“เคลวิน อาร์มันโด” มหาเศรษฐีผู้ไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิต ไม่คิดเลยว่าการมาเยี่ยมเยียนมารดาและน้องสาวที่เมืองไทยในครั้งนี้จะได้มาเจอกับกวางน้อยแสนสวยที่เคยทำเขาหัวใจแทบหยุดเต้นมาแล้วครั้งหนึ่ง! เขาวางแผนการบางอย่างเพื่อต้อนกวางน้อยเข้าสู่กรงทองแล้วครอบครองได้อย่างที่จะไม่ทำให้ต้องเสียหน้า แต่กลายเป็นว่านักล่าอย่างเขาพลาดท่าตกลงไปในกับดักนั้นเสียเอง เพราะหนีผู้ปกครองเที่ยวแท้เชียว เธอถึงต้องมาเจอเขาอีกครั้ง ผู้ชายวาจาร้ายกาจกับสถานการณ์น่าอับอาย “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ผมยินดีและเต็มใจ” “มีค่ะ” ตอบกลับเสียงแข็ง “เสร็จธุระแล้วก็ช่วยออกไปจากห้องด้วย เชิญค่ะ” ว่าพลางชี้ไปทางประตูห้องด้วยหางตา “เรื่องแค่นี้เองหรือที่ต้องการให้ช่วย” เคลวินหันมาถามหลังจากเดินมาถึงหน้าประตู คิ้วทรงดาบเลิกขึ้นสูง “ผมนึกว่าคุณอยากให้ช่วยแบบว่า... ช่วยติดขอเสื้อในนี่ให้ฉันทีสิคะฉันติดไม่ถึง อะไรแบบนี้เสียอีก” ว่าพลางส่งยิ้มยียวน ดวงตาพราวระยับจ้องนิ่งตรงทรวงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเร็วแรง สาบานได้ว่านี่คือคำพูดของคนเพิ่งเจอกัน เขาเข้ามาในห้องเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังจ้องเธออย่างเสียมารยาทในขณะที่เธออยู่ในสภาพ... ล่อแหลม! “ลัลน์นารา” หวังอย่างยิ่งว่านั่นจะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิตกับความอับอายและผู้ชายแสนยียวน แต่โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเธอ ให้กงล้อหมุนเวียนพาเธอกับเขามาเจอกันอีกครั้งและกลายเป็นผูกพันกันไปตลอดกาล... “พี่เค นี่มันบนเรือนะคะ” "บนเรือแล้วแปลกตรงไหน หาอะไรแปลกใหม่บ้าง ชีวิตจะได้มีสีสัน” “เรือจะล่มไหมคะ” คนถามออกอาการหวาดหวั่น เคลวินหัวเราะในลำคอกึ่งขบขันกึ่งสงสาร “พี่จะพยายามเบามือที่สุดค่ะ หยาดเองก็อย่ารุนแรงนักนะคะ”
"อุ๊ย!” เสียงหวานอุทานพร้อมเจ้าของส่ายหน้าอย่างระอากับความไม่ระมัดระวังของตัวเอง ขวดน้ำหวานสีแดงเลื่อนหลุดมือหลังจากที่เธอหมุนกายไปคว้ามาเพื่อรินใส่ในโถแก้วสำหรับเป็นส่วนผสมในพั้นซ์ที่เธออาสาทำให้เพื่อนที่ไม่นิยมดื่มแอลกอฮอล์ในปาร์ตี้คืนนี้ โชคดีที่เธอตามคว้าไว้ได้ทันก่อนที่จะล่วงหล่นลงพื้น แต่ผลก็คือ น้ำสีแดงเข้มข้นกระฉอกออกจากขวดเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าเต็มไปหมด
“แย่จริง เลอะหมดเลย” บ่นอุบพลางวางขวดน้ำหวานทรงสวยลงบนโต๊ะแล้วคว้าทิชชู่เช็ดน้ำสีแดงสดที่ซึมเข้าเนื้อผ้าสีขาวจนสัมผัสถึงนวลเนื้อภายใต้เสื้อยืดรัดรูปตัวเก่ง
“หมดกันมอมแมมหมดแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อดีกว่าลัลน์ ทางนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง” เพื่อนหนุ่มคนสนิทบอกพลางส่งยิ้มให้
ลัลน์นาราพยักหน้ารับยิ้มอย่างขอบคุณก่อนแยกตัวเดินตรงไปยังห้องนอนที่แยกออกไปเป็นสัดส่วน อพาร์ทโฮเตลของเรย์มอนด์นับว่าหรูหราและกว้างขวางสมฐานะ เขาร่ำรวยกว่าใครในรุ่นเดียวกัน แต่ข้อดีคือเรย์มอนด์เป็นคนไม่ถือตัว และครั้งนี้เขาก็เป็นคนเสนอให้มาจัดปาร์ตี้เล็กๆ ที่อพาร์ทโฮเตลสุดหรูริมแม่น้ำในรัฐฟลอริด้าแห่งนี้ แม้จะไกลจากบอสตันแต่ทุกคนเต็มใจมาเพราะนี่เป็นทริปสุดท้ายที่จะได้เที่ยวด้วยกันก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านเกิดเมืองนอนของตนหลังจากจบการศึกษา
ความรีบร้อนทำให้หญิงสาวไม่ทันสำรวจให้เรียบร้อยว่าตนปิดประตูห้องไม่สนิท เพราะทันทีที่เข้าไปภายใน ก็ถอดเสื้อออกแล้วตรงดิ่งไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างคราบน้ำหวาน และด้วยความเคยชินลัลน์นาราจึงไม่ได้คิดปิดล็อคประตูห้องน้ำให้ดีเสียก่อน
ด้านนอก ภายในห้องโถงสำหรับงานปาร์ตี้เจ้าของอพาร์ทโฮเตลกำลังต้อนรับแขกคนสำคัญ ไม่เพียงแต่จะเป็นมหาเศรษฐีเจ้าของเรือสำราญขนาดใหญ่อันดับต้นๆของโลกเท่านั้น แต่ยังมีธุรกิจเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ครอบคลุมไปทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย แต่หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชาย คงยากนักที่จะมีโอกาสเช่นนี้
“สบายดีนะเรย์ ดีใจด้วยที่นายเรียนจบแล้ว ต่อไปลู้คคงสบายขึ้นอีกหลายเท่าตัวเพราะมีน้องชายที่เก่งกาจอย่างนายไปช่วยงาน”
“พี่เคชมผมมากไปแล้วครับ ถึงจะเก่งแค่ไหนก็คงสู้พี่ไม่ได้อยู่ดี” คนถูกชมยิ้มแก้มปริ แต่ก็ไม่วายถ่อมตน แต่ก็คือเรื่องจริงใครจะเก่งเท่าเคลวิน อาร์มันโด ดูจะไม่มีอีกแล้ว เคลวินสานต่อธุรกิจของบิดาแล้วขยายให้ยิ่งใหญ่ครอบคลุมทุกมุมโลกด้วยวัยเพียงสามสิบห้าปีเท่านั้น
“อย่ามัวมาอวยกันเองอยู่เลยน่ะ” เคลวินกระตุกยิ้มมุมปากตามความเคยชิน มหาเศรษฐีหนุ่มกวาดสายตามองโดยรอบ ตอนนี้ในโถงมีเขากับเรย์มอนด์เพียงสองคน คนอื่นคงกำลังสาละวนอยู่ในครัวเพราะได้ยินเสียงหัวเราะกันสนุกสนานดังมาจากในนั้น
“พี่เคอยู่สนุกกับพวกเราทั้งคืนนะครับ” เรย์มอนด์เอ่ยชวน ไม่ใช่เพราะอยากโอ้อวดบรรดาเพื่อนว่าสนิทสนมกับนักธุรกิจอันดับต้นๆ ของโลก แต่เพราะอยากมีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนสนิทของพี่ชายคนนี้มากกว่า เนื่องจากเคลวินอยู่ไม่ค่อยติดที่ เขาต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยจนหาเวลาที่จะเจอกันได้ยาก
“นายกับเพื่อนๆ ตามสบายเถอะ พี่แค่แวะมาทักทายสักพักก็คงต้องขอกลับ พรุ่งนี้ต้องกลับมิชิแกนแล้ว”
“น่าเสียดายนะครับ นานๆ ได้เจอกันที” ทำเสียงเศร้าอย่างผิดหวัง เคลวินยกมือตบไหล่เบาๆ เอ่ยปลอบใจ
“เอาเถอะน่า ยังมีอีกหลายโอกาสที่จะได้เจอกัน” ว่าแล้วก็ยิ้มให้ ดึงมือกลับมาสอดเข้าในกระเป๋ากางเกงตามเดิม
“พี่ขอตัวเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”
“ด้านนอกมีคนเข้าครับ” บอกอย่างนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนอีกคนเพิ่งเข้าไปเมื่อสักครู่
“พี่ไปใช้ห้องน้ำที่ห้องผมก็ได้ ห้องที่สองด้านซ้ายมือน่ะครับ”
เคลวินพยักหน้ารับก่อนเดินไปตามคำบอก แต่แล้วคิ้วเข้มทรงดาบก็ต้องขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจเมื่อเปิดประตูห้องไม่ได้ เขามั่นใจว่าเขาฟังไม่ผิดห้องที่สองซ้ายมือ ชายหนุ่มนิ่งคิดอย่างสงสัยก่อนหันไปมองประตูห้องฝั่งตรงข้าม
“หรือว่าเจ้าเรย์จะบอกเราผิด” เคลวินพึมพำกับตัวเองแล้วลองขยับลูกบิดดู ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มที่มุมปากเมื่อพบว่ามันเปิดออกได้อย่างง่ายดาย ร่างสูงผลุบเข้าไปในห้องปิดล็อคแล้วตรงไปยังห้องน้ำ ไม่ทันได้สังเกตสภาพแวดล้อมภายใน
“เปิดน้ำทิ้งไว้อีกแล้วนะเรย์มอนด์” คนเพิ่งเข้ามาในห้องบ่นอุบเมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลดังมาจากด้านใน เขาจำได้ว่าเมื่อช่วงวัยเด็กเวลาที่เรย์มอนด์ไปพักด้วยเขาต้องคอยตามปิดน้ำตลอดเพราะน้องชายเพื่อนมักจะลืมปิดน้ำเสมอ มือหนาเปิดประตูห้องน้ำแทรกกายเข้าไปทันทีอย่างไม่ลังเล
ลัลน์นาราสะดุ้งวาบเมื่อได้เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก หญิงสาวหันขวับมามองทางต้นเสียง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง มือที่กำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำเช็ดคราบน้ำหวานสีแดงชะงักค้าง ไม่รู้เพราะตกใจที่เห็นชายแปลกหน้าเข้ามาในห้อง หรือเพราะตะลึงในความหล่อเหลาราวเทพบุตรกันแน่ ลัลน์นารายอมรับว่าเธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนตัดผมทรงสกินเฮดแล้วดูมีเสน่ห์เท่านี้มาก่อน แต่ผู้ชายตรงหน้านี้ดูดีไม่มีที่ติ
อาการนั้นไม่ต่างอะไรกับผู้ก้าวเข้ามา เคลวินไม่คาดคิดว่าจะมีคนอยู่ในนี้ หญิงสาวตรงหน้ามีเพียงกางเกงยีนขาสั้นสีซีดปกปิดส่วนล่าง ช่วงบนเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ห่อหุ้ม มีเพียงสองมือที่เจ้าของยกขึ้นปิดบังดอกบัวตูมสองข้าง เธอคงไม่รู้ตัวว่ายิ่งทำแบบนั้นยิ่งเป็นการเชิญชวนให้จ้องมอง เพราะนวลเนื้อที่โผล่ออกมาให้เห็นวับๆ แวมๆ มันดึงดูดสายตามากมายนัก
“ผมให้สิทธิ์คุณเลือกว่าจะกรีดร้องหรือจะหยิบเสื้อคลุมนั่นมาสวม” บอกเสียงเข้มเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าจะเปล่งเสียงกรีดร้อง ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองนิ่ง สีหน้าตึงเรียบ ราวคุณครูผู้ปกครองกำลังสั่งการ
ลัลน์นาราได้สติรีบหันหลังแล้วคว้าเสื้อคลุมที่แขวนอยู่มาสวมทันที มือน้อยสั่นระริกอย่างพยายามตั้งสติ ไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอจะรู้สึกอับอายเท่านี้
“นี่คุณจะเสียมารยาทอีกนานไหมคะ” เค้นเสียงถามเมื่อหันกลับมาแล้วพบว่าคนแปลกหน้ายังยืนพิงกายกับขอบประตูห้องน้ำจ้องมองเธอไม่วางตา
“เสียมารยาทตรงไหนครับช่วยบอกที”
ลัลน์นาราแทบกรีดร้องกับคำถามแสนยียวน ริมฝีปากหยักสวยสั่นระริก ดวงตาหงส์จ้องมองอย่างตื่นตะลึง
“คุณเข้ามาในห้องส่วนตัวฉัน แล้วมายืนจ้อง... แบบนี้ไม่เรียกว่าเสียมารยาทหรือคะ”
เคลวินยิ้มเกือบเป็นหัวเราะ กวาดสายตามองปราดจากศีรษะจรดปลายเท้าแล้ววกกลับมาสบจ้องดวงตาคู่สวยนิ่ง
“ก็ไม่เห็นคุณห้าม ผมก็นึกว่าคุณให้มองได้น่ะสิ”
“คุณ!” เปล่งเสียงออกมาได้เพียงเท่านั้นจริงๆ หญิงสาวไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดตอบโต้ มือน้อยทั้งสองข้างกำแน่นอย่างพยายามเก็บข่มอารมณ์ แต่ยิ่งเห็นท่าทีถือดี ดวงตาสีน้ำตาลทอประกายวิบวับกับอาการกระตุกยิ้มที่มุมปากนั้นคล้ายเยาะหยัน ลัลน์นาราก็แทบอยากซัดกำปั้นใส่หน้าตายียวนนั้น
“ไม่มีใครบอกคุณหรือไงก่อนเข้าห้องควรรอให้เจ้าของห้องอนุญาตก่อน”
“ก็เจ้าของห้องเขาอนุญาตผมแล้วนี่ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ไปถามเรย์มอนด์ดูแล้วกัน” บอกพลางเดินเข้าไปด้านในของห้องน้ำอย่างไม่สนใจ ลัลน์นาราที่ขยับหลีกหนีจนหลังชิดติดผนังห้องน้ำ
“นั่นคุณจะทำอะไรของคุณ”
“ผมก็ทำธุระของผมบ้างสิ”
“อ๊าย! ฉันยังยืนอยู่ตรงนี้นะช่วยเกรงใจกันหน่อยสิ” ร้องเสียงดังลั่นเมื่อเห็นชายหนุ่มจัดการปลดหัวเข็มขัด
“ถ้ากลัวเสียเปรียบ จะเอาคืนด้วยการยืนมองผมก็ได้นะ ผมอนุญาต”
“บ้า! คนบ้า! ใครจะไปยืนมองอะไรที่มันอุจาดตาแบบนั้น”
“ลองมองดูก่อนดีไหมครับ รับรองคุณต้อง... เฮ้! คุณ” ร้องเรียกเจ้าของร่างระหงที่หมุนกายจ้ำอ้าวออกไปจากห้องน้ำก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ ริมฝีปากหยักร้ายกระตุกยิ้มอย่างขบขัน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำท่าแบบนี้ใส่เขามาก่อน บางทีหากคืนนี้เขาเปลี่ยนใจอยู่ร่วมงานตามคำขอของเรย์มอนด์อาจมีอะไรสนุกๆ รออยู่ก็ได้
‘น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หวังว่าจะไม่น้อยจนเกินไปสำหรับ 'ผู้ชายขายกล้วย’ อย่างคุณ ขอบคุณค่ำคืนดีๆ ที่น่าจดจำ’ ‘เปลวตะวัน’ ฉุนจัดเมื่อตื่นมาในเช้าวันใหม่หลังผ่านค่ำคืนอัน เร่าร้อนกับแม่สาวไวไฟความเร็วเกิน 5G แล้วพบธนบัตรสีเทา ปึกหนึ่ง พร้อมจดหมายน้อยระบุข้อความถึงเขาชัดเจน!! "ห้าหมื่น! กล้าดียังไงมาตีค่าราคาฉันด้วยเศษเงินแค่นี้” คนอย่างเขาเสียเงินไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้! หยามกันขนาดนี้ ต่อให้ต้องควานหาจนไกลสุดขอบฟ้า ต้องจ่ายเงินมหาศาล เขาก็จะตามล่าเธอมาลงทัณฑ์ให้ได้ นั่นคือคำประกาศก้องของ ‘หมอเปลวตะวัน’ ผู้แสนหล่อเหลา เบื้องหน้าเขาคือสูตินรีแพทย์ผู้แสนสุภาพและอ่อนโยนในสายตาคนทั่วไป แต่เบื้องลึกเขามีอีกด้าน ตัวตนที่ไม่มีใครคาดคิด เขาแสนร้าย เร่าร้อน และดุดัน! เธออยากมีลูก แต่ไม่อยากมีสามีผูกมัด ‘หนุมโฮสต์’ ทรงเสน่ห์ ในค่ำคืนนั้นจึงตอบโจทย์ 'พราวชมพู' ไม่คิดว่าการตัดสินใจเลือกคำตอบข้อนี้จะนำความยุ่งยากมาให้มากขนาดนี้ เธอตาถั่วหรือสวรรค์ชังความคิดรั่วๆ ของเธอจึงแกล้งสาปส่งให้ดวงตาเธอฝ้าฟางเข้าใจไปว่าเขาคือ ผู้ชายขายกล้วย' ในคำนิยามของเธอที่นัดหมายเอาไว้ ซ้ำร้ายยังส่งเขามาตามรังควานจนหาความสงบสุขไม่ได้ เธออยากได้แค่ลูก ไม่อยากได้ผัว ใครอยากได้แม่ยกให้ฟรีๆเลยเอ้า!
ว่ากันว่า...First impression จะเกิดขึ้นใน 3 วินาทีแรก ถ้าจะทำให้ใครสักคนประทับใจต้องมัดใจเขาให้ได้ใน 3 วินาทีนั้น!! และเขาจะไม่มีวันลืมเลือน... ซ่า... “โอ๊ะ!” เสียงน้ำสาดซัดเข้าใส่ร่างสูง ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องอย่างตกใจของชายนิรนามเมื่อจู่ๆก็ถูกใครคนหนึ่งกระโจนขึ้นขี่หลังแล้วใช้กระป๋องครอบศีรษะเขา พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวก “นี่แน่ะเจ้าหัวขโมย!” “ท่านรองฯ!!” “ท่านรองฯ อะไรคะพี่ๆ นี่มันโจรโรคจิตชัดๆ เราต้องจับไอ้หมอนี่ส่งตำรวจนะคะ” “ยู้ดดด... หยุดก่อนหนูช่อ นี่ท่านรองฯ ...รองประธานนะไม่ใช่โจรโรคจิต” “ฮะ!” ช่อมาลีผงะถอย มือน้อยปล่อยท่อนแขนกำยำโดยไว คนถูกเรียก ‘ท่านรองฯ’ ยืนทำหน้าถมึงทึง จ้องมองมาด้วยสายตาดุดัน “ตามฉันไปที่ห้อง!” โอ้! เจ้าช่อมาลี ช่างกล้า... แบบนี้ 'ท่านรองฯ' คงประทับใจเจ้ามิรู้ลืม... 555 เรื่องแจ้ง: นิยายเรื่องนี้ช่อมาลีเป็นสาวเชียงใหม่ ธัชชาจึงมีสอดแทรกภาษาพื้นเมืองลงไปตามถิ่นเกิดของนางเอกนะคะ ทั้งนี้ธัชชาไม่ใช่คนทางนั้น ภาษาพูดที่ใส่ลงไป ธัชชาปรึกษาจากเพื่อนซึ่งเป็นคนทางนั้น แต่อาจมีบางประโยคที่ธัชชาเขียนเองแต่ลืมถามเพื่อน หากใครอ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ รีบท้วงมานะคะ จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง “ไปกับฉันช่อมาลี ไปเป็นผู้หญิงของภีมวัจน์ ฉันสัญญาว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของฉันคนเดียว...ตลอดกาล” “แต่สมภารไม่กินไก่วัดนะคะ” “บังเอิญว่า ฉันไม่ใช่สมภารแล้วเธอก็ไม่ใช่ไก่วัดด้วยสิ” เขาบอกยิ้มๆ ช่อมาลีนิ่งอึ้งจ้องคนตัวโตที่ยามนี้ดวงหน้าคมของเขาโน้มต่ำลง ...ใกล้เข้ามา ...ใกล้เข้ามา ทุกขณะ! “เธอนี่จริงๆเลยนะ ไหนว่าฉันถอดเสื้อแล้วอุจาดตาไง ทำไมตอนนี้ถึงได้กอดแล้วก็ซบอกฉันไม่ยอมปล่อยแบบนี้ล่ะฮึ” ช่อมาลีผงะ! ภีมวัจน์แกล้งคลายวงแขนออกเหมือนจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และก่อนที่ช่อมาลีจะทันได้ขยับห่างออกไปอีก เขาก็คว้าเอวคอดรั้งร่างเธอเข้ามากอดแล้วจู่โจมจูบเธอไม่ปล่อยให้ตั้งตัว!
‘กุลสตรี’ หญิงสาวหน้าตาธรรมดาแต่ดวงตาและทรวดทรงของหล่อนนั้นเซ็กซี่เข้าขั้นขยี้ใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แบบชะงัด แต่เจ้าหล่อนกลับรักษาพรหมจรรย์ไว้ยิ่งชีพจวบจนกระทั่งอายุย่างเข้าสู่วัย 25 ปี เรื่องวุ่นๆก็เกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจอย่างไร้สติของหล่อนเอง “กุลรักพี่ธีร์นะคะ รักมานานแล้ว” “พิสูจน์สิ ...ว่าเธอยังเวอร์จิ้น ถ้าใช่! ฉันจะคบกับเธอ แล้วหยุดที่เธอคนเดียว” กุลสตรีหน้าชา สายตาเขาดูหมิ่นดูแคลนหล่อนเหลือใจ หล่อนไม่เคยอับอายอะไรอย่างนี้มาก่อน นี่หล่อนทำอะไรลงไป ความตื่นตระหนกตกใจ ทำให้หล่อนก้าวผิดพลาดไปหมด อะไรที่วาดหวังวางแผนไว้ หล่อนลืมเลือนหมดสิ้น ...ลืมเลือนถึงขั้นไร้สติ เอ่ยวาจาเหมือนคนไร้สมองให้เขาเหยียดหยาม “ว่าไง...กล้าพิสูจน์ไหมล่ะ” นั่นคือคำท้า ...และหล่อนก็ใจกล้าอย่างไร้สติจริงๆ ความรักทำให้คนตาบอดฉันใด ความอยากเอาชนะและอยากครอบครองก็ทำให้คนขาดสติฉันนั้น กุลสตรีเองก็เช่นกัน หล่อนตัดสินใจทันควัน ...หล่อนจะเป็นคนรักของ ‘ธันเดอร์ ธีร์ เทย์เลอร์’ ...และเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายในชีวิตเขา! ฝากนิยายเรื่องแรกของ 'ธีร์ ธัชชา' ด้วยนะคะ คำเตือนก่อนอ่านนิยายเรื่องนี้ คำเตือน 1 นิสัยและความคิดพระเอกอาจจะดูร้ายเข้าขั้นเลวบริสุทธิ์ แต่ก็นะ...ท้ายสุดก็รักนางเอก คำเตือน 2 นิสัยนางเอก คือ ความมุมานะ ลงว่าตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ แต่อีกนัยคือ ความรั้น! เมื่อรักบดบังคนดวงตามืดมิด ความคิดและความรู้สึกก็เหมือนตกอยู่ในห้วงมายา ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า... หลอกตัวเองไปวันๆ คำเตือน 3 'พรหมจรรย์แลกรัก' ไม่มีอยู่จริง เพราะในความเป็นจริง ความรักไม่มีอะไรสามารถนำมาแลกเปลี่ยนได้ รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก แต่ไม่รักสุดท้ายอาจรักก็ได้ (เครดิต ความเห็นจาก นักอ่านท่านหนึ่งในเด้กดี ขอบคุณค่ะ) คำเตือน 4 นิยายเรื่องนี้นักเขียนจินตนาการขึ้นมาเพื่อความบันเทิงและสอดแทรกมุมมองความคิด หากไม่ถูกจริตท่านใดก้ขออภัย
‘พระจันทร์’ นักธุรกิจหนุ่มด้านอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งภูมิภาคอาเซียน ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามผู้หญิง แต่สำหรับ ‘พิมพ์อัปสร’ มัคคุเทศก์สาวแสนธรรมดา เธอกลับพยศเสียจนเขาอยากเอาชนะ และเมื่อเธอกล้าใช้หัวใจของเขาเป็นสะพาน ซ้ำอาจหาญทำร้ายจิตใจน้องสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจของเขา เธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม!! “ว้าย! นี่คุณจะทำอะไรปล่อยนะ” “กับผมสะดีดสะดิ้ง ทีกับนายทัดเทพคุณกลับยิ้มระรื่นนะพิมพ์” “ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อย!” พิมพ์อัปสรณ์ออกคำสั่งด้วยเสียงสั่นสะท้านเพราะรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาจับจิต “ตบผมถึงสองครั้งสองหน คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณง่ายๆ หรือไง” จบคำร่างบางก็ถูกโยนขึ้นเตียงกว้างพร้อมร่างหนาตามติดขึ้นไปทับทาบขึงตรึงจนไม่อาจขยับหนีได้ “กรี๊ดดด... ” “อย่า... ได้โปรด... อย่าทำพิมพ์” เสียงหวานเปลี่ยนมาเป็นร้องขอ เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าหยุดฟังสักนิด พระจันทร์เหยียดยิ้มเมื่อเห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่งาม “ผมปล่อยคุณไปก็โง่น่ะสิพิมพ์ ฮึ!”
ชีวิตของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มมีเพียง One night stand เท่านั้น ไม่มีรัก ไม่ผูกพัน ‘คิมฮัน’ ไม่เคยคิดเลยว่ารักแรกพบจะมีอยู่จริง จนกระทั่ง... “ฉันจะมาทำอะไร ยังไงมันก็เรื่องของฉัน” จบคำหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืดหมุนกายขยับจะหลีกหนีกลับเข้าไปในงาน แต่ทว่าเรียวแขนกลมกลึงกลับถูกอีกฝ่ายคว้าไว้เสียก่อน “เอ๊ะ! ปล่อยนะ นายถือดียังไงมาจับแขนฉัน” “แตะนิดแตะหน่อยทำเป็นโวยวาย อยากให้ฉันทำมากกว่านี้ก็บอกมาเถอะน่า ไม่ต้องทำเป็นแกล้งหวงเนื้อหวงตัวหรอก บางทีถ้าเธอบอกมาตรงๆ คืนนี้เราอาจไปสนุกกันต่อก็ได้นะ” เพียะ!! เสียงฝ่ามือกระทบเข้ากับเนื้อข้างแก้มของคิมฮันทันทีที่จบวาจาแสนร้ายกาจนั้น ใบหน้าคมสะบัดตามแรงกระทบ ดาราหนุ่มตกใจไม่น้อย เรียวฟันแข็งแกร่งขบเข้าหากันแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัว แม้ในใจจะรู้ดีว่านี่คือผลของการใช้วาจาระรานอีกฝ่ายด้วยความคึกคะนอง แต่ทว่าไม่เคยมีใครกระทำกับเขาเยี่ยงนี้มาก่อน ใบหน้าคมสันค่อยๆ หันกลับมา ดวงตาคมวาวโรจน์ราวกับดวงไฟที่ลุกโชนด้วยความโกรธ ร่างบางถูกกระชากเข้าหาอย่างลืมตัว สองแขนถูกรวบไพล่ไปด้านหลังด้วยมือแข็งแรง ศีรษะสวยถูกบังคับให้เงยแหงนขึ้นด้วยมืออีกข้าง ใบหน้าคมโน้มต่ำลงแล้วฉกจูบเธออย่างรวดเร็ว... เธอ... จะทำอย่างไร เมื่ออยู่ๆ ผู้ชายที่ชื่อ ‘คิมฮัน’ ก็เข้ามาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจตลอดเวลา ยิ่งหลบหนีก็ยิ่งชิดใกล้... แม้จะปิดบังซ่อนเร้นหัวใจที่อ่อนไหวไว้ภายใต้ท่าทีเย็นชา แต่ว่า... จะซ่อนเร้นได้ตลอดไปหรือ ในเมื่อยิ่งหลบซ่อน เขาก็ยิ่งค้นหา เธอยิ่งหนี เขาก็ยิ่งรุก!
‘เตชัส’ หรือ ‘ดาวิเด้ ดิ เฟอร์นันโด’ เครียดขึ้นมาทันทีเพราะ ‘สาวน้อยนัยน์ตากวาง’ ที่เขาต้องตาต้องใจและเกือบเขมือบเจ้าหล่อนคืนนั้นกลายมาเป็น 'น้องสาวต่างมารดา' ของเขา และเพียงเหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขต 'คฤหาสน์นราธิบดี' เขาก็พบว่า...นอกจากจะต้องเก็บข่มความรู้สึกในหัวใจของตัวเองเอาไว้แล้ว เขายังต้องรับมือกับความร้ายกาจของใครบางคนที่หวังครอบครองทุกสิ่งอย่างของตระกูล ความลับบางอย่างที่ใครบางคนเก็บซ่อนเอาไว้จะถูกเปิดเผยหรือไม่ เขาและเธอจะก้าวผ่านเรื่องราวบีบคั้นหัวใจนี้ไปได้อย่างไร ประตูแห่งความรักจะถูก 'ปิดตาย' หรือพอจะมีช่องทางใดเป็น 'สะพาน' ให้พวกเขาก้าวข้ามเดิน!
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เพราะแอบรักกล้าตะวันมากนาน หวันยิหวาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองรักกับเขา โดยมีมารดาของเขาเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่สำหรับกล้าตะวันแล้ว หวันยิหวาคือนางมารร้ายที่ทำให้เขากับคนรักต้องเลิกรากัน ดังนั้นทุกวินาทีหลังจากงานวิวาห์นี้จบลง หวันยิหวาจะต้องได้รู้จักกับนรกอเวจีปอยเปตอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว “อา... อ๊า...อา...” ลำคอระหงถูกซุกไซ้และดูดเม้ม เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออกไปจากร่างกาย จนในที่สุดก็เปลือยเปล่า กล้าตะวันเลียลงมาที่ไหปลาร้า และมาซบหน้าคลุกเคล้ากับร่องอกอวบ เขาดอมดมกลิ่นสาปสาวอย่างหิวกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนาวางทาบลงกับเต้านมอวบอัดข้างซ้ายของหล่อน “อา... อ๊า... ซี๊ดดดด” หล่อนเผยอปากครางลั่น เมื่อปทุมถันถูกฟอนเฟ้นบีบเคล้าหนักหน่วง ปลายนิ้วแข็งแรงถูไถเม็ดเต่งอย่างเมามัน หล่อนดิ้นเร่าๆ หยัดหน้าอกขึ้นหาสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่นด้วยความกระตือรือร้น
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"