ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
“โอว... ซี้ด... โอววว... ซี้ด... ดี... โอว... เยี่ยมสุดๆ โอวววว... แรงอีกค่ะ แรงอีก โอว... ซี้ด...”
พับ! พับ! พับ!
นั่นคือเสียงครางกระเส่าที่สอดประสานกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อเป็นจังหวะรัวเร็ว จะว่าเบาก็เบา จะว่าดังชัดก็อาจใช่ เพราะในบริเวณที่กลางเต้นท์หน้ารีสอร์ทนี้เงียบสงัดไร้เสียงแมลงกลางคืน จะมีก็เพียงเสียงไม้ฟืนจากกองไฟที่แตกดัง ‘เปรี๊ยะเปรี๊ยะ’ เนื่องจากฟืนถูกความร้อนเผาไหม้
ใช่... ตอนนี้เธอนอนอยู่ในเต้นท์หน้ารีสอร์ทแห่งหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของภาคเหนือ ที่เลือกนอนเต้นท์แม้จะเป็นช่วงเดือนธันวาคมที่อากาศหนาวจัด ก็เพราะตอนจองนั้นเธอมีคู่ คู่ที่เคยเป็น คู่รัก คู่ครอง คู่หมั้นคู่หมายจนถึงกำหนดวันแต่งงานไว้แล้ว
’14 กุมภา วันวาเลนไทน์’
เสียงเพลงลูกทุ่งแว่วหวานของนักร้องชายผู้วายชนม์ดังแว่วมาในความคิด ก่อนที่เสียงจากนักร้องหญิงสาวสวยจะดังแทรกขึ้นมา
‘ไม่อยากให้ถึงวันวาเลนไทน์ 14 กุมภา คราใด หัวใจร้องไห้ทุกครั้ง’
เพราะนั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงในเวลานี้ ยามนี้แค่ต้องมานอนเต้นท์คนเดียวกลางลมหนาว เธอก็บอบช้ำมากที่สุดแล้ว หากให้ถึงวันวิวาห์ตามที่ผู้ใหญ่พูดคุยและตามที่เธอบอกเพื่อนๆ ไป เธอจะไม่ยิ่งช้ำใจจนตายหรอกหรือ
เพราะสถานภาพของเธอตอนนี้ก็คือ ‘โสดสนิท’ ชนิดที่ใครๆ ก็ส่ายหน้าด้วยความสงสาร หรือเวทนาเธอก็ไม่รู้ได้ ที่รู้แน่ๆ ไม่แช่แป้งก็คือ ตอนนี้เธอนอนคนเดียวในเต้นท์ขนาดกว้างสำหรับนอนได้ 4 คน
‘อาร์ตซื้อเต้นท์ใหญ่ไปเลยเถอะ พื้นที่เหลือเราจะได้ไว้เก็บของไง ถ้าอาร์ตซื้อแบบนอนได้สองคน มันก็จะเบียดนะ’
‘เบียดน่ะสิดี อาร์ตจะได้กอดเหมี่ยวไง จะกอดแน่นๆ ไม่ปล่อยเลยล่ะ อากาศจะหนาวแค่ไหนก็ทำอะไรอาร์ตไม่ได้หรอก เพราะอาร์ตมีเหมี่ยวให้ไออุ่น’ สายตาสื่อความหมายของอาร์ตในเวลานั้นทำให้เธออายจนต้องทุบปึกที่อกของอาร์ต
“อุ่นควายน่ะสิ สุดท้ายก็เหลือกูอยู่คนเดียว”
น้ำเสียงเคืองๆ ปนหงุดหงิดพูดกับตัวเอง เพราะทั้งตั้งขนาดใหญ่จุคนได้ 4 คนนี้ มีเธออยู่คนเดียวจริงๆ นอนคนเดียวก็แห้วพอทนแล้ว ดันต้องมานอนฟังเสียงคน... กันอีก
ฟ้าช่างไม่ยุติธรรมกับเธอเลย ในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือที่เรียกว่า ‘คืนเคาท์ดาวน์’ ในขณะที่ใครหลายๆ คนมีคู่ พาคู่มาจู๋จี๋ดู๋ดี๋กันบนดอยแต่เธอกลับต้องซุกตัวอยู่ในเต้นท์เพราะไม่อยากออกไปเจอภาพบาดตาบาดใจ
แต่เธอคิดผิด เพราะถึงไม่เห็นภาพแต่ก็ได้ยินเสียง และเธอจะข่มตาข่มใจให้หลับได้ยังไงกัน แต่จะโทษใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ตัวเธอเอง
‘แกจะไปทำไมเหมี่ยว ไปให้มันเจ็บเหรอ’
‘ก็เพราะมันเจ็บไง ฉันก็เลยต้องไป’
‘นี่แกอย่าบอกนะว่า แกตัดใจจากไอ้อาร์ตมันไม่ได้จริงๆ อ่ะ’
นั่นคือคำถามจากเพื่อนเมื่อรู้ว่าเธอจะขึ้นเหนือมาที่นี่ตามแพลนเดิมที่วางไว้ ก่อนที่จะรู้ว่า ‘อาร์ต’ คู่รักของเธอไปทำผู้หญิงในที่ทำงานของท้อง และนั่นก็ทำให้แพลนงานวิวาห์ของเธอต้องล่มไม่เป็นท่า
แม้ว่าอาร์ตจะยังมาร้องขอโอกาส บอกว่าจะรับผิดชอบแต่เด็ก แต่ไม่เอาแม่เด็ก เพราะแค่เล่นสนุกกันชั่วครั้งชั่วคราวไม่คิดว่าผู้หญิงจะท้อง แต่เธอก็รับไม่ได้หรอก
ผู้ชายที่ไม่ซื่อสัตย์ ขนาดยังไม่แต่งงานยังทำได้ขนาดนี้ ถ้าแต่งกันไปแล้วจริงๆ คงไม่มีใครจะการันตีให้เธอได้ว่า วันหนึ่งคนจะไม่กลายเป็น ‘สัตว์’ ไปจริงๆ ถึงตอนนั้นเธออยากกลายเป็นคนฆ่าสัตว์ก็ได้
‘ก็นี่ไง ฉันจะพิสูจน์ว่าตัดใจได้จริงๆ เพราะถ้าฉันหายเจ็บก็แปลว่าอาร์ตไม่มีความหมายกับฉันอีก ดีไม่ดี บรรยากาศเป็นใจ ฉันอาจมีแฟนใหม่มาอวดแกก็ได้นะโว้ย’
ระหว่างคิดเพื่อให้ลืมเสียงเร่งเร้า แต่เสียงคู่รักเต้นท์ข้างเคียงก็ทำให้อากาศหนาวรอบกายของเธอกลายเป็นอุ่นวาบซาบซ่านขึ้นมาอีก
“โอว... ซี้ด... พี่จักรคะ แรงอีก ซี้ด... โอว... แรงอีกค่ะ พี่จักรขา... น้องดาเสียว... โอว... โอว...”
“อูย... พี่ก็เสียว ซี้ด... น้องดาจ๋า... สุดยอด โอว... โอว...”
เหมี่ยวกัดฟันกรอด พลิกร่างไปมาซ้ายขวา ดึงหมวกให้ลงมาปิดที่ใบหู หวังจะให้เสียงเหล่านั้นเบาลง แต่เธอกลับได้ยินชัดขึ้นอีก
“อึ๊ย! ถ้ารู้ว่ามาแล้วจะเจอแบบนี้ กูไม่มาหรอก และอีพี่จักรกับน้องดานี่ ก็ฟินกันไม่เลิก โอย... จะกระแทกกันให้เต้นท์พังเลยมั้ง ไม่คิดจะสงสารใครเลย เมื่อไหร่จะเลิกสักที”
บ่นพร้อมซุกตัวหาผ้าห่มมากขึ้นอีก แต่เสียงนั้นก็ยังตามมาหลอกหลอน
“โอว... ซี้ด... โอว... พี่จักรขา กระแทกน้องดาจนเคาท์ดาวน์เลยนะคะ”
“ได้สิจ๊ะ พี่ตามใจน้องดา อูย...”
“น้องดาอยากเคาท์ดาวน์กับพี่จักร อยากให้พี่จักรเด้าไม่หยุด โอว... ซี้ด... โอว... ซี้ด... โอว... พี่จักรขา... เยี่ยม... อื้อ... ซี้ด... น้องดาเสียว... โอว...”
“พี่จักรก็เสียวมากจ้ะ ซี้ด... เมียจ๋า... ผัวเสียวสุดๆ ซี้ด... โอว...”
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
รักต้องห้าม เป็นนิยายที่ขับเคลื่อนด้วยความรักและเซ็กซ์! ประเภทที่ว่า ‘รักแล้วทำอะไรก็ไม่ผิด’ หรือ ‘ด้วยความสมยอม’ ‘นิชชา’ หญิงสาวที่มีความหลงใหลให้กับคนที่ไม่คู่ควร ทว่า... หากใจมันหลงไปแล้ว หล่อนจะทำยังไง ถอยห่าง หรือ ก้าวเข้าหา ในเมื่อหัวใจร่ำร้อง และ กายเนื้อต้องการ +++++ ‘นีรนุช’ ลูกสะใภ้ตระกูลใหญ่ที่สามีไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่หล่อนก็พยายามเป็นสะใภ้ เป็นเมีย และแม่ที่ดีของลูก ทว่าสิ่งที่พลาดไปแล้วหล่อนกลับลืมไม่ได้ มันฝังใจ ลึกแน่น และพร้อมจะเรียกร้อง +++++ ‘นันทิยา’ ม่ายสาวไฮโซ ตั้งแต่สามีตายจาก หล่อนไม่คิดจะแต่งงานใหม่ เพราะไม่อยากให้ใครมาทำลายความทรงจำดีๆ ของหล่อนกับสามี แต่ความอยากที่ไม่ปรานีใคร ก็ทำให้นันทิยาร้อนรุ่ม +++++ ‘มีนา’ เข็ดกับรักครั้งแรกจนไม่คิดจะมีใครอีก แต่แล้วความรักก็หวนมาให้เจ็บแสบและซาบซ่าน และครั้งนี้ไม่ได้มาเพียง 1 แต่มาถึง 2 หล่อนควรทำอย่างไร ในเมื่อคนหนึ่งก็รัก แต่อีกคนก็หวั่นไหว
นิยายเรื่องนี้มีพระนาง2คู่ "อย่าหวังจะเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจับฉัน ผู้หญิงของฉันทุกคนก็สาวบริสุทธิ์ทั้งนั้นแล้วอย่าลืมคุมกำเนิด ถ้าไม่อยากทำแท้ง! เพราะฉันไม่มีทางมีทายาทกับผู้หญิงชั้นต่ำ" VS "อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้ แม้แต่ตัวนายถ้าฉันต้องการ นายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
หลี่เหมยลี่ นักธุรกิจสาวร่างท้วม เจ้าของฉายา ‘เจ้าแม่เงินล้าน!’ ได้หลุดเข้าไปเป็นตัวละครในนิยายที่เธอเพิ่งอ่านจบ และกลายเป็นหนึ่งในคนที่จะต้องถูกตัวร้ายอันดับหนึ่งอย่าง เว่ยเหวินจิ้ง ทรราชผู้ล่มแคว้น ส่งไปเป็นเมียน้อยพระเอก!! นางจึงต้องงัดทุกความสามารถ ใช้ทุกกลยุทธ์ที่มีเพื่อเอาตัวรอดจากการเป็นเครื่องมือในครั้งนี้… ‘โลกจริงมันช่างง่ายดาย… แต่การมีชีวิตรอดในโลกนิยายนี่สิ! มันช่างยากเย็นยิ่งนัก’ *นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการและความชอบส่วนตัวของไรท์เท่านั้น มิได้อิงหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นจริงหรือประวัติศาสตร์แต่อย่างใด ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ* นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณ อีโรติค NC20+ นะคะ
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด