“คนแพ้ท้องแทนเมียก็แบบนี้แหละครับคุณผู้หญิง” สจ๊วตเอ่ยขึ้น พร้อมทั้งยื่นน้ำเปล่าให้กับหญิงสาว ตามด้วยน้ำมะนาวไม่ใส่น้ำตาลให้กับปุริม “แพ้ท้องแทนเมีย!! พี่ปุ๊!!...” อันทิตาหันไปมองสจ๊วตหนุ่ม แล้วหันมามองหน้าปุริมที่ยังทำหน้าตาตกใจเหมือนกัน “แค่ก!!...แค่ก!!...คุณว่าอะไรนะครับ” ปุริมสำลักน้ำมะนาว บ๊วยที่อมอยู่เกือบจะพ่นออกมาจากปาก ชายหนุ่มรีบเช็ดน้ำมะนาวที่ไหลย้อยตามเรียวปากหนา พร้อมทั้งเงยหน้าตื่นตระหนกมองสจ๊วต แล้วหันไปมองอันทิตา “ครับ...คุณผู้ชายคงจะแพ้ท้องแทนคุณผู้หญิงแน่เลยครับ ผมเคยเป็นครับ ตอนเมียผมท้องจะมีอาการแบบคุณผู้ชายนี่แหละครับ ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งสองด้วยครับ” สจ๊วตเอ่ยบอก แล้วขอตัวไปทำหน้าที่บริการลูกค้าคนอื่นๆ
๑
‘ยามรัก’
เสียงกุกกักที่ดังอยู่ในห้องครัวทำให้ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่เดินออกมาจากห้องนอน สวมแค่กางเกงนอนผ้าแพรขายาวสีน้ำเงินแค่ตัวเดียว ย่ำเท้าเข้ามามองต้นเสียง
คนร่างหนายืนเต็มความสูง 183 เซนติเมตร หัวไหล่หนาอันอุดมด้วยกล้ามเนื้อเปลือยเปล่าพิงขอบประตูห้องครัว สายตาเข้มสำรวจจ้องมองสาวร่างบางตั้งแต่ลำคอระหง แผ่นหลังบางห่อหุ้มด้วยเสื้อกล้าม ผมยาวสลวยดำเงาแผ่เต็มกลางหลัง ความยาวของผมนุ่มถึงเอวคอดกิ่ว
สายตาของเขายังเลื่อนลงมามองเอวเล็ก สะโพกผายกลมกลึงมีแค่กางเกงนอนขาสั้นห่อหุ้ม ทำให้มองเห็นเรียวยาวสวย เธอยืนหันหลังให้กับเขา ขะมักเขม้นทำอาหารเช้า
‘ปุริม’ อมยิ้มเล็กน้อยตรงมุมปาก แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปหาร่างของสาวน้อย ใช้แขนทั้งสองข้างสอดเข้าช่วงเอวคอดกิ่ว แล้วโอบกอดคนร่างน้อยจากทางด้านหลัง
เขาต้องก้มลงเพราะตัวสูงกว่าเธอมากขณะยื่นใบหน้าเข้าไปหา ปลายจมูกโด่งคมสันสูดดมเอากลิ่นหอมจากพวงแก้มของเธอซ้ายขวา ปากหยักก็กระซิบถามข้างใบหู
“หอมจัง ทำอะไรอยู่ครับคนสวย?”
“พี่ปุ๊ตื่นแล้วเหรอคะ?”
‘ปานประดับ’ เขินอาย เอียงใบหน้าหนีปลายจมูกของเขา ชำเลืองสายตามองคนร่างโต มือของเธอก็ยังวุ่นอยู่กับการทำอาหารเช้า
“ทำไมตื่นเช้าจังครับ?”
ชายหนุ่มรั้งร่างเล็ก หมุนให้เธอหันมาหา แขนหนาก็ยังกอดอยู่ที่เอวบาง ปากหยักยังตอดเล็กตอดน้อยตามเรียวปากบาง
“พี่ปุ๊มีประชุมแต่เช้าที่มหาวิทยาลัยไม่ใช่เหรอคะ ปานเลยตื่นเช้ามาทำอาหารให้ไง”
หญิงสาวแหงนใบหน้าขึ้นมองเขาอย่างเอียงอาย ดวงตากลมโตมองใบหน้าของคนรัก
เขายังหล่อเหลาเหมือนเดิมถึงจะอายุ 36 ปีแล้วก็ตาม เธอและเขาเจอและรักกัน เพราะเธอเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของเขา สองปีแล้วสินะที่เธอยินยอมเข้ามาอยู่กับเขา และซื้อคอนโดฯ อยู่ด้วยกัน
“วันนี้ออกไปทำธุระกับพี่นะครับ”
ปุริมย่อตัวลงแล้วใช้แขนสองข้างอันกำยำซ้อนอุ้มร่างแน่งน้อยขึ้นแนบอก ปากหยักก้มลงกระซิบตรงข้างหู
“พี่ปุ๊ไม่ไปสอนเหรอคะ?”
ปานประดับเปรยเสียงใสถามเขา เพราะปกติเช้าวันจันทร์ ชายหนุ่มจะเข้าประชุมและมีสอนที่มหาวิทยาลัย เธอเอียงหน้ามองเขาอย่างสงสัย
“วันนี้ พี่ให้นุวัตน์ช่วยจัดการให้แล้วครับ” เอ่ยเสียงเข้มตอบทั้งที่ยังจูบปากบาง แบบจูบไปคุยไป
“เดี๋ยวค่ะ พี่ปุ๊จะทำอะไรคะ? ปานจะทำข้าวเช้าค่ะ”
เธอดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของเขา แต่สองแขนสวยยกขึ้นโอบรอบคอหนาไว้แน่น
“พี่ยังไม่หิว” ชายตัวโตบอกเสียงหื่น สายตาเข้มยังมองเธออย่างเจ้าเล่ห์
“ปล่อยปานลงนะคะ...”
“อาบน้ำด้วยกันนะครับ”
ปุริมอุ้มร่างบางพาเดินเข้ามาในห้องน้ำ เท้าขวาผลักประตูห้องให้เปิดออกแล้วใช้เท้าข้างเดียวกันดันให้ปิดลงเหมือนเดิม
ชายหนุ่มวางร่างบางให้นั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า โดยยังมีร่างของเขาคร่อมอยู่ สองมือหนาก็ยังลูบไล้ผิวเนียนบนลำแขนสลวย ไล้ลงมาตรงปลายเสื้อแล้วรั้งขึ้นไปข้างบน เขาถอดเสื้อให้กับเธอ
“พี่ปุ๊ปล่อยปานลงเลยนะ”
หญิงสาวพยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดของเขา เธอยกแขนทั้งสองข้างโอบกอดร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไว้
“อย่าห้ามพี่เลยนะคนดี”
คนตัวโตโน้มใบหน้าเข้าหา ริมฝีปากของเขาประกบเรียวปากบางของเธอ ไล้เล็มเลาะจูบเน้นตรงพวงแก้มเนียน จมูกไซ้ลงมาตามแนวคางช่วงลำคอ เรียวปากหนาเล็มผิวนุ่มมาหยุดอยู่ตรงช่วงทรวงอกของเธอ
แขนสลวยถูกมือหนาผลักออกจากอกนวล ปลายลิ้นร้อนปาดเลียยอดปทุมถันสีชมพูสลับกันไปมาไม่ให้น้อยหน้ากันและกันจนเกิดเป็นเม็ดไตแข็ง
พอหนำใจตรงทรวงอกอิ่ม เรียวปากหยักไล้ชิมผิวหวานลงมาตามผิวผ่องจนถึงหน้าท้องแบนเรียบเนียน เขาอยากให้พื้นที่ตรงนี้ป่องออกมาบ้างจัง
ชายหนุ่มใช้ปากกัดและคาบขอบกางเกงนอนของเธอถอดออกจากสะโพกกลม ไล้ลงมาตามเรียวขาสวย สายตาเปี่ยมด้วยสิเน่หาเหลือบขึ้นไปมองคนตัวหอมที่หายใจรวยริน
“พี่ปุ๊ อย่าค่ะ”
ปานประดับเปรยบอกชายหนุ่ม เสียงของเธอสั่นเครือ ร่างบางผวาสะดุ้งทุกครั้งเพราะแรงสัมผัสของเขา ขณะนี้ ใบหน้าหยกซุกอยู่ตรงหน้าขาขาว จมูกและเรียวลิ้นช่วยกันทำงานเรียวลิ้นหนาตวัดเลียตรงรอยแยกของกุหลาบสีชมพู สร้างความเสียวซ่านให้กับหญิงสาว
มือบางทั้งสองข้างยื่นเข้าไปขยุ้มผมหนานุ่มของชายหนุ่มดึงทึ้งเพราะเธอทนความเสียวรัญจวนใจไม่ไหว
“อ้าขาออกกว้างๆ สิปาน”
เสียงของเขายังงึมงัมอยู่ตรงช่อชบางาม มือหนารั้งสะโพกงอนที่พยายามขยับหนีไว้แน่น
“พี่ปุ๊...ปานไม่ไหวแล้วนะคะ จะทำอะไรก็รีบทำสิคะ”
ขาเรียวสลวยทั้งสองข้างพาดลงไปบนหัวไหล่กว้าง ปลายเท้าเรียวจิกลงบนแผ่นหลังแกร่ง
ชายหนุ่มทำตามที่หญิงสาวขอร้อง เขาเร่งความเร็วตวัดลิ้นตรงจุดเสียวของเธอยิ่งกว่าเดิม
“หวานเหลือเกิน”
เขากระซิบบอกทั้งที่ยังใช้ลิ้นตวัดเลียดูดกินน้ำหวานและยังใช้เรียวนิ้วใหญ่สองนิ้วชักเข้าออกตรงหลุมรัก ทำซ้ำกันหวังส่งหญิงสาวไปชมความสวยงามบนท้องฟ้า
“อ๊ายย...พี่ปุ๊ช่วยปานด้วย อืออ”
ร่างบางผวาโอบกอดศีรษะของชายหนุ่ม มือเรียวขยุ้มเส้นผมนุ่มเพราะความเสียวสะท้าน บทรักที่เขาทำให้เธอ เขาไม่เคยคิดรังเกียจ
หญิงสาวซบแผ่นหลังพักพิงบานกระจกเงาบานใหญ่ หายใจรวยรินอย่างเหนื่อยล้าอันเป็นผลจากการปรนเปรอของชายหนุ่ม
“หอมเหลือเกินสาวน้อย”
ชายหนุ่มเงยหน้าออกจากร่องเนื้อของเธออย่างอ้อยอิ่ง กลิ่นสาบสาวและน้ำหวานของคนตัวน้อย เขากินบ่อยด้วยติดใจในรสชาติหอมหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า
คนตัวโตลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วขยับก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว มือหนาจับขอบกางเกงนอนของตัวเองถอดออกถึงปลายเท้า โยนลงไปบนตะกร้าใส่เสื้อผ้าสำหรับซัก
“ความรักของเรามันจบลงตั้งแต่พี่คิดนอกใจหนู เราสองคนกลับไปรักกันเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว” พัชชาเป็นคนไล่สามีและเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้เขา ซึ่งมันขัดกับจิตใจของเธอที่ยังรักและโหยหาไออุ่นและอ้อมกอดของสามี “นั่นเป็นความคิดของเธอ แต่สำหรับพี่ สี่ห้องหัวใจของพี่มันมีแต่เธอ ข้างในนี้มันเต้นบอกรักทุกครั้งเวลาพี่หายใจ” คำพูดของเมียทำให้คนเลวไม่เคยสำนึกโกรธจนลมออกหู เขาเดินเข้าไปกระชากกระเป๋าจากมือน้องมาถือไว้ พร้อมทั้งกัดฟันพูดเสียงดังใส่หน้าน้องว่า “ตลอดสี่ปีที่เราอยู่ด้วยกัน พี่รักเธอคนเดียวไม่เคยทำผิดนอกลู่นอกทาง มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่พี่มะ...” พิสุทธิ์กำลังหาข้ออ้างแก้ตัวว่า ‘พี่มีอะไรกับมุกดาก็จริงแต่มันไม่ใช่ความรัก ที่พี่มีอะไรกับเขาก็เพราะความใคร่และแก้แค้นเขาที่เขาเคยหักหลังพี่’ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ทันได้พูดจบประโยคเมื่อมีเสียงของลูกสาวเรียกเขา “คุณพ่อขา” หนูน้อยพิชญาเปิดประตูห้อง แกดีใจมากที่เห็นพ่อ เลยไม่ทันได้สังเกตมองว่าแม่ก็อยู่ในห้องด้วย “พีชลูกพ่อ” เสียงของลูกสาวทำให้พิสุทธิ์หยุดทุกอย่าง เขาปรับสีหน้าเคร่งเครียดให้เป็นปกติแล้วหันไปมอง เขายิ้มกว้างโน้มตัวอ้าแขนจะอุ้มลูกสาว “คุณแม่ คุณแม่กลับมาแล้ว” ทีแรกว่าจะเดินเข้าไปหาคุณพ่อ แต่พอเหลือบตาเห็นคุณแม่ เด็กน้อยพิชญาก็วิ่งเข้าไปหาคุณแม่ “ลูกแม่ แม่คิดถึงหนูมากรู้ไหมคะ” ด้านพัชชาเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม แล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยิ้มให้แกเมื่อลูกสาวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด “ลูกพีชก็คิดถึงคุณแม่ค่ะ” เด็กน้อยพิชญาพูดอ้อนชิดพวงแก้มหอมของแม่ “ชื่นใจเหลือเกินลูกแม่” พัชชาอุ้มลูกสาวให้นั่งบนตัก เธอกอดลูกไว้ด้วยความรัก จูบหัวและดวงตาของแกเวลาลูกแหงนหน้ามองสบตากัน “คุณยายบอกว่าน้องไปอยู่บนสวรรค์แล้ว จริงเหรอคะ” เด็กน้อยพิชญาหน้าเศร้าหมอง ดวงตากลมแบ๊วคลอเบ้ามองเสื้อผ้าของน้อง “ชะ...ใช่ค่ะ” คำถามของลูกสาวทำให้พัชชาหายใจไม่ออก เธอฝืนยิ้มทั้งที่หัวใจช้ำเลือดช้ำหนองปลอบขวัญลูกสาวโดยการจูบดวงตาของแก “ลูกพีชคิดถึงน้องจังค่ะ” เด็กน้อยพิชญานั่งคร่อมกอดคอแม่ไว้ด้วยแขนข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็ลูบท้องของแม่ เพื่อจะได้สัมผัสน้อง แต่ไม่มีน้องอยู่ในท้องของแม่อีกต่อไปแล้ว “แม่ก็คิดถึงน้องเหมือนกันค่ะ” พัชชาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล เธอกำลังจะตายเมื่อก้มมองมือของลูกสาวที่ลูบหาน้องในท้อง “คุณแม่ขา ลูกพีชขอตุ๊กตาไดโนเสาร์ของน้องได้ไหมคะ” เด็กน้อยขยับไปนั่งขาแบะบนพื้น จับของเล่นของน้องมากอด
“กลับไปตอนนี้ก็ยังทันอยู่นะครับ ถ้าขืนคุณฉายช้ากว่านี้ คุณอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตเพราะอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้าคุณจันทร์อีกเลยก็ได้นะครับ” เสียงของกาวินทำให้ตะวันฉายเดินหนีไปยืนตรงตู้โชว์ แววตาสีเข้มหวั่นไหวเหมือนหัวใจของตัวเองที่เต้นอย่างแรง มองมือของตัวเองที่กำลังลูบสัมผัสใบหน้างามของน้องในกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะโชว์ ‘ใช่! นายพูดถูก ฉันกลับไปหาจันทร์ตอนนี้ยังทัน เพราะฉันรู้ว่าจันทร์กำลังรอฉันให้ไปปลอบขวัญเธอ’ ตะวันฉายตอบคำถามลูกน้องในใจ “ไปหาคุณจันทร์เถอะครับ อย่าฝืนหัวใจของตัวเองเลย” กาวินอยากให้เจ้านายไปหาจันทร์ฉัตรก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับไปใช้ชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศอย่างถาวร “พี่รักเธอเพียงคนเดียวนะจันทร์ฉัตร...พี่รักเธอ อยากกอด อยากหอม อยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอ” คำพูดของกาวินทำให้ตะวันฉายพูดเสียงสั่นอยู่ในลำคอตีบตัน ดวงตาสีเข้มกักกลั้นน้ำตาแห่งความร้าวรานไม่ให้ไหลจนแดงก่ำ เขาไม่อาจทนมองรอยยิ้มสดใสของน้องที่อยู่ในรูปได้จึงเดินหนีไปยืนตรงหน้าต่าง “พี่คิดถึงเธอ ใจพี่จะขาดตายอยู่แล้ว จันทร์” ตะวันฉายกลืนกินเสียงสะอึกลงคอแหบแห้ง จุกและแน่นหน้าอกมากเวลานี้ เขาหันมองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดมิด เปรียบเสมือนหัวใจของเขาที่ดำดิ่งมืดบอด มองหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้เลย ตะวันฉายใจร้าวแตกละเอียดเมื่อต้องตัดสินใจที่จะจากน้องไปจริงๆ ทั้งที่ยังรัก…
“ฮือออ” เด็กน้อยแสงเหนือยิ่งส่งเสียงร้องไห้ ใบหน้าน่ารักที่ซบอยู่บนทรวงอกอิ่มนั้นแหงนขึ้นมองหน้าแม่ แล้วหันไปมองห้างสรรพสินค้า “สุดหล่อของแม่เงียบได้แล้วนะครับ” น้ำตาของลูกทำให้ม่านฝนหัวใจแตกสลายร้าวราน เธอหายใจเบาๆ ผ่อนออกมาช้าๆ แล้วก้มลงจูบหัวของแก “แม่ครับ เหนืออยากได้เกมนินเทนโดครับ” เด็กน้อยไม่ยอมฟังคำปลอบขวัญ ยิ่งสะอื้นไห้ปนคำพูดเมื่อแหงนหน้ามองแม่ “ถึงบ้านแล้ว เดี๋ยวแม่ซื้อหุ่นไอ้มดแดงให้นะครับ” ม่านฝนกลั้นน้ำตาไว้จนขอบตาแดงช้ำ เธอก้มลงหน้าผากชนหน้าผากของลูก กระซิบเสียงสั่นเครือชิดปลายจมูกโด่งคมเหมือนพ่อของแก “จริงนะครับ” คำพูดของแม่ทำให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ แต่ใบหน้ายังซบอกของแม่อยู่ แขนข้างหนึ่งก็กอดเอวคอดแม่ไว้แน่น อีกข้างก็กอดเจ้าตุ๊กตาเสือเน่าไว้แน่นเช่นกัน “จริงสิครับ” ม่านฝนรับปากลูกได้ เพราะเธอเห็นร้านค้าในหมู่บ้านมีของเล่นขายราคาไม่ถึงร้อยบาท ซึ่งพอซื้อให้ลูกได้ “แม่ครับ เหนือจะเอาสองตัวนะครับ ที่ร้านยายสายมีอุลตร้าแมนขายด้วยครับ” เด็กน้อยพูดอ้อนแม่ปนเสียงหายใจยาวๆ ยามสะอื้นไห้ “ถ้าเหนือหยุดร้อง แม่จะซื้ออมยิ้มให้เหนืออีกสองอันเลยเอาไหมครับ” ดวงหน้าหล่อแม้แววตาดวงเข้มก็คล้ายคลึงผู้ชายที่ทำให้หัวใจของเธอเป็นแผลเหวอะ ม่านฝนก้มลงจูบดวงตาคู่นั้นด้วยความรักและขมขื่น “อึกกก เหนือหยุดร้องไห้แล้วครับ” แสงเหนือเกาะลำคอของแม่กระชับแน่นพร้อมทั้งยิ้มยิงฟัน จนคุณแม่อดใจไม่ไหวจูบหอมฟันน้ำนมของแก “เป็นผู้ชายห้ามร้องงอแงนะครับ อายคนอื่นเขารู้ไหม” เมื่อลูกน้อยยังส่งเสียงสะอึก ม่านฝนก็กระซิบเสียงเบาบอกให้ลูกมองคนรอบข้างในรถ “เหนืออยากถึงบ้านเร็วๆ จังครับ เหนืออยากได้ของเล่นครับ” เด็กน้อยอายจนพวงแก้มย้วยแดงเป็นลูกมะเขือเทศ เมื่อได้หันหลังไปมองสายตาหลายคู่ที่จับจ้องอยู่
“เมื่อไรคุณจะบอกเลิก แล้วหย่ากับเมียคุณสักทีคะ” วีนัส สาววัยสามสิบเอ็ดปี เธอสวยเซ็กซี่ แต่งตัวทันสมัยและเป็นผู้หญิงเก่งในเรื่องทำงาน วีนัสเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกเดียวกับกิตติจึงทำให้เขาและเธอได้รู้จักกัน ให้ความสนิทกันและลงเอยกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ “ให้เวลาเจียวสักหน่อยนะ เดี๋ยวผมจะขอเธอหย่าเอง” กิตติที่นอนเปลือยเปล่าหมดแรงเอ่ยขึ้น แขนข้างหนึ่งยกขึ้นก่ายหน้าผาก ส่วนอีกข้างจับมวนบุหรี่ดูดควันสีเทาถูกดูดเข้าปอดแล้วพ่นออกมาอย่างแรงด้วยความเครียดเมื่อนึกถึงวันที่เขาจะต้องไปขอเลิกกับเปาวลี “หรือคุณไม่อยากแต่งงานกับฉันคะ ถึงปล่อยให้ฉันรอนานขนาดนี้” ร่างเปลือยเปล่านอนเกยทับร่างใหญ่โตที่นั่งหลังพิงหัวเตียง วีนัสพูดเสียงน้อยใจจึงทำให้กิตติขยับตัววางมวนบุหรี่ไว้ในถาดเขี่ยบุหรี่ เขาอุ้มร่างบางให้ขึ้นมานั่งทับบนหน้าท้องแววตาเริ่มหื่นก็จับจ้องมองทรวงอกใหญ่โตอย่างหลงใหล “คุณรู้ไหม เวลาผมอยู่กับคุณ...ผมมีความสุขมาก ทุกครั้งที่ผมมีคุณอยู่ข้างกาย มันทำให้ผมเหมือนเป็นตัวของตัวเอง ผมอยากทำอะไรก็ทำได้โดยไม่ต้องคิดมาก ผมสามารถทิ้งทุกอย่างลงบนตัวคุณได้ โดยที่ผมทำกับเจียวไม่ได้เลย คุณรู้ไหม เวลาผมอยู่กับเจียว ผมรู้สึกอึดอัดมากแค่ไหน” กิตติมีความสุขทุกครั้งเมื่อได้อยู่กับวีนัส เธอเป็นผู้หญิงเอาใจเก่งในเรื่องบนเตียง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เปาวลีไม่เคยทำให้เขา แต่กับวีนัสทำหน้าที่บนเตียงได้เป็นอย่างดี จนทำให้ชายหนุ่มลุ่มหลงในรสสวาทที่ผู้ชายทุกคนโหยหาจากภรรยาแต่ไม่เคยได้รับ “ก็มาอยู่ด้วยกันที่นี่สิคะ จะกลับไปทำไมลำปางทุกวัน” วีนัสโน้มใบหน้าเข้าหาดวงหน้าหล่อ ริมฝีปากอิ่มเอิบประกบจูบปากหยัก หล่อนไซ้เรียวปากไปตามเนื้อตัว ไล้มาถึงหน้าท้องเป็นลอนแล้วเคลื่อนใบหน้าไปตรงหว่างขาของชายหนุ่ม
“เร็วๆ!” ร่างโตยังนั่งเอนกายหลังพิงเบาะโซฟาทำเป็นไม่สนใจร่างน้อยแต่ในใจของเขามันร้อนรุ่มอยากจะสัมผัสผิวนุ่มนิ่มและอยากลงทัณฑ์แม่จอมยั่วเสียตรงกลางห้องเสียเหลือเกิน เรียวหน้าหล่อก้มมองมือของตัวเองที่ยังถือแก้วเหล้าแล้วยกขึ้นจรดริมฝีปากกระดกน้ำเมาจากแก้วพร้อมทั้งเหลือบตาอันแข็งกร้าวดุจหินผามองร่างเมีย “นุ..นุชอยากไปดูลูก” เปรยเสียงสั่นเครือพร้อมทั้งถอดชุดชั้นในไม่กล้าที่จะเงยขึ้นมองชายหนุ่มรู้สึกถึงผิวเปลือยเปล่าร้อนวูบวาวเพราะกระแสเพลิงไฟจากดวงตาของพญายมทูตที่เอาแต่จ้องมองตน ร่างแน่งน้อยสั่นสะท้านใช้มือทั้งสองข้างปกปิดของสงวนเพื่อบันเทาความอับอาย หญิงสาวรีบก้มหน้าหลบสายของชายหนุ่มแล้วก้าวเดินอย่างเชื่องช้าด้วยหัวใจร้าวรานเจ็บจุกเข้าไปหามัจจุราชที่ยังนั่งอยู่เดิม “ทำหน้าที่ของเธอสิ” เขายังนั่งยกเท้าขึ้นพาดโต๊ะรับแขก เรียวปากหนาที่ขยับพูดนั้นยังคาบบุหรี่ดูดเอาควันสีเทาเข้าปอดแล้วพ่นออกทางจมูกและปากในเวลาเดียวกัน เขาช่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยเลยสักนิด
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี