ที่นี่เพราะต้องการเป็นเมียฉันไม่ใช่หรือไง นี่ไง! กำลังจะทำให้ เธอมาได้จังหวะพอดีเลย ฉันกำลังว่าง กำลังโสด แต่ก่อนแต่ง ฉันขอเช็คของหน่อยก็แล้วกัน ว่ามีดีแค่ไหน!” คนตัวเมากระโจนเข้าหา นรีกานต์รู้ในทันทีว่า ชีวิตตนเองกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว กระโจนหนีด้วยความหวาดกลัว วิ่งตรงไปหาประตู ทว่าเรียวแขนกลับถูกคว้าไว้ กระชากร่างบางเข้าหาจนปะทะแผงอก มือยกทุบตีจิกข่วนอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน แต่เหมือนเขาไม่สะเทือนเลยสักนิด “ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที!” ไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือต่อ ริมฝีปากถูกปิดอย่างรวดเร็ว “อื้อ!” ร่างถูกตรงบนเตียง เรียวแขนรวบไว้เหนือศีรษะ น้ำตาคนโดนกระทำไหลริน เมื่อรู้ว่าตนเองหมดหนทางรอดในคราวนี้ เขาชะงักจ้องมองใบหน้าของคนใต้ร่าง น้ำตาของผู้หญิงมันไร้ความหมายสิ้นดี มารยาแบบนี้ เห็นมาจนสะอิดสะเอียนแล้ว “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันกลัวแล้ว...” “หยุดพูดให้รำคาญสักที นอนเฉยๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็มีความสุขเอง!”
เธอยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อความรัก แต่คนรักกลับมีคนอื่น เธอเลยตัดสินใจแต่งงานกับเขา เพื่อเอาคืนคนพวกนั้น โดยหวังให้เขาคือเครื่องมือระบายความแค้น ทว่าเป็นเธอเองที่ตกหลุมกับดักที่ตนเองวางไว้ ใครจะรู้ว่าเขาจะนำพาให้เธอตกอยู่ในห้วงอารมณ์พิศวาส จนอยากจะถอนตัว
เพราะวัยเพียงสิบสี่มิลันดาถูกปฏิเสธความรักที่มีให้กับคมฉณัฐอย่างไร้เยื่อใยความเสียใจทำให้เด็กสาวตัดสินใจเรียนต่อเมืองนอก คมฉณัฐจะทำเช่นไรเมื่อกลับมาเด็กสาวกลายเป็นสาวสะพรั่งดีกรีศัลยแพทย์เกียรตินิยม
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน