เพราะคนเคยรักกำลังจะแต่งงานกับเพื่อน เธอจึงพลาดพลั้งขึ้นห้องกับผู้ชายหล่อร้ายแถมอันตราย แต่ให้ตายเถอะ! สาบานได้ว่าเธอไม่ได้มีอะไรกับผู้ชายขี้ตื๊อดื้อด้านน่ารำคาญคนนี้จริงๆ แล้วเขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่นะ... ไม่มีใครเหมือนหญิงสาวเมื่อคืนสักคน... หล่อนทำยังไงให้เขายังคงไม่ลืมกันนะ หรือเพราะเรือนร่างหอมกรุ่นกลิ่นอะไรบางอย่างที่ไม่น่าใช่น้ำหอมราคาแพงแบบสาวสมัยใหม่นิยม ทำให้เขาเคลิ้มและหลงใหลจนอยากเชยชมหล่อนตามแรงยุ แต่... เขาไม่เคยฝืนใจใคร โดยเฉพาะกับคนที่แรกพบก็ตกหลุมรักอย่างหล่อนคนนั้น ตกหลุมรัก! สารินสะบัดหน้าพรืด ก่อนจะยอมรับกับตัวเองในใจ เออหนอ... อยู่มาสามสิบหกปี มีสาวน้อยคนนี้แหละที่ทำให้เขาอยากเลวทั้งที่รู้ตัว!
นี่หล่อนเป็นอะไรไป...
เหตุใดรู้สึกเหมือนโลกหมุนโคลงเคลงจนทรงตัวไม่อยู่ต้องทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งหลังจากพยายามลุกไปรอบหนึ่งแต่ร่างกายกลับอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง
ทิวากะพริบตาถี่ ๆ แล้วตั้งสติลืมตามองภาพเบื้องบนอีกครั้ง ท้องฟ้ามืดมิดแต่มีแสงดาวระยิบระยับเปล่งประกายแต่คล้ายไม่ใช่ฟ้ากลับเป็นเพดานสีทึมทะมึนเต็มไปด้วยแสงระยิบของแสงไฟที่ส่องแสงคล้ายดวงดาว
แน่นอนว่าไม่ใช่สถานที่ที่หล่อนคุ้นเคย ไม่เคยเห็นแม้ผ่านตาและไม่ใช่ห้องนอนของหล่อน
แล้วมันคือที่ไหน...
ร่างผอมเพรียวขยับลุกนั่งอีกครั้งแต่ทำได้ยากยิ่งเมื่อรู้สึกว่าร่างกายเหมือนถูกของหนักทับเอาไว้จนขยับไม่ได้ หล่อนเพ่งมองกระจกเงาที่ปลายเตียงมันยังสะท้อนภาพดวงหน้าคุ้นเคยที่เต็มไปด้วยคราบเครื่องสำอางหนาเตอะพอกอยู่ ผมยุ่งกระเซิงที่ดูไม่เป็นทรงจนน่ารำคาญนั่นอีก
ผู้หญิงซกมกในกระจกเงานั่นคือหล่อนเอง...
หล่อนยกสองมือกุมศีรษะที่ยังคงปวดหนึบ รวบผมมวยลวก ๆ ด้วยความเคยชินแต่ยังไม่ทันเสร็จก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงประหลาดดังอยู่ไม่ไกล
ไม่ไกลไม่ว่าแต่มันใกล้มาก!
เสียงครืดคราดคล้ายเสียงคำรามก็ไม่ใช่ เสียงเจ้าตูบที่บ้านของหล่อนก็ยิ่งไม่ใช่มันเหมือนเสียงกรนมากกว่า
เสียงกรนของใครกัน!
เป็นไปไม่ได้!
ดวงตาที่โตอยู่แล้วของหญิงสาวยิ่งโตกว่าปกติทันทีที่กวาดตามองหาที่มาของเสียง หล่อนถึงกับเด้งตัวออกห่างทันทีที่รู้ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนเตียงหากแต่มีใครอีกคนขยับกายยุกยิกอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนาที่กำลังส่งเสียงยวบยาบนั่น
ใครกัน?
ใคร!
ทิวาตาเบิกค้างทันทีที่พอจะปะติดปะต่อเรื่อวราวได้ ภาพที่เห็นผ่านครรลองสายตาจนหล่อนต้องยกมือปิดปากไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องคือเจ้าของร่างกำยำที่นอนเปลือยโชว์แผ่นหลังขาวจั๊วะ
คนคนนั้นนอนคว่ำหน้าไปอีกทางแผ่นหลังที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมานั้นมีรอยแผลเป็นจาง ๆ พาดผ่านกลางหลังไม่เป็นระเบียบหลายรอย ผมดำสนิทเส้นเล็กและลำแขนแข็งแรงของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้าม
รู้สึกถึงก้อนเนื้อในอกเต้นรุนแรงอย่างไม่เคยเป็น ยิ่งเพ่งมองรอยสักรูปไม้กางเขนบนข้อมือที่พาดมาทับเอวหล่อนด้วย ผู้ชายดี ๆ ที่ไหนกันจะมีรอยแผลเป็นและรอยสักที่ดูลึกลับเหนือข้อมือแข็งแรง
หรือเขาจะเป็นพวกมาเฟีย หรือพวกโรคจิต!
เป็นไปไม่ได้หรอกน่า!
ทิวาผ่อนลมหายใจเข้าออกรวบรวมสติลดความตื่นตกใจแต่ก็พบว่าทำไม่ได้ หล่อนตั้งสติอีกครั้งมองไปรอบห้องจึงพบว่ามันเป็นผนังสีดำเข้ากันเป็นอย่างดีกับฝ้าเพดาน ภาพแขวนบนผนังเต็มไปด้วยท่วงท่าชายหญิงที่เหมือนทำกิจกรรมบางอย่างมากมายหลายภาพ
แล้วผู้ชายคนนี้คือใครจึงมาปรากฏตัวในห้องแบบนี้ บนเตียงนี้และนอนข้างหล่อนด้วยสภาพกึ่งเปลือยมีเพียงผ้านวมคลุมปิดท่อนล่างแบบนี้
แล้วหล่อนล่ะ!
ทิวาเลิกผ้าห่มออก สอดตาสำรวจสภาพตัวเองแล้วถึงกับหน้าถอดสี ช่วงบนมีเพียงบราตัวจ้อยที่อยู่ในสภาพไม่ปกติ
แล้วส่วนอื่นล่ะ!
หล่อนสอดตามองอีกครั้งแล้วถึงกับพรูลมหายใจโล่งอก ยังดีที่ชิ้นสำคัญยังอยู่ ความทรงจำเมื่อคืนเริ่มหลั่งไหลกลับเข้ามาในมโนสำนึกตามลำดับ
แค่คิดก็อยากจะบ้าตาย!
นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่หล่อนมางานฉลองสละโสดของนุดีวยการคะยั้นคะยอของเพื่อนในกลุ่ม
นุดี... คนที่เป็นทั้งเพื่อนและพ่วงตำแหน่งลูกสาวผู้มีพระคุณ เธอทั้งสวยโฉบเฉี่ยว หุ่นดี เซ็กซี่ชนิดหนุ่ม ๆ มองตามเหลียวหลัง
หล่อนไม่กล้าเผยอเทียบชั้นกับนุดี..
ตั้งแต่เล็กจนโต หล่อนกับนุดีไม่เคยถูกชะตากันนอกจากนุดีกับว่าที่สามีแล้วยังมีกาวใจทั้งสามคือ ลลนา สาวอวบระยะสุดท้าย ปารมีสาวใต้ตาคมรูปร่างสูงชะลูด และบราลีเพื่อนสาวนุ่มนิ่มบอบบางที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นปี แม้ต่างสถาบันแต่ก็รู้จักและสนิทกันเพราะกิจกรรมทำอาหารและการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย เรียกได้ว่าสนิทจนรู้ใจ
แต่ตอนนี้เพื่อนทั้งสามของหล่อนกลับมาหายไป...
แค่คิดก็แทบร้องไห้ ความซวยทำไมช่างมาเยือนหล่อนแค่คนเดียว ทั้งเพิ่งตกงาน โดนคนรักที่คบกันแบบไม่เปิดเผยตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งบอกเลิกเพื่อรับผิดชอบในตัวนุดีที่เห็นหล่อนเป็นลูกไล่มาตลอด
หล่อนทั้งขื่นขมแต่ต้องทำหน้าชื่นอกตรมเพราะนุดีคือลูกของผู้มีพระคุณ และที่สำคัญไม่มีใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของหล่อนกับกรรณ์มาก่อนความซวยยังไม่ยอมปล่อยหล่อนให้หลุดพ้นเมื่อต้องมาอยู่บนเตียงกับใครอีกคน
ไม่รู้ไอ้บ้านี่คนหรือคิงคอง!
ร่างกายใหญ่โต กล้ามเป็นมัดรอยแผลที่แผ่นหลังแถมรอยสักยังน่ากลัว แค่ลักษณะภายนอกก็พอจะบ่งบอกได้ว่าเขาคงไม่ใช่คนดี
หล่อนต้องออกไปให้พ้นจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด!
ทิวาเลิกผ้าห่มออก หย่อนขาลงพื้นเย็นเฉียบก่อนจะค่อย ๆ ลุกไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว นึกอุจาดสภาพตัวเองจนต้องมองหาเสื้อผ้าแต่มันกองอยู่บนพื้นไกลจากเตียงค่อนข้างมาก หล่อนยื่นเท้าออกไปแต่ไม่ทันได้ทำอย่างใจคิดก็ต้องสะดุ้งเมื่อถูกอ้อมแขนแข็งแรงรวบเอวไว้แล้วกระชากลงตามเดิม
“จะไปไหน... หืม”
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ!”
หล่อนสะบัดตัวแต่ไม่พ้น เพียงขยับก็ถูกรวบเอวแล้วร่างของเขาก็พลิกตัวมากักหล่อนไว้ในอ้อมแขน ทิวาชะงักตาค้างแทบลืมหายใจแต่อีกฝ่ายกลัวนิ่งสงบเหมือนยังไม่ตื่นดีก่อนเอ่ยเสียงแผ่วข้างหู
“ขอกอดหน่อย...”
“อะ... อะไรนะ!”
“ก็กอดไง ผมหนาว...”
ขอกอด?
หนาวงั้นเหรอ!
ไอ้บ้าจะมากไปแล้ว!
เขาเก็บ "เด็กหลง" มาจากกลางถนน เธอทั้งน่ารักแสนซนและโดนใจ จนหนุ่มใหญ่อย่างเขาอดใจไม่หวั่นไหวไม่ได้ แต่จะทำไงให้เธอรู้นี่สิ! หรือต้องรุกสักครั้งให้เธอพาเขาลงจากคานสักที แต่งานนี้ไม่รู้ว่าใครจะพาใครลงก่อนกันน่ะสิ!
“อีกหน่อยฉันจะพามินไปแต่งงานบนลอนดอนอาย” “หืม... นี่โอมกำลังฝันอยู่รึเปล่า” “ไม่ ๆ ฉันคิดอย่างนั้นจริง ๆ” “งั้นวันแต่งงาน โอมต้องเล่นเพลงโปรดของเราด้วยนะ มินจะรอฟัง” “ได้สิ... Kiss in the Rain เนอะ ฉันจะซ้อมตั้งแต่วันนี้เลยเป็นไง” ยังจำได้ว่าเขารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าสักวันจะพาหล่อนมาที่นี่มายังสถานที่ที่เป็นเหมือนสัญญารักของเขากับหล่อน ความฝันของหล่อนอยู่ที่นี่... ความรักของเขาก็อยู่ที่นี่... ที่ ‘ลอนดอนอาย’ ดวงตาของ... ลอนดอน เมืองแห่งฝนผู้คนเหงาและเรื่องราวความรักที่มีความทรงจำของเขากับหล่อน ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นคนที่รักกันสุดหัวใจ แต่ตอนนี้หล่อนจากเขาไปนานแสนนานแล้วและไม่เคยได้พบกันอีกเลย... +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เรื่องของอดีตคู่รักที่เคยคบหากันตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย แต่มีอันต้องแยกจากไปเพราะเหตุการณ์บางอย่าง หลายปีต่อมา อธิปก หมดพันธะจึงกลับมาเพื่อทวงสัญญารักที่เขาเคยให้ไว้แต่กลับพบว่า สิมิลัน มีคนรักแล้ว เขาคนนั้นไม่ใช่ใครแต่คือ พฤกษ์ รุ่นพี่ที่นับถือและฝากให้ช่วยดูแล พฤกษ์เก็บจดหมายฉบับนั้นไว้และดูแลสิมิลันด้วยความรักทั้งหมดที่มีจนลืมนึกถึง รินลดา พี่สาวของสิมิลันที่เป็นเพื่อนสนิทและหลงรักเขาอยู่ สองคนกลับมาเจอกันในวันที่สิมิลันเข้าใจว่าเขาไม่โสด เธอจึงวิ่งหนีหัวใจตัวเอง แต่สุดท้ายทุกอย่างยิ่งเลวร้ายเพราะเมื่อพบแล้วว่าต่างก็ยังรักกันแต่มีเหตุให้อธิปกประสบอุบัติเหตุเป็นเจ้าชายนิทรา สิมิลันตัดสินใจไปลอนดอนโดยไม่รู้เลยว่ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาติดไปด้วย วันนั้นเองอธิปกก็ฟื้นขึ้นมาโดยไม่มีเธอในชีวิตอีก เขาเก็บความเสียใจไว้จนกระทั่งสองปีต่อมาทั้งสองจึงได้พบกันอีกครั้ง...
ตั้งแต่เกิดกระทั่งจำความได้ จินซิงซิน รับรู้แค่ว่านางเป็นเพียงบุตรสาวกำพร้าของพ่อค้าตระกูลใหญ่ ชั่วชีวิตน้อยๆ มีเพียงท่านยาย พี่สาวต่างมารดาเท่านั้นที่คอยห่วงใย จนกระทั่งได้เจอกับ หลี่หลานหมิง ผู้มีสมญานามว่าอ๋องพยัคฆ์ที่ผู้คนโจษขานกันว่าโหดร้ายยิ่งนัก สังหารผู้คนเป็นผักปลา แสนเย็นชาดั่งน้ำค้างแข็งจนมิอาจมีผู้ใดใต้หล้าหาญกล้าต่อกร ทั้งสองต้องแต่งงานกันตามบัญชาของโอรสสวรรค์ท่ามกลางอุปสรรคมากมาย หลี่หลานหมิงจะทำเช่นใดในเมื่อสตรีที่ร่วมหัวจมท้ายด้วยอย่างชายากระต่ายน้อยกลับเติบโตเพียงแค่ร่างกาย ส่วนสภาพจิตใจนั้นอ่อนด้อยราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน... +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ หลี่หลานหมิงที่รู้สึกตัวและพลิกตัวจากอาการเมื่อยขบแต่พบว่าไม่สามารถทำได้ แค่บิดตัวเล็กน้อยก็รู้สึกร่างกายแข็งค้างราวกับไร้เรี่ยวแรง ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน... ที่แท้เพราะเมื่อคืนเขาถูกกระต่ายหลงทางกอดก่ายเอาเป็นสมบัติตนจนกระดิกไปไหนไม่ได้ นางคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! น่าโมโหนัก! อ๋องสี่หลี่หลานหมิงกระดิกตัวแทบไม่ได้คล้ายเป็นตะคริวเพราะกระต่ายหลงตัวโตไม่ยอมคลายกอด กว่าร่างจะกลับฟื้นกำลังวังชาก็นานพอควร กระทั่งมีเสียงฝีเท้าดังสวบสาบจากหน้ากระโจมดังเล็ดลอดเข้ามา หลี่หลานหมิงจึงรู้สึกตัวว่าอยู่ในสภาพไม่น่ามอง รีบผุดลุกนั่งเอื้อมคว้ากระบี่คู่ใจข้างกายกระชับมั่น แต่เพราะความเคลื่อนไหวของเขาทำให้เตียงไหวสั่นจนคนที่นอนเริ่มขยับตัวและวาดมือมาคว้าเอวเขาเอาไว้อีกครา “อย่าไปตุ้งตุ้ง...” “นี่เจ้า! ข้ามิใช่ตุ้งตุ้งของเจ้า ปล่อย!” หลี่หลานหมิงคำรามแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไร้ซึ่งความรับรู้ใดๆ “ซิงซินยังไม่อยากตื่นเลย...ท่านยาย” ดี... ดีแท้! เมื่อครู่เปรียบเขาเป็นกระต่ายหูเทา คราวนี้กลับกลายเป็นท่านยายของนางอีก หลี่หลานหมิงปรายตามองดวงหน้าดรุณีน้อยที่ยังหลับพริ้มในห้วงนิทราแล้วถึงกับนิ่งงัน นางช่างงดงามปานเทพธิดามาจุติ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของนางที่กดลงบนซอกคอของเขาตามจังหวะหายใจทั้งยังแก้มหอมกรุ่นที่เผลอจูบลูบไล้และเรือนร่างนุ่มนิ่มที่คอยเบียดยามหนาวเหน็บตลอดคืน หึ! มารดาเจ้าเถอะ! กระต่ายน้อยเอ๋ย... เขาควรสั่งสอนนางไม่ควรปล่อยให้หลุดรอดจากกรงเล็บเพชฌฆาตไปได้จริงๆ อ๋องสี่หลี่หลานหมิงผู้ซึ่งมิได้อ่อนต่อโลกแต่ไม่เคยแสวงหาสตรีงามสักคนข้างกายถึงคราวหนาวยะเยือกในใจ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนเลยสักครั้งในชีวิตที่นึกอยากได้สตรีมาครอบครองเป็นสมบัติของตัวบังเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ความรู้สึกนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว กระต่ายน้อยหลงทางตัวนี้ต้องรับผิดชอบ!
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
ในช่วงสามปีที่หลูเฉียนหนิงอยู่ข้างๆ เขา โจวเป่ยจิ้งคิดอยู่เสมอว่าเธอเป็นเพียงผู้ช่วยพิเศษ เธอต้องการเงินเพื่อรักษาอาการป่วยของแม่ และจะไม่มีวันจากตนเองไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เงินแลกกับความต้องการอย่างชัดเจน ในที่สุด เมื่อเขาเกือบจะหลงใหลนั้น หลูเฉียนหนิงก็ไม่อดทนอีกต่อไป "มีคนรักในใจแล้ว ยังนอนกับฉันทุกวัน คุณชั่วชัดๆ" เมื่อข้อตกลงการหย่าถูกโยนต่อหน้าต่อตา โจวเป่ยจิ้งก็ตระหนักว่าภรรยาลึกลับที่เขาแต่งงานเมื่อหกปีที่แล้วกลับคือเธอ? จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ขึ้นชื่อเป็นชายเจ้าชู้อละตามจีบภรรยาทั้งยังเอาเปรียบเธอ! เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยทัศนคติที่เผด็จการและเอาใจเธออย่างเต็มที่ เมื่อทุกคนรังเกียจที่เธอมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย เขาก็มอบทรัพย์สินและหุ้นของตระกูลทั้งหมดอย่างตรงๆ และเข้าไปอยู่บ้านของตระกูลหลู จู่ๆ เธอก็กลายเป็นประธานหลู ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินนับไม่ถ้วน และทุกคนอิจฉา แต่โจวเป่ยจิ้งกลับตกลงไปในวังวนที่ใหญ่กว่านั้น...
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"