ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใคร เพราะว่ามีคนในหัวใจอยู่แล้ว แม่มดตัวร้ายเข้า มาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจเขาตั้งแต่เด็ก แล้วจะให้เขามองหาหญิงอื่นอีกทำไม เมื่อคนที่อยู่ในหัวใจกำลังหลงเข้ามาในอาณาจักรของเขา เพราะตั้งแต่โตมาจนป่านนี้แทนคุณยังไม่เคยเห็นว่าจะมีผู้ชายคนไหนเข้ามาเป็นเจ้าของหัวใจยัยแม่มดน้อยได้เลย เขาเองก็อยากจะลองดูสักครั้ง หากมีโอกาส สุดท้ายใครจะชนะเกมนี้ มารอลุ้นกัน
เอี๊ยดดดด!!
เสียงเบรกรถชุปเปอร์คาร์คันสีแดงสด ดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อรถของคนดี หรือณิชา วนารมย์ วิ่งเข้าเส้นชัยด้วยความเร็วสูง ตามติดมาด้วยรถคันสวยสีส้มแปร๊ดของต้องรัก ลูกสาวสุดที่รักของเฮียเม้ง
วันนี้เป็นอีกวันที่หญิงสาวได้รับชัยชนะ ท่ามกลางความยินดีของคนที่มาเชียร์อยู่ข้างสนาม วันนี้แค่แข่งขันนอกรอบ จึงไม่มีกฎกติกาอะไรมากมาย มีเพียงหญิงสาวและคู่แข่งคนสำคัญเท่านั้น
"แม่ง พี่คนดีโคตรเก่งเลยว่ะ กูไม่ผิดหวังเลยที่เป็นแฟนคลับพี่เขา " เสียงชมจากขอบสนาม ต่างก็พากันชื่นชมนางฟ้าของพวกเขา
"แต่สวยๆอย่างนี้ โสดนะมึง ไม่มีใครกล้าจีบ"
"ใครวะจะเป็นผู้โชคดีได้ครอบครองคนสวยแบบนี้ "
"เออ ..กูก็อยากรู้ ว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันจะเป็นใคร"
เสียงหนึ่งในนั้น มองไปยังเจ้าของรถคันหรูที่วิ่งเข้าเส้นชัย ร่างเล็กอรชรที่อยู่ชุดนักศึกษาเปิดประตูรถก้าวลงมาและเดินไปยังหญิงสาวอีกคนที่เปิดประตูออกมาพิงรถหรูสีส้มรอเธออยู่ก่อนแล้ว
"เสียใจด้วยนะต้องรัก คราวนี้ก็เป็นฉันอีกแล้ว เจอกันอีกทีสนามใหญ่สัปดาห์หน้านะ" หญิงสาวพูดด้วยท่าทางกวนๆยียวนยั่วประสาทคนตรงหน้า
"ถึงคราวนี้ฉันแพ้เธอ แต่ครั้งหน้าฉันจะชนะเธอให้ได้" ต้องรักอดที่จะหมั่นไส้หญิงสาวตรงหน้าไม่ได้กับท่าทีหยิ่งผยองยามที่เธอย่างกรายเข้ามาใกล้
คนดีแสยะยิ้มให้กับคู่อริ เธอไม่เคยชอบหน้าต้องรัก เพราะหญิงสาวต้องการแข่งขันกับเธอในทุกๆเรื่อง และเรื่องที่เธอหงุดหงิดใจที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องของผู้ชายที่ชื่อ แทนคุณ อัศวเมธี ที่ต้องรักตามจีบและอยากจะเอาชนะเธอ เพราะพี่ชายฝาแฝดของเธอและนายแทนคุณ เป็นเพื่อนสนิทกัน ดังนั้น ก็ไม่แปลกที่หากแทนคุณอยู่ที่ไหน ก็จะเห็นคนดีและเจ้าคุณอยู่ที่นั้น ทำให้หญิงสาวหลายคนไม่กล้าที่จะเข้ามาแทรกกลางของคนทั้งสามได้ ต้องรักก็เช่นกัน
"คนดีรีบไปเถอะ เดี๋ยวป๊ามิกซ์มาเจอโทรไปฟ้องพ่อเธอ ฉันจะซวยไปด้วย"
บินเดี่ยวและน้ำมนต์เดินเข้ามาฉุดหญิงสาวให้รีบออกไป ก่อนที่จะมีคนโทรไปฟ้องบรรดาพ่อบุญธรรมและพี่ชายของหญิงสาว กลัวว่าจะเกิดเรื่องอีก เพราะไม่มีใครอยากให้คนดีมาแข่งนอกรอบแบบนี้
@มหาวิทยาลัย
คนดี หรือณิชา วนารมย์ เดินแกมวิ่งออกจากตึกคณะบริหารธุรกิจ หญิงสาวรีบเร่งโดยไม่สนใจใคร ได้ยินเพียงเสียงผิวปากจากกลุ่มผู้ชายที่นั่งในบริเวณที่เธอเดินผ่านเป็นเรื่องปกติตั้งแต่ปี 1 จนถึงตอนนี้ ที่มีชายหนุ่มมากมายแวะเวียนเข้ามาขายขนมจีบ ทั้งหนุ่มหล่อในคณะและต่างคณะ ทุกคนหล่อรวยดีกรีไม่ธรรมดา รวมไปถึงพวกบรรดาเดือนคณะเดือนมหา'ลัย หรือแม้แต่หนุ่มนอกมหา'ลัย แต่ก็ตีหน้าเศร้ากันหมดทุกราย คนดีไม่เคยเปิดใจให้ใคร และไม่เคยมีแฟนเลยมาจนถึงตอนนี้
วันนี้เธอจะต้องลงแข่งนัดสำคัญที่สนามแข่งป๊ามิกซ์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของมารดา หลังจากทำข้อสอบวิชาสุดท้ายเสร็จเธอก็กระโดดโลดเต้นตั้งแต่หน้าห้องจนถึงประตูทางออกด้วยความดีใจ พร้อมเพื่อนสนิทสองคนน้ำมนต์เพื่อนสาวที่สนิทที่สุด และเพื่อนชายที่สนิทอีกคนชื่อบินเดี่ยว สองคนนี้เที่ยว กิน นอน ด้วยกันเป็นประจำจนเป็นภาพชินตา หญิงสาวดีใจที่จะได้หยุดพักยาวหลายเดือน เธอจะได้ถือโอกาสไปหมกตัวอยู่กับป๊ามิกซ์ คนดีชอบการแข่งรถซิ่งมาตั้งแต่เด็ก จนบุพพการียื่นคำขาดหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล คนถือหางมีแต่รุ่นใหญ่ ทำให้บิดามารดาได้แต่เอือมระอา เพราะมีแต่คนเอาใจจนคนดีจะเสียคนอยู่แล้ว ปีหน้าคนดีก็จะขึ้นเป็นนิสิตปี 4 หญิงสาวเรียนคณะบริหารธุรกิจเพื่อจะได้มาช่วยงานบิดาและมารดา ส่วนพี่ชายฝาแฝด เจ้าคุณหรือพสุธา วนารมย์ เลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เหมือนกับเพื่อนรักของเขา นายแทนคุณ อัศวเมธี พอนึกชื่อคนหลัง หญิงสาวก็เบ้หน้าแรงทันทีด้วยความหมั่นไส้ ตั้งแต่เด็กจนโตเธอแทบไม่เคยเห็นนายคนนี้ยิ้มเลยสักครั้ง หนำซ้ำเคยตราหน้าว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงไม่น่ารัก ชิ!! นึกแล้วก็โมโห พูดมาได้อย่างไรไม่ดูหนังหน้าตัวเองบ้างเลย
แต่จะว่าไปแล้วมนุษย์หน้านิ่งอย่างเขา กลับมีสาวสวยมากมายเข้ามาติดพันเช้าถึงเย็นถึงไม่ซ้ำหน้า จนต้องเดือดร้อนถึงพี่ชายสุดรักของเธอต้องยื่นมือเข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์
"โอ้ยย!!!"
หญิงสาวก้าวพลาดขั้นบันไดหน้าตึกก่อนจะถึงลานจอดรถของคณะ เพราะมัวแต่นึกถึงหน้าคนที่อยู่ในหัวตอนนี้ ขาข้างขวารู้สึกเจ็บแปลบ จนคนที่ยืนพิงประตูรถจอดรอมองร่างบางกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาจากตึกด้วยความรีบร้อนอยู่ก่อนแล้ว รีบวิ่งเข้าไปพยุงแทบทันทีอย่างลืมตัว เพราะแถวนั้นไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรือแตะต้องตัวหญิงสาว เพราะรู้ดีว่าคนดีไม่ธรรมดา หนุ่มๆทั้งหลายจึงได้เป็นแค่หมาเห่าเครื่องบิน
"เดินให้ระวังกว่านี้หน่อย กระโดกกระเดกเป็นลิงเป็นค่างไปได้" เสียงนี้ คำพูดแบบนี้จะเป็นใครไม่ได้ ถ้าไม่ใช่นายแทนคุณ
'"นายมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน..เป็นพ่อหรือไง"
หญิงสาวสะบัดหน้าหนี พร้อมผลักมือหนาที่เข้ามาจับข้อเท้าข้างขวาไว้ ด้วยความไม่พอใจ ชายหนุ่มมองหน้านิ่งสายตาคมดุเหมือนเคย นี่ละ..คือนายแทนคุณ
"ถ้าฉันไม่ได้มีหน้าที่ตามเธอไปแข่ง คิดว่าฉันอยากจะมายืนที่นี่หรือไง"
เจ้าของเสียงเรียบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เหอะๆรู้หรอกว่าสูงยาวเข่าดี หล่อลากดิน จนสาวสวยคณะบริหารฯ เดินอ่อยอยู่หลายตลบ เพียงแค่ไม่กี่นาทีที่เขาเข้ามายืนอยู่ตรงนี้ ร่างสูงใหญ่ผึ่งผาย ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ฉายขึ้นภายใต้ท่าทีอันสงบนิ่ง มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ยี่หระ
"ปฏิเสธไม่เป็นหรือไง..ใครใช้ให้นายรับปาก ทีหลังไม่ต้องยุ่งเรื่องของฉัน!!"
คนดีเสียงห้วนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเฉยๆ หญิงสาวไม่ชอบเก็บอารมณ์หงุดหงิดให้รู้สึกแน่นในอก ไม่พอใจก็แสดงออกมาให้เห็น ไม่มีอะไรซับซ้อน
"แล้วนี่นาย จะยืนค้ำหัวโด่อีกนานไหม มาช่วยพยุงฉันที..ฉันรีบ"
คนดีเงยหน้าหรี่ตามองคนที่ยืนล้วงกระเป๊าเก๊กหล่อ ชายหนุ่มขยับตัวยืนบังแสงแดดที่ส่องมากระทบหน้าสวย ก่อนจะโน้มตัวลงมาพูดใกล้ๆ
"เก่งไม่ใช่เหรอ..ก็ลุกยืนเอง"
ไม่พูดเปล่ามุมปากบนใบหน้าหล่อก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างมีชัยที่เหนือกว่า ชายหนุ่มก้มมองร่างบางที่ทำหน้างอง้ำตรงหน้า อย่างอารมณ์ดี อยากปากดีนักเขาก็จะแกล้งให้เข็ดไม่นำพาว่าคนที่นั่งหน่ามุ่ยจะเจ็บข้อเท้ามากเพียงใด
"ไปล่ะ..รีบๆตามมานะ..เดี๋ยวจะไม่ทันลงสนาม" จบบทสนทนาเขาก็เดินไปยังรถหรูคันโปรดสีดำ
"ถ้าจะมาเพราะเรื่องแค่นี้.นายก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าจะดีกว่า..ไอ้บ้า..แทนที่จะช่วยกันก่อน" คนดีตะโกนเสียงดังไล่หลังคนตัวโต เสียงดังมากทุกคนต่างหันมามองทั้งคู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แทนคุณได้ยินพลางหันมายักไหล่ ก่อนจะเปิดประตูรถหรูขับออกไปจากลานจอดรถทันทีอย่างไม่สนใจ
"โอ้ยยย!!!"
"อ้าว..คนดีนั่งทำไรตรงนั้น..ไหนว่ารีบ" พลางขำหน้าอีกคนที่นั่งไม่ขยับ แต่ปากกลับพ่นด่าไล่หลังรถหรูที่ลับตาไปนานแล้ว
"นั่งทำไรละ ฉันขาแพลง มาช่วยฉันเลย" คนดีหน้ามุ่ยค้อนเพื่อนวงใหญ่บินเดี่ยวเดินมาพยุงหญิงสาวไปนั่งใต้อาคาร แล้ววิ่งไปห้องพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลขอยา และถุงเย็นมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อลดบวมและอาการปวดเนื่องจากหญิงสาวไม่มีเวลาต้องรีบไปสนามแข่ง คิดไว้ว่าแข่งเสร็จแล้วจะไปให้ลุงม่อนตรวจ
"ไหวแน่นะ" คนดีก้มมองข้อเท้าของตัวเองถึงแม้จะยังคงรู้สึกขัดๆบ้างก็ตามที แต่ภายในใจกลับรู้สึกกังวลในการแข่งนัดสำคัญวันนี้
"อืม..เลทมากแล้ว ขอบใจมากนะบินเดี่ยว"
"อืมม " ชายหนุ่มมองตามร่างอรชรที่เดินเขยกเท้าออกไป คนดีเป็นผู้หญิงที่น่ารัก มีเสน่ห์ และเก่งทุกเรื่อง เขาเองเป็นเพื่อนสนิทยังอดที่จะชื่นชมเพื่อนตัวเองไม่ได้ จริงๆเขาเคยแอบชอบแต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางเอาชนะใจหญิงสาวได้ เหมือนว่าเธอมีใครในหัวใจอยู่แล้ว
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เพราะเด็กหนุ่มที่เขาช่วยไว้ในคืนนั้นได้สูญเสียความทรงจำหมอหนุ่มจำต้องรับไว้ดูแลความใกล้ชิดทำให้หัวใจแกร่งของเขาหวั่นไหวจนเกิดเป็นความรัก แต่เมื่อความทรงจำกลับคืนมา เจ้านายกลับจำเรื่องราวของเขาไม่ได้
"หนาว" ฉันเริ่มหนาวไปทั้งตัว แต่ข้างในก็ยังคงร้อนรุ่มจนอยากที่จะปลดปล่อยออกมา "อดทนไว้ ให้มันลดความร้อนรุ่มในกาย" เจ้าคุณเอ่ยบอกเสียงต่ำ คงเห็นว่าฉันสั่นสะท้านจนเขาเองแอบสงสาร “ไอ้เชี้ยชาร์ค” ฉันคำรามออกมา นึกโกรธตัวเองทีเสียทีหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้น แต่ยังดีที่ไม่ได้เสียความสาวให้กับมัน “มันเป็นใคร” เจ้าคุณมองฉันอย่างคาดคั้น แต่ฉันไม่บอกหรอกยังมีหลายอย่างที่ฉันยังปิดบังเขา ฉันยังคงประท้วงให้เขาปล่อยโดยการเตะ ถีบ ต่อย เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของคนตัวโต ยิ่งดิ้นแรงผ้าขนหนูที่พันอกไว้ก็ยิ่งหมิ่นแหม่ พอขยับเคลื่อนไหวแรงๆและถูกน้ำจากฝักบัวยิ่งพาลจะหลุดกองลงพื้น "ไม่ตอบใช่ไหม” เจ้าคุณเริ่มหงุดหงิดเมื่อฉันไม่ยอมตอบ แต่พอผ้าขนหนูหลุดไปกองลงพื้นการสนทนาของเราทั้งคู่ก็ตัดบทจบทันที (⊙_⊙;) "มึงอย่าท้ากูนะ..ลูกศร" ยิ่งเธอท้าทาย ยิ่งทำให้ผมอยากลอง!
หลังจากแต่งงานมาสามปี ฮั่วเป่ยอวี๋ไม่เพียงแต่เย็นชากับเสิ่นเจียงหนานเท่านั้น แต่ยังคบชู้ ทำให้เสิ่นเจียงหนานผิดหวังมาก เขาก็แค่ชายเจ้าชู้นี่เอง หลังจากหย่ากันอย่างเด็ดขาด เธอก็มุ่งหน้าไปทำงาน ในฐานะนักออกแบบชั้นนำ แพทย์ผู้อัศจรรย์ และแฮ็กเกอร์เก่งๆ เธอเชี่ยวชาญหลายๆ ด้านและกลายเป็นเจ้าหญิงที่ทุกคนชื่นชมและเป็นที่ต้องการ ในที่สุด ฮั่วเป่ยอวี๋ก็ตระหนักถึงสิ่งที่เขาสูญเสียไปและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะใจเธอ แต่เขากลับเห็นเธอจัดงานแต่งงานแห่งศตวรรษร่วมกับชายอีกคน เมื่องานแต่งงานของคนสองคนถูกถ่ายทอดสดบนป้ายโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในโลก-- เผ๋ยเหยียนหลี่สวมแหวนให้เธอ และประกาศให้โลกได้รับรู้อย่างท่วมท้น "เสิ่นเจียงหนานเป็นภรรยาของผมและเธอเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผม ใครกล้ามาแตะต้อง ต้องเจดีแน่!"
มิ้นท์ รามิล "พี่มิ้นท์ของขนมพาย" ใจที่แข็งดั่งหินผาสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความน่ารักไร้เดียงสาของเธอ "ขนมพาย" "รักฉันเท่าที่เธออยากจะรัก" ขนมพาย พิมพ์ชนก "ขนมพายของพี่มิ้นท์" เพราะความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาทำให้เธอเดินหลงเข้าไปติดกับดักรักของเขาโดยไม่รู้ตัว "รักเธอไปหมดแล้วทั้งใจ"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"