เพราะเด็กหนุ่มที่เขาช่วยไว้ในคืนนั้นได้สูญเสียความทรงจำหมอหนุ่มจำต้องรับไว้ดูแลความใกล้ชิดทำให้หัวใจแกร่งของเขาหวั่นไหวจนเกิดเป็นความรัก แต่เมื่อความทรงจำกลับคืนมา เจ้านายกลับจำเรื่องราวของเขาไม่ได้
เอี๊ยดดดดดดดด
เสียงเบรกรถสนั่นบนท้องถนนสายเปลี่ยวในยามดึกแทบไม่มีผู้คนสัญจรไปมา หมอกหนาทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่น้อยลง หมอหนุ่มขับรถด้วยความเร็วท่ามกลางความมืดต้องเหยียบเบรคจนตัวโก่งเมื่อแสงไฟหน้ารถสาดส่องกระทบร่างบางของใครคนหนึ่งที่นอนคว่ำหน้าขวางอยู่กลางถนน หมอหนุ่มมองซ้ายมองขวาดูกระจกส่องหลังเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร อาทิตย์ วิจิตรอลงกรณ์ หมอหนุ่มเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ของจังหวัด ตัดสินใจเปิดประตูลงไปเขาจอดรถไว้ในระยะห่างพอสมควร ในยามนี้จะไว้ใจใครไม่ได้ ชายหนุ่มไม่ลืมหยิบปืนพกคู่กายลงมาด้วย เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้ชนร่างอีกคนแน่นอน
ร่างที่นอนอยู่มีเลือดไหลข้างตัว ชายหนุ่มมองไปรอบๆอีกครั้ง ก่อนจะทรุดตัวลงข้างๆร่างที่นอนนิ่ง
“ยังไม่ตาย” มือหนาแตะตรงลมหายใจอ่อนๆของอีกฝ่าย เอื้อมมือไปจับไหล่ของอีกคนพลิกให้หันมาเพื่อที่จะได้ดูหน้าตาของอีกคนอย่างช้าๆ
รอยฟกช้ำตามใบหน้าและร่างกายไม่ได้ปิดบังความหล่อเหลาคมคายของเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนี้เลย ผิวขาวเนียนสวยราวกับผู้หญิง รูปร่างสูงสมส่วนพอเหมาะ เสื้อผ้าที่สวมใส่บ่งบอกฐานะว่าไม่ธรรมดา เด็กหนุ่มมีเลือดออกจากศีรษะเปรอะเปื้อนใบหน้าหล่อและเสื้อผ้า ลมหายใจรวยริน
หมอหนุ่มมองไปรอบๆอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจช้อนร่างสูงของอีกฝ่ายไว้ในวงแขนและอุ้มไปยังรถที่จอดไว้ ปรับเบาะเอนนอนแล้วรีบวิ่งไปยังด้านคนขับและขับออกไปบนถนนสายเปลี่ยวอย่างรวดเร็ว มือหนากดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิททันที
“เฮ้ย! ไอ้วิน มึงรีบมาที่บ้านกูด่วนเลย กูมีเรื่องให้ช่วย” น้ำเสียงปลายทางดูร้อนรน ทำให้หมอวินที่กำลังล้มตัวลงนอนดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที
“แม่ง!ไอ้หมอ กูเพิ่งจะออกเวร มีอะไรว่ามากูจะนอน”
“ไม่ได้มึงต้องมาบ้านกูก่อน เดี๋ยวนี้อีกสิบนาทีเจอกัน”
“อ้าวเฮ้ย!! ไอ้นายอาทิตย์ มึงอย่ามาใช้อำนาจกับเพื่อนตัวเองนอกเวลางานไม่ได้นะโว้ย นี่มันเวลาพักผ่อนของกู”
“กูมีเรื่องให้ช่วย มีคนบาดเจ็บกูเจอระหว่างทาง”
“ไอ้เวร มึงก็เป็นหมอเปล่าวะ เสือกจะให้กูไปดูคนเจ็บ ในประเทศนี้มีใครเก่งเกินมึง ให้กูถามหน่อยเถอะ”
“มึงจะมาไหม?” คำถามสั้นๆแต่แฝงไปด้วยคลื่นบางอย่างที่ปลายสายจำต้องรับปากแทบทันที
“เออ.เออ..แม่งไปก็ได้วะ ทำไมต้องทำเสียงดุด้วยวะ แล้วนี่เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ยังไม่ได้สติ อย่าถามมากความ รีบมาให้ไว”
“ไอ้หมอเวร”
วินสบถเมื่อปลายสายตัดไปแล้ว หมอวินได้แต่มองโทรศัพท์แล้วส่ายหน้าอย่างระอากับเพื่อนหนุ่มที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสนิท เขาเพิ่งจะออกเวรและอาบน้ำกำลังล้มตัวลงนอนแต่ต้องมารับโทรศัพท์เจ้านายสุดโหด
“กูอยากดูหน้าคนที่มึงช่วย แม่งจะสวยขนาดไหนวะ ถึงได้ดูร้อนรนจริง”
อาทิตย์วางโทรศัพท์ไว้ข้างกายก่อนจะหันไปมองคนข้างด้วยความเป็นห่วงด้วยจรรยาบรรณเขาจะปล่อยคนที่ได้รับบาดเจ็บที่นอนบนท้องถนนไว้ได้อย่างไรถึงแม้จะไม่รู้จักก็ตามที แต่จะให้พาไปยังโรงพยาบาลเขาก็ไม่กล้าเสี่ยงเพราะไม่รู้หัวนอนปลายเท้าของอีกคน ว่าทำไมถึงนอนเจ็บอยู่บนถนนสายเปลี่ยวแบบนั้นได้ หากอาการดีขึ้นแล้วเขาจะซักไซร้ไล่เรียงแล้วนำส่งโรงพยาบาลต่อไป เพียงไม่นานชายหนุ่มก็ขับรถมาจอดหน้าคฤหาสน์หรูแม่บ้านร่างท้วมคนเก่าคนแก่ของตระกูลออกมารอรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คุณหนูเหนื่อยไหมคะ ทานอะไรมาหรือยัง”
“ยังครับ แต่ป้าให้เด็กไปเตรียมต้มน้ำร้อนให้ผมหน่อย” หมอแบงค์หรืออาทิตย์ บอกแล้วรีบเดินไปยังประตูด้านข้างคนขับแล้วอุ้มร่างสูงของอีกคนออกมา
“ว้าย แล้วนี่ใครคะ คะ..คุณหนูขับรถชนเขาเหรอคะ” แม่บ้านถามด้วยแววตาตื่นตกใจกับภาพหนุ่มหน้าตาดีแต่มีเลือดออก ตามตัวฟกซ้ำดำเขียวไม่น้อยทีเดียว
“ไม่ใช่ครับป้า แล้วผมค่อยเล่าให้ฟัง”
ชายหนุ่มอุ้มอีกคนเข้าไปในบ้านและขึ้นบันไดตรงไปที่ห้องนอนของตน เขาว่างลงสูงลงอย่างแผ่วเบาโดยไม่กลัวว่าเลือดจากตัวชายหนุ่มจะเปรอะเปื้อนบนที่นอน
“พาไปโรงพยาบาลเถอะค่ะคุณหนู ใครก็ไม่รู้ป้าว่ามันจะเกิดเป็นเรื่องราวเอานะคะ” หญิงสาวที่ผ่านโลกมาก่อนเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง สีหน้ามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เพราะผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ผมถึงไม่กล้าพาไปส่งที่โรงพยาบาล”
“ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมเป็นหมอนะครับป้า เดี๋ยวไอ้วินก็มาแล้ว ป้าไปเตรียมของมาให้ผมก็พอ”
สิ้นเสียงชายหนุ่มก็หันมาสนใจใบหน้าหล่อที่ยังคงหลับสนิทไม่รู้สึกตัว อย่างสำรวจตรวจตรา ชายหนุ่มคนนี้ผิวพรรณดี จัดว่าหล่อระดับขั้นเทพหาตัวจับยากเลยทีเดียว ใบหน้าใสรับกับคิ้วดกดำเรียวยาวได้รูป ผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างทันสมัย จมูกโด่งเป็นสันรั้นขึ้นเล็กน้อยไม่บอกก็รู้ว่าดื้อรั้นมากแค่ไหน ริมฝีปากบางสวยของชายหนุ่มซีดเผือด เสื้อเชิ้ตแบรนเนมและยีนส์ราคาแพงลิบลิ่ว รวมถึงรองเท้าคู่สวยที่มีเพียงไม่กี่คู่เท่านั้น ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแต่ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดาแน่นอน ของประดับทั้งนาฬิกาเรือนละเจ็ดหลักที่สวมนี่อีก ทำไมคนมีเงินมากมายขนาดนี้ถึงมานอนอยู่กลางถนนแบบนั้นได้
“ท่าทางจะเป็นลูกคนมีเงิน”
หมอหนุ่มขมวดคิ้วพลางคิดไปต่างๆนาๆคิ้วเข้มสวยขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนจะยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจถอดรองเท้าออก ตามด้วยเสื้อผ้าที่เลอะเปรอะเลือดของอีกฝ่าย เหลือเพียงชั้นในยี่ห้อหรู สายตาคู่คมสำรวจเรือนร่างแกร่งสวยกำลังดี มีกล้ามเนื้อเป็นลอนอย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ หน้าอกแกร่งขยับขึ้นลงตามแรงหายใจรวยริน ยอดอกชูชันสีสวย มันทำให้เขาหัวใจเต้นถี่รัวแปลกๆ ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้เลยสักครั้ง หมอหนุ่มจัดการเช็ดทำความสะอาดให้คนเจ็บด้วยตัวเองแล้วเอาชุดของเขามาเปลี่ยนให้
เสียงฝีเท้าเดินตรงมาที่ห้องไม่นานก็ปรากฏร่างสูงของหมอหนุ่มฝีมือดีอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของเขา ครั้งนี้เขาไม่อยากจะรักษาคนเจ็บเองด้วยยังรู้สึกแปลกๆตั้งแต่อุ้มอีกคนขึ้นรถมาที่นี่แล้ว
“แหม่..ถึงขนาดยืนเฝ้าคนเจ็บจนชิดขอบเตียงเชียวนะไอ้หมอ” อาทิตย์หลีกให้หมอวินเข้ามาใกล้คนป่วยและหยิบอุปกรณ์เตรียมพร้อม
“หน้าตาดีนี่หว่า ผิวพรรณเหมือนไม่ใช่คนแถวนี้ มึงไปเจอที่ไหนวะ”
หมอวินก้มลงสำรวจบาดแผลตามใบหน้าลำตัวของอีกฝ่าย รวมถึงบริเวณที่สำคัญที่สุดคือที่ศีรษะที่มีเลือดไหลออกมา
“หัวแตกนี่หว่า เป็นทางยาวเลยเว้ย ต้องเย็บหลายเข็มเลยนะ มึงรีบไปเตรียมน้ำร้อนมา”
"อืม กูให้เด็กเตรียมน้ำร้อนให้แล้ว”
“คงโดนมาหนักทีเดียว อาจจะโดนตีหัวมาหรืออาจจะกระแทกอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็ถูกรถชน”
“อืม” อาทิตย์ไม่แน่ใจว่าสมองของอีกฝ่ายจะถูกกระทบกระเทือนหรือเปล่า ชายหนุ่มได้แต่ยืนมองด้วยแววตายากจะคาดเดาได้
“แล้วนี่มึงดูบัตรประชาชนหรือยังว่าเป็นใคร”
“ไม่มีเอกสารอะไรติดตัวมาเลยสักอย่าง”
“อ้าว!! จะไม่ซวยเหรอวะไอ้หมอ” หมอวินหน้าตาตื่นหันกลับมามองเพื่อนหนุ่มด้วยความกังวล
“เออน่า ค่อยว่ากันอีกทีตอนนี้ช่วยชีวิตไปก่อนละกัน” อาทิตย์จับชีพจรอีกฝ่าย
"ชีพจรเต้นอ่อนจังวะ มึงมัวแต่พูด รีบช่วยเร็วเข้า” อาทิตย์ดุเพื่อนสนิทที่มัวโอ้เอ้ถามนั่นนี่ไม่หยุด ก่อนจะก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่กองไว้บนพื้น ยืนจ้องหน้าคนเจ็บด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะเดินออกจากห้องไปทันที ปล่อยให้อีกคนรักษาคนเจ็บตามลำพัง
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใคร เพราะว่ามีคนในหัวใจอยู่แล้ว แม่มดตัวร้ายเข้า มาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจเขาตั้งแต่เด็ก แล้วจะให้เขามองหาหญิงอื่นอีกทำไม เมื่อคนที่อยู่ในหัวใจกำลังหลงเข้ามาในอาณาจักรของเขา เพราะตั้งแต่โตมาจนป่านนี้แทนคุณยังไม่เคยเห็นว่าจะมีผู้ชายคนไหนเข้ามาเป็นเจ้าของหัวใจยัยแม่มดน้อยได้เลย เขาเองก็อยากจะลองดูสักครั้ง หากมีโอกาส สุดท้ายใครจะชนะเกมนี้ มารอลุ้นกัน
"หนาว" ฉันเริ่มหนาวไปทั้งตัว แต่ข้างในก็ยังคงร้อนรุ่มจนอยากที่จะปลดปล่อยออกมา "อดทนไว้ ให้มันลดความร้อนรุ่มในกาย" เจ้าคุณเอ่ยบอกเสียงต่ำ คงเห็นว่าฉันสั่นสะท้านจนเขาเองแอบสงสาร “ไอ้เชี้ยชาร์ค” ฉันคำรามออกมา นึกโกรธตัวเองทีเสียทีหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้น แต่ยังดีที่ไม่ได้เสียความสาวให้กับมัน “มันเป็นใคร” เจ้าคุณมองฉันอย่างคาดคั้น แต่ฉันไม่บอกหรอกยังมีหลายอย่างที่ฉันยังปิดบังเขา ฉันยังคงประท้วงให้เขาปล่อยโดยการเตะ ถีบ ต่อย เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของคนตัวโต ยิ่งดิ้นแรงผ้าขนหนูที่พันอกไว้ก็ยิ่งหมิ่นแหม่ พอขยับเคลื่อนไหวแรงๆและถูกน้ำจากฝักบัวยิ่งพาลจะหลุดกองลงพื้น "ไม่ตอบใช่ไหม” เจ้าคุณเริ่มหงุดหงิดเมื่อฉันไม่ยอมตอบ แต่พอผ้าขนหนูหลุดไปกองลงพื้นการสนทนาของเราทั้งคู่ก็ตัดบทจบทันที (⊙_⊙;) "มึงอย่าท้ากูนะ..ลูกศร" ยิ่งเธอท้าทาย ยิ่งทำให้ผมอยากลอง!
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย