ดาวน์โหลดแอป ฮิต

รินวรส

หนังสือที่ตีพิมพ์ 8 เล่ม

หนังสือและนิยายทั้งหมดของรินวรส

ร้อยเล่ห์พรางใจ

ร้อยเล่ห์พรางใจ

5.0

ว่ากันว่า...First impression จะเกิดขึ้นใน 3 วินาทีแรก ถ้าจะทำให้ใครสักคนประทับใจต้องมัดใจเขาให้ได้ใน 3 วินาทีนั้น!! และเขาจะไม่มีวันลืมเลือน... ซ่า... “โอ๊ะ!” เสียงน้ำสาดซัดเข้าใส่ร่างสูง ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องอย่างตกใจของชายนิรนามเมื่อจู่ๆก็ถูกใครคนหนึ่งกระโจนขึ้นขี่หลังแล้วใช้กระป๋องครอบศีรษะเขา พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวก “นี่แน่ะเจ้าหัวขโมย!” “ท่านรองฯ!!” “ท่านรองฯ อะไรคะพี่ๆ นี่มันโจรโรคจิตชัดๆ เราต้องจับไอ้หมอนี่ส่งตำรวจนะคะ” “ยู้ดดด... หยุดก่อนหนูช่อ นี่ท่านรองฯ ...รองประธานนะไม่ใช่โจรโรคจิต” “ฮะ!” ช่อมาลีผงะถอย มือน้อยปล่อยท่อนแขนกำยำโดยไว คนถูกเรียก ‘ท่านรองฯ’ ยืนทำหน้าถมึงทึง จ้องมองมาด้วยสายตาดุดัน “ตามฉันไปที่ห้อง!” โอ้! เจ้าช่อมาลี ช่างกล้า... แบบนี้ 'ท่านรองฯ' คงประทับใจเจ้ามิรู้ลืม... 555 เรื่องแจ้ง: นิยายเรื่องนี้ช่อมาลีเป็นสาวเชียงใหม่ ธัชชาจึงมีสอดแทรกภาษาพื้นเมืองลงไปตามถิ่นเกิดของนางเอกนะคะ ทั้งนี้ธัชชาไม่ใช่คนทางนั้น ภาษาพูดที่ใส่ลงไป ธัชชาปรึกษาจากเพื่อนซึ่งเป็นคนทางนั้น แต่อาจมีบางประโยคที่ธัชชาเขียนเองแต่ลืมถามเพื่อน หากใครอ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ รีบท้วงมานะคะ จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง “ไปกับฉันช่อมาลี ไปเป็นผู้หญิงของภีมวัจน์ ฉันสัญญาว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของฉันคนเดียว...ตลอดกาล” “แต่สมภารไม่กินไก่วัดนะคะ” “บังเอิญว่า ฉันไม่ใช่สมภารแล้วเธอก็ไม่ใช่ไก่วัดด้วยสิ” เขาบอกยิ้มๆ ช่อมาลีนิ่งอึ้งจ้องคนตัวโตที่ยามนี้ดวงหน้าคมของเขาโน้มต่ำลง ...ใกล้เข้ามา ...ใกล้เข้ามา ทุกขณะ! “เธอนี่จริงๆเลยนะ ไหนว่าฉันถอดเสื้อแล้วอุจาดตาไง ทำไมตอนนี้ถึงได้กอดแล้วก็ซบอกฉันไม่ยอมปล่อยแบบนี้ล่ะฮึ” ช่อมาลีผงะ! ภีมวัจน์แกล้งคลายวงแขนออกเหมือนจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และก่อนที่ช่อมาลีจะทันได้ขยับห่างออกไปอีก เขาก็คว้าเอวคอดรั้งร่างเธอเข้ามากอดแล้วจู่โจมจูบเธอไม่ปล่อยให้ตั้งตัว!

อ่านเลย
พรหมจรรย์แลกรัก

พรหมจรรย์แลกรัก

5.0

‘กุลสตรี’ หญิงสาวหน้าตาธรรมดาแต่ดวงตาและทรวดทรงของหล่อนนั้นเซ็กซี่เข้าขั้นขยี้ใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แบบชะงัด แต่เจ้าหล่อนกลับรักษาพรหมจรรย์ไว้ยิ่งชีพจวบจนกระทั่งอายุย่างเข้าสู่วัย 25 ปี เรื่องวุ่นๆก็เกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจอย่างไร้สติของหล่อนเอง “กุลรักพี่ธีร์นะคะ รักมานานแล้ว” “พิสูจน์สิ ...ว่าเธอยังเวอร์จิ้น ถ้าใช่! ฉันจะคบกับเธอ แล้วหยุดที่เธอคนเดียว” กุลสตรีหน้าชา สายตาเขาดูหมิ่นดูแคลนหล่อนเหลือใจ หล่อนไม่เคยอับอายอะไรอย่างนี้มาก่อน นี่หล่อนทำอะไรลงไป ความตื่นตระหนกตกใจ ทำให้หล่อนก้าวผิดพลาดไปหมด อะไรที่วาดหวังวางแผนไว้ หล่อนลืมเลือนหมดสิ้น ...ลืมเลือนถึงขั้นไร้สติ เอ่ยวาจาเหมือนคนไร้สมองให้เขาเหยียดหยาม “ว่าไง...กล้าพิสูจน์ไหมล่ะ” นั่นคือคำท้า ...และหล่อนก็ใจกล้าอย่างไร้สติจริงๆ ความรักทำให้คนตาบอดฉันใด ความอยากเอาชนะและอยากครอบครองก็ทำให้คนขาดสติฉันนั้น กุลสตรีเองก็เช่นกัน หล่อนตัดสินใจทันควัน ...หล่อนจะเป็นคนรักของ ‘ธันเดอร์ ธีร์ เทย์เลอร์’ ...และเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายในชีวิตเขา! ฝากนิยายเรื่องแรกของ 'ธีร์ ธัชชา' ด้วยนะคะ คำเตือนก่อนอ่านนิยายเรื่องนี้ คำเตือน 1 นิสัยและความคิดพระเอกอาจจะดูร้ายเข้าขั้นเลวบริสุทธิ์ แต่ก็นะ...ท้ายสุดก็รักนางเอก คำเตือน 2 นิสัยนางเอก คือ ความมุมานะ ลงว่าตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ แต่อีกนัยคือ ความรั้น! เมื่อรักบดบังคนดวงตามืดมิด ความคิดและความรู้สึกก็เหมือนตกอยู่ในห้วงมายา ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า... หลอกตัวเองไปวันๆ คำเตือน 3 'พรหมจรรย์แลกรัก' ไม่มีอยู่จริง เพราะในความเป็นจริง ความรักไม่มีอะไรสามารถนำมาแลกเปลี่ยนได้ รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก แต่ไม่รักสุดท้ายอาจรักก็ได้ (เครดิต ความเห็นจาก นักอ่านท่านหนึ่งในเด้กดี ขอบคุณค่ะ) คำเตือน 4 นิยายเรื่องนี้นักเขียนจินตนาการขึ้นมาเพื่อความบันเทิงและสอดแทรกมุมมองความคิด หากไม่ถูกจริตท่านใดก้ขออภัย

อ่านเลย
พระจันทร์ร่ายรัก

พระจันทร์ร่ายรัก

5.0

‘พระจันทร์’ นักธุรกิจหนุ่มด้านอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งภูมิภาคอาเซียน ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามผู้หญิง แต่สำหรับ ‘พิมพ์อัปสร’ มัคคุเทศก์สาวแสนธรรมดา เธอกลับพยศเสียจนเขาอยากเอาชนะ และเมื่อเธอกล้าใช้หัวใจของเขาเป็นสะพาน ซ้ำอาจหาญทำร้ายจิตใจน้องสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจของเขา เธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม!! “ว้าย! นี่คุณจะทำอะไรปล่อยนะ” “กับผมสะดีดสะดิ้ง ทีกับนายทัดเทพคุณกลับยิ้มระรื่นนะพิมพ์” “ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อย!” พิมพ์อัปสรณ์ออกคำสั่งด้วยเสียงสั่นสะท้านเพราะรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาจับจิต “ตบผมถึงสองครั้งสองหน คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณง่ายๆ หรือไง” จบคำร่างบางก็ถูกโยนขึ้นเตียงกว้างพร้อมร่างหนาตามติดขึ้นไปทับทาบขึงตรึงจนไม่อาจขยับหนีได้ “กรี๊ดดด... ” “อย่า... ได้โปรด... อย่าทำพิมพ์” เสียงหวานเปลี่ยนมาเป็นร้องขอ เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าหยุดฟังสักนิด พระจันทร์เหยียดยิ้มเมื่อเห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่งาม “ผมปล่อยคุณไปก็โง่น่ะสิพิมพ์ ฮึ!”

อ่านเลย
หัวใจรักซ่อนเร้น

หัวใจรักซ่อนเร้น

5.0

ชีวิตของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มมีเพียง One night stand เท่านั้น ไม่มีรัก ไม่ผูกพัน ‘คิมฮัน’ ไม่เคยคิดเลยว่ารักแรกพบจะมีอยู่จริง จนกระทั่ง... “ฉันจะมาทำอะไร ยังไงมันก็เรื่องของฉัน” จบคำหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืดหมุนกายขยับจะหลีกหนีกลับเข้าไปในงาน แต่ทว่าเรียวแขนกลมกลึงกลับถูกอีกฝ่ายคว้าไว้เสียก่อน “เอ๊ะ! ปล่อยนะ นายถือดียังไงมาจับแขนฉัน” “แตะนิดแตะหน่อยทำเป็นโวยวาย อยากให้ฉันทำมากกว่านี้ก็บอกมาเถอะน่า ไม่ต้องทำเป็นแกล้งหวงเนื้อหวงตัวหรอก บางทีถ้าเธอบอกมาตรงๆ คืนนี้เราอาจไปสนุกกันต่อก็ได้นะ” เพียะ!! เสียงฝ่ามือกระทบเข้ากับเนื้อข้างแก้มของคิมฮันทันทีที่จบวาจาแสนร้ายกาจนั้น ใบหน้าคมสะบัดตามแรงกระทบ ดาราหนุ่มตกใจไม่น้อย เรียวฟันแข็งแกร่งขบเข้าหากันแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัว แม้ในใจจะรู้ดีว่านี่คือผลของการใช้วาจาระรานอีกฝ่ายด้วยความคึกคะนอง แต่ทว่าไม่เคยมีใครกระทำกับเขาเยี่ยงนี้มาก่อน ใบหน้าคมสันค่อยๆ หันกลับมา ดวงตาคมวาวโรจน์ราวกับดวงไฟที่ลุกโชนด้วยความโกรธ ร่างบางถูกกระชากเข้าหาอย่างลืมตัว สองแขนถูกรวบไพล่ไปด้านหลังด้วยมือแข็งแรง ศีรษะสวยถูกบังคับให้เงยแหงนขึ้นด้วยมืออีกข้าง ใบหน้าคมโน้มต่ำลงแล้วฉกจูบเธออย่างรวดเร็ว... เธอ... จะทำอย่างไร เมื่ออยู่ๆ ผู้ชายที่ชื่อ ‘คิมฮัน’ ก็เข้ามาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจตลอดเวลา ยิ่งหลบหนีก็ยิ่งชิดใกล้... แม้จะปิดบังซ่อนเร้นหัวใจที่อ่อนไหวไว้ภายใต้ท่าทีเย็นชา แต่ว่า... จะซ่อนเร้นได้ตลอดไปหรือ ในเมื่อยิ่งหลบซ่อน เขาก็ยิ่งค้นหา เธอยิ่งหนี เขาก็ยิ่งรุก!

อ่านเลย
ต้านรักสัมผัสร้าย

ต้านรักสัมผัสร้าย

5.0

‘เตชัส’ หรือ ‘ดาวิเด้ ดิ เฟอร์นันโด’ เครียดขึ้นมาทันทีเพราะ ‘สาวน้อยนัยน์ตากวาง’ ที่เขาต้องตาต้องใจและเกือบเขมือบเจ้าหล่อนคืนนั้นกลายมาเป็น 'น้องสาวต่างมารดา' ของเขา และเพียงเหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขต 'คฤหาสน์นราธิบดี' เขาก็พบว่า...นอกจากจะต้องเก็บข่มความรู้สึกในหัวใจของตัวเองเอาไว้แล้ว เขายังต้องรับมือกับความร้ายกาจของใครบางคนที่หวังครอบครองทุกสิ่งอย่างของตระกูล ความลับบางอย่างที่ใครบางคนเก็บซ่อนเอาไว้จะถูกเปิดเผยหรือไม่ เขาและเธอจะก้าวผ่านเรื่องราวบีบคั้นหัวใจนี้ไปได้อย่างไร ประตูแห่งความรักจะถูก 'ปิดตาย' หรือพอจะมีช่องทางใดเป็น 'สะพาน' ให้พวกเขาก้าวข้ามเดิน!

อ่านเลย
สัญญารักซาตานร้าย

สัญญารักซาตานร้าย

5.0

‘ยัยหนูมิ้นท์ ยัยกระต่ายตื่น… ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังยิ้ม ร้องไห้ หรือหัวเราะ เมื่อได้เห็นสร้อยเส้นนี้ เธอจำได้ไหมว่ามันเป็นสร้อยที่เธออยากได้และฉันเคยจะซื้อให้แต่เธอไม่ยอมรับมัน (ที่เธอเคยบอกว่า มันราคาแพงเกินไป มิ้นท์รับไม่ได้) แต่วันนี้มันเป็นของเธอแล้วนะ ได้โปรดเถอะนะมายมิ้นท์ ฉันขอร้อง... ช่วยเก็บมันไว้ได้ไหม หากเธอไม่อยากได้มันแล้ว ก็ช่วยเก็บมันเอาไว้ให้ฉันที รอวันที่ฉันกลับมา เธอคงสงสัยสินะว่า... ฉันกำลังจะไปไหน เวลานี้... ตอนที่เธอกำลังอ่านจดหมายฉบับนี้ ฉันคงกำลังอยู่ที่ไหนสักแห่งบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่นี้ มินตรา... ฉันขอโทษ ฉันไม่อาจทนลาจากเธอด้วยตัวเองได้ ฉันกลัวว่าฉันจะทำใจไม่ได้หากต้องเอ่ยลาเธอด้วยตัวเอง ตอนนี้ฉันกำลังไปฝรั่งเศส ไปทำหน้าที่หลานชายที่ดีของคุณย่า ฉันหวังเพียงว่า...เธอจะเข้าใจฉัน เวลานี้เธอคงกำลังดีใจสินะ ที่ไม่ต้องคอยอยู่ใกล้รับใช้เจ้านายเจ้าอารมณ์อย่างฉันอีกต่อไป มินตรา...มายมิ้นท์...หนูมิ้นท์ของฉัน รอฉันนะ รอวันที่ฉันกลับมา ฉันสัญญาว่า...ฉันจะกลับมาบอกรักเธอ และฟังคำตอบจากเธอด้วยตัวฉันเอง ว่า...เธอเองก็รักฉัน เหมือนที่ฉันรักเธอ ฉันหวังว่าวันที่ฉันกลับมา...ฉันจะเห็นเธอสวมสร้อยเส้นนี้ไว้แทนคำตอบว่า เธอเองก็รักฉัน ลาก่อน...มายมิ้นท์ หนูมิ้นท์ของฉัน นายน้อยจอมโหดของเธอ (ฉันรู้นะว่าเธอชอบเรียกฉันแบบนี้ ยัยกระต่ายตื่น) ส่วนเบเกอรี่นี่ฉันยกให้เธอ ค่อยๆกินทีละชิ้นนะ อย่างน้อยมันอาจทำให้เธอคิดถึงฉันบ้างเวลาที่เธอกินเบเกอรี่พวกนี้ เพราะว่า แต่ละชิ้นมันเป็นตัวแทนของความคิดถึงที่ฉันมีให้เธอ ...มายมิ้นท์

อ่านเลย
แผนรักบุรุษร้าย

แผนรักบุรุษร้าย

5.0

“เคลวิน อาร์มันโด” มหาเศรษฐีผู้ไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิต ไม่คิดเลยว่าการมาเยี่ยมเยียนมารดาและน้องสาวที่เมืองไทยในครั้งนี้จะได้มาเจอกับกวางน้อยแสนสวยที่เคยทำเขาหัวใจแทบหยุดเต้นมาแล้วครั้งหนึ่ง! เขาวางแผนการบางอย่างเพื่อต้อนกวางน้อยเข้าสู่กรงทองแล้วครอบครองได้อย่างที่จะไม่ทำให้ต้องเสียหน้า แต่กลายเป็นว่านักล่าอย่างเขาพลาดท่าตกลงไปในกับดักนั้นเสียเอง เพราะหนีผู้ปกครองเที่ยวแท้เชียว เธอถึงต้องมาเจอเขาอีกครั้ง ผู้ชายวาจาร้ายกาจกับสถานการณ์น่าอับอาย “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ผมยินดีและเต็มใจ” “มีค่ะ” ตอบกลับเสียงแข็ง “เสร็จธุระแล้วก็ช่วยออกไปจากห้องด้วย เชิญค่ะ” ว่าพลางชี้ไปทางประตูห้องด้วยหางตา “เรื่องแค่นี้เองหรือที่ต้องการให้ช่วย” เคลวินหันมาถามหลังจากเดินมาถึงหน้าประตู คิ้วทรงดาบเลิกขึ้นสูง “ผมนึกว่าคุณอยากให้ช่วยแบบว่า... ช่วยติดขอเสื้อในนี่ให้ฉันทีสิคะฉันติดไม่ถึง อะไรแบบนี้เสียอีก” ว่าพลางส่งยิ้มยียวน ดวงตาพราวระยับจ้องนิ่งตรงทรวงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเร็วแรง สาบานได้ว่านี่คือคำพูดของคนเพิ่งเจอกัน เขาเข้ามาในห้องเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังจ้องเธออย่างเสียมารยาทในขณะที่เธออยู่ในสภาพ... ล่อแหลม! “ลัลน์นารา” หวังอย่างยิ่งว่านั่นจะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิตกับความอับอายและผู้ชายแสนยียวน แต่โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเธอ ให้กงล้อหมุนเวียนพาเธอกับเขามาเจอกันอีกครั้งและกลายเป็นผูกพันกันไปตลอดกาล... “พี่เค นี่มันบนเรือนะคะ” "บนเรือแล้วแปลกตรงไหน หาอะไรแปลกใหม่บ้าง ชีวิตจะได้มีสีสัน” “เรือจะล่มไหมคะ” คนถามออกอาการหวาดหวั่น เคลวินหัวเราะในลำคอกึ่งขบขันกึ่งสงสาร “พี่จะพยายามเบามือที่สุดค่ะ หยาดเองก็อย่ารุนแรงนักนะคะ”

อ่านเลย
ปรารถนารักหนึ่งเดียว

ปรารถนารักหนึ่งเดียว

4.3

เพียงสบตาสาวน้อยหน้าหวาน ‘นัยน์ตาชวนฝัน’ ที่อาจหาญตบหน้าซีอีโอผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขา ‘เดวิโก หนึ่งเดียว เวนนิส’ ก็ประกาศก้องกับตัวเองว่า เขาจะต้องลากเจ้าหล่อนเข้าสู่ ‘กรงทอง’ ให้จงได้ ไม่มีวันที่ ‘แม่กวางน้อยด้อยประสบการณ์’ อย่างหล่อนจะต้านทานเจ้าป่า ‘ผู้ชำนาญงานรัก’ อย่างเขาได้ ใครจะคิดว่าวันสุดท้ายของการฝึกงานก่อนจบการศึกษาจะเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล เพียงเพราะเผลอสบตาคมเข้มคู่นั้นเข้าอย่างจัง!! หากฟ้าประทานพรให้เธอขอพรได้หนึ่งข้อ ‘ปรารถนา’ บอกตัวเองอย่างไม่ต้องหยุดคิดว่าพรข้อนั้นที่เธอจะขอคืออะไร เพราะสิ่งเดียวที่เธอจะขอ คือ... ‘ขอให้ผู้ชายบ้าอำนาจ บ้ากามที่จ้องลวนลามเธอคนนี้หายสาบสูญไปซะ’ แต่ยิ่งนานวันเข้า นอกจากฟ้าจะไม่นำพาแล้วยังเหมือนจะเป็นใจหยิบยื่นเนื้อกวางแสนหวานอย่างเธอเข้าปากเสือเสียนี่ เพราะยิ่งเธอพยายามหนีห่างจากเขามากเท่าไร เธอกลับพบว่าตัวเองกลับยิ่งเข้าใกล้เขามากขึ้นเท่านั้น ใกล้เสียจน...เธอสั่นสะท้านไปทั้งกายและใจ “ฉันลงมือปรุงซุปถ้วยนี้ด้วยตัวเองเลยนะ เธอจะไม่ชิมสักหน่อยเหรอ ใช่ว่าใครจะมีวาสนาได้กินฝีมือฉันง่ายๆนะ” “คุณทำคุณก็กินเองสิคะ ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณทำสักหน่อย” “เธอไม่กินงั้นฉันกินเองก็ได้” “เชิญ!” ปรารถนาเบะปากยิ้มหยันพลางขยับกายหมายล้มตัวลงนอน แต่ทว่า... “ว้าย! คุณจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ” “บังเอิญฉันไม่ชอบอะไรที่มันจืดชืดแบบซุปนั่น เลยอยากลองชิมเนื้อกวางอย่างเธอเสียหน่อยว่าจะอร่อยแค่ไหน หึหึ”

อ่านเลย

คุณอาจชอบ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

อ่านเลย
ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

5.0

อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!

อ่านเลย
ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

อ่านเลย
ลิขิตรักนายสุดหื่น

ลิขิตรักนายสุดหื่น

5.0

เมื่อเธอโดนนอกใจจากคนที่รัก จึงหนีไปเริ่มต้อนชีวิตใหม่ที่ดูไบ และเธอก็ได้เจอกับหนุ่มอาหรับสุดแซ่บ ที่มายั่วยวนหลอกล่อให้เธอมีเซ็กส์ที่เร่าร้อนกับเขา และเขายังต้องการให้เธอท้องลูกของเขาอีก.... เรื่องย่อ.... “คุณอัสลาน… คุณออกไปห่างๆฉันหน่อยได้ไหม…ห้องครัวนี่มันก็กว้างมากเลยนะคุณ ทำไมคุณต้องมาใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย…” “ก็ผมอยากจะดูว่าคุณใส่ยาเสน่ห์อะไรลงไปในอาหารหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกโหยหาคุณตลอดเลย…” “ใครจะบ้ามาใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกินล่ะ แค่นี้ฉันก็แทบไม่ได้นอนแล้ว… ขืนใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกิน ฉันไม่นอนแกผ้าให้คุณเอาทั้งวันเลยเหรอ…” “หึๆ…ก็คุณมันน่ามั่นเขี้ยวนิ จะจับจะตบตรงไหนก็แน่นไปหมดเลย…แถมกลิ่นตัวก็หอมไปยันหอยเลย…อืม…พูดไปแล้วขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยสิ วันนี้ทำงานมาโคตรเหนื่อยเลย…” “อื้อ…คุณจะทำอะไรน่ะคุณฮัสลาน นี่มันในห้องครัวนะคุณ…เดี๋ยวพวกแม่บ้านเดินเข้ามาจะทำยังไงคะ…ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ จะมาดมอะไรตรงนี้” “ก็ผมอยากดมตอนนี้ไงคุณ…เห็นหน้าคุณแล้วผมก็รู้สึกเสี้ยนจนทนไม่ไหวแล้วเนี่ย…ขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ” “อ้ะ….คุณอัสลาน….อื้อ….ทำไมคุณมันหื่นแบบนี้เนี่ย….เอามือของคุณออกไปนะ เดี๋ยวคนมาเห็น….อ้ะ…ซี๊ด…อ่าส์….” อัสลาน ราเชด บรูฮัมนี อายุ 37 ปี “อัสลาน...” หนุ่มนักธุรกิจชาวอาหรับที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในนิยาย แต่ต้องมาคัดสรรหาเมียเพื่อจะมีลูกสืบทอดวงตระกูลตามคำสั่งของพ่อแม่ ทำให้เขานั้นเลี่ยงไม่ได้กับการที่จะหาเมียสักคนมารับหน้าที่นี้ แต่เขาดันไปถูกใจแม่สาวไทยใจแข็งเข้านี่สิ ไม่ว่าเขาจะเสนออะไรไปเธอก็ไม่ยอมที่จะมาเป็นเมียของเขาเลย เพียงเพราะว่าเขานั้นแก่กว่าเธอไม่กี่ปีเท่านั้น ทำให้เขาต้องใช้เล่ห์กลหลอกล่อเธอให้มาทำงานกับเขา ก่อนจะค่อยๆอ่อยแล้วก็รุกจัดการตะครุบเหยื่ออย่างเธอให้กลายมาเป็นนกน้อยในกรงทองของเขา…. มารียา เวทติวัตร อายุ 27 ปี “มีน มารียา…” สาวไทยหน้าคมที่มีหุ่นอวบอัดเป็นที่ยั่วน้ำลายของพวกหนุ่มนั้น กลับไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักเอาซะเลย เธอจึงหนีจากความเสียใจแล้วมาหางานทำอยู่ที่ดูไบ...เพื่อจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ และเธอก็ได้เจอกับเจ้านายขี้อ่อย ขี้ยั่ว ที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือไปไหน เขาก็มักจะมายั่วน้ำลายทำให้หัวใจที่บอบช้ำของเธอนั้นปั่นป่วนอยู่เสมอ จนเธอถลำตัวมีอะไรกับเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ และเธอก็ได้รู้ว่าเขานั้นเป็นผู้ชายแก่ที่หื่นสุดๆเลย…แต่จะหื่นแค่ไหนต้องไปตามอ่านในนิยายนะคะ

อ่านเลย
ยัยตัวร้ายกับนายแบดบอย NC18++

ยัยตัวร้ายกับนายแบดบอย NC18++

4.5

กาย กันต์ธีร์ พิสิฐกุลวัตรดิลก ฉายาราชาแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ หนุ่มหล่อแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์เอกคอมพิวเตอร์ ปี 4 เขาหล่อ เขาเฟียร์ส เขาเฟี้ยว เขาซ่าส์ แต่โคตรทะลึ่ง และสุดแสนจะทะเล้น จีบหญิงไม่เก่ง แต่ผมเยเก่งนะครับที่สำคัญผมโสดสนิท!!แต่อยู่ดีๆดันมาเสียหัวใจให้กับยัยตัวร้ายแบบเธอ!!!อลิส อังสุมาลิน "รักนะไอ้ต้าวลิส" อลิส อังสุมาลิน ฐิศานันตกุล นิเทศศาสตร์ ปี 2 เธอสวย เธอเซ็กซี่ เจ้าแม่แห่ง Sex appeal ปากไม่แดงไม่มีแรงเดิน ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอตบ!!หลงรักกายหนุ่มหล่อแสนเจ้าเล่ห์ที่อยู่ๆก็มาจูบปากเธอ แถมเล่นเกินเบอร์เรียกเธอว่าเมีย!! น่ารักเบอร์นี้อลิสยินดีตกหลุมรักจ้ะพี่จ๋า ชาตินี้ไม่ได้พี่กายเป็นผัว อลิสจะโสดคอยดู!!ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก🥰มารยาหญิงร้อยเก้าเล่มเกวียนงัดมาให้หมด ☺️☺️ "รักนะน้อนพี่กาย"

อ่านเลย
มาเฟียร้ายพ่ายรัก

มาเฟียร้ายพ่ายรัก

5.0

เขาซ่อนตัวตนที่แท้จริงไว้เบื้องหลังรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นและเป็นมิตรนั่น…

อ่านเลย
สิงหราชคนใจร้าย

สิงหราชคนใจร้าย

5.0

ลินินจำใจต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ยอมเป็นคู่นอนของคนที่ใจร้ายใจใจดำอย่างสิงหราช เพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงเธอมา

อ่านเลย
ลวงสวาทท่านประธานธงแดง

ลวงสวาทท่านประธานธงแดง

5.0

เพราะว่า...การช่วยตัวเอง...ในที่ทำงานมันผิด!! “โดนของจริงดีกว่าไหมครับ...แค่นิ้ว...มันคงไม่อาจจะสนองความต้องการของคุณได้” นี่จึงเป็นบทลงโทษที่เธอต้องรับมันไป...โทษฐานที่ทำให้ท่านประธานอย่างเขาจับได้...!!

อ่านเลย
รักร้ายจอมทระนง

รักร้ายจอมทระนง

5.0

“แหวนไปไหน” “คะ” หญิงสาวรีบหดมือหนีในทันที “พี่ถามว่าแหวนไปไหน” คริษฐ์ยังย้ำคำถามเดิมแล้วจ้องหน้าคู่หมั้นสาวแบบไม่พอใจ “คืออยู่ที่ออฟฟิศมันต้องล้างแก้วกาแฟบ่อย ๆ รุ้งก็เลยถอดเก็บเอาไว้ค่ะกลัวมันจะสึกเสียก่อน” คำตอบของหญิงสาวค่อยทำให้คริษฐ์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถ้าถอดออกพี่จะถือว่ารุ้งขอถอนหมั้นพี่นะ” “ก็ไม่ได้ถอนสักหน่อย แค่ถอดเก็บเอาไว้เฉย ๆ” “งั้นก็ใส่เสียสิ เดี๋ยวนี้เลย” คริษฐ์ถลึงตาใส่แกมบังคับ “ใส่ก็ใส่ค่ะ” คนพูดตัดพ้อเล็กน้อย แล้วหันไปหยิบกระเป๋าด้านข้างมาเปิดเพื่อหยิบแหวนหมั้นของตนออกมาสวมใส่ จากนั้นก็หันหลังมือให้เขาดู “พอใจหรือยังคะ” “ดี” “ว่าแต่พี่คริษฐ์มานั่งรอรุ้งทำไมคะ มีธุระสำคัญหรือเปล่า” หญิงสาววกมาหาคำถามแรกที่เธออยากรู้ แต่เขาดันจุดประเด็นเรื่องแหวนขึ้นมาแทรกเสียก่อน “แม่ให้พี่มาหาคู่หมั้นตัวเองบ้าง” ฟังเขาพูดแล้วรุ้งพรายชักเครียดขึ้นมาหน่อย ๆ “ถ้าคุณป้าพิมพ์ไม่บอกพี่คริษฐ์ก็คงไม่มาหารุ้งใช่ไหมคะ” “แล้วทำไมรุ้งถึงไม่ไปหาพี่เองบ้างล่ะ” “ก็รุ้งกลัวพี่คริษฐ์รำคาญ” บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความเงียบด้วยกันทั้งสองฝ่าย คริษฐ์ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนรุ้งพรายก็ก้มหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่ไลน์หาอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ” คริษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากเงียบมาเกือบหนึ่งนาที “พอดีรุ้งมาอ่านตอนดึกแล้วไม่อยากรบกวนพี่คริษฐ์ค่ะ” “ตอบมาสักคำก็ยังดี อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนนะรุ้ง จำเอาไว้ด้วยว่าพี่เป็นคู่หมั้นของรุ้ง” “มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะพี่คริษฐ์” “อะไรกันที่ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้” “รุ้งว่าเราถอนหมั้นกันดีกว่าไหมคะ ดูพี่คริษฐ์อึดอัดกับการหมั้นของเราเหลือเกิน ขนาดจะมาหารุ้งก็ต้องให้คุณป้าพิมพ์บังคับมาเลย” “แม่ไม่ได้บังคับพี่” “ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วพี่ คริษฐ์แทบไม่เคยขัดใจคุณป้าพิมพ์ได้เลย ถ้ามันเหนื่อยและยุ่งยากมากรุ้งขอถอนหมั้นไปเลยก็ได้ค่ะ” รุ้งพรายดึงแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย แล้ววางแหมะอยู่ตรงหน้าของเขา คริษฐ์มองแหวนมองคนแล้วอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลขึ้น บทจะอยากได้ก็วิ่งตามติดเป็นเงา บทจะสลัดทิ้งก็ง่าย ๆ แบบนี้เหรอรุ้งพราย “ใส่กลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแทบจะกัดฟันพูดออกมา “ไม่ค่ะ อ๊ะ! พี่คริษฐ์จะทำอะไรรุ้งไม่ใส่” รุ้งพรายถูกคริษฐ์กระชากมือมาแล้วจัดการสวมแหวนกลับที่เดิม “ใส่แล้วห้ามถอด ห้ามทำให้แม่พี่เสียใจรู้ไหม” “พี่คริษฐ์!” (รักร้ายจอมทระนง)

อ่านเลย
นางบำเรอแม่ทัพปีศาจ

นางบำเรอแม่ทัพปีศาจ

5.0

เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย

อ่านเลย