ฉันจะต้องร้ายที่สุด ฉันจะต้องงามที่สุดในปฐพีและฉันจะต้องเก่งที่สุด 'หม่านซื่อหลิง'สาวโชคร้ายผู้เกิดอุบัติเหตุ(นอน)เสียชีวิตและได้รับชีวิตใหม่ในร่างนางร้าย!
ฉันจะต้องร้ายที่สุด ฉันจะต้องงามที่สุดในปฐพีและฉันจะต้องเก่งที่สุด 'หม่านซื่อหลิง'สาวโชคร้ายผู้เกิดอุบัติเหตุ(นอน)เสียชีวิตและได้รับชีวิตใหม่ในร่างนางร้าย!
"คุณหนูเจ้าคะ แย่แล้วเจ้าค่ะ!" บ่าวรับใช้มวยผมสองข้างวิ่งเข้ามาหาร่างบางที่ที่นั่งปลูกผักอยู่ในบริเวณจวนของตนอย่างมีความสุข
แต่ความสุขของนางก็ต้องเป็นอันจบลงเมื่อคนที่ได้ชื่อว่าพ่อผู้มิเคยหันหัวมามองนางเลยในคราเดียว เพราะนางดื้อรั้นเป็นที่สุด ได้กลับมาที่จวน
"คนพรรณนั้นอย่าสนเลย เอาเวลามาทำมาหากินยังมีประโยชน์กว่าเยอะ" หญิงสาวพูดไปพลางปลูกผักไป
"มะ..ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู! หากท่านเสนาบดีไม่เจอคุณหนูที่นั้นข้ากับท่านจะโดนโบยเอาได้นะเจ้าคะ" บ่าวรับใช้พูดขึ้นพร้อมกับหยิบจอบของร่างบางไปเก็บเข้าที่
"นิ! เจ้าทำอะไรนะ ปลอบจอบเดี๋ยวนี้นะ"
"หากท่านไม่ไปข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าคะ ไปแค่เคอเดียวไม่ตายหรอกนะเจ้าคะคุณหนู" หญิงทั้งสองพลางดึงจอบกันไปมาก่อนร่างบางจะเป็นฝ่ายปล่อยจอบไป
ข้ามิอยากไปเลยเห็นหน้าแล้วแทบเอียน พอเห็นสายตาเหยียดหยามพวกนั้นตัวเราก็แทบอยากจะเดินหนีเสียอย่างนั่น หน้ารำคาญ ทำไมข้าจำต้องเกิดมาอยู่ในร่างเด็กนี้ด้วยนะ!
ทั้งๆที่ตัวเลือกมีมากมายแท้ๆเหตุใดจึงมิยอมให้ตัวข้านั้นเกิดมาอยู่ในร่างนางเอกเสียเล่า
"เจ้ายืนงงอะไร ไปเตรียมชุดให้ข้าสิจะได้รีบๆไปรีบๆกลับ!" ร่างระหงพูดขึ้นก่อนบ่าวรับใช้จะฉีกยิ้มดีใจขึ้น นางรีบวิ่งเข้าไปในจวนหลังเล็กภายในมีเสียงกุกกักเล็กน้อยเหมือนกำลังหาบางอย่าง
'เฮ้อ... ข้าควรทำเช่นไรดีจะกลับไปที่โลกเดิมก็ไม่ได้จะหนีก็ไม่มีที่พึ่งพิงเสียด้วยสิ ข้าละอยากถอนหายใจเป็นสีรุ่งเสียจริง'
ร่างระหงพลางครุ่นคิดหนัก แต่นางจำต้องจำใจอยู่ต่อไป ตลอดชีวิต นางอยากตายอีกรอบแม้คราวจะได้ไปอยู่ในปรโลกก็ตาม
____________________________________
"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูงามมากเลยเจ้าค่ะ" ร่างระหงพลังมองกระจกทองเหลืองที่สะท้อนใบหน้าของตนแม้เลือนลางนักแต่รับรู้ได้ว่ามันสวยงามมากจริงๆ
"ฝีมือแต่งหน้าของข้าไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว" ร่างระหงชูสองนิ้วขึ้นแนบใบหน้า จนทำให้บ่าวของตกอยู่ในอาการงุนงงและยังทำตัวไม่ถูกกับกิริยาของเธอ
"สองรองใคร? คืออะไรเจ้าคะ" บ่าวร่างเล็กเปล่งวาจาใส่เธอด้วยความงุนงงสงสัย
"เอาเป็นว่ามันมีความหมายดีละกัน" นวลระหงส์ยิ้มหวามใส่บ่าวที่กำลังยืนอยู่ข้างหลัง
"เจ้าคะคุณหนู" บ่าวรับใช้เอ่ยตอบพร้อมยิ้มน้อยๆให้เธอ
ในชีวิตของฉันสิ่งที่ฉันไม่อยากทำที่สุดคือการพบเจอครอบครัว(ลวงๆ)ของตัวเอง... แต่ว่าในเมื่อมันเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องจำใจ แม้ในสายตาของทุกคนจะคิดว่าฉันเป็นคนเลวทรามก็ตาม
เพราะอะไรนะเหรอก็เพราะเจ้าของร่างเก่าล่ะสิ พาลกับคนอื่นเขาไว้เยอะจนสุดท้ายตนเองก็กลับจนตรอก ในที่สุดก็สิ้นใจเพราะตัวพระ ไปรักกับตัวนาง เห้อ..น่าสงสารๆ
ฉันพยายามหาทางกลับโลกปัจจุบันแต่มันก็ทำไม่ได้ แม้จะกลับไปในที่เดิมๆก็แล้ว ทำอะไรอะไรบ้าๆก็แล้วผลสุดท้ายก็ต้องจำใจรับชีวิตที่เหลือของ 'นางร้าย' ในนิยายที่ตนเองอ่าน
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ หลายเดือนที่แล้ว
____________________________________
1 เดือนก่อนเกิดเรื่อง
ณ มลฑลชานซี ประเทศจีน
'บริษัท หลิวเหว่ย กรุ๊ป'
' ฟึบ ฟุบ ฟึบ ฟุบ ' เสียงลุกๆนั่งๆของร่างนวลระหงบนเก้าอี้หนังตัวโปรด
"นี้ๆ ซื่อหลิง ถ้าเธอจะลุกๆนั่งๆอย่างนี้ ฉันว่าเธอเดินไปหานางเองเลยดีกว่านะ" เสียงเพื่อนสาวคนสนิทเรียกบัดดี้ของตน
"อึ๋ย~ ลี่จางเธอเห็นรึป่าวพอนางได้รับคำชมจากหัวหน้าก็ทำเป็นเขินชักดิ้นชักงอ เหอะ!" ร่างระหงมองหญิงสาวตรงหลังแผ่นกั้นด้วยสีหน้าดุร้ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนเธอจะสะบัดก้นของตนนั่งเก้าอี้อย่างเป็นสุข
เธอเป็นคนขี้รำคาญคนที่ชอบประจบประแจงคนโน่นนั้นคนนี้ ทำไมชอบคำชมนักรึไง ที่เธอพูดหวานใส่บ้างทำเป็นหยิ่งใส่นางคิดว่านางดีมาจากไหนห้ะ!
"เอาน่าๆ เรากลับหอกันดีกว่าอย่ามัวมานั่งมองเสนียดสายตาเลย ฉันเห็นว่าเธอซื้อนิยายมาอ่านด้วยนี้หน่าฉันละอยากลองไปอ่านจะตายอยู่แล้วล่ะ" ลี่จางมองคนหน้างอข้างๆ
เธอคิดว่าเพื่อนสาวของเธอเป็นไบโพล่าเพราะเดี๋ยวหล่อนก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย แต่สิ่งที่ทำให้ฉันชอบเธอคือการที่เธอนั้นเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมีความสุข
"เหอะ! ก็ได้กลับก็กลับ!" หญิงสาวทั้งสองลุกขึ้นเก็บโต๊ะสะพายกระเป๋าข้าง สาวเท้าฉับออกไปจากออฟฟิต ตรงดิ่งไปหอพักของตน
____________________________________
ณ หอพัก
ไม่กี่ชั่วโมงหลักจากกลับมาจากออฟฟิตฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนกระโดดกลิ้งลงบนเตียงนิ่ม มือเรียวพลางหยิบหนังสือเล่มใหม่มาอ่าน
หัวใจเธอโลดเต้นจนแทบจะกระโดดออกมานอกอก เธอนำมือเรียวของตนลูบไปบนปกหนังสือหนาอย่างเปี่ยมสุข
เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างเข้มข้นจนคนติดนิยายอย่างเธอไม่สามารถปล่อยมันออกไปได้ นางเอกก็เป็นขุนแม่ผู้แสนดีเหลือเกิน ส่วนนางร้ายก็แสนร้ายเหลือคำบรรยาย
นิยายดำเนินมาถึงตอนจบแล้ว ร่างระหงที่นอนราบอยู่บนเตียงถอนหายใจดังเฮือก 'เธอยังอ่านไม่ทันสนุกจบอีกละ' นางคิดอย่าท้อแท้จนที่สุดแล้วเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงหน้าสุดท้าย
ร่างระหงอยากรู้เหลือ พระเอกจะคิดอย่างไรกับนางเอกกันแน่ ต่อให้หลับหูหลับตาก็รู้อยู่ว่านางเอกมีใจให้ พระเอกคงไม่ต่างกันนักหรอก แต่เธอสงสารตัวร้ายมากกว่าที่สุดท้ายนั้นตายอย่างน่าเวทนายิ่ง
'ตุ๊บ!' ท่อนไม้หนากระแทกเข้ากลางหลังของร่างระหงอย่างแรง จนคนที่นอนอยู่ถึงกับสะอึก
"อึก! โอ้ย!" สายตาของร่างระหงพร่ามัวจนมองไม่เห็นสิ่งใด
"โอ้ย ใครก็ได้... ลี่จาง..." เธอพลิกตัวไปทางที่ท่อนไม้ฟาดมา ก็ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ปลายเตียง ใครกัน..โอ้ยเจ็บ นี่ฉันไปทำอะไรให้
' แล้วม่านตาของเธอก็ปิดลง '
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
กาย กันต์ธีร์ พิสิฐกุลวัตรดิลก ฉายาราชาแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ หนุ่มหล่อแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์เอกคอมพิวเตอร์ ปี 4 เขาหล่อ เขาเฟียร์ส เขาเฟี้ยว เขาซ่าส์ แต่โคตรทะลึ่ง และสุดแสนจะทะเล้น จีบหญิงไม่เก่ง แต่ผมเยเก่งนะครับที่สำคัญผมโสดสนิท!!แต่อยู่ดีๆดันมาเสียหัวใจให้กับยัยตัวร้ายแบบเธอ!!!อลิส อังสุมาลิน "รักนะไอ้ต้าวลิส" อลิส อังสุมาลิน ฐิศานันตกุล นิเทศศาสตร์ ปี 2 เธอสวย เธอเซ็กซี่ เจ้าแม่แห่ง Sex appeal ปากไม่แดงไม่มีแรงเดิน ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอตบ!!หลงรักกายหนุ่มหล่อแสนเจ้าเล่ห์ที่อยู่ๆก็มาจูบปากเธอ แถมเล่นเกินเบอร์เรียกเธอว่าเมีย!! น่ารักเบอร์นี้อลิสยินดีตกหลุมรักจ้ะพี่จ๋า ชาตินี้ไม่ได้พี่กายเป็นผัว อลิสจะโสดคอยดู!!ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก🥰มารยาหญิงร้อยเก้าเล่มเกวียนงัดมาให้หมด ☺️☺️ "รักนะน้อนพี่กาย"
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
ซุนเหยา เจ้าของร้านอาหารจีน ที่มีอยู่หลายสาขาทั่วประเทศ เธอทำงานหนักจนหมกสติไป เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวแปดคนหาม สวมชุดแดงมงคล กำลังจะเข้าพิธีแต่งาน
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด