‘กากี’ คือฉายาที่เขาตั้งให้ผู้หญิงมากรักอย่างหล่อน ทว่าเพียงได้สบตา ครุฑหนุ่มร้อนรักอย่างเขากลับเปลี่ยนใจลักพานางกากีทะยานสู่วิมานฉิมพลี ++++ เมื่อครุฑหนุ่มร้อนรักอย่าง ‘อินทรี’ ตัดสินใจลักพานางกากีอย่าง ‘ธนิษฐา’ ไปสู่วิมานฉิมพลี เขาจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอด้วยวิธีใด หรือต้องถอดหัวใจวางไว้เป็นเดิมพัน +++++ บรรยากาศแห่งค่ำคืนเป็นใจ ธนิษฐาปล่อยร่างกายและหัวใจให้เป็นของอินทรีอย่างสมบูรณ์ ทว่าวิมานที่โบยบินขึ้นไป กลับกลายเป็นรังครุฑบนกองเพลิง ธนิษฐากรีดร้องสุดเสียงเมื่อฝ่ามือร้อนๆ ของเขาสอดแทรกเข้าสู่บิกินีตัวจิ๋ว ดอกไม้กลีบบางถูกฝ่ามือร้อนรุกราน ‘ต้องไม่ใช่แบบนี้... ไม่ใช่... เขาต้องไม่รุนแรงกับเธอแบบนี้’ “คุณอินทรีปล่อยดาวเถอะนะคะ อย่าทำรุนแรงแบบนี้กับดาว ดาวยังไม่...” “อย่าบอกนะ ว่ายังไม่เคย ฮึ! ร้างผัวมานานมันก็อย่างนี้แหละ ธนิษฐาฟังฉันนะ ชื่อเธอน่ะไม่เหมาะกับดวงดาวหรอก แต่มันเหมาะกับนางกามากกว่า และนางกากีอย่างเธอก็สมแล้วที่ต้องเจอแบบนี้” อินทรีเข่นเครียดคำพูดประชดประชัน เพราะ ‘ธนิษฐา’ นอกจากจะแปลว่า ‘ดาวเศรษฐี’ แล้วนั้น ยังแปลว่า ‘อีกา’ อีกด้วย เหมาะแล้วสำหรับนางกากีอย่างเธอ
“กรี๊ดดดดด...”
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่ดังลั่นทำให้บรรดาแขกเหรื่อที่กำลังจะเดินทางกลับและเจ้าภาพที่ยืนส่งแขกอยู่หน้างานพร้อมใจกันมองไปยังที่มาของเสียงอย่างตื่นตกใจ ก่อนที่เจ้าภาพทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะวิ่งตรงไปยังทิศทางซึ่งก็คือ ห้องหอที่เพิ่งส่งตัวบ่าวสาวเข้าไปได้ไม่ถึง 5 นาทีดี แต่ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูคนจากด้านในก็เปิดออกมาเสียก่อน ใบหน้าสวยตื่นตระหนกเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาร่ำร้องเรียกหาให้คนช่วยเจ้าบ่าวของเธอ
“ช่วยด้วยค่ะ... ช่วยด้วย ช่วยเขาด้วย อย่าให้เขาเป็นอะไรไปนะ ช่วยด้วย... ฮือ...”
ร่างงามระหงในชุดเจ้าสาวสีขาวดูบอบบางน่าทะนุถนอมทรุดลงแทบพื้นพลางสั่นสะอื้น เพราะเธอไร้เรี่ยวแรงใดๆ ที่จะพยุงร่างกายให้ลุกขึ้นได้อีกแล้ว ดวงตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาได้แต่มองบรรดาญาติของฝ่ายชายและเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่ต่างพยายามช่วยปฐมพยาบาลเจ้าบ่าวหมาดๆ ของเธออย่างต่อเนื่อง
ความโกลาหลเกิดขึ้นรอบตัว ทว่าไม่ว่าในห้องหอรอรักที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามนี้จะมากมายไปด้วยผู้คนเข้าออก ทั้งญาติของเจ้าบ่าวที่เดินไปมา ทั้งเจ้าหน้าที่ของรถบริการฉุกเฉินที่รีบเร่งเข้ามาพร้อมอุปกรณ์กู้ชีพอย่างเร่งด่วน แต่เธอกลับไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว ในหัวสมองมีเพียงเสียงหวีดหวิวแปลกๆ ปะปนมากับเสียงกรีดร้องในโชคชะตาของใครบางคน ก่อนที่แสงไฟสว่างเจิดจ้าจะค่อยๆ หรี่แสงและมืดดับลง
แค่ไม่ถึง 24 ชั่วโมง บรรยากาศความสุขอบอวลไปด้วยความหวานของงานวิวาห์ก็กลับกลายเป็นความทุกข์ระทม ชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ถูกผลัดเปลี่ยนเป็นชุดเดรสลูกไม้สีดำยาวคลุมเข่า ‘ธนิษฐา’ มองตรงไปยังโลงศพสีขาวประดับลวดลายเทพพนมและตัวหงส์สีทองขนาบซ้ายขวา อีกทั้งยังประดับประดารอบด้านด้วยดอกไม้สีขาวหลากชนิดเสมือนประหนึ่งว่าผู้ที่หลับใหลอยู่ด้านในของโลงนั้นกำลังนอนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่งดงามแห่งนี้
และเธอคงจะมองเห็นโลกสวยงามมากกว่านี้หากว่าคนที่นอนอยู่ด้านในนั้นจะไม่ใช่ ‘ทวิช’ เจ้าบ่าวหมาดๆ ของเธอ ที่เกิดอาการหัวใจล้มเหลวฉับพลันทั้งที่เพิ่งส่งตัวเข้าหอได้ไม่ทันถึง 5 นาทีด้วยซ้ำไป
ดวงตาสวยหวานที่ฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตามองเลยไปที่รูปภาพขนาดใหญ่ เขายังคงมองตรงมายังเธอด้วยรอยยิ้มเหมือนในทุกๆ ครั้งที่ได้พบ เธออาจไม่มีทางเลือกในชีวิตได้มากนัก เพราะความจำเป็นในครอบครัวและเหตุผลของบุพการีที่เธอปฏิเสธไม่ได้ ทำให้เธอแต่งงานกับใครก็ได้ที่พร้อมจะรับในเงื่อนไข แต่เธอก็ไม่เคยอยากให้ใครต้องตายจากไป เมื่อแต่งงานแล้วเธอก็อยากเป็นภรรยาที่ดีของเขาเหล่านั้น ไม่ได้อยากเป็นม่ายทั้งที่ยังไม่ข้ามวัน
“แกมาทำไม๊! อีคนกินผัว ฮือ... ลูกฉันไม่น่าซวยมาเจอแกเล๊ย! อีกากี อีผู้หญิงกินผัว อีผู้หญิง 3 ผัว ฮือ... ออกไปเลยนะ ออกไปจากงานลูกฉัน และอย่าเอาหน้าของแกมาให้พวกฉันเห็นอีก อีเสนียด อีจัญไร ไป๊! ใครมาเอาอีนี่ไปโยนทิ้งที เอาออกไป๊! ออกไป๊!”
ธนิษฐาสะดุ้งตกใจลุกขึ้นในทันที ขนาดว่าเธอเลือกที่จะมานั่งหลบมุมอยู่ตรงนี้เพราะไม่อยากให้ญาติทางฝ่ายเขาเห็นแต่ก็ยังหลบไม่พ้น เธอแค่อยากจะมากราบศพเขา อยากมาแสดงความเห็นใจต่อกันเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่าทั้งแม่และยายจะเตือนแล้วว่าอย่ามาก็ตาม เพราะคงไม่วายที่เธอจะต้องเจอสภาพแบบนี้ เพราะนี่มันครั้งที่ 3 แล้วสินะ เหตุการณ์ซ้ำๆ ที่เธอต้องผ่านไปให้ได้
“หนูขอโทษค่ะ หนูแค่อยากมากราบพี่วิชเขาเป็นครั้งสุดท้าย คุณแม่คะ หนูไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้”
ธนิษฐาพนมมือไหว้ขอโทษมารดาของทวิช ก่อนจะก้มหน้าซ่อนหยาดน้ำตาเพราะความแค้นเคืองจากดวงตาหญิงสูงวัยนั้น คือ เธอเป็นฆาตกรที่ฆ่าลูกชาย
“อย่ามาเรียกฉันว่าแม่ ถ้าฉันรู้มาก่อนว่าแกมันคนกินผัว ฉันจะไม่ยอมให้ตาวิชไปแต่งงานกับแกแน่ ออกไปจากงานลูกฉันเดี๋ยวนี้นะ ถ้าแกไม่ไปฉันจะเรียกตำรวจมาลากคอแก ออกไป! อีฆาตกร! แกฆ่าลูกฉัน อีกากี อีคนกินผัว ออกไป! ออกไป๊! เอิ๊ก...”
ธนิษฐาผวาจะเข้าไปประคองแม่ของทวิชที่ด่าว่าเธอจนเป็นลม แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจพร้อมรีบออกมาโดยเร็วเพราะบรรดาพี่ป้าน้าอาของทวิชที่เข้ามาร่วมสมทบด่า ทำท่าว่าจะลงไม้ลงมือกับเธอ ถ้าเธอยังไม่ออกไปจากงานตามคำไล่
“หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ หนูไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ หนูขอโทษ”
แม้ใบหน้าจะนองไปด้วยน้ำตาและหัวใจก็อ่อนล้าเสียจนไม่อยากจะสู้หน้าใครในขณะนี้ แต่ก็ต้องพยายามพาตัวเองเดินฝ่าฝูงชนที่มองเธอราวกับเป็นตัวประหลาด อีกทั้งเสียงด่าทอก็ยังลอยลมมาให้ได้ยินตลอดทางมาจนถึงลานจอดรถด้านนอก
ธนิษฐาก้าวขึ้นไปนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในรถ ดวงตาสวยหวานเอ่อช้ำไปด้วยหยาดน้ำตายังคงไหลอาบไม่ขาดสาย เธอยังคงมองตรงไปยังศาลาที่เห็นแสงไฟอยู่ไกลๆ นั่น เธอไม่โกรธแม่และญาติๆ ของเขาเลยสักนิดเพราะ ‘น้ำตา’ ของเธอไม่มีค่าอะไรเลยเมื่อเทียบกับหยาดน้ำตาของพ่อแม่และญาติพี่น้องของเขาเหล่านั้น ของผู้ชายที่เธอเคยแต่งงานด้วยทุกคน
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"