"หนาว" ฉันเริ่มหนาวไปทั้งตัว แต่ข้างในก็ยังคงร้อนรุ่มจนอยากที่จะปลดปล่อยออกมา "อดทนไว้ ให้มันลดความร้อนรุ่มในกาย" เจ้าคุณเอ่ยบอกเสียงต่ำ คงเห็นว่าฉันสั่นสะท้านจนเขาเองแอบสงสาร “ไอ้เชี้ยชาร์ค” ฉันคำรามออกมา นึกโกรธตัวเองทีเสียทีหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้น แต่ยังดีที่ไม่ได้เสียความสาวให้กับมัน “มันเป็นใคร” เจ้าคุณมองฉันอย่างคาดคั้น แต่ฉันไม่บอกหรอกยังมีหลายอย่างที่ฉันยังปิดบังเขา ฉันยังคงประท้วงให้เขาปล่อยโดยการเตะ ถีบ ต่อย เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของคนตัวโต ยิ่งดิ้นแรงผ้าขนหนูที่พันอกไว้ก็ยิ่งหมิ่นแหม่ พอขยับเคลื่อนไหวแรงๆและถูกน้ำจากฝักบัวยิ่งพาลจะหลุดกองลงพื้น "ไม่ตอบใช่ไหม” เจ้าคุณเริ่มหงุดหงิดเมื่อฉันไม่ยอมตอบ แต่พอผ้าขนหนูหลุดไปกองลงพื้นการสนทนาของเราทั้งคู่ก็ตัดบทจบทันที (⊙_⊙;) "มึงอย่าท้ากูนะ..ลูกศร" ยิ่งเธอท้าทาย ยิ่งทำให้ผมอยากลอง!
@คอนโด
“Shit"
เจ้าคุณอารมณ์หงุดหงิดเมื่อขับรถสปอร์ตคันหรูมาถึงคอนโด ปรากฏว่ามีเจ้ารถชอปเปอร์คันหรูมาจอดในที่ประจำของตัวเอง นึกอยากเห็นหน้าเจ้าของรถคันนี้ขึ้นมาตะหงิด กล้าดียังไงมาจอดตรงนี้
“แม่ง!! ใครว่ะกล้าเอารถมาจอดในที่ของกูอย่าให้กูรู้นะมึงจะจับเย็ดแม่งเลยไอ้สัส”
ชายหนุ่มสบถเสียงดังหลังจากก้าวลงจากรถหรูร่างสูงไม่ต่ำกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตร หุ่นดีเหมือนนายแบบยืนมองซ้ายแลขวาหาเจ้าของรถชอปเปอร์คันสวยแต่ก็ไม่เจอใครสักคน ทั้งที่ตรงนี้เป็นที่จอดรถส่วนบุคคลแถมป้ายชื่อยังโชว์หรานามสกุลก็บอกชัดเจนว่าใหญ่แค่ไหน แต่ยังดันเสือกเอามาจอดไม่มีความเกรงกลัวกันบ้างเลย
“คุณหนูครับ”
“ผมบอกลุงกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกคุณหนูไม่เข้าใจหรือไง”
เจ้าคุณหน้ามุ่ยเขาโตกว่าที่จะเอ่ยคำพูดที่น่าเอ็นดูขนาดนั้น ซึ่งไม่ใช่ตัวตนของเขาแน่ เมื่อหัวหน้ารักษาความปลอดภัยวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา หลังจากที่เห็นว่าเจ้านายหนุ่มกำลังหัวเสียกับที่จอดรถ
“ให้ผมเรียกคุณหนูเถอะครับก็ผมเห็นคุณหนูมาตั้งแต่เด็กแล้วเรียกอย่างอื่นมันกระดากปากครับ”
“อืม ตามใจ” เจ้าคุณขี้เกียจจะต่อความยาวสาวความยืดอยากเรียกอะไรก็เรียกเอาที่สบายใจเลยละกัน
“รถชอปเปอร์นี่ของใคร”
“อ่อ..เอ่อเป็นของคุณผู้หญิงที่ย้ายเข้ามาใหม่นะครับ แต่มาอยู่ได้หลายวันแล้ว คุณหนูไม่อยู่ ผมก็เลยไม่ได้รายงาน”
“ใคร”
“ผมก็จำชื่อไม่ได้แล้วเป็นลูกค้าอยู่ชั้นเดียวกับคุณหนูครับ”
“ชั้นเดียวกับฉัน?”
ชายหนุ่มสงสัยเพราะชั้นของเขาคืออยู่บนชั้นสุดของคอนโดหรูและมีเพียงแค่สองห้องเท่านั้น ตั้งแต่น้องสาวฝาแฝดแต่งงาน เจ้าคุณก็สละคอนโดหรูที่เคยอยู่ให้คนดีกับแทนคุณว่าที่น้องเขย ส่วนเขาก็เนรเทศตัวเองออกมาอยู่ที่นี่ซึ่งสะดวกสบายไม่แพ้กัน แต่คอนโดชั้นบนสุดนี้มีสองห้อง อีกห้องซื้อไว้นานแล้วแต่เจ้าของยังไม่ย้ายเข้ามาอยู่สักที
“ผมบอกแล้วนะครับว่าตรงนี้จอดไม่ได้แต่เธอก็ไม่สนใจ” หัวหน้า รปภ.รีบอธิบายให้เจ้านายหนุ่มฟังกลัวเขาจะหาว่าตนบกพร่องในหน้าที่ยิ่งกำลังหัวร้อนอยู่แบบนี้ หากไม่จำเป็นอย่าอยู่ใกล้จะดีเสียกว่า
“อืม สงสัยอยากจะลองของ"
เจ้าคุณพยักหน้าและโบกมือให้อีกคนออกไป ชายหนุ่มคำรามในคออย่างไม่พอใจกล้าดียังไงมาจอดในที่ของเขาซึ่งเป็นเจ้าของคอนโดหรู อันที่จริงตอนนั้นเขาไม่อยากปล่อยห้องชั้นบนสุด แต่เพราะเป็นแผนโปรโมทยอดขายของน้องสาวตัวดีเขาถึงได้ยอม ไม่อย่างนั้นไอ้เจ้าของรถชอปเปอร์คันนี้คงไม่ได้มาจอดที่นี่แน่
“เดี๋ยวนะ ลุงแน่ใจนะว่าเป็นผู้หญิง” เจ้าคุณเรียกหัวหน้ารักษาความปลอดภัยไว้ พลางนึกขึ้นได้คิ้วสวยขมวดมุ่น เขาสงสัยที่ผู้หญิงบ้าอะไรจะมาขับชอบเปอร์หรูคันโตนี้ได้อีกทั้งราคารุ่นนี้แพงสูงลิ่วมีเพียงไม่กี่คันเท่านั้น แสดงว่าโปรไฟล์ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
“ครับ”
"........"
“พอผมบอกเธอว่าตรงนี้เป็นที่จอดรถของคุณหนู เธอก็รีบไปอ่านป้ายชื่อทันที พออ่านเสร็จผมก็คิดว่าเธอจะไปจอดที่อื่น แต่กลับกลายเป็นว่าขับรถมาจอดตรงนี้ทันทีเลยครับ”
“กล้ามาก”
"ฝากบอกกับผมด้วยนะครับว่า ถ้าคุณหนูมีปัญหาเชิญที่ห้องได้เลย” ชายหนุ่มขบกรามแน่นอย่างไม่พอใจ เมื่อคิดจะเล่นกับเขาแบบนี้ เขาก็จะเอาคืนเช่นกันจะลูกค้าระดับวีไอพีหรือหน้าไหนเขาก็ไม่สนใจ
@ลูกศร
"แม่ง!!"
เสียงสบถดังจากเจ้าของชอปเปอร์คันหรู เธอตกใจไม่น้อยที่เห็นสภาพรถของตัวเอง หลังจากที่ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพียงไม่กี่นาที ลงมากลับพบว่าชอปเปอร์หรูเละไม่เป็นท่า หญิงสาวฉุนจัดเพราะคันนี้ถือเป็นลูกรักที่เธอใช้บ่อยที่สุด ที่สำคัญมีรถสปอร์ตหรูคันดำมาจอดขวางทางลูกรักของเธอไว้อีกด้วย อย่างจงใจแกล้ง
"ใครวะเล่นเป็นเด็ก ยิ่งรีบอยู่ด้วย"
ลูกศร ดูเวลาแล้วคงไม่ทันหากเธอจะเอาเรื่องรถสปอร์ตคันหรู จึงโทรเรียกให้ลูกน้องมารับไปที่ผับ คิดไว้ว่ากลับมาเธอจะมาเอาคืนเจ้าของคนคันนี้ที่บังอาจมาจอดรถขวางทางเธอไว้ อีกทั้งยังทิ้งโน๊ตแปะไว้ทั่วคันแถมแปะกาวสองหน้าให้เป็นรอยอีกทำตัวเหมือนเด็ก ถ้าไม่ติดที่เธอรีบป่านนี้มันเละไม่เป็นท่าแน่ และไม่ใช่แค่กระดาษแปะแน่นอน
@PUB
ร่างบางวัยยี่สิบเอ็ดปีอยู่ในชุดเสื้อหนังสีดำในแบบที่ชอบสวมใส่กับกางเกงยีนส์เข้ารูปสีเดียวกัน ปล่อยผมยาวสยายกลางหลังรับกับใบหน้าหวานรูปไข่ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มขนตางอนยาว คิ้วเข้มเรียงตัวสวยได้รูปรับกับจมูกโด่งเล็กสวย รั้นขึ้นเล็กน้อย ปากบางกระจับจิ้มลิ้มสีลูกพีช ใครเห็นเป็นต้องเหลียวหลังมองด้วยความสนใจกับความน่ารักและสะดุดตา แต่ทว่านิสัยและท่าทางต่างกับลักษณะภายนอกโดยสิ้นเชิง
"ทำไมมาช้าจัง ผมรีบอยู่ด้วย"
ธาร หรือธาราน้องชายคนเดียวเอ่ยต่อว่าพี่สาวอย่างไม่พอใจที่ได้มาดูแลผับแทนพี่สาว เพราะตนนัดเดทกับสาวสวยไว้แล้วแท้ๆแต่ต้องอยู่เฝ้าร้านเพราะเป็นคำประกาศิตจากพี่สาวคนสวยที่จะขัดขืนมิได้ กับคนอื่นเขาไม่เคยกลัวแต่กับพี่สาวคนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะทำให้อีกฝ่ายขัดเคืองใจ
"ไอ้น้องเวร!! มึงดูผับแทนพี่ไม่กี่นาทีมีบ่น เงินเดือนเสือกอยากจะได้เยอะ เดี๋ยวปั๊ด"
"ก็เพราะพี่ดุแบบนี้ไงผู้ชายคนไหนจะกล้ามาจีบพี่วะ แล้วเมื่อไหร่จะหาหลัวกับเขาได้สักที โตมาจนป่านนี้ยังไม่มีแฟน"
ลูกศรง้างมือเตรียมจัดการน้องชายที่พูดไม่เข้าหู แต่ดูเหมือนว่าอีกคนไวกว่ารีบชิ่งหนีไปก่อน
"แม่ง!!"
หญิงสาวสบถตามร่างสูงของน้องชายเพียงคนเดียวด้วยความโมโห ธาราเป็นน้องชายอายุห่างกันแค่สองปี แต่ความรับผิดชอบกลับแตกต่างกันลิบลับ ฝ่ายนั้นเที่ยวเล่นเพียงอย่างเดียวถือว่ามีเงินทองมากมาย แต่สำหรับเธอเองอยากยืนด้วยลำแข้งของตัวเองถึงแม้เบื้องหลังจะเป็นถึงลูกสาวบุญธรรมของมาเฟียก็ตามที
"วันนี้เรียบร้อยดีไหม"
เมื่อจัดการน้องชายตัวเองไม่ได้ลูกศรจึงหันไปถามผู้จัดการหนุ่มที่ยืนอมยิ้มอยู่ทางด้านหลังพอเงยหน้าเจอเจ้านายสาวยืนกอดอกแยกเขี้ยวใส่ ถึงกลับหุบยิ้มแทบไม่ทัน พูดตะกุกตะกักรายงานสถานการณ์ทันที
"วันนี้ลูกค้าแน่นร้านเพราะเป็นวันศุกร์ แต่ว่ามีแขกวีไอพีต้องการพบคุณหนูด้วยนะครับ"
หญิงสาวขมวดคิ้วสวยทันที ปกติเธอไม่สุงสิงกับใครและเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยเพียงไม่กี่เดือน ไม่น่าที่จะมีใคร ยกเว้นคนรู้จักและสนิทจริงๆเท่านั้น หรือว่าจะเป็นคนของแดดดี้ ไวเท่าความคิดหญิงสาวรีบเดินขึ้นไปชั้นบนที่เป็นโซนวีไอพีทันที
"ชาร์ค"
ชายหนุ่มลูกครึ่งอิตาลีหน้าตาดีรูปร่างสูงใหญ่เป็นหลานชายห่างๆของแดดดี้ ตามจีบเธอตั้งแต่อยู่เมืองนอก ให้ผู้ใหญ่มาทาบทามหลายครั้งแต่หญิงสาวไม่ค่อยชอบหน้าเพราะชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิดและข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่าโดยไม่สนใจหลักมนุษยธรรม ที่สำคัญเขาพัวพันกับธุรกิจสีดำ หญิงสาวจึงปฏิเสธทุกครั้งที่มีการเอ่ยถึงเรื่องนี้ แต่วันนี้ชายหนุ่มตามมาที่เมืองไทยทำไม
"พี่มาติดต่อธุรกิจเลยแวะมาหาเรา"
ชาร์คชายหนุ่มตาสีน้ำข้าวเอ่ยขึ้น แววตาที่มองมาไม่ได้ปิดบังความรู้สึกจนเธอรู้สึกกระอักกระอวนใจ อุตส่าห์หนีมาอยู่ที่นี่ยังจะตามมาหลอกหลอนเธออีกจนได้
"แต่ฉันต้องทำงาน คงอยู่คุยด้วยไม่ได้" หญิงสาวรีบออกตัวทันทีแค่ทักทายเพียงไม่กี่ประโยคก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว
"อย่าปฏิเสธพี่อย่างไร้เยื่อใยแบบนี้สิ พรุ่งนี้พี่ก็กลับแล้ว มานั่งคุยกันก่อน"
ลูกศรมองไปยังชายชุดดำที่ยืนอยู่ข้างหลังอีกสามคน แต่ละคนหน้าตาไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด แต่เมื่อเขาขอมาเธอก็จัดให้ เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นถิ่นของเธอ
"คุณหนูครับ" ลูกน้องของลูกศรตามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงหลังจากเห็นว่านายของตนอยู่กับชายฉกรรจ์ หญิงสาวจึงโบกมือให้คนเหล่านั้นออกไป เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรน่าห่วง
"ได้ ฉันจะอยู่คุยกับนายแต่คงได้ไม่นาน เพราะวันนี้มีเอกสารที่ต้องกลับไปเคลียร์" หญิงสาวเอ่ยพลางนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโดยมีคนของชาร์ค ยืนคอยบริการ
เสียงกริ่งดังหน้าห้องทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัย ชั้นนี้ไม่มีใครนอกจากเพื่อนบ้านอีกห้องเท่านั้น และไม่มีใครสามารถขึ้นมาได้ถ้าเจ้าของห้องไม่อนุญาต หรือว่าจะเป็นห้องข้างๆ แต่นี่ก็ดึกมากแล้วไม่น่าที่จะเสียมารยาทกดกริ่งยามนี้ ดีเหมือนกันถ้าเป็นเจ้าของชอบเปอร์คันหรูเขาจะได้จัดการให้จบคืนนี้ โทษฐานที่บังอาจมาปีนเกลียวกับเขา แต่พอเจ้าคุณส่องตาแมวแล้วพบว่าคนที่ยืนอยู่ข้างนอกเป็นใคร ชายหนุ่มรีบเปิดประตูรับทันที
"มาได้ไง" เจ้าคุณมองหน้าเพื่อนสาวนิ่ง ดวงตาคมกริบมองไปยังห้องข้างๆทันที หรือว่าเพื่อนบ้านของเขาก็คือลูกศร
"ขะ..เข้าไปหน่อย" ท่าทางของลูกศรไม่ค่อยจะดีนัก หน้าตาแดงก่ำทั้งที่ลูกศรไม่ใช่คนดื่มเหล้าจัด อย่างมากก็แค่จิบไวน์เท่านั้น
"นี่เป็นอะไรทำไมหน้าแดง"
"อย่าเพิ่งถาม"
อีกคนไม่สนใจที่จะตอบกลับเดินแทรกเข้าไปในห้องหรูโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของแต่อย่างใด หญิงสาวมองห้องนอนของเพื่อนหนุ่ม การออกแบบดีภายในดูคลาสสิคมาก โทนสีขาวดำที่เหมาะกับเจ้าของห้องเฟอร์นิเจอร์สีเดียวกัน อีกทั้งแต่ละอย่างล้วนแพงหูฉี่ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาสำรวจห้องของเจ้าคุณ
"อ้าว เฮ้ยนี่มันห้องกู" เจ้าของห้องหนุ่มโวยวายลั่น เมื่ออีกคนถือวิสาสะเข้ามายามวิกาล และดูเหมือนอาการจะไม่ปกติอีกด้วย
"..........."
"อยู่ห้องถัดไปใช่ไหม "
"อืม"
"ไม่อยากจะเชื่อ ว่าเป็นเจ้าของชอปเปอร์คันนั้นจริงๆ" เขาพึมพำกับตนเองเบาๆไม่ได้บอกหญิงสาวว่าตนเองคือคนที่แปะกระดาษกาวรอบคัน ขืนลูกศรรู้เข้าโทษของเขามีเพียงสถานเดียว คือ เขาตาย!!
ชายหนุ่มมองใบหน้าหวานที่เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาหรูกลางห้อง ส่วนตัวเขาเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาเครื่องดื่มให้อีกฝ่ายเพราะดูท่าทางอีกคนเหมือนเมาอะไรสักอย่างและคิดว่าคงต้องการเครื่องดื่ม แต่พอเดินกลับมาก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ
"เชี้ยละ!!"
(⊙_⊙;)
"หุบปากมึงไว้ก่อน แล้วรีบมาช่วยกูที"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใคร เพราะว่ามีคนในหัวใจอยู่แล้ว แม่มดตัวร้ายเข้า มาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจเขาตั้งแต่เด็ก แล้วจะให้เขามองหาหญิงอื่นอีกทำไม เมื่อคนที่อยู่ในหัวใจกำลังหลงเข้ามาในอาณาจักรของเขา เพราะตั้งแต่โตมาจนป่านนี้แทนคุณยังไม่เคยเห็นว่าจะมีผู้ชายคนไหนเข้ามาเป็นเจ้าของหัวใจยัยแม่มดน้อยได้เลย เขาเองก็อยากจะลองดูสักครั้ง หากมีโอกาส สุดท้ายใครจะชนะเกมนี้ มารอลุ้นกัน
เพราะเด็กหนุ่มที่เขาช่วยไว้ในคืนนั้นได้สูญเสียความทรงจำหมอหนุ่มจำต้องรับไว้ดูแลความใกล้ชิดทำให้หัวใจแกร่งของเขาหวั่นไหวจนเกิดเป็นความรัก แต่เมื่อความทรงจำกลับคืนมา เจ้านายกลับจำเรื่องราวของเขาไม่ได้
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"