เพราะเสียงเรียกร้องของหัวใจทำให้ ‘น้ำตาล’ เลือกที่จะกลับคืนอารันดาอีกครั้ง และเขา ‘ชี้คฟีรอส’ หัวใจที่มอบให้หญิงไทยใจงามไปแล้วนั้น เขาจะไม่ขอคืน ความหวานแห่งรักที่รินรดรอยทราย แม้ต้านด้วยแรงลมร้อน แต่หัวใจสองดวงก็พร้อมที่จะพิสูจน์รักร่วมกัน ในคืนแรกที่ได้กลับไปเยือนอารันดาอีกครั้ง ห้องนอนสาวโสดกลับถูกจู่โจมด้วยชายแปลกหน้า ทว่าเมื่อตื่นขึ้นมา น้ำตาลกลับพบว่าเธอนอนอยู่ภายในกระโจมและมีร่างโชกเลือดของชี้คฟีรอสนอนไม่ได้สติอยู่ใกล้ๆ น้ำตาลจะทำอย่างไรดีกับหัวใจที่เริ่มเจ็บปวดเพราะเขา แค่เพียงความรักและเชื่อใจ เพียงพอที่จะต้านทานแรงลมร้อนแห่งทะเลทรายและหล่อเลี้ยงหัวใจให้แข็งแกร่งได้หรือไม่ ในเมื่อเขาคือชายหนุ่มที่ผู้หญิงทุกคนพร้อมจะแย่งชิง
มือที่กำลังสาละวนกับการปักเม็ดมุกบนชุดเจ้าสาวที่ประดับอยู่บนหุ่นหน้าร้านต้องชะงักเพราะความรู้สึกถึงสิ่งไม่ธรรมดาบางอย่าง ดวงตากลมโตเขม่นมองร้านอาหารฝั่งตรงกันข้ามซึ่งก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่ากระจกสีชาที่สามารถมองเห็นลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านได้อย่างรางเลือน
ความรู้สึกไม่ดีเหมือนถูกจ้องมองทำให้ศีรษะส่ายไปมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทั้งปักทั้งสอยชุดเจ้าสาวที่หุ่นสวมใส่อยู่ต่อไป เพราะเป็นชุดที่ต้องโชว์หน้าร้านทำให้ต้องเน้นให้เข้ารูปหุ่นมากที่สุดและเธอก็ต้องเร่งมือให้เสร็จก่อนการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ในวันพรุ่งนี้ งานที่คิดว่าจะทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วกลับมาเสียเวลาเพราะความรู้สึกก่อกวนที่เกิดในหลายวันที่ผ่านมาซึ่งมันทำให้เธอไม่มีสมาธิ
“น้ำตาล เสร็จยัง ห้างจะปิดแล้วนะ ถ้าไม่เสร็จมาต่อตอนเช้าให้พี่ละกัน แต่ต้องสัญญาว่าจะมาแต่เช้าจริงๆ นะ”
เสียงพี่หนูนิดหรือนิตรวีสาวเทียมร่างบอบบางที่เหมือนผู้หญิงมากที่สุดถ้าไม่รวมเสียงพูดแหบๆ ดัดๆ นั้น
“อีกแป๊บเดียวค่ะพี่หนูนิด เดี๋ยวน้ำตาลสอยข้างเอวนี่เสร็จก็โอแล้วค่ะพี่”
เสียงหวานพร้อมใบหน้าหันกลับไปบอกก่อนจะหันไปเพ่งสายตากับจุดที่ต้องสอยเก็บอีกครั้ง
“นี่! น้ำตาล แล้วข้อเสนอของเพื่อนน่ะน้ำตาลคิดยังไง รับไว้หรือเปล่า”
“ก็.. น้ำตาลก็ต้องขอคิดดูก่อนค่ะ ไปไกลบ้านน้ำตาลก็อดคิดถึงพ่อกับแม่ไม่ได้”
“อ้าว! ก็ไหนบอกว่าพี่ชายเราเขาจะไปอยู่ที่นั่นด้วยไง”
“ก็คงจะต้องอีก 3-4 เดือนค่ะ พี่เอน่ะเขาต้องทำเรื่องย้าย เรื่องเอกสารหลายอย่าง เพราะพี่เขาคงจะไปตั้งรกรากที่นั่นจริงๆ กว่าจะไปก็คงจะทันไอ้ตัวน้อยออกมาพอดีน่ะค่ะ”
ปากพูดแต่ตาและมือก็ยังคงทำหน้าที่ไม่หยุด
“แล้วสรุปเราน่ะตัดสินใจยังไง พี่อ่ะไม่อยากให้เราไปหรอกนะ ขาดน้ำตาลไปคนร้านพี่ยุ่งแน่”
“แหม.. พี่หนูนิดก็ พี่ก็ให้ค่าจ้างแพงๆ หน่อยซิคะ เดือนละห้าหมื่นใครจะเอา”
น้ำตาลพูดในอารมณ์ล้อเลียนเพราะค่าจ้างที่นิตรวีให้เธอนั้นถือว่าแพงกว่าที่อื่นมาก และยังกล้าให้เด็กที่เพิ่งมีประสบการณ์แค่ปีเดียวอย่างเธอมากถึงขนาดนี้
“โห! หล่อน ช่างกล้านะยะ กล้าพูดมาก ลองใครมันรู้ซิว่าฉันให้ห้าหมื่นไม่รวม 10% จากยอดขายมีหวังได้แจ้นมาเป็นโหลแน่ ฉันน่ะไม่อยากแย่งงานคนอื่น แค่นี้ฉันก็รวยจะตายแล้ว กลัวตายแล้วไม่ต้องใช้ฟืน”
คำพูดลากยาวใส่จริตจนทำให้แยกแยะระหว่างสาวเทียมกับสาวแท้ได้อย่างง่าย ก่อนจะเงียบลงเพราะเห็นสายตางงๆ ของน้ำตาลที่มองตรงมา
“ก็เงินมันเยอะจนต้องเอาแทนฟืนสำหรับเผาไงย่ะ แหม.. ทำเป็นไม่เข้าใจ แม่พวกคนรวย คนอะร๊ายทำงานแค่สามเดือนมีเงินเก็บเป็นแสน เชอะ! รวยแล้วก็ทิ้งกัน”
“หึหึหึ.. พี่หนูนิดนี่ เดี๋ยวน้ำตาลก็เปลี่ยนใจไม่เอาชี้คหล่อๆ มาฝากเสียเลย ปล่อยให้เหี่ยวอยู่อย่างนี้แหล่ะ”
“No No No.. จะออกงานฉันไม่ว่า แต่สัญญาห้ามลืม โดยเฉพาะท่านชี้คสุดหล่อคนนั้น โอย.. อกหนูนิดจะแตก คนอะไรไม่รู้ หล่อระเบิดระเบ้อ หล่อไม่บันยะบันยัง หล่อไม่แบ่งปันเพื่อนฝูง โอว.. ใครได้ไปเป็นสามีโชคดีตาย อู้ยยยย...”
น้ำตาลหัวเราะขำกับท่าทางและเสียงที่เป็นเอามากของนิตรวีที่มักจะหลุดท่าทางกุลสตรีที่เจ้าตัวพยายามทำให้เหมือนมากลายเป็นนางแมวสาวอยากขย้ำเหยื่อในทุกครั้งที่พูดถึงชี้คสุดหล่อนั่น “ชี้คฟีรอส” เจ้าของนามที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหล่อจริง เขาหล่อมาก ถ้ามาอยู่เมืองไทยสงสัยจะได้เป็นพระเอกหนังแน่ๆ คนหล่อที่สร้างความตื่นเต้นให้กับหัวใจทุกครั้งและครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ได้ขอรับ ชี้คคา”
เสียงทุ้มล้อเลียนในวันวานเหมือนยังก้องอยู่ในความรู้สึก แผงอกแกร่งที่เธอพิงอิงซบบวกกับกลิ่นน้ำหอมหลังโกนนวดอ่อนๆ ที่โชยมา ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นแม้จะไม่รวมหน้าตาที่หล่อมากๆ นั้นก็ทำให้เขามีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามได้อย่างล้นเหลือ ซึ่งไม่น่าแปลกที่มักจะเห็นข่าวต่างประเทศประโคมข่าวเรื่องคู่ควงของชี้คหนุ่มหล่อนี้เสมอๆ คงมีแต่เพียงเธอเท่านั้นที่ยังคิดถึงดวงตาสีทองคู่นั้นยามทอดสายตาที่เธอคิดไปเองว่ามันเป็น “แววอาลัย” ที่เขาส่งมา มีแต่เธอเท่านั้นที่ยังละเมอเพ้อหาเขาอยู่ในทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ แต่เขาล่ะ..ป่านนี้แม่นางแบบเวเนฯ คนล่าสุดจะควงไปกี่งานต่อกี่งานแล้วก็ไม่รู้
“น้ำตาล น้ำตาล!”
“ว้าย! โอ๊ะ!”
น้ำตาลสะดุ้งตกใจกับเสียงเรียกและความรู้สึกเจ็บแปลบที่ปลายนิ้ว
“ตายแล้ว! น้ำตาล พี่ขอโทษ พี่ก็เห็นเราใจลอย ขอโทษจริงๆ ขอโทษจริงๆ”
นิตรวีหันรีหันขวางก่อนจะหยิบกระดาษทิชชูใกล้มือขึ้นมาซับเลือดที่ซึมออกมาเพราะรอยเข็มตำที่ปลายนิ้วของน้ำตาล
“พี่หนูนิดไม่เป็นไรค่ะ นิดเดียว ไกลหัวใจน้ำตาลเยอะ”
“จ้า..แม่คนเก่ง ที่ว่าไกลเยอะน่ะ เพราะหัวใจอยู่ที่อารันดาหรือเปล่า ฮะ!”
ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ชะงักไปทำให้นิตรวีถึงกับหน้าเหวอ ก่อนจะหันไปสนใจกับเสียงเรียกจากด้านนอกร้าน
“พี่หนูนิดคร๊าบ พี่หนูนิด พี่หนูนิดคร๊าบ..”
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย