เพราะเด็กหนุ่มที่เขาช่วยไว้ในคืนนั้นได้สูญเสียความทรงจำหมอหนุ่มจำต้องรับไว้ดูแลความใกล้ชิดทำให้หัวใจแกร่งของเขาหวั่นไหวจนเกิดเป็นความรัก แต่เมื่อความทรงจำกลับคืนมา เจ้านายกลับจำเรื่องราวของเขาไม่ได้
เพราะเด็กหนุ่มที่เขาช่วยไว้ในคืนนั้นได้สูญเสียความทรงจำหมอหนุ่มจำต้องรับไว้ดูแลความใกล้ชิดทำให้หัวใจแกร่งของเขาหวั่นไหวจนเกิดเป็นความรัก แต่เมื่อความทรงจำกลับคืนมา เจ้านายกลับจำเรื่องราวของเขาไม่ได้
เอี๊ยดดดดดดดด
เสียงเบรกรถสนั่นบนท้องถนนสายเปลี่ยวในยามดึกแทบไม่มีผู้คนสัญจรไปมา หมอกหนาทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่น้อยลง หมอหนุ่มขับรถด้วยความเร็วท่ามกลางความมืดต้องเหยียบเบรคจนตัวโก่งเมื่อแสงไฟหน้ารถสาดส่องกระทบร่างบางของใครคนหนึ่งที่นอนคว่ำหน้าขวางอยู่กลางถนน หมอหนุ่มมองซ้ายมองขวาดูกระจกส่องหลังเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร อาทิตย์ วิจิตรอลงกรณ์ หมอหนุ่มเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ของจังหวัด ตัดสินใจเปิดประตูลงไปเขาจอดรถไว้ในระยะห่างพอสมควร ในยามนี้จะไว้ใจใครไม่ได้ ชายหนุ่มไม่ลืมหยิบปืนพกคู่กายลงมาด้วย เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้ชนร่างอีกคนแน่นอน
ร่างที่นอนอยู่มีเลือดไหลข้างตัว ชายหนุ่มมองไปรอบๆอีกครั้ง ก่อนจะทรุดตัวลงข้างๆร่างที่นอนนิ่ง
“ยังไม่ตาย” มือหนาแตะตรงลมหายใจอ่อนๆของอีกฝ่าย เอื้อมมือไปจับไหล่ของอีกคนพลิกให้หันมาเพื่อที่จะได้ดูหน้าตาของอีกคนอย่างช้าๆ
รอยฟกช้ำตามใบหน้าและร่างกายไม่ได้ปิดบังความหล่อเหลาคมคายของเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนี้เลย ผิวขาวเนียนสวยราวกับผู้หญิง รูปร่างสูงสมส่วนพอเหมาะ เสื้อผ้าที่สวมใส่บ่งบอกฐานะว่าไม่ธรรมดา เด็กหนุ่มมีเลือดออกจากศีรษะเปรอะเปื้อนใบหน้าหล่อและเสื้อผ้า ลมหายใจรวยริน
หมอหนุ่มมองไปรอบๆอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจช้อนร่างสูงของอีกฝ่ายไว้ในวงแขนและอุ้มไปยังรถที่จอดไว้ ปรับเบาะเอนนอนแล้วรีบวิ่งไปยังด้านคนขับและขับออกไปบนถนนสายเปลี่ยวอย่างรวดเร็ว มือหนากดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิททันที
“เฮ้ย! ไอ้วิน มึงรีบมาที่บ้านกูด่วนเลย กูมีเรื่องให้ช่วย” น้ำเสียงปลายทางดูร้อนรน ทำให้หมอวินที่กำลังล้มตัวลงนอนดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที
“แม่ง!ไอ้หมอ กูเพิ่งจะออกเวร มีอะไรว่ามากูจะนอน”
“ไม่ได้มึงต้องมาบ้านกูก่อน เดี๋ยวนี้อีกสิบนาทีเจอกัน”
“อ้าวเฮ้ย!! ไอ้นายอาทิตย์ มึงอย่ามาใช้อำนาจกับเพื่อนตัวเองนอกเวลางานไม่ได้นะโว้ย นี่มันเวลาพักผ่อนของกู”
“กูมีเรื่องให้ช่วย มีคนบาดเจ็บกูเจอระหว่างทาง”
“ไอ้เวร มึงก็เป็นหมอเปล่าวะ เสือกจะให้กูไปดูคนเจ็บ ในประเทศนี้มีใครเก่งเกินมึง ให้กูถามหน่อยเถอะ”
“มึงจะมาไหม?” คำถามสั้นๆแต่แฝงไปด้วยคลื่นบางอย่างที่ปลายสายจำต้องรับปากแทบทันที
“เออ.เออ..แม่งไปก็ได้วะ ทำไมต้องทำเสียงดุด้วยวะ แล้วนี่เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ยังไม่ได้สติ อย่าถามมากความ รีบมาให้ไว”
“ไอ้หมอเวร”
วินสบถเมื่อปลายสายตัดไปแล้ว หมอวินได้แต่มองโทรศัพท์แล้วส่ายหน้าอย่างระอากับเพื่อนหนุ่มที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสนิท เขาเพิ่งจะออกเวรและอาบน้ำกำลังล้มตัวลงนอนแต่ต้องมารับโทรศัพท์เจ้านายสุดโหด
“กูอยากดูหน้าคนที่มึงช่วย แม่งจะสวยขนาดไหนวะ ถึงได้ดูร้อนรนจริง”
อาทิตย์วางโทรศัพท์ไว้ข้างกายก่อนจะหันไปมองคนข้างด้วยความเป็นห่วงด้วยจรรยาบรรณเขาจะปล่อยคนที่ได้รับบาดเจ็บที่นอนบนท้องถนนไว้ได้อย่างไรถึงแม้จะไม่รู้จักก็ตามที แต่จะให้พาไปยังโรงพยาบาลเขาก็ไม่กล้าเสี่ยงเพราะไม่รู้หัวนอนปลายเท้าของอีกคน ว่าทำไมถึงนอนเจ็บอยู่บนถนนสายเปลี่ยวแบบนั้นได้ หากอาการดีขึ้นแล้วเขาจะซักไซร้ไล่เรียงแล้วนำส่งโรงพยาบาลต่อไป เพียงไม่นานชายหนุ่มก็ขับรถมาจอดหน้าคฤหาสน์หรูแม่บ้านร่างท้วมคนเก่าคนแก่ของตระกูลออกมารอรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คุณหนูเหนื่อยไหมคะ ทานอะไรมาหรือยัง”
“ยังครับ แต่ป้าให้เด็กไปเตรียมต้มน้ำร้อนให้ผมหน่อย” หมอแบงค์หรืออาทิตย์ บอกแล้วรีบเดินไปยังประตูด้านข้างคนขับแล้วอุ้มร่างสูงของอีกคนออกมา
“ว้าย แล้วนี่ใครคะ คะ..คุณหนูขับรถชนเขาเหรอคะ” แม่บ้านถามด้วยแววตาตื่นตกใจกับภาพหนุ่มหน้าตาดีแต่มีเลือดออก ตามตัวฟกซ้ำดำเขียวไม่น้อยทีเดียว
“ไม่ใช่ครับป้า แล้วผมค่อยเล่าให้ฟัง”
ชายหนุ่มอุ้มอีกคนเข้าไปในบ้านและขึ้นบันไดตรงไปที่ห้องนอนของตน เขาว่างลงสูงลงอย่างแผ่วเบาโดยไม่กลัวว่าเลือดจากตัวชายหนุ่มจะเปรอะเปื้อนบนที่นอน
“พาไปโรงพยาบาลเถอะค่ะคุณหนู ใครก็ไม่รู้ป้าว่ามันจะเกิดเป็นเรื่องราวเอานะคะ” หญิงสาวที่ผ่านโลกมาก่อนเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง สีหน้ามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เพราะผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ผมถึงไม่กล้าพาไปส่งที่โรงพยาบาล”
“ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมเป็นหมอนะครับป้า เดี๋ยวไอ้วินก็มาแล้ว ป้าไปเตรียมของมาให้ผมก็พอ”
สิ้นเสียงชายหนุ่มก็หันมาสนใจใบหน้าหล่อที่ยังคงหลับสนิทไม่รู้สึกตัว อย่างสำรวจตรวจตรา ชายหนุ่มคนนี้ผิวพรรณดี จัดว่าหล่อระดับขั้นเทพหาตัวจับยากเลยทีเดียว ใบหน้าใสรับกับคิ้วดกดำเรียวยาวได้รูป ผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างทันสมัย จมูกโด่งเป็นสันรั้นขึ้นเล็กน้อยไม่บอกก็รู้ว่าดื้อรั้นมากแค่ไหน ริมฝีปากบางสวยของชายหนุ่มซีดเผือด เสื้อเชิ้ตแบรนเนมและยีนส์ราคาแพงลิบลิ่ว รวมถึงรองเท้าคู่สวยที่มีเพียงไม่กี่คู่เท่านั้น ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแต่ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดาแน่นอน ของประดับทั้งนาฬิกาเรือนละเจ็ดหลักที่สวมนี่อีก ทำไมคนมีเงินมากมายขนาดนี้ถึงมานอนอยู่กลางถนนแบบนั้นได้
“ท่าทางจะเป็นลูกคนมีเงิน”
หมอหนุ่มขมวดคิ้วพลางคิดไปต่างๆนาๆคิ้วเข้มสวยขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนจะยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจถอดรองเท้าออก ตามด้วยเสื้อผ้าที่เลอะเปรอะเลือดของอีกฝ่าย เหลือเพียงชั้นในยี่ห้อหรู สายตาคู่คมสำรวจเรือนร่างแกร่งสวยกำลังดี มีกล้ามเนื้อเป็นลอนอย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ หน้าอกแกร่งขยับขึ้นลงตามแรงหายใจรวยริน ยอดอกชูชันสีสวย มันทำให้เขาหัวใจเต้นถี่รัวแปลกๆ ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้เลยสักครั้ง หมอหนุ่มจัดการเช็ดทำความสะอาดให้คนเจ็บด้วยตัวเองแล้วเอาชุดของเขามาเปลี่ยนให้
เสียงฝีเท้าเดินตรงมาที่ห้องไม่นานก็ปรากฏร่างสูงของหมอหนุ่มฝีมือดีอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของเขา ครั้งนี้เขาไม่อยากจะรักษาคนเจ็บเองด้วยยังรู้สึกแปลกๆตั้งแต่อุ้มอีกคนขึ้นรถมาที่นี่แล้ว
“แหม่..ถึงขนาดยืนเฝ้าคนเจ็บจนชิดขอบเตียงเชียวนะไอ้หมอ” อาทิตย์หลีกให้หมอวินเข้ามาใกล้คนป่วยและหยิบอุปกรณ์เตรียมพร้อม
“หน้าตาดีนี่หว่า ผิวพรรณเหมือนไม่ใช่คนแถวนี้ มึงไปเจอที่ไหนวะ”
หมอวินก้มลงสำรวจบาดแผลตามใบหน้าลำตัวของอีกฝ่าย รวมถึงบริเวณที่สำคัญที่สุดคือที่ศีรษะที่มีเลือดไหลออกมา
“หัวแตกนี่หว่า เป็นทางยาวเลยเว้ย ต้องเย็บหลายเข็มเลยนะ มึงรีบไปเตรียมน้ำร้อนมา”
"อืม กูให้เด็กเตรียมน้ำร้อนให้แล้ว”
“คงโดนมาหนักทีเดียว อาจจะโดนตีหัวมาหรืออาจจะกระแทกอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็ถูกรถชน”
“อืม” อาทิตย์ไม่แน่ใจว่าสมองของอีกฝ่ายจะถูกกระทบกระเทือนหรือเปล่า ชายหนุ่มได้แต่ยืนมองด้วยแววตายากจะคาดเดาได้
“แล้วนี่มึงดูบัตรประชาชนหรือยังว่าเป็นใคร”
“ไม่มีเอกสารอะไรติดตัวมาเลยสักอย่าง”
“อ้าว!! จะไม่ซวยเหรอวะไอ้หมอ” หมอวินหน้าตาตื่นหันกลับมามองเพื่อนหนุ่มด้วยความกังวล
“เออน่า ค่อยว่ากันอีกทีตอนนี้ช่วยชีวิตไปก่อนละกัน” อาทิตย์จับชีพจรอีกฝ่าย
"ชีพจรเต้นอ่อนจังวะ มึงมัวแต่พูด รีบช่วยเร็วเข้า” อาทิตย์ดุเพื่อนสนิทที่มัวโอ้เอ้ถามนั่นนี่ไม่หยุด ก่อนจะก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่กองไว้บนพื้น ยืนจ้องหน้าคนเจ็บด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะเดินออกจากห้องไปทันที ปล่อยให้อีกคนรักษาคนเจ็บตามลำพัง
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
"หนาว" ฉันเริ่มหนาวไปทั้งตัว แต่ข้างในก็ยังคงร้อนรุ่มจนอยากที่จะปลดปล่อยออกมา "อดทนไว้ ให้มันลดความร้อนรุ่มในกาย" เจ้าคุณเอ่ยบอกเสียงต่ำ คงเห็นว่าฉันสั่นสะท้านจนเขาเองแอบสงสาร “ไอ้เชี้ยชาร์ค” ฉันคำรามออกมา นึกโกรธตัวเองทีเสียทีหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้น แต่ยังดีที่ไม่ได้เสียความสาวให้กับมัน “มันเป็นใคร” เจ้าคุณมองฉันอย่างคาดคั้น แต่ฉันไม่บอกหรอกยังมีหลายอย่างที่ฉันยังปิดบังเขา ฉันยังคงประท้วงให้เขาปล่อยโดยการเตะ ถีบ ต่อย เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของคนตัวโต ยิ่งดิ้นแรงผ้าขนหนูที่พันอกไว้ก็ยิ่งหมิ่นแหม่ พอขยับเคลื่อนไหวแรงๆและถูกน้ำจากฝักบัวยิ่งพาลจะหลุดกองลงพื้น "ไม่ตอบใช่ไหม” เจ้าคุณเริ่มหงุดหงิดเมื่อฉันไม่ยอมตอบ แต่พอผ้าขนหนูหลุดไปกองลงพื้นการสนทนาของเราทั้งคู่ก็ตัดบทจบทันที (⊙_⊙;) "มึงอย่าท้ากูนะ..ลูกศร" ยิ่งเธอท้าทาย ยิ่งทำให้ผมอยากลอง!
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
เรื่องย่อ วังวนร้อนรักจวนแม่ทัพใหญ่ แนว 4P ซุนหลีนถูกจับมาเป็นเชลยสงครามพร้อมพี่ชายบุญธรรมที่นางแอบมีใจให้เขาและมารดา แต่ด้วยความงามของนางจึงทำให้ฮูหยินใหญ่ที่ไร้ทายาทต้องการให้นางอุ้มท้องแทนตน เรียนท่านผู้อ่านทุกท่าน หนังสือนิยายเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวด นิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งเหมาะกับสายแซ่บไม่พูดเยอะ เจ็บคอ จะมีฉาก NC นำเนื้อหาแทบทั้งเรื่อง และพล็อตเบาคลายเครียด แทบไม่มีพล็อตค่ะ ดังนั้นท่านผู้อ่านควรพิจารณาโหลดตัวอย่างก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ ขอบคุณค่ะ
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด