ปาณิศา ยอมรับว่ามันเป็นความผิดของเธอ ผิดที่ไม่อาจรักษาสัญญาที่จะรอเขากลับมาเพื่อใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าเขาจะโกรธแค้นเธอนัก เธอยอมรับทุกความผิดนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่เธอไม่เคยนอกใจเขาเลย แม้เธอจะต้องแต่งงานกับชายอื่นรุ่นราวคราวพ่อ ทว่าหัวใจของเธอยังคงรักเพียงเขาคนเดียว “อยากให้ผมหยุดไหม? ถ้าคุณไม่ห้ามผมตอนนี้ ผมหยุดไม่ได้อีกแล้ว” ดวงตากลมโตจ้องมองเขา ในเวลานี้แววตาของเขายังมองเธอด้วยความรัก เธอยกมือขึ้นแตะแก้มของเขาเบาๆ คทาวุธจับฝ่ามือของเธอมาจูบไล่ที่ละนิ้ว ใบหน้าแดงกล่ำพยักหน้าอย่างเขินอาย ไม่รู้ว่าตัวเองเอาความกล้ามาจากไหน เธอไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน เมื่อเธอเต็มใจเขาก็ลุกขึ้นแล้วช้อนตัวคนตัวเล็กขึ้นในวงแขน เธอยกแขนขึ้นคล้องคอเขาซบหน้ากับแผงอกที่อบอุ่น ไม่กี่นาทีหลังของเธอก็แตะบนเตียงนอนของเขา
ปาณิศายอมรับว่ามันเป็นความผิดของเธอ ผิดที่ไม่อาจรักษาสัญญาที่จะรอเขากลับมาเพื่อใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าคทาวุธจะโกรธแค้นเธอนัก เธอยอมรับทุกความผิดนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่เธอไม่เคยนอกใจเขาเลย แม้เธอจะต้องแต่งงานกับชายอื่นรุ่นราวคราวพ่อ ทว่าหัวใจของเธอยังคงรักเพียงเขาคนเดียว
หญิงสาวในชุดบัณฑิตแย้มยิ้มถ่ายรูปกับครอบครัว บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีที่ลูกสาวคนเดียวเรียนจบระดับปริญญาตรีและยังได้เกียรตินิยมอีกด้วย ชายภาพหนุ่มถ่ายภาพให้บัณฑิตสาวอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทั้งที่อากาศร้อนและคนก็เยอะมาก
“ไหวไหมคทา” ปาณิศาถามด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าคมเข้มเต็มไปด้วยเหงื่อแต่เขาก็ยังดูหล่อเหล่าอย่างที่เคยเป็นมา
“แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก แป้งล่ะเป็นไงบ้าง” เขาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้เธอบ้าง
“สองคนนั้นนะ หันมานี่ดิ” เสียงเพื่อนร่วมคณะสั่ง ทั้งปาณิศาและคทาวุธหันไปพร้อมกัน ทั้งคู่ได้ยินเสียงลั่นชัตเตอร์ แล้วเพื่อนก็ยกนิ้วโป้งให้
“มีรูปคู่บ้าง เดี๋ยวได้ใช้ตอนแต่งงาน” เพื่อนหนุ่มออกปากแซวเล่นเอาปาณิศาอายหน้าแดงจัด
ด้วยความเขินอายปาณิศาขอตัวไปดูแลพ่อกับแม่ก่อน อากาศร้อนทำให้เธอค่อนข้างเป็นห่วงเพราะสุขภาพของพ่อที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก
“แป้งอยู่กับเพื่อนก่อนก็ได้ลูก แม่จะพาพ่อกลับบ้านก่อน เราค่อยไปฉลองกันต่อที่บ้านก็ได้จ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะแม่ เสร็จทางนี้แล้วหนูจะรีบกลับนะคะ”
“ไม่ต้องรีบหรอกลูก ยังไงพ่อก็รอได้ พ่อดีใจที่ได้อยู่จนเห็นลูกมีวันนี้”
ปาณิศาน้ำตาคลอ เข้ากอดพ่อแน่น มือใหญ่หยาบกร้านลูบหัวลูกสาวอย่างเบามือ แม้ว่าลูกสาวจะอายุยี่สิบแล้วแต่ก็ยังดูเป็นเด็กในสายตาของผู้เป็นพ่อเป็นแม่เสมอ เธอเดินไปส่งพ่อกับแม่ขึ้นรถแล้วก็เดินกลับมาหาคทาวุธที่ยืนรอไม่ไกลนัก
“วันนี้ผมผ่านไหม?”
คทาวุธถาม นอกจากเขาจะมาเป็นช่างภาพในบัณฑิตจบใหม่หมาดๆแล้ว ยังเหมือนมาเปิดตัวให้พ่อกับแม่ของคนรักได้รู้จักอย่างเป็นทางการด้วย ปาณิศาบีบจมูกเขาเบาๆแล้วยิ้มให้ ปาณิศาอายุน้อยกว่าคทาวุธปีเดียวแต่เธอก็เป็นรุ่นน้องของเขา ปาณิศาเรียนคุรุศาสตร์ในขณะที่คทาวุธเรียนวิศวะ สาวคุรุกับหนุ่มวิศวะมาเจอกันที่งานกีฬาของสถาบัน คทาวุธเป็นนักฟุตบอลที่มีสาวๆ กรี๊ดไม่น้อย ส่วนปาณิศานั่งอยู่ สแตนเชียร์ฝั่งคณะของเธอ แน่นอนว่าคณะวิศวะคว้าชัยชนะได้อย่างขาดลอย ขณะที่คทาวุธเดินเลี่ยงๆหลบสาวๆที่มารุมขอถ่ายรูปกับเขานั้น เขาก็ชนเขากับหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังก้มๆเงยๆเก็บขวดน้ำริมสนามฟุตบอล
“ทำอะไรของเธอนะ” เขาดุทั้งที่เป็นความผิดของตัวเองแต่ก็โทษเธอ
“ก็เก็บขยะไงคะ มันสกปรกนี่” ปาณิศาขมวดคิ้ว ผมยาวประบ่าเข้ากับผมม้าดูน่ารักสดใส
“เด็กปีหนึ่งเหรอ” เขาถามแกล้งทำหน้าเบื่อหน่ายแต่แอบสนใจเธอเข้าให้แล้ว
“ใช่ค่ะ พี่คทามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“รู้จักพี่ด้วยเหรอ” เขาชี้หน้าตัวเองแต่มั่นใจสุดๆ
“ใครๆก็รู้จักพี่คทาค่ะ” เธอยิ้มจนดวงตาหยี่ “แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะสนใจพี่นะคะ”
“แน่ใจแล้วเหรอถึงกล้าพูดแบบนี้” เขาสนุกกับคำท้าทาย
“มั่นใจซิค่ะเพราะแป้งไม่ใช่ผู้หญิงในสเป็กพี่คทาอยู่แล้ว”
คำพูดของปาณิศาเต็มไปด้วยความจริงใจใสซื่อไม่มีการท้าทายอย่างที่เขาคิด เธอเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไหร่ เป็นคนไม่มีจุดเด่นอะไรเลย พ่อกับแม่รับราชการทั้งคู่ ชีวิตเรียบๆไม่หวือหวาแต่นั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เพราะเธอชอบอยู่แล้ว แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดเมื่อคทาวุธมาดักรอพบเธอที่ตึกคณะ เธอกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งคณะเลยทีเดียว
“ถ้าคุณคิดจะแกล้งฉันละหยุดเลยนะ”
ปาณิศาเสียงแข็งใส่เขาเพราะคทาวุธเทียวไปเทียวมา ค่อยมารับส่งบ่อยๆ เขามีมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่อยู่คันหนึ่ง สาวๆชอบพูดว่าอยากนั่งซ้อนท้ายรถคทาวุธแม้มันจะไม่ใช่รถเก๋งหรือรถบิ๊กไบค์ก็ตาม เดิมทีคทาวุธอยากจีบปาณิศาเล่นๆ แต่พอได้เจอเธอบ่อยครั้งเข้า ได้สืบรู้เรื่องราวของเธอ เขาก็เผลอชอบเธอขึ้นมาจริงๆ ขณะนั้นเธอเรียนปี1 ส่วนของเขาเรียนปี2
คทาวุธมาจากครอบครัวชนชั้นกลาง ไม่ได้ร่ำรวยมากมายแต่ก็ไม่ได้ยากจนอะไร การเรียนของเขาค่อนข้างดี กีฬาเยี่ยมและพยายามรักษาระดับของตัวเองไว้เพื่อที่จะได้ขอทุนไปเรียนต่อที่อเมริกา เขาอยากลองใช้ชีวิตต่างประเทศ อยากจะเห็นโลกกว้าง ลำพังเงินเดือนของพ่อกับแม่คงไม่อาจทำให้ฝันเป็นจริงได้ นอกจากการสอบชิงทุนเท่านั้น
ปาณิศาขึ้นปี2 คทาวุธก็อยู่ปี3 พอเธอขึ้นปี3 เขาก็อยู่ปี4 และเมื่อเขาเรียนจบก็ยังฝึกงานในบริษัทของเพื่อนพ่ออยู่พักหนึ่งจนสอบได้ทุนไปเรียนต่อที่อเมริกา ความคุ้นเคยและสม่ำเสมอทำให้เธอเปิดใจรับเขาอย่างไม่รู้ตัว
จนถึงวันที่เธอเรียนจบรับปริญญา เขาก็อาสาเป็นช่างภาพให้ ระหว่างการคบหากันปาณิศากับคทาวุธต่างก็อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เธอกับเขายังไม่มีอะไรเกินเลยแม้เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันมักจะมีอะไรๆกับแฟนกันไปแล้ว เธอบอกเขาว่าตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงหัวโบราณ เพียงแค่เธอไม่พร้อม และเขาก็ไม่ฝืนใจซึ่งมันทำให้เธอรักเขามากยิ่งขึ้น
นางเป็นฮูหยินที่ถูกต้อง แต่เขากลับเฉยชาใส่ มีเพียงบนเตียงเท่านั้นที่เขาเร่าร้อนจนนางแทบมอดไหม้ จ้าวจื่อรั่วอายุเพียงสิบหกปีเป็นลูกอนุของเสนาบดีสกุลจ้าว ถูกสับเปลี่ยนตัวมาเป็นเจ้าสาวมาแต่งงานกับแม่ทัพที่ชายแดนใต้ กู้ตงหยางบุรุษหนุ่มอายุยี่สิบสี่ปีฉายาแม่ทัพปีศาจที่แสนเหี้ยมโหด "เจ้าติดค้างข้า ไม่ว่าจะเล่นลิ้นอย่างไร เจ้าย่อมรู้ดีว่าสกุลจ้าวปลิ้นปล้อน เจ้าอย่าได้หวังว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายเลย" พูดจบชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หญิงสาวได้แต่นั่งเพียงลำพัง แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็อดเศร้าใจไม่ได้ ชีวิตนางจะได้พบความสุขเช่นคนอื่นบ้างไหม.
มันควรเป็นOne night stand แต่เขากลับไม่ยอมให้จบลงแค่นั้น “ก็บอกแล้วไง ถ้าอยากกัดก็กัดผมนี่ อื้ม” ไรอันพูดเสียงพร่าเร่งขยับเอวสอบถี่รัว ร่องรักคับแน่นดูดรัดลำเอ็นจนทำให้เขาอดกลั้นไม่ไหว กระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุดปลดปล่อยน้ำรักในกายสาวพร้อมแหงนหน้าคำรามอย่างสุขสม อยากจะบ้า! ไรอันอดสถบไม่ได้ ยัยพนักงานเวอร์จิ้นทำเขาเสียผู้เสียคนจริงๆ จากที่เคยตั้งกฎให้ตัวเองจะไม่ยุ่งกับพนักงาน ไม่มีเซ็กส์ในที่ทำงาน. 4เรื่องสั้น แนวPWP > >หลงสวาท boss คลั่งรัก / คลั่งรัก น้องเมียแสนหวาน/ เมียเด็กของคุณป๋า / เล่นกับไฟ
พันดาว สตั๊นท์เกิร์ลสาววัยยี่สิบหกปี เธอเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุสิบแปดปี แต่ก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตในค่ายมวยเล็กๆ เธอเป็นเด็กที่ถูกแม่เอามาทิ้งให้ลุงทองดีช่วยเลี้ยง แล้วหายไปไม่ส่งข่าว ด้วยความสงสารลุงทองดีจึงเลี้ยงเหมือนลูก แต่เนื่องจากสภาพร่างกายบอบช้ำ จึงผันตัวเองมาครูมวยแทน ประจวบกับรุ่นน้องเปิดโรงเรียนสตั๊นท์แมนให้ลุงทองดีเป็นครูสอนเทคนิกการป้องกันตัว เบื้องหน้าพันดาวจะเป็นสาวห้าญไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่เธอมีคนรักที่คบหาตั้งแต่อยู่โรงเรียนสอนสตั๊นท์แมนด้วยกัน แต่ตอนนี้เขากลายเป็นพระเอกละครสุด Hot ในวันที่ทั้งคู่เดินทางไปเข้าฉากสำคัญที่ประเทศจีน พันดาวได้เห็นภาพบาดตาที่คนรักนอกใจ และวันนั้นเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ระเบิดทำงานผิดพลาดพาให้ดวงจิตของพันดาวทะลุมิติมายังดินแดนที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาตร์ พันดาวฟื้นตื่นมาอยู่ในร่างเด็กสาวอายุสิบหกนามว่า เหมยซิง เมืองที่พันดาวไม่รู้จัก ทุกอย่างประหลาดไปหมด ราวกับตัวเองอยู่ในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน พล็อตละครแนวย้อนยุคทะลุมิติเคยเห็นมาเยอะแล้ว แต่ทำไมหญิงสาวอย่างเธอต้องมาดูแลชายร่าง ‘ผัก’ อย่างเขา! รับภารกิจส่งร่างผักกลับเมืองหลวง! บุรุษคนหนึ่งแต่งงานมีภรรยาได้หลายคนเป็นที่ยอมรับได้ แต่สตรีนางหนึ่งจะรักใคร่ชายสองคนไม่ได้ คิดถึงเรื่องนี้นางก็อยากเอาหัวโขกต้นไม้ใหญ่ให้ได้สติ นางไม่ใช่หญิงมากรักสองใจนะ! นางแค่...แค่ไม่รู้ว่าตนเองคิดอย่างไรกันแน่.
หมอสาวสู้ชีวิตแต่อกหักทั้งที่ยังไม่ได้บอกรัก เผลอOne Night Standกับผู้ชายคนหนึ่ง ใครเลยจะรู้ว่าเป็นพรหมลิขิตหรือเวรกรรม ทำให้เธอมาเจอกับมาเฟียหนุ่มที่ไม่ยอมปล่อยให้เรื่องของคืนนั้นผ่านเลยไป . . . . "คุณนี่นะเอาใจผู้หญิงไม่เก่ง" เธอทำจมูกย่นใส่เขา "ผิดแล้วผมเอาใจไม่เก่งแต่เอาเก่งนะ เรื่องนี้ผมมั่นใจ" "อีริค!" เธอขึงตาใส่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ "ให้ตายสิ" เขาพึมพำ "ผมเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ คุณร่ายมนตร์ใส่ผมหรือเปล่า" "คุณเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นด้วยหรือคะ?" "แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อเรื่องdestiny แต่การได้พบคุณมันอยู่นอกเหนือความคาดหมาย บางทีพรหมลิขิตอาจมีจริงก็ได้" หญิงสาวได้แต่อมยิ้ม นั้นสิ ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอได้เจอกับผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์อย่างเขาได้ ถ้าวันนั้นก้องภพไม่ประกาศตัวคนรัก เธอคงไม่อกหักจนเสียการควบคุมแล้วได้เจอเขาที่หน้าลิฟต์พอดีอย่างนั้น แถมเจอกันด้วยความบังเอิญอีกด้วย
“เมื่อชะตากำหนดมาให้ทั้งสองครองคู่ ไม่ว่าจะพลัดหลงกันไปทางใดก็ย่อมได้กลับมาพบกันอีกครา” เรื่องราวความรักของหลัวเสี้ยวเวยและหยางเหลาหู่ คู่หมั้นคู่หมายที่มิเคยได้พบหน้า แม้เดิมทีหยางเหลาหู่คิดว่านางตายไปแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่า ‘สาวใช้’ ที่เขารับเข้ามาทำงานนั้นจะเป็นคู่หมั้นของเขาเอง เมื่อชะตากำหนดให้ทั้งสองได้เป็นคู่ชีวิต แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้ต้องมาคอยลุ้นกันว่า สาวใช้ตัวจิ๋วกับคุณชายใหญ่แห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬจะลงเอยอย่างไร ....... “นั้นของข้ามิใช่รึ” เขาปลดสายจูงม้า เห็นนางกินพุทราเชื่อมท่าทางเอร็ดอร่อยจึงอดหยอกล้อนางไม่ได้ “แค่พุทราเชื่อม ท่านจะแย่งข้ารึ” นางทำท่าหวงขึ้นมา มันก็แค่พุทราเชื่อม แต่นางไม่ได้กินนานแล้วนี่ “แต่นั้นมันของๆ ข้า เจ้าควรให้ข้ากินก่อน” เขาไม่ชอบกินขนมของหวาน แต่เห็นนางหวงแบบนี้แล้วนึกอย่างแย่งชิง หลัวเสี้ยวเวยส่ายหน้าไปมา กลัวถูกแย่งของกินจึงอ้าปากงับพุทราเชื่อมลูกสุดท้ายไว้ในปาก เหลือเพียงไม้เสียบเปล่าๆ ในมือ คิดว่าอย่างไรของอยู่ในปากนางแล้วเขาไม่มีทางแย่งชิงเอาไปแน่ ทว่านางกลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะยื่นมือมารั้งท้ายทอยของนางไว้ โน้มหน้าลงมาประกบปากที่เผยอขึ้นอย่าตกใจของนาง เรียวลิ้นหนาตวัดเอาพุทราเชื่อมในปากของนางมาสู่ปากของเขา 'หวานล้ำเกินคาดคิดจริงๆ'
มู่ลี่หยางใช้ชีวิตเป็นพรานป่าหาของป่าไปขายอยู่หลายปี แต่เข้าป่าครั้งนี้เขาได้พบหญิงสาวผู้หนึ่งหมดสติอยู่จึงช่วยนางไว้ ทว่าทันทีที่นางลืมตา นางกลับจำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง เขาจึงจำเป็นต้องดูแลนาง แต่ที่ทำให้เขาหนักใจ ก็คือนิสัยนอนละเมอของนาง เหตุใดทุกครั้งที่นางละเมอต้องมาอยู่บนเตียงเขาด้วยเล่า! “พี่ลี่หยาง!” “นอนดีๆ อย่าฟุ้งซ่าน คืนนี้เจ้าต้องพักผ่อน” “ข้ารู้ แต่ไม่ต้องมัดข้าขนาดนี้ก็ได้”" “ไม่ได้” เขาสะบัดมือเพียงคราวเดียว เปลวเทียนในห้องก็ดับลง “หากจะนอนเตียงเดียวกับข้าก็อย่าดื้อ อย่าซุกซน” “พี่ลี่หยาง” เสียงหวานเอ่ยขึ้น “นอนเสีย!” เขาตวาดทีเดียวหญิงสาวก็เงียบเสียงไป แม้ได้เห็นเพียงแผ่นหลังของเขา นางก็มีความสุข ขอเพียงได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ว่าอย่างไร นางก็ยอมทำทุกอย่าง แม้จะถูกมัดเป็นบะจ่างก็ยอม.
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"