"มึงเป็นขี้ข้า มีหน้าที่ทำตามคำสั่ง"
"มึงเป็นขี้ข้า มีหน้าที่ทำตามคำสั่ง"
ตอนที่ 1 เมฆ
ภายในผับกลางกรุงกลางดึก แสง สี เสียงเพลงของวงดนตรีสดกำลังเล่นจังหวะสนุกสนาน นักเที่ยวกลางคืนต่างออกมาโยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างสุดเหวี่ยง บ้างก็วาดลวดลายไม่เกรงเท้าใคร บ้างก็นัวเนียล้วงกันภายในร่มผ้าอย่างลืมอายตามแต่ใจชอบ เพราะในเวลานี้ต่างคนก็สนุกสนานไม่มีใครสนใจว่าใครจะทำอะไร
เมฆหรือเมฆา อายุ 27 ปี เจ้าของธุรกิจนำเข้ารถหรูและมีสนามแข่งรถระดับประเทศอีกสองแห่ง รวมทั้งสถานบันเทิงอีกนับไม่ถ้วนที่เขาปล่อยให้ลูกน้องดูแล กำลังเดินเข้ามากลางฝูงชนที่ต่างก็ต้องหลีกทางให้เขา ด้วยเพราะความมีอิทธิพลที่ใครต่างก็รูว่าเฮียเมฆดุแค่ไหน หน้าตาหล่อเหลา และหุ่นสูงกำยำกราวใจสาวแก่แม่หม้ายนั่นอีก เมฆต่างก็เป็นที่หมายปองของบรรดาสาวสวยและหนุ่มหล่ออีกมากที่อยากจะลิ้มลองรสรักสักครั้ง เพราะคำร่ำลือที่ใครต่างก็กล่าวขานว่าเขาดุและเก่งแค่ไหนแต่ยังไม่เคยมีใครได้หัวใจผู้ชายคนนี้ไปครองเลยสักคน
เมฆเดินเข้ามาพร้อมบอดี้การ์ดร่างโตอีกนับสิบ แต่มีเพียงคนสนิทที่ชื่อชิน หรือชินวุฒิเท่านั้นที่จะได้เข้ามานั่งหรือยืนอยู่ข้างเฮียเมฆเสมอ จนใครๆก็รู้ว่าชินเป็นเด็กโปรดของเฮีย เห็นเมฆที่ไหนก็จะต้องมีชินที่นั่น บางครั้งไม่เว้นแม้กระทั่งยามออกรบกับข้าศึกบนเตียง
"เฮียเมฆ ทางนี้ครับที่ของเฮียผมเตรียมไว้แล้ว"
เบลเจ้าของคลับรีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับแขกสำคัญ ผู้มีพระคุณคนหนึ่งที่ทำให้เขามีวันนี้ ทุกๆวันศุกร์เมฆจะออกมาที่เบลคลับ เพื่อออกมาเปิดหูเปิดตาและผ่อนคลายให้กับตัวเอง
"คนเยอะดีนี่ กิจการรุ่งเรืองละสิ" เจ้าของใบหน้าเฉี่ยว รูปหล่อคมสัน รูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงอย่างคนออกกำลังกายอยู่เสมอเอ่ยถามเจ้าของคลับ
"เรื่อยๆครับแต่ที่มีวันนี้ได้ก็เพราะเฮียเมตตา ผมขอบคุณเฮียมากจริงๆ"
"ไม่ต้องมาขอบคุณกู ถ้าผับไม่ดีจริง ลูกค้าก็คงไม่ติด" เมฆพูดเสียงเรียบสายตาคมกวาดมองแขกตามโต๊ะต่างๆ ทุกคนส่วนใหญ่ต่างก็ค่อมศีรษะให้เพราะรู้ว่าเขาเป็นใคร
"สบายดีไหมชิน ดูหล่อขึ้นเป็นกองเลยนะมึง"
"สบายดีครับเฮีย ขอบคุณครับ" คนอายุน้อยกว่าโค้งศีรษะขอบคุณเจ้านายเก่าเบาๆ
เจ้าของร้านมองเด็กหนุ่มที่เคยทำงานที่คลับแห่งนี้ ชินอายุเพียงแค่ 21 ปีเท่านั้น เด็กหนุ่มคนนี้มีนิสัยถ่อมตน เป็นคนไม่ค่อยพูด ดูท่าทางนิ่งๆ แต่เป็นคนที่หนักเอาเบาสู้ทำงานทุกอย่างขอแค่ให้ได้เงินไปจุนเจือครอบครัว ชินหรือชินวุฒิเป็นคนหนุ่มที่ทำงานเก่งและฉลาดทันคน ชินเคยเข้าไปพัวพันกับแก๊งเงินกู้นอกระบบแต่เกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่ดีที่เมฆมาเห็นเหตุการณ์และช่วยไว้อย่างไม่ตั้งใจ สุดท้ายเลยได้เอาไปทำงานด้วยเพราะตนขอร้องไม่อยากให้ชินต้องเจอกับแก๊งพวกนั้นอีก พอพวกมันรู้ว่าชินทำงานกับเมฆก็จะรามือไม่กล้ามาทำอะไรเพราะเกรงกลัวอิทธิพลของเมฆเช่นเดียวกัน
เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านในคลับที่มีนักศึกษาสองโต๊ะที่กั้นกลางแค่ช่วงทางเดินเท่านั้น สายตาคู่คมหันไปมองเจ้าของคลับ แต่เบลห้ามการ์ดของร้านเพราะรู้ว่าด้านในเป็นโต๊ะของใคร
"มีอะไร"
เสียงเข้มเอ่ยถามสายตาคมจ้องไปยังตัวต้นเหตุที่ยืนเท้าสะเอวโมโหใครสักคนที่นั่งหันหลังให้ดูไม่สนใจหรือกลัวเลยสักนิด ทั้งที่อีกคนยืนจ้องแทบจะกินหัวได้อยู่แล้ว
"อ่อ แขกประจำของที่ร้าน ผมรู้จักมันดีชื่ออคิณ วนารมย์ เป็นนักแข่งรถด้วย ผมว่าเฮียก็น่าจะคุ้นชื่อ คนนี้มันร้ายไม่ใช่เล่นเอาหมดทุกอย่าง อีกกลุ่มเจ้าปัญหาก็เด็กของมันเอง คงหึงหวงกันตามประสาวัยรุ่น"
"ใช่เด็กที่เราเจอเมื่อวันก่อนหรือเปล่า" ชินที่ยืนประกบเจ้านายอยู่ทางด้านหลังได้ยินเจ้านายเปรยขึ้นก็หันไปตามเสียงที่โวยวาย ก่อนจะพยักหน้า
"ใช่ครับพี่...ไอ้คนที่ชักปืนขู่เรา"
"ไอ้นี่มันหน่วยก้านดี แต่กูชอบเด็กของมันมากกว่า"
ไม่พูดเปล่าแต่ท่าทางของเฮียที่มองเจ้าของใบหน้าหวานรูปร่างสูงโปร่ง ปากแดง แต่ทำหน้าหงิกงอนั่งอยู่โดยไม่สนใจคนที่ยืนโวยวายหน้าดำหน้าแดง ดูน่าสนใจ แต่ก็อย่างว่าเขาไม่ชอบเป็นมือที่สามโดยเฉพาะกับเด็กหนุ่มที่ชื่ออคิณ
"คนนี้ขอเถอะนะครับ มันหวงของมันมากแต่ดูท่าจะยังไม่รู้ตัว ว่าแต่วันนี้มีเด็กใหม่ไซด์ไลน์สวยๆจัดมาไว้ให้เฮียด้วย ยังไงเฮียเรียกผมนะครับ ผมขอตัวออกไปดูลูกค้าฝั่งโน้นก่อน”
เมฆพยักหน้าก่อนจะหันไปมองผู้หญิงสวยโต๊ะข้างๆที่มีแต่สาวสวยหมวยอึ่มกำลังชูแก้วให้เขาอย่างเชิญชวน เขาเพียงพยักหน้ายิ้มให้เล็กน้อยก่อน กระดกวิสกี้ขึ้นรวดเดียวหมดแก้ว เพียงแค่นี้พวกเจ้าหล่อนก็กระดี๊กระด๊าดีอกดีใจกันยกใหญ่ คิดว่าพียงไม่นานสาวๆเหล่านั้น ไม่คนใดก็คนหนึ่งจะต้องได้มาขึ้นเตียงกับเขาในคืนนี้แน่
"มานานหรือยังวะ"
เบสและริวเพื่อนสนิทที่เขามักจะไปไหนมาไหนด้วยเสมอยิ้มร่าเข้ามา ทั้งคู่หน้าตาหล่อเหลา คมคายไม่ต่างกัน แต่หุ่นไม่ล่ำเท่ากับเมฆ ก่อนจะหันไปตบบ่าชินคนสนิทของเพื่อนอย่างแรงเป็นเชิงทักทาย
ชินที่มีรูปร่างสูงโปร่งแต่ไม่หนาเท่าสามหนุ่ม เขาไม่ทันระวังตัวตกใจเซเกือบจนโต๊ะข้างๆ แต่ดีที่มือหนาคว้าเอวบางเกี่ยวไว้ได้ทันไม่เช่นนั้นได้กองไปนอนกับพื้นอย่างแน่นอน
"ระวังหน่อยสิวะ ซุ่มซ่ามชะมัด!!" สายตาต่อว่าเมื่อเห็นว่าคนของตนมัวแต่เหม่อมองไปบนเวทีไม่สนใจแก้วเหล้าที่ตัวเองยื่นให้สักนิด
"มึงจะสนใจเวทีหรือจะชงเหล้าให้กู ถ้าไม่ชงกูจะได้เรียกเด็กมา รำคาญ!!"
น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดไม่พอใจเมื่อลูกน้องคนสนิทไม่สนใจที่จะทำหน้าที่ เพราะมัวแต่มองตรงไปยังเวที ประเมินจากหางตาแล้วมีสาวสวยหลายโต๊ะออกอาการอ่อยมายังคนของเขาอยู่ไม่น้อย ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตาไปหมด
"ผมทำเอง ทำไมพี่เมฆต้องโกรธด้วยละครับ" ชินถามเจ้านายที่นั่งหน้าเครียดอย่างไม่เข้าใจ
"ใครโกรธกูแค่รำคาญ!!" อีกฝ่ายลงเสียงหนักแต่ก็ยื่นแก้วให้อยู่ดี
"แก้วของกูกับไอ้ริวด้วย ออนเดอะร็อคนะโว้ย" เบสกับริวก็ยื่นแก้วไปตรงหน้าชินเช่นกัน ก่อนสายตาคมดุจะเหลือบมองไม่พอใจ
"อยากแดกก็ไปชงกินเองหรือไม่ก็เรียกเด็กในร้านมาชงให้"
"กูอยากให้มือขวาคนสนิทหน้าตาดีอย่างไอ้ชินชงเหล้าให้กูบ้าง อยากรู้ว่ามันจะหวานเหมือนหน้าตามันหรือเปล่า มึงว่าเหมือนกูไหมไอ้เบส" ริวแซวเพื่อนสนิทที่หวงแม้กระทั่งลูกน้อง ก่อนจะหันไปขอความเห็นจากเบส
"เอ่อ มึงจะหวงลูกน้องอะไรนักหนา กูขอใช้บริการแค่นี้ ทำไมมึงต้องดุด้วยวะ" เบสเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
"เอ่อ นั่นสิ กูก็อยากรู้"
"นี่มันลูกน้องของกู พวกมึงจะแดกไหมเหล้าถ้าไม่แดกกูจะได้กลับ" เมฆเริ่มโมโหกระแทกแก้ววางบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง เขาไม่ชอบให้ใครมาใช้คนของเขา กับเพื่อนสนิทก็ไม่มีข้อยกเว้น มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะออกคำสั่งกับมันได้
"ส่วนมึง มีหน้าที่แค่เสิร์ฟเหล้ากูคนเดียว แล้วอย่าเสือกไปเสิร์ฟให้คนอื่นล่ะถ้ากูรู้ มึงเจ็บแน่"
น้ำเสียงดุและสายตาขมขู่ลูกน้องคนสนิท ทำให้ชินและเพื่อนๆของเขาเงียบไปทันที ไม่รู้ว่าอีกคนกำลังโมโหอะไรดูหงุดหงิดไปเสียหมด
"พวกพี่ทำให้ผมเดือดร้อนแล้วนะครับ" ชินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขบขันไม่ได้กลัวคำขู่ของเจ้านายเลยสักนิด
"เออ...กูเรียกเด็กของร้านก็ได้วะ ทำไมมึงต้องหงุดหงิดด้วยเนี่ย"
หลังจากนั่นเด็กสาวสวยหน้าตาดีสองคนก็มานั่งลงข้างๆเบสกับริวและบริการอย่างรู้หน้าที่ แต่สายตากลับชม้ายชายตามาให้คนร่างหนาเป็นระยะๆ แต่เมฆไม่สนใจ
"เดี๋ยวหนูชงให้เฮียเองนะคะ" หญิงสาวสวยใส่เสื้อเกาะอกที่ปิดแทบไม่มิดกับกระโปรงสั้นรัดรูด เอื้อมมาจะหยิบแก้วเหล้าของเมฆไปชงเหล้ามาให้ ตั้งใจจะอ่อยเต็มที่เพราะก้มลงมาแต่ละทีแทบจะทะลักออกมานอกอก เมฆแค่เหลือบตามองผ่านๆก่อนจะเอ่ยเสียงห้วน
"ไม่ต้อง!! แก้วนี้มีคนชงให้ฉันอยู่แล้ว เธอมีหน้าที่บริการเพื่อนของฉันก็ทำไปหรือจะไม่ทำแล้ว!!"
"แหม่..เฮียหนูก็แค่อยากจะชงให้เฮีย บริการเฮียบ้างเผื่อเฮียชอบรสชาติของหนู"
คำพูดสองแง่สามง่ามของเธอทำไมเขาจะไม่เข้าใจว่าหญิงสาวตรงหน้ากำลังต้องการอะไร ไม่ใช่แค่เขาที่เธอกำลังทอดสะพานให้แต่สายตาคู่สวยยังเหลือบขึ้นมองคนข้างหลังเขาอีกด้วย
"ฉันจะกินเฉพาะคนที่ฉันเลือกเท่านั้น หวังว่าจะเข้าใจ" สายตาเย็นชาจ้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ก่อนจะเอ่ยเรียกคนข้างหลัง
" ไอ้ชิน มึงไปเลือกผู้หญิงให้กูได้แล้ว"
"ได้ครับ"
"แล้วมึงก็รออยู่หน้าห้องเลยไม่ต้องไปไหน เดี๋ยวกูตามไป"
"ครับ"
ชินก้าวยาวขึ้นไปหาเจ้าของร้านที่รออยู่ด้านบน เพื่อเลือกผู้หญิงคืนนี้ให้กับนายด้วยตัวเอง เพราะเขารู้ดีว่าเมฆชอบผู้หญิงแบบไหน และทุกครั้งก็เลือกก็ถูกใจอีกคนได้เป็นอย่างดี แต่ถึงแม้ชินจะเลือกใครให้ เมฆก็ไม่บ่นหรือว่าลูกน้อง เพราะเขามอบหมายหน้าที่นี้ให้แล้ว ถ้าชินว่าดี เขาก็ไม่เกี่ยง
"ไอ้เชี้ยเมฆ ขนาดผู้หญิงที่มึงจะนอนด้วยเนี่ย มึงยังต้องให้มันเลือกให้อีกหรือไงวะ"
"อืม"
เมฆมองตามร่างสูงโปร่งที่เดินก้าวขึ้นบันไดไปชั้นบนด้วยท่าทางนิ่งเรียบ สายตาที่มองตามไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ แทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงที่เขากับชินต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกัน จนเป็นภาพชินตาของใครต่อใครหลายคน ชินเป็นคนเรียนรู้เร็ว รู้ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จนกลายเป็นคนรู้ใจและทำให้เขาทุกอย่างโดยไม่ต้องบอกซ้ำ
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใคร เพราะว่ามีคนในหัวใจอยู่แล้ว แม่มดตัวร้ายเข้า มาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจเขาตั้งแต่เด็ก แล้วจะให้เขามองหาหญิงอื่นอีกทำไม เมื่อคนที่อยู่ในหัวใจกำลังหลงเข้ามาในอาณาจักรของเขา เพราะตั้งแต่โตมาจนป่านนี้แทนคุณยังไม่เคยเห็นว่าจะมีผู้ชายคนไหนเข้ามาเป็นเจ้าของหัวใจยัยแม่มดน้อยได้เลย เขาเองก็อยากจะลองดูสักครั้ง หากมีโอกาส สุดท้ายใครจะชนะเกมนี้ มารอลุ้นกัน
เพราะเด็กหนุ่มที่เขาช่วยไว้ในคืนนั้นได้สูญเสียความทรงจำหมอหนุ่มจำต้องรับไว้ดูแลความใกล้ชิดทำให้หัวใจแกร่งของเขาหวั่นไหวจนเกิดเป็นความรัก แต่เมื่อความทรงจำกลับคืนมา เจ้านายกลับจำเรื่องราวของเขาไม่ได้
"หนาว" ฉันเริ่มหนาวไปทั้งตัว แต่ข้างในก็ยังคงร้อนรุ่มจนอยากที่จะปลดปล่อยออกมา "อดทนไว้ ให้มันลดความร้อนรุ่มในกาย" เจ้าคุณเอ่ยบอกเสียงต่ำ คงเห็นว่าฉันสั่นสะท้านจนเขาเองแอบสงสาร “ไอ้เชี้ยชาร์ค” ฉันคำรามออกมา นึกโกรธตัวเองทีเสียทีหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้น แต่ยังดีที่ไม่ได้เสียความสาวให้กับมัน “มันเป็นใคร” เจ้าคุณมองฉันอย่างคาดคั้น แต่ฉันไม่บอกหรอกยังมีหลายอย่างที่ฉันยังปิดบังเขา ฉันยังคงประท้วงให้เขาปล่อยโดยการเตะ ถีบ ต่อย เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของคนตัวโต ยิ่งดิ้นแรงผ้าขนหนูที่พันอกไว้ก็ยิ่งหมิ่นแหม่ พอขยับเคลื่อนไหวแรงๆและถูกน้ำจากฝักบัวยิ่งพาลจะหลุดกองลงพื้น "ไม่ตอบใช่ไหม” เจ้าคุณเริ่มหงุดหงิดเมื่อฉันไม่ยอมตอบ แต่พอผ้าขนหนูหลุดไปกองลงพื้นการสนทนาของเราทั้งคู่ก็ตัดบทจบทันที (⊙_⊙;) "มึงอย่าท้ากูนะ..ลูกศร" ยิ่งเธอท้าทาย ยิ่งทำให้ผมอยากลอง!
ชาติที่แล้วของไห่เฉิงเขาเป็นประมุขมารที่ไม่สมหวังในความรัก มาแสนภพแสนชาติ และภพชาติที่หนึ่งแสนของเขา มีเหตุให้ต้องทำลายดวงจิตมารของตนเอง และเหลือเสี้ยวดวงจิตเอาไว้เพียงน้อยนิด ดวงจิตที่เหลืออยู่เขาอ้อนวอนขอต่อมหาเทพขอให้เขาได้เกิดเป็นมนุษธรรมดา ที่สมหวังในความรักม่ีครอบครัวที่อบอุ่น และไม่ขอจดจำอดีตชาติของตัวเองอีกต่อไป เขาขอเริ่มต้นใหม่ในดินแดนมนุษย์และไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ครั้งกี่ภพกี่ชาติ ขอให้เขาได้สมหวังในความรักทุกภพทุกชาติไป
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
เพื่อชดใช้หนี้ให้แก่เขา เธอต้องจำยอมเป็นเจ้าสาวของเขา เขาผู้ที่ทุกคนขนานนามว่าเป็นเสมือนปีศาจ เขามีอำนาจที่ทำให้ทุกคนยอมสยบแทบเท้า เธอรู้สึกท้อแท้ และสิ้นหวัง เขาโหดเหี้ยม และไร้ความเมตตา แต่แล้วความอ่อนหวานของเธอ ก็ทำให้เขาต้องจำนนต่อความลุ่มหลงที่ไม่อาจห้ามใจได้ ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว เขาก็ไม่สามารถถอนตัวออกจากเธอได้เสียเเล้ว ความปรารถนาอันแรงกล้า ก่อให้เกิดเรื่องราววุ่นๆ ของพวกเขา แล้วความรักแบบมีเงื่อนไขนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร
ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด