“ความรักของเรามันจบลงตั้งแต่พี่คิดนอกใจหนู เราสองคนกลับไปรักกันเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว” พัชชาเป็นคนไล่สามีและเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้เขา ซึ่งมันขัดกับจิตใจของเธอที่ยังรักและโหยหาไออุ่นและอ้อมกอดของสามี “นั่นเป็นความคิดของเธอ แต่สำหรับพี่ สี่ห้องหัวใจของพี่มันมีแต่เธอ ข้างในนี้มันเต้นบอกรักทุกครั้งเวลาพี่หายใจ” คำพูดของเมียทำให้คนเลวไม่เคยสำนึกโกรธจนลมออกหู เขาเดินเข้าไปกระชากกระเป๋าจากมือน้องมาถือไว้ พร้อมทั้งกัดฟันพูดเสียงดังใส่หน้าน้องว่า “ตลอดสี่ปีที่เราอยู่ด้วยกัน พี่รักเธอคนเดียวไม่เคยทำผิดนอกลู่นอกทาง มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่พี่มะ...” พิสุทธิ์กำลังหาข้ออ้างแก้ตัวว่า ‘พี่มีอะไรกับมุกดาก็จริงแต่มันไม่ใช่ความรัก ที่พี่มีอะไรกับเขาก็เพราะความใคร่และแก้แค้นเขาที่เขาเคยหักหลังพี่’ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ทันได้พูดจบประโยคเมื่อมีเสียงของลูกสาวเรียกเขา “คุณพ่อขา” หนูน้อยพิชญาเปิดประตูห้อง แกดีใจมากที่เห็นพ่อ เลยไม่ทันได้สังเกตมองว่าแม่ก็อยู่ในห้องด้วย “พีชลูกพ่อ” เสียงของลูกสาวทำให้พิสุทธิ์หยุดทุกอย่าง เขาปรับสีหน้าเคร่งเครียดให้เป็นปกติแล้วหันไปมอง เขายิ้มกว้างโน้มตัวอ้าแขนจะอุ้มลูกสาว “คุณแม่ คุณแม่กลับมาแล้ว” ทีแรกว่าจะเดินเข้าไปหาคุณพ่อ แต่พอเหลือบตาเห็นคุณแม่ เด็กน้อยพิชญาก็วิ่งเข้าไปหาคุณแม่ “ลูกแม่ แม่คิดถึงหนูมากรู้ไหมคะ” ด้านพัชชาเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม แล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยิ้มให้แกเมื่อลูกสาวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด “ลูกพีชก็คิดถึงคุณแม่ค่ะ” เด็กน้อยพิชญาพูดอ้อนชิดพวงแก้มหอมของแม่ “ชื่นใจเหลือเกินลูกแม่” พัชชาอุ้มลูกสาวให้นั่งบนตัก เธอกอดลูกไว้ด้วยความรัก จูบหัวและดวงตาของแกเวลาลูกแหงนหน้ามองสบตากัน “คุณยายบอกว่าน้องไปอยู่บนสวรรค์แล้ว จริงเหรอคะ” เด็กน้อยพิชญาหน้าเศร้าหมอง ดวงตากลมแบ๊วคลอเบ้ามองเสื้อผ้าของน้อง “ชะ...ใช่ค่ะ” คำถามของลูกสาวทำให้พัชชาหายใจไม่ออก เธอฝืนยิ้มทั้งที่หัวใจช้ำเลือดช้ำหนองปลอบขวัญลูกสาวโดยการจูบดวงตาของแก “ลูกพีชคิดถึงน้องจังค่ะ” เด็กน้อยพิชญานั่งคร่อมกอดคอแม่ไว้ด้วยแขนข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็ลูบท้องของแม่ เพื่อจะได้สัมผัสน้อง แต่ไม่มีน้องอยู่ในท้องของแม่อีกต่อไปแล้ว “แม่ก็คิดถึงน้องเหมือนกันค่ะ” พัชชาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล เธอกำลังจะตายเมื่อก้มมองมือของลูกสาวที่ลูบหาน้องในท้อง “คุณแม่ขา ลูกพีชขอตุ๊กตาไดโนเสาร์ของน้องได้ไหมคะ” เด็กน้อยขยับไปนั่งขาแบะบนพื้น จับของเล่นของน้องมากอด
บทที่ 1
รักไปช้ำไป
ตืดด...ตืดดด...
เสียงไอโฟนรุ่นใหม่สั่นครืน ๆ อยู่บนโต๊ะข้างเตียง ทำให้ชายหนุ่มงัวเงียตื่นขึ้นมา เขาผงกหัวมองหาเสียงมือถือฝ่าความมืดมิด มือไม้สะเปะสะปะหยิบเอาโทรศัพท์
“ผมพิสุทธิ์พูดครับ” ชายหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครโทรมา แต่เขาก็กดรับแล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างแก้มทั้งที่ยังนอนหงายหลับตา
“เก้าคะ? นี่มุกพูดค่ะ...”
เสียงใสพูดลิ้นพันกันของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มลืมตาโพลงแล้วรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง เขารีบเปิดอินสตาแกรมเข้าแอคเคานต์ของคนที่โทรมาหา ดวงตาสีเข้มเบิกกว้างเท่าไข่ห่านมองภรรยาสุดดวงใจนั่งดี๊ด๊า มีผู้ชายหลายคนคลอเคลียอย่างใกล้ชิด
“มุกอยู่ไหน นั่นคุณอยู่กับใครทำไมไม่กลับห้อง” พิสุทธิ์ถาม เพราะเวลาตีสามแบบนี้ภรรยาของเขาน่าจะกลับเข้าห้องพักได้แล้ว แต่นี่มันอะไรกัน ทำไมเธอยังนั่งดื่มอยู่กับพวกผู้ชายแปลกหน้าหลายสิบคน
เขาโกรธเธอมากแต่เพราะรักมากจึงเลือกที่จะไม่สนใจมองภาพเคลื่อนไหวในโทรศัพท์ พิสุทธิ์รู้สึกเจ็บขั้วหัวใจสุดทานทน แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นพฤติกรรมอันโสมมของภรรยารัก
“พรุ่งนี้มุกยังไม่กลับบ้านนะ มุกจะอยู่ที่นี่อีกสักสามสี่วัน...”
“ทำไมเหรอ” พิสุทธิ์ถามภรรยา
“ก็เจ้านายมุกน่ะสิคะ โทรมาเมื่อตอนบ่ายบอกว่ามีงานให้มุกทำต่ออีกสักสามสี่วันค่ะ”
“...” พิสุทธิ์ไม่มีคำถาม เขาหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อรู้ว่าภรรยาสุดดวงใจโกหกและจะนอกกายนอกใจเขา ชายหนุ่มรู้ว่างานที่เธอไปทำนั้นเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว
“แค่นี้ก่อนนะเก้า เดี๋ยววันมะรืนมุกจะโทรหาค่ะ...”
“เดี๋ยวก่อนสิมุก” พิสุทธิ์บอกให้เธออย่าเพิ่งวางสาย
“มีอะไรอีกคะ...”
“มุกจำได้ไหม พรุ่งนี้เป็นวันของเราสองคนนะ” พิสุทธิ์ตัดสินใจถามเพราะตลอดสองปีที่แต่งงานกันมา ภรรยาของเขาไม่เคยจดจำวันสำคัญระหว่างเขาและเธอเลย
“วันอะไรคะ มุกจำไม่ได้ค่ะ...”
พิสุทธิ์ยิ้มสมเพชและหัวเราะเยาะตัวเองในใจเมื่อได้ยินคำถามของภรรยา ทำไมหัวใจของเขามันไม่เลวและคิดหักหลังเธอบ้าง ทำไมเขาจะต้องยอมรับในสิ่งที่เธอเป็นด้วย
พิสุทธิ์เจอมุกดาครั้งแรกก็ตกหลุมรักเธอทันที พวกเขาทั้งสองคบกันได้เพียงแค่สองเดือน และนี่ก็ครบสองปีแล้วที่เขาแต่งงานกับเธอ
“เมื่อกี้นี้เก้าว่าอะไรคะ มุกไม่ได้ยินค่ะ...”
พิสุทธิ์ยิ่งหายใจไม่ออกเมื่อเห็นกิริยาของภรรยา เธอยอมให้ผู้ชายแปลกหน้าหลายคนที่ต่างรุมล้อมคอยเทเหล้าและป้อนน้ำเมาให้เธอดื่ม
“ก็วะ...” เพราะรักมากพิสุทธิ์จึงยอมทำเป็นคนหูหนวกตาบอดมองไม่เห็นจุดบกพร่องของภรรยา เขาจะพูดว่า ‘ก็วันครบรอบแต่งงานของเราไง’ ภรรยารักของเขาก็พูดขึ้น
“เก้าแค่นี้ก่อนนะคะ...”
ตู๊ดด!!!
“ฮัลโหลมุก เดี๋ยว อย่าเพิ่งวางสาย มุก! นี่มุกฟังผมอยู่ไหม” พิสุทธิ์ถูกภรรยาตัดสาย เขาล้มตัวนอนหงาย ดวงตาสีนิลสั่นสะท้านคลอน้ำตามองรอยด่างเป็นจุดดำ ๆ บนเพดานห้อง ช่างเหมือนเขาที่ถูกเท้าของภรรยาเหยียบขยี้หัวใจจนแตกละเอียดเลือดกระอักออกมาเป็นลิ่ม ๆ…
สามวันต่อมาที่บริษัทออกแบบบ้าน ‘Architect Home’ เป็นบริษัทของพิสุทธิ์ที่ร่วมหุ้นกับเพื่อนรักอีกสองคน เอกภพและโชคชัย
“คุณโชค คุณเอก สวัสดีครับ” ‘ลิซ่า’ สาวแก่ทอมบอยเลขาส่วนตัวของพิสุทธิ์ลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเอกภพและโชคชัยเดินเข้ามายืนตรงโต๊ะทำงานของเธอ
“พี่ลิซ่า ไอ้เก้าอยู่ไหมครับ” โชคชัยถามลูกน้องที่เป็นหญิง แต่เธอพูดคุยเฉกเช่นผู้ชายแม้แต่การแต่งตัวก็เหมือนผู้ชาย
“อยู่ครับ” ลิซ่าทำหน้างง เพราะเมื่อสักครู่เธอยังเอาของว่างเข้าไปให้พิสุทธิ์อยู่เลย
“อยู่ แต่ไม่ยอมรับสายนะไอ้บ้าเก้า” เอกภพหันไปบ่นว่าพิสุทธิ์ให้โชคชัยฟัง
“ให้พี่โทรบอกคุณเก้าไหมครับ” ลิซ่าถามเจ้านายรุ่นน้องทั้งสอง ซึ่งชายหนุ่มทั้งสองมีอายุเท่า ๆ กับพิสุทธิ์ และพวกเขามีอายุน้อยกว่าเธอหลายปี
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพวกผมเข้าไปหามันเองครับ” เอกภพบอกลิซ่า แล้วเดินตามเพื่อนตรงไปที่ประตู
โชคชัยถือวิสาสะเปิดประตูห้องทำงานของพิสุทธิ์โดยที่ไม่ได้เคาะ และเมื่อได้เข้ามายืนอยู่กลางห้องทำงาน โชคชัยก็พยักหน้าให้เอกภพดูพิสุทธิ์ ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวในท่าเอนหลังพิงเบาะหัวเกยพนักโซฟา
“ดูมัน ทำยังกะคนอกหักรักคุดเลยนะมึง” โชคชัยยืนเท้าเอวมองพิสุทธิ์
“จะไม่ให้มันเป็นแบบนี้ได้ไงวะ เมียไฮโซของมันเล่นไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องหลายวันแล้วนะโว้ย” เอกภพกอดอกมองเพื่อนที่ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกรู้สา ทั้งที่พวกเขาคุยกันเสียงออกจะดัง
“ไอ้ห่า ดูสภาพเหมือนคนถูกเมียทิ้งเลยนะมึง” โชคชัยเข้าไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพิสุทธิ์
“สงสัยเมียไฮโซยังไม่กลับมาจากเชียงใหม่แน่เลย” เอกภพไม่ยอมนั่ง เขายังยืนกอดอกมองเพื่อนทั้งสองสลับกันไปมา
“สงสัยเมีย...” โชคชัยพูดเสียงเบากระซิบกระซาบข้างหูของเอกภพว่า “สงสัยเมียคนสวยของมันคงจะเจอผู้ชายใหม่แน่เลยถึงไม่ยอมกลับบ้าน ทั้งที่งานที่ไปทำก็เสร็จแล้วนี่”
“เอ้ย! นี่ไอ้โชค มึงอย่าพูดให้ไอ้เก้าได้ยินนะโว้ย กูสงสารมันว่ะ มึงก็รู้ว่าไอ้นี่มันรักเมียมันมากแค่ไหน พวกเราเคยเตือนมันแล้วนะ แต่มันเคยเชื่อเราไหม ไม่เลย ไอ้นี่มันไม่เชื่อใครเลย” เอกภพรีบพูดดักคอไม่ให้โชคชัยพูดต่อ
“กูไม่พูดหรอกโว้ย ถึงกูพูดไป ไอ้บ้าเก้ามันก็ไม่เชื่อกูหรอก” โชคชัยไม่อยากจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายปัญหาครอบครัวความรักของเพื่อน
“ไอ้บ้านี่ก็รักเมียจนไม่ยอมลืมหูลืมตา เมียจะสวมเขาให้ มันยังไม่รู้ตัวอีก” เอกภพรู้จักมุกดาดีกว่าใคร ๆ เพราะเธอได้สร้างวีรกรรมไว้กับอนันต์ญาติลูกพี่ลูกน้องของเขา ซึ่งเอกภพเคยเตือนพิสุทธิ์แล้ว แต่อย่างว่าแหละความรักย่อมทำให้ทุกคนตาบอดเฉกเช่นพิสุทธิ์ที่รักมุกดาจนไม่ยอมมองจุดบกพร่องของหญิงสาวเลย
“นี่พวกมึงจะนินทากูก็พูดกันเบา ๆ ได้ปะวะ กูได้ยินนะโว้ย ไอ้พวกเวร” พิสุทธิ์พูดทั้งที่ยังเอนหลังพิงเบาะโซฟา หัวหนักอึ้งก็ยังเกยอยู่ตรงพนักโซฟา
“กูไม่ได้นินทาโว้ย แต่พวกกูพูดเรื่องจริงและตั้งใจให้มึงได้ยินด้วยแหละ” โชคชัยยื่นบุหรี่ให้เพื่อนเมื่อพิสุทธิ์ผงกหัวขึ้นมองเขาทั้งสอง
“มึงเป็นไรวะ ทำไมไม่รับสาย” เอกภพรู้ว่าเพื่อนเป็นอะไร แต่เขาก็ถามไปอย่างนั้นแหละ
“พวกมึงมีอะไรวะ” พิสุทธิ์โบกมือไม่เอาบุหรี่แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นชูน้ำอัดลมและเบียร์กระป๋องให้เพื่อนดู ซึ่งพวกเพื่อน ๆ ก็ขอเบียร์กระป๋อง
“กลับไปตอนนี้ก็ยังทันอยู่นะครับ ถ้าขืนคุณฉายช้ากว่านี้ คุณอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตเพราะอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้าคุณจันทร์อีกเลยก็ได้นะครับ” เสียงของกาวินทำให้ตะวันฉายเดินหนีไปยืนตรงตู้โชว์ แววตาสีเข้มหวั่นไหวเหมือนหัวใจของตัวเองที่เต้นอย่างแรง มองมือของตัวเองที่กำลังลูบสัมผัสใบหน้างามของน้องในกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะโชว์ ‘ใช่! นายพูดถูก ฉันกลับไปหาจันทร์ตอนนี้ยังทัน เพราะฉันรู้ว่าจันทร์กำลังรอฉันให้ไปปลอบขวัญเธอ’ ตะวันฉายตอบคำถามลูกน้องในใจ “ไปหาคุณจันทร์เถอะครับ อย่าฝืนหัวใจของตัวเองเลย” กาวินอยากให้เจ้านายไปหาจันทร์ฉัตรก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับไปใช้ชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศอย่างถาวร “พี่รักเธอเพียงคนเดียวนะจันทร์ฉัตร...พี่รักเธอ อยากกอด อยากหอม อยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอ” คำพูดของกาวินทำให้ตะวันฉายพูดเสียงสั่นอยู่ในลำคอตีบตัน ดวงตาสีเข้มกักกลั้นน้ำตาแห่งความร้าวรานไม่ให้ไหลจนแดงก่ำ เขาไม่อาจทนมองรอยยิ้มสดใสของน้องที่อยู่ในรูปได้จึงเดินหนีไปยืนตรงหน้าต่าง “พี่คิดถึงเธอ ใจพี่จะขาดตายอยู่แล้ว จันทร์” ตะวันฉายกลืนกินเสียงสะอึกลงคอแหบแห้ง จุกและแน่นหน้าอกมากเวลานี้ เขาหันมองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดมิด เปรียบเสมือนหัวใจของเขาที่ดำดิ่งมืดบอด มองหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้เลย ตะวันฉายใจร้าวแตกละเอียดเมื่อต้องตัดสินใจที่จะจากน้องไปจริงๆ ทั้งที่ยังรัก…
“ฮือออ” เด็กน้อยแสงเหนือยิ่งส่งเสียงร้องไห้ ใบหน้าน่ารักที่ซบอยู่บนทรวงอกอิ่มนั้นแหงนขึ้นมองหน้าแม่ แล้วหันไปมองห้างสรรพสินค้า “สุดหล่อของแม่เงียบได้แล้วนะครับ” น้ำตาของลูกทำให้ม่านฝนหัวใจแตกสลายร้าวราน เธอหายใจเบาๆ ผ่อนออกมาช้าๆ แล้วก้มลงจูบหัวของแก “แม่ครับ เหนืออยากได้เกมนินเทนโดครับ” เด็กน้อยไม่ยอมฟังคำปลอบขวัญ ยิ่งสะอื้นไห้ปนคำพูดเมื่อแหงนหน้ามองแม่ “ถึงบ้านแล้ว เดี๋ยวแม่ซื้อหุ่นไอ้มดแดงให้นะครับ” ม่านฝนกลั้นน้ำตาไว้จนขอบตาแดงช้ำ เธอก้มลงหน้าผากชนหน้าผากของลูก กระซิบเสียงสั่นเครือชิดปลายจมูกโด่งคมเหมือนพ่อของแก “จริงนะครับ” คำพูดของแม่ทำให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ แต่ใบหน้ายังซบอกของแม่อยู่ แขนข้างหนึ่งก็กอดเอวคอดแม่ไว้แน่น อีกข้างก็กอดเจ้าตุ๊กตาเสือเน่าไว้แน่นเช่นกัน “จริงสิครับ” ม่านฝนรับปากลูกได้ เพราะเธอเห็นร้านค้าในหมู่บ้านมีของเล่นขายราคาไม่ถึงร้อยบาท ซึ่งพอซื้อให้ลูกได้ “แม่ครับ เหนือจะเอาสองตัวนะครับ ที่ร้านยายสายมีอุลตร้าแมนขายด้วยครับ” เด็กน้อยพูดอ้อนแม่ปนเสียงหายใจยาวๆ ยามสะอื้นไห้ “ถ้าเหนือหยุดร้อง แม่จะซื้ออมยิ้มให้เหนืออีกสองอันเลยเอาไหมครับ” ดวงหน้าหล่อแม้แววตาดวงเข้มก็คล้ายคลึงผู้ชายที่ทำให้หัวใจของเธอเป็นแผลเหวอะ ม่านฝนก้มลงจูบดวงตาคู่นั้นด้วยความรักและขมขื่น “อึกกก เหนือหยุดร้องไห้แล้วครับ” แสงเหนือเกาะลำคอของแม่กระชับแน่นพร้อมทั้งยิ้มยิงฟัน จนคุณแม่อดใจไม่ไหวจูบหอมฟันน้ำนมของแก “เป็นผู้ชายห้ามร้องงอแงนะครับ อายคนอื่นเขารู้ไหม” เมื่อลูกน้อยยังส่งเสียงสะอึก ม่านฝนก็กระซิบเสียงเบาบอกให้ลูกมองคนรอบข้างในรถ “เหนืออยากถึงบ้านเร็วๆ จังครับ เหนืออยากได้ของเล่นครับ” เด็กน้อยอายจนพวงแก้มย้วยแดงเป็นลูกมะเขือเทศ เมื่อได้หันหลังไปมองสายตาหลายคู่ที่จับจ้องอยู่
“เมื่อไรคุณจะบอกเลิก แล้วหย่ากับเมียคุณสักทีคะ” วีนัส สาววัยสามสิบเอ็ดปี เธอสวยเซ็กซี่ แต่งตัวทันสมัยและเป็นผู้หญิงเก่งในเรื่องทำงาน วีนัสเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกเดียวกับกิตติจึงทำให้เขาและเธอได้รู้จักกัน ให้ความสนิทกันและลงเอยกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ “ให้เวลาเจียวสักหน่อยนะ เดี๋ยวผมจะขอเธอหย่าเอง” กิตติที่นอนเปลือยเปล่าหมดแรงเอ่ยขึ้น แขนข้างหนึ่งยกขึ้นก่ายหน้าผาก ส่วนอีกข้างจับมวนบุหรี่ดูดควันสีเทาถูกดูดเข้าปอดแล้วพ่นออกมาอย่างแรงด้วยความเครียดเมื่อนึกถึงวันที่เขาจะต้องไปขอเลิกกับเปาวลี “หรือคุณไม่อยากแต่งงานกับฉันคะ ถึงปล่อยให้ฉันรอนานขนาดนี้” ร่างเปลือยเปล่านอนเกยทับร่างใหญ่โตที่นั่งหลังพิงหัวเตียง วีนัสพูดเสียงน้อยใจจึงทำให้กิตติขยับตัววางมวนบุหรี่ไว้ในถาดเขี่ยบุหรี่ เขาอุ้มร่างบางให้ขึ้นมานั่งทับบนหน้าท้องแววตาเริ่มหื่นก็จับจ้องมองทรวงอกใหญ่โตอย่างหลงใหล “คุณรู้ไหม เวลาผมอยู่กับคุณ...ผมมีความสุขมาก ทุกครั้งที่ผมมีคุณอยู่ข้างกาย มันทำให้ผมเหมือนเป็นตัวของตัวเอง ผมอยากทำอะไรก็ทำได้โดยไม่ต้องคิดมาก ผมสามารถทิ้งทุกอย่างลงบนตัวคุณได้ โดยที่ผมทำกับเจียวไม่ได้เลย คุณรู้ไหม เวลาผมอยู่กับเจียว ผมรู้สึกอึดอัดมากแค่ไหน” กิตติมีความสุขทุกครั้งเมื่อได้อยู่กับวีนัส เธอเป็นผู้หญิงเอาใจเก่งในเรื่องบนเตียง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เปาวลีไม่เคยทำให้เขา แต่กับวีนัสทำหน้าที่บนเตียงได้เป็นอย่างดี จนทำให้ชายหนุ่มลุ่มหลงในรสสวาทที่ผู้ชายทุกคนโหยหาจากภรรยาแต่ไม่เคยได้รับ “ก็มาอยู่ด้วยกันที่นี่สิคะ จะกลับไปทำไมลำปางทุกวัน” วีนัสโน้มใบหน้าเข้าหาดวงหน้าหล่อ ริมฝีปากอิ่มเอิบประกบจูบปากหยัก หล่อนไซ้เรียวปากไปตามเนื้อตัว ไล้มาถึงหน้าท้องเป็นลอนแล้วเคลื่อนใบหน้าไปตรงหว่างขาของชายหนุ่ม
“คนแพ้ท้องแทนเมียก็แบบนี้แหละครับคุณผู้หญิง” สจ๊วตเอ่ยขึ้น พร้อมทั้งยื่นน้ำเปล่าให้กับหญิงสาว ตามด้วยน้ำมะนาวไม่ใส่น้ำตาลให้กับปุริม “แพ้ท้องแทนเมีย!! พี่ปุ๊!!...” อันทิตาหันไปมองสจ๊วตหนุ่ม แล้วหันมามองหน้าปุริมที่ยังทำหน้าตาตกใจเหมือนกัน “แค่ก!!...แค่ก!!...คุณว่าอะไรนะครับ” ปุริมสำลักน้ำมะนาว บ๊วยที่อมอยู่เกือบจะพ่นออกมาจากปาก ชายหนุ่มรีบเช็ดน้ำมะนาวที่ไหลย้อยตามเรียวปากหนา พร้อมทั้งเงยหน้าตื่นตระหนกมองสจ๊วต แล้วหันไปมองอันทิตา “ครับ...คุณผู้ชายคงจะแพ้ท้องแทนคุณผู้หญิงแน่เลยครับ ผมเคยเป็นครับ ตอนเมียผมท้องจะมีอาการแบบคุณผู้ชายนี่แหละครับ ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งสองด้วยครับ” สจ๊วตเอ่ยบอก แล้วขอตัวไปทำหน้าที่บริการลูกค้าคนอื่นๆ
“เร็วๆ!” ร่างโตยังนั่งเอนกายหลังพิงเบาะโซฟาทำเป็นไม่สนใจร่างน้อยแต่ในใจของเขามันร้อนรุ่มอยากจะสัมผัสผิวนุ่มนิ่มและอยากลงทัณฑ์แม่จอมยั่วเสียตรงกลางห้องเสียเหลือเกิน เรียวหน้าหล่อก้มมองมือของตัวเองที่ยังถือแก้วเหล้าแล้วยกขึ้นจรดริมฝีปากกระดกน้ำเมาจากแก้วพร้อมทั้งเหลือบตาอันแข็งกร้าวดุจหินผามองร่างเมีย “นุ..นุชอยากไปดูลูก” เปรยเสียงสั่นเครือพร้อมทั้งถอดชุดชั้นในไม่กล้าที่จะเงยขึ้นมองชายหนุ่มรู้สึกถึงผิวเปลือยเปล่าร้อนวูบวาวเพราะกระแสเพลิงไฟจากดวงตาของพญายมทูตที่เอาแต่จ้องมองตน ร่างแน่งน้อยสั่นสะท้านใช้มือทั้งสองข้างปกปิดของสงวนเพื่อบันเทาความอับอาย หญิงสาวรีบก้มหน้าหลบสายของชายหนุ่มแล้วก้าวเดินอย่างเชื่องช้าด้วยหัวใจร้าวรานเจ็บจุกเข้าไปหามัจจุราชที่ยังนั่งอยู่เดิม “ทำหน้าที่ของเธอสิ” เขายังนั่งยกเท้าขึ้นพาดโต๊ะรับแขก เรียวปากหนาที่ขยับพูดนั้นยังคาบบุหรี่ดูดเอาควันสีเทาเข้าปอดแล้วพ่นออกทางจมูกและปากในเวลาเดียวกัน เขาช่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยเลยสักนิด
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร