“เร็วๆ!” ร่างโตยังนั่งเอนกายหลังพิงเบาะโซฟาทำเป็นไม่สนใจร่างน้อยแต่ในใจของเขามันร้อนรุ่มอยากจะสัมผัสผิวนุ่มนิ่มและอยากลงทัณฑ์แม่จอมยั่วเสียตรงกลางห้องเสียเหลือเกิน เรียวหน้าหล่อก้มมองมือของตัวเองที่ยังถือแก้วเหล้าแล้วยกขึ้นจรดริมฝีปากกระดกน้ำเมาจากแก้วพร้อมทั้งเหลือบตาอันแข็งกร้าวดุจหินผามองร่างเมีย “นุ..นุชอยากไปดูลูก” เปรยเสียงสั่นเครือพร้อมทั้งถอดชุดชั้นในไม่กล้าที่จะเงยขึ้นมองชายหนุ่มรู้สึกถึงผิวเปลือยเปล่าร้อนวูบวาวเพราะกระแสเพลิงไฟจากดวงตาของพญายมทูตที่เอาแต่จ้องมองตน ร่างแน่งน้อยสั่นสะท้านใช้มือทั้งสองข้างปกปิดของสงวนเพื่อบันเทาความอับอาย หญิงสาวรีบก้มหน้าหลบสายของชายหนุ่มแล้วก้าวเดินอย่างเชื่องช้าด้วยหัวใจร้าวรานเจ็บจุกเข้าไปหามัจจุราชที่ยังนั่งอยู่เดิม “ทำหน้าที่ของเธอสิ” เขายังนั่งยกเท้าขึ้นพาดโต๊ะรับแขก เรียวปากหนาที่ขยับพูดนั้นยังคาบบุหรี่ดูดเอาควันสีเทาเข้าปอดแล้วพ่นออกทางจมูกและปากในเวลาเดียวกัน เขาช่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยเลยสักนิด
เสียงฝนตกกระทบสังกระสีหลังคาบ้านเช่าหลังเก่าดังเปาะแปะๆ ข้างในบ้านชั้นบนยังมีสองผัวเมียข้าวใหม่ปลามันพึ่งจะพากันไปจดทะเบียนสมรสเมื่อสองอาทิตย์ก่อนโน้น..เสียงฟ้าร้องครวญครางดังน่ากลัวอยู่ภายนอกผสมลมฝนพัดเอาละอองมากระทบบานประตูหน้าต่างเสียงดังกึกกัก..กึกกัก นั่นไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มร่างใหญ่โตกับหญิงสาวร่างแน่งน้อยเป็นกังวลแต่อย่างใดพวกเขาทั้งสองนอนกกกอดเคลียคลอต่างแลกความสุขล้นใจให้กันอยู่บนที่นอนหนานุ่มปูติดพื้นไม้บ้านเช่าชานเมืองแถวจังหวัดนครปฐมหลังนี้อาจจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนักแต่นั่นไม่ใช่จุดสำคัญสำหรับพวกเขาเลย ความรักที่พวกเขามีให้กัน ถึงแม้อายุจะห่างกันมากถึงสิบสามปีแต่นั่นใช่จุดสำคัญที่เขาทั้งสองจะแคร์สองหนุ่มสาวต่างวัยพร้อมที่จะก้าวเดินไปด้วยกันและจะช่วยกันสร้างรากฐานของชีวิต สร้างครอบครัวเพื่อหนีความจนให้กลายเป็นครอบครัวออกหน้าออกตาทางสังคมกลุ่มเล็กๆ
“พิ..พี่..เดะ..เดชขา” เสียงใสสั่นไหวร่างบางไร้อาภรณ์แดงเถือกพยายามซุกตัวนอนคว่ำหน้าหนีคนตัวใหญ่ที่ไม่ยอมหยุดเล่นงานเธอ..นุสบายื่นมือดึงเอาผ้าห่มผืนหนามาปกปิดร่างกายที่มีสามีคอยแต่จะใช้เรียวปากเชยชม
“ค..ครับ” คนหน้ามึนไม่ยอมหยุดที่จะกินเมียส่งเสียงคำรามครางอยู่ในลำคอ เขาคืบคลานมุดเข้าผ้าห่มตั้งแต่ปลายเท้าเลื้อยเป็นตัวงูโถมทับร่างน้อย ใช้เรียวปากไต่สัมผัสเป็นตัวปูตั้งแต่ปลายนิ้วเท้าชิมผิวหอมตามสะโพกงอนงามขึ้นไปตามร่องแผ่นหลังบาง
“พอได้แล้ว..นุชช้ำไปหมดทั้งตัวแล้วนะคะ” ซุกใบหน้าร้อนผ่าวลงบนหมอนหลบหลีกใบหน้าคมสันที่เอาแต่ไซ้เม้มตามลำคอระหงด้านหลัง
“นุชจ๋า..จะห้ามพี่ทำไมล่ะครับเป็นเมียพี่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งพฤตินัยและนิตินัยแล้วนะครับต้องทำตามใจผัวสิครับ” กระซิบเสียงแหบห้าวพร้อมทั้งเม้มกัดติ่งหูน้อยด้านหลังแล้วรั้งให้นุสบานอนหงาย ก่อนจะขึ้นเกยทับร่างน้อย
“จะไม่ยอมให้นุชได้พักเลยเหรอคะนี่ก็เช้าแล้ว” เรียวมือสวยทั้งสองข้างยกขึ้นดันใบหน้าของสามีออกจากช่วงลำคอ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อหันไปมองบานประตูหน้าต่างที่กระทบกันเสียงดังกึกกึก
“เช้าที่ไหนครับดูสิยังมืดอยู่เลย..มามะ..มานอนซบอกพี่เสียดีๆ” อัครเดชอมยิ้มกวนๆ เขาจับมือทั้งสองข้างของเมียที่เอาแต่ผลักดันออกจากใบหน้าเรียวมือใหญ่จับข้อมือน้อยด้วยมือข้างเดียวแล้วยกขึ้นกดไว้เหนือศีรษะ
“ไม่นอนแล้วค่ะ..นุชจะลงไปทำกับข้าวเตรียมไว้ใส่บาตรทำบุญให้ยายคะ” ดวงหน้าหวานสลดลงเล็กน้อยยามนึกถึงยายผู้ล่วงลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน..นุสบาไม่เหลือใครอีกแล้วในชีวิตนอกจากอัครเดชชายคนรักที่ไม่เคยทอดทิ้งเธอให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าสามีได้ทำตามคำขอของยายที่ฝากฝังเธอไว้กับเขาเป็นอย่างดี หญิงสาวไม่อยากจะให้สามีเห็นน้ำตาจึงกะพริบเปลือกตาหลายครั้งแล้วเอียงหน้าหนีดวงตากลมโตมองสิ่งแวดล้อมภายนอกผ่านช่องบานประตูหน้าต่าง
“จะทำให้เสียเวลาทำไมครับเดี๋ยวพี่ขับมอเตอร์ไซค์ออกไปซื้อแกงถุงปากซอยให้ก็ได้” คนตัวหนากำลังหลงใหลในกลิ่นกายสาบสาว เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าเมียกำลังร้องไห้ใบหน้าคมสันยังยังวนเวียนใช้ริมฝีปากหนากระซิบชิดผิวหอมและยังตอดเล็กตอดน้อยไปตามเรียวคางมนไล่เล็มลงต่ำไซ้ซอกคอระหงเลื้อยลงร่องอกอวบที่กระเพื่อมขึ้นลงเพราะสะท้านสัมผัสของสามีที่มีชันเชิงรู้ว่าตรงไหนเจ้าหล่อนชอบไม่ชอบ
“ไม่เอาค่ะ..นุชอยากทำอาหารไม่อยากให้ยายได้กินแกงถุง พี่เดชก็ต้องเตรียมตัวไปทำงานได้แล้วนะ นี่เราสองคนหยุดงานมาหลายวันแล้ว” ร่างน้อยดิ้นรนออกจากร่างโต เธอผลักคนตัวโตให้นอนหงายแล้วรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มไม่อยากให้สามีเป็นกังวล ร่างน้อยรีบลุกนั่งหยิบเสื้อเชิ้ตของสามีที่อยู่ปลายที่นอนมาสวมใส่ปกปิดร่างกายที่คนเจ้าเล่ห์เอาแต่จ้องมอง
“นุชลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้านให้พี่ได้ไหมครับ” คนชีเปลือยนอนตะแคงข้างเข้าหาหญิงสาว ข้อศอกหนายันที่นอนยกมือค้ำศีรษะไว้ส่วนอีกข้างก็ยื่นเข้าไปสะกิดเขี่ยแผ่นหลังเนียนนุ่มนิ้วชี้ใหญ่เกี่ยวพันเส้นผมดำขำยาวเหยียดถึงเอวคอดเล่น
“พี่เดชขา..อย่าให้นุชลาออกเลยนะคะ นุชอยากทำงานช่วยพี่เดช” ผิวบางร้อนวูบวาวเพราะรู้สึกถึงความเร่าร้อนของปลายนิ้วใหญ่ที่คอยแต่จะกรีดสัมผัสรวมทั้งแววตาทอประกายแสงร้อนแรงมองร่างเธออยู่..นุสบาไม่กล้าที่จะหันหลังไปมองคนหน้ามึน เธอเอาแต่ก้มหน้ามองมือของตัวเองที่สั่นระริกรีบเร่งติดกระดุมเสื้อ
“นุชไม่จำเป็นต้องมาช่วยพี่หาเงิน พี่อยากให้นุชสบาย พี่จะทำงานเก็บเงินสร้างฐานะของเราซื้อบ้านหลังใหญ่สักหลัง มีกิจการรับเหมาก่อสร้างเป็นของตัวเอง พี่จะทำให้นุชมีความสุขรวมทั้งลูกของเราด้วย” พยุงตัวลุกนั่งพร้อมทั้งขยับตัวเข้าไปนั่งซ้อนอยู่ด้านหลังของเมียแล้วยกหัวเข่าขึ้นข้างหนึ่ง มือเรียวใหญ่สอดเข้าช่วงเอวคอดยื่นไปด้านหน้าใช้ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้สัมผัสผิวหน้าท้องแบนราบ กดเรียวปากลงบนกระหม่อมบางกระซิบเสียงแหบห้าวว่าอยากมีลูก
“ถ้าอยากมีลูกก็ต้องช่วยกันสร้างฐาน พี่เดชให้นุชช่วยพี่ทำงานเก็บเงินนะคะลูกเราเกิดมาจะไม่ต้องลำบากเหมือนเราไงค่ะ” ใบหน้างามก้มมองมือหนาที่ยังลูบคลำที่ผิวหน้าท้อง แผ่นหลังบางแนนชิดอกแกร่งแล้วแหงนใบหน้าแดงระเรื่อมองปลายคางของสามี
“แต่พี่ไม่อยากให้เมียพี่ต้องลำบากนี่ครับ พี่อยากให้นุชอยู่บ้านเฉยๆ รู้ไหมครับพี่อยากเห็นหน้านุชเป็นคนแรกเวลาพี่กลับมาจากทำงานเห็นนุชยืนรอพี่ที่หน้าบ้าน” คนหน้าหล่อโน้มหน้าเข้าหาแล้วแตะริมฝีปากลงบนเรียวปากนุ่มนิ่มแดงระเรื่อบวมเจ่อเป็นเพราะน้ำมือของเขาเอง
“งานที่นุชทำก็ไม่ได้หนักอะไรนี่คะแค่ช่วยหมอ ช่วยนางพยาบาลจัดยาทำโน่นทำนี่ไม่ได้หนักอะไรเสียหน่อย” ดวงหน้ารูปไข่เอียงอายจนแดงอมชมพู เธอยกมือขึ้นดันคางหนาออกแล้วรีบก้มหน้าหนีจากการสัมผัสอันเร่าร้อนแต่แฝงความนุ่มนวล
“โอเคครับ พี่ให้นุชทำแค่ปีเดียว ครบกำหนดเตรียมเขียนใบลาออกเลยนะครับ” ใบหน้าคมคายก้มลงกดเรียวปากลงบนหัวไหล่บางด้านหลังอย่างแผ่วเบานุ่มนวล..อัครเดชเหลือบสายตาอันเก็บกดมองสิ่งของในห้องพักด้วยความจนที่เขาเผชิญมาตั้งแต่เล็กอาศัยศาลาวัดเป็นที่ซุกหัวนอนและข้าวก้นบาตรหลวงตาชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด เจ็บร้าวหัวใจไปทั้งดวงเมื่อก้มมองหน้าเมียที่ต้องพาเธอมาลำบากไปกับเขาด้วย
“ความรักของเรามันจบลงตั้งแต่พี่คิดนอกใจหนู เราสองคนกลับไปรักกันเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว” พัชชาเป็นคนไล่สามีและเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้เขา ซึ่งมันขัดกับจิตใจของเธอที่ยังรักและโหยหาไออุ่นและอ้อมกอดของสามี “นั่นเป็นความคิดของเธอ แต่สำหรับพี่ สี่ห้องหัวใจของพี่มันมีแต่เธอ ข้างในนี้มันเต้นบอกรักทุกครั้งเวลาพี่หายใจ” คำพูดของเมียทำให้คนเลวไม่เคยสำนึกโกรธจนลมออกหู เขาเดินเข้าไปกระชากกระเป๋าจากมือน้องมาถือไว้ พร้อมทั้งกัดฟันพูดเสียงดังใส่หน้าน้องว่า “ตลอดสี่ปีที่เราอยู่ด้วยกัน พี่รักเธอคนเดียวไม่เคยทำผิดนอกลู่นอกทาง มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่พี่มะ...” พิสุทธิ์กำลังหาข้ออ้างแก้ตัวว่า ‘พี่มีอะไรกับมุกดาก็จริงแต่มันไม่ใช่ความรัก ที่พี่มีอะไรกับเขาก็เพราะความใคร่และแก้แค้นเขาที่เขาเคยหักหลังพี่’ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ทันได้พูดจบประโยคเมื่อมีเสียงของลูกสาวเรียกเขา “คุณพ่อขา” หนูน้อยพิชญาเปิดประตูห้อง แกดีใจมากที่เห็นพ่อ เลยไม่ทันได้สังเกตมองว่าแม่ก็อยู่ในห้องด้วย “พีชลูกพ่อ” เสียงของลูกสาวทำให้พิสุทธิ์หยุดทุกอย่าง เขาปรับสีหน้าเคร่งเครียดให้เป็นปกติแล้วหันไปมอง เขายิ้มกว้างโน้มตัวอ้าแขนจะอุ้มลูกสาว “คุณแม่ คุณแม่กลับมาแล้ว” ทีแรกว่าจะเดินเข้าไปหาคุณพ่อ แต่พอเหลือบตาเห็นคุณแม่ เด็กน้อยพิชญาก็วิ่งเข้าไปหาคุณแม่ “ลูกแม่ แม่คิดถึงหนูมากรู้ไหมคะ” ด้านพัชชาเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม แล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยิ้มให้แกเมื่อลูกสาวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด “ลูกพีชก็คิดถึงคุณแม่ค่ะ” เด็กน้อยพิชญาพูดอ้อนชิดพวงแก้มหอมของแม่ “ชื่นใจเหลือเกินลูกแม่” พัชชาอุ้มลูกสาวให้นั่งบนตัก เธอกอดลูกไว้ด้วยความรัก จูบหัวและดวงตาของแกเวลาลูกแหงนหน้ามองสบตากัน “คุณยายบอกว่าน้องไปอยู่บนสวรรค์แล้ว จริงเหรอคะ” เด็กน้อยพิชญาหน้าเศร้าหมอง ดวงตากลมแบ๊วคลอเบ้ามองเสื้อผ้าของน้อง “ชะ...ใช่ค่ะ” คำถามของลูกสาวทำให้พัชชาหายใจไม่ออก เธอฝืนยิ้มทั้งที่หัวใจช้ำเลือดช้ำหนองปลอบขวัญลูกสาวโดยการจูบดวงตาของแก “ลูกพีชคิดถึงน้องจังค่ะ” เด็กน้อยพิชญานั่งคร่อมกอดคอแม่ไว้ด้วยแขนข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็ลูบท้องของแม่ เพื่อจะได้สัมผัสน้อง แต่ไม่มีน้องอยู่ในท้องของแม่อีกต่อไปแล้ว “แม่ก็คิดถึงน้องเหมือนกันค่ะ” พัชชาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล เธอกำลังจะตายเมื่อก้มมองมือของลูกสาวที่ลูบหาน้องในท้อง “คุณแม่ขา ลูกพีชขอตุ๊กตาไดโนเสาร์ของน้องได้ไหมคะ” เด็กน้อยขยับไปนั่งขาแบะบนพื้น จับของเล่นของน้องมากอด
“กลับไปตอนนี้ก็ยังทันอยู่นะครับ ถ้าขืนคุณฉายช้ากว่านี้ คุณอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตเพราะอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอหน้าคุณจันทร์อีกเลยก็ได้นะครับ” เสียงของกาวินทำให้ตะวันฉายเดินหนีไปยืนตรงตู้โชว์ แววตาสีเข้มหวั่นไหวเหมือนหัวใจของตัวเองที่เต้นอย่างแรง มองมือของตัวเองที่กำลังลูบสัมผัสใบหน้างามของน้องในกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะโชว์ ‘ใช่! นายพูดถูก ฉันกลับไปหาจันทร์ตอนนี้ยังทัน เพราะฉันรู้ว่าจันทร์กำลังรอฉันให้ไปปลอบขวัญเธอ’ ตะวันฉายตอบคำถามลูกน้องในใจ “ไปหาคุณจันทร์เถอะครับ อย่าฝืนหัวใจของตัวเองเลย” กาวินอยากให้เจ้านายไปหาจันทร์ฉัตรก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับไปใช้ชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศอย่างถาวร “พี่รักเธอเพียงคนเดียวนะจันทร์ฉัตร...พี่รักเธอ อยากกอด อยากหอม อยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอ” คำพูดของกาวินทำให้ตะวันฉายพูดเสียงสั่นอยู่ในลำคอตีบตัน ดวงตาสีเข้มกักกลั้นน้ำตาแห่งความร้าวรานไม่ให้ไหลจนแดงก่ำ เขาไม่อาจทนมองรอยยิ้มสดใสของน้องที่อยู่ในรูปได้จึงเดินหนีไปยืนตรงหน้าต่าง “พี่คิดถึงเธอ ใจพี่จะขาดตายอยู่แล้ว จันทร์” ตะวันฉายกลืนกินเสียงสะอึกลงคอแหบแห้ง จุกและแน่นหน้าอกมากเวลานี้ เขาหันมองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดมิด เปรียบเสมือนหัวใจของเขาที่ดำดิ่งมืดบอด มองหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้เลย ตะวันฉายใจร้าวแตกละเอียดเมื่อต้องตัดสินใจที่จะจากน้องไปจริงๆ ทั้งที่ยังรัก…
“ฮือออ” เด็กน้อยแสงเหนือยิ่งส่งเสียงร้องไห้ ใบหน้าน่ารักที่ซบอยู่บนทรวงอกอิ่มนั้นแหงนขึ้นมองหน้าแม่ แล้วหันไปมองห้างสรรพสินค้า “สุดหล่อของแม่เงียบได้แล้วนะครับ” น้ำตาของลูกทำให้ม่านฝนหัวใจแตกสลายร้าวราน เธอหายใจเบาๆ ผ่อนออกมาช้าๆ แล้วก้มลงจูบหัวของแก “แม่ครับ เหนืออยากได้เกมนินเทนโดครับ” เด็กน้อยไม่ยอมฟังคำปลอบขวัญ ยิ่งสะอื้นไห้ปนคำพูดเมื่อแหงนหน้ามองแม่ “ถึงบ้านแล้ว เดี๋ยวแม่ซื้อหุ่นไอ้มดแดงให้นะครับ” ม่านฝนกลั้นน้ำตาไว้จนขอบตาแดงช้ำ เธอก้มลงหน้าผากชนหน้าผากของลูก กระซิบเสียงสั่นเครือชิดปลายจมูกโด่งคมเหมือนพ่อของแก “จริงนะครับ” คำพูดของแม่ทำให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ แต่ใบหน้ายังซบอกของแม่อยู่ แขนข้างหนึ่งก็กอดเอวคอดแม่ไว้แน่น อีกข้างก็กอดเจ้าตุ๊กตาเสือเน่าไว้แน่นเช่นกัน “จริงสิครับ” ม่านฝนรับปากลูกได้ เพราะเธอเห็นร้านค้าในหมู่บ้านมีของเล่นขายราคาไม่ถึงร้อยบาท ซึ่งพอซื้อให้ลูกได้ “แม่ครับ เหนือจะเอาสองตัวนะครับ ที่ร้านยายสายมีอุลตร้าแมนขายด้วยครับ” เด็กน้อยพูดอ้อนแม่ปนเสียงหายใจยาวๆ ยามสะอื้นไห้ “ถ้าเหนือหยุดร้อง แม่จะซื้ออมยิ้มให้เหนืออีกสองอันเลยเอาไหมครับ” ดวงหน้าหล่อแม้แววตาดวงเข้มก็คล้ายคลึงผู้ชายที่ทำให้หัวใจของเธอเป็นแผลเหวอะ ม่านฝนก้มลงจูบดวงตาคู่นั้นด้วยความรักและขมขื่น “อึกกก เหนือหยุดร้องไห้แล้วครับ” แสงเหนือเกาะลำคอของแม่กระชับแน่นพร้อมทั้งยิ้มยิงฟัน จนคุณแม่อดใจไม่ไหวจูบหอมฟันน้ำนมของแก “เป็นผู้ชายห้ามร้องงอแงนะครับ อายคนอื่นเขารู้ไหม” เมื่อลูกน้อยยังส่งเสียงสะอึก ม่านฝนก็กระซิบเสียงเบาบอกให้ลูกมองคนรอบข้างในรถ “เหนืออยากถึงบ้านเร็วๆ จังครับ เหนืออยากได้ของเล่นครับ” เด็กน้อยอายจนพวงแก้มย้วยแดงเป็นลูกมะเขือเทศ เมื่อได้หันหลังไปมองสายตาหลายคู่ที่จับจ้องอยู่
“เมื่อไรคุณจะบอกเลิก แล้วหย่ากับเมียคุณสักทีคะ” วีนัส สาววัยสามสิบเอ็ดปี เธอสวยเซ็กซี่ แต่งตัวทันสมัยและเป็นผู้หญิงเก่งในเรื่องทำงาน วีนัสเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกเดียวกับกิตติจึงทำให้เขาและเธอได้รู้จักกัน ให้ความสนิทกันและลงเอยกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ “ให้เวลาเจียวสักหน่อยนะ เดี๋ยวผมจะขอเธอหย่าเอง” กิตติที่นอนเปลือยเปล่าหมดแรงเอ่ยขึ้น แขนข้างหนึ่งยกขึ้นก่ายหน้าผาก ส่วนอีกข้างจับมวนบุหรี่ดูดควันสีเทาถูกดูดเข้าปอดแล้วพ่นออกมาอย่างแรงด้วยความเครียดเมื่อนึกถึงวันที่เขาจะต้องไปขอเลิกกับเปาวลี “หรือคุณไม่อยากแต่งงานกับฉันคะ ถึงปล่อยให้ฉันรอนานขนาดนี้” ร่างเปลือยเปล่านอนเกยทับร่างใหญ่โตที่นั่งหลังพิงหัวเตียง วีนัสพูดเสียงน้อยใจจึงทำให้กิตติขยับตัววางมวนบุหรี่ไว้ในถาดเขี่ยบุหรี่ เขาอุ้มร่างบางให้ขึ้นมานั่งทับบนหน้าท้องแววตาเริ่มหื่นก็จับจ้องมองทรวงอกใหญ่โตอย่างหลงใหล “คุณรู้ไหม เวลาผมอยู่กับคุณ...ผมมีความสุขมาก ทุกครั้งที่ผมมีคุณอยู่ข้างกาย มันทำให้ผมเหมือนเป็นตัวของตัวเอง ผมอยากทำอะไรก็ทำได้โดยไม่ต้องคิดมาก ผมสามารถทิ้งทุกอย่างลงบนตัวคุณได้ โดยที่ผมทำกับเจียวไม่ได้เลย คุณรู้ไหม เวลาผมอยู่กับเจียว ผมรู้สึกอึดอัดมากแค่ไหน” กิตติมีความสุขทุกครั้งเมื่อได้อยู่กับวีนัส เธอเป็นผู้หญิงเอาใจเก่งในเรื่องบนเตียง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เปาวลีไม่เคยทำให้เขา แต่กับวีนัสทำหน้าที่บนเตียงได้เป็นอย่างดี จนทำให้ชายหนุ่มลุ่มหลงในรสสวาทที่ผู้ชายทุกคนโหยหาจากภรรยาแต่ไม่เคยได้รับ “ก็มาอยู่ด้วยกันที่นี่สิคะ จะกลับไปทำไมลำปางทุกวัน” วีนัสโน้มใบหน้าเข้าหาดวงหน้าหล่อ ริมฝีปากอิ่มเอิบประกบจูบปากหยัก หล่อนไซ้เรียวปากไปตามเนื้อตัว ไล้มาถึงหน้าท้องเป็นลอนแล้วเคลื่อนใบหน้าไปตรงหว่างขาของชายหนุ่ม
“คนแพ้ท้องแทนเมียก็แบบนี้แหละครับคุณผู้หญิง” สจ๊วตเอ่ยขึ้น พร้อมทั้งยื่นน้ำเปล่าให้กับหญิงสาว ตามด้วยน้ำมะนาวไม่ใส่น้ำตาลให้กับปุริม “แพ้ท้องแทนเมีย!! พี่ปุ๊!!...” อันทิตาหันไปมองสจ๊วตหนุ่ม แล้วหันมามองหน้าปุริมที่ยังทำหน้าตาตกใจเหมือนกัน “แค่ก!!...แค่ก!!...คุณว่าอะไรนะครับ” ปุริมสำลักน้ำมะนาว บ๊วยที่อมอยู่เกือบจะพ่นออกมาจากปาก ชายหนุ่มรีบเช็ดน้ำมะนาวที่ไหลย้อยตามเรียวปากหนา พร้อมทั้งเงยหน้าตื่นตระหนกมองสจ๊วต แล้วหันไปมองอันทิตา “ครับ...คุณผู้ชายคงจะแพ้ท้องแทนคุณผู้หญิงแน่เลยครับ ผมเคยเป็นครับ ตอนเมียผมท้องจะมีอาการแบบคุณผู้ชายนี่แหละครับ ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งสองด้วยครับ” สจ๊วตเอ่ยบอก แล้วขอตัวไปทำหน้าที่บริการลูกค้าคนอื่นๆ
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง