ของฝากจากชายแปลกหน้า คือสิ่งล้ำค่าที่เอมิการักสุดหัวใจ เพราะ 'อกหัก' เอมิกาเลยคิดจะปลิดชีวิตตัวเอง เธอเอาลมหายใจเฮือกสุดท้ายไปทิ้งทะเล แต่...มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เธอไม่ตาย!! เมื่อลืมตาตื่น เธอได้พบเทพบุตร มีความทรงจำแสนหวานกับผู้ชายที่เพอร์เฟคสุดๆ มันเป็น 'ความสัมพันธ์ บนข้อตกลง' เธอไม่ได้หวังให้หนุ่มรูปงามรับผิดชอบ แค่อยากประชดชีวิต แต่...เธอดันหลงรัก ผู้ชายคนนั้นเสียนี่ซิ เมื่อถึงเวลาต้องลาจาก...เอมิกาได้แต่ภาวนาให้เขาเหลือบางสิ่งไว้กับเธอ คำชวนของเขา เธอปฏิเสธ เธอรู้ดีว่าตนเอง ไม่เหมาะสมกับเขา เธอขอแค่สิ่งเล็กๆ ไว้แทนใจ และเอมิกาก็สมหวัง 3เดือนต่อมาเธอท้อง!! คุณแม่ลูกหนึ่งไร้สามี ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป เธอมีความสุขที่มีลูก ในบางครั้งก็แอบฝันถึงคนไกลคนนั้น สวรรค์ไม่ได้ทอดทิ้งเธอ...คนที่เธอรัก ย้อนกลับมา เพราะเขาเองก็ลืมเธอไม่ได้ นิยายหมดสัญญานะคะ...เนื้อเรื่องเดิม เพิ่มเติมคือเกลาภาษาใหม่...
บทนำ
ราฟาเอล ฟาเบียโน่ มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของธุรกิจส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งวัย 33ปีนึกเบื่องานที่ทำประจำอยู่ทุกวัน เขาอยากมีเวลามาพักผ่อนเงียบๆ โดยไร้ผู้ติดตามสักครั้ง เขาจึงหนีงานที่ยุ่งเหยิงมาพักผ่อนยังประเทศไทย โดยการแนะนำของเพื่อนๆ ร่วมก๊วนเดียว 4หนุ่มที่สนิทสนมกันมานาน คาลอส ดอจิโน่ กัมปนาท จุดหมายปลายทางอยู่ที่ทะเลทางใต้ของประเทศไทย จังหวัดกระบี่ เกาะลันตาจึงเป็นที่ ที่4 หนุ่มเลือก น้ำสีฟ้าใสแสนสวยโดยราฟาเอลตั้งใจจะใช้วันหยุดให้คุ้มค่าโดยการนอนแล้วก็นอน
สถานที่พักผ่อนที่กัมปนาทหาให้อยู่ห่างไกลผู้คน จนทำให้วันแรกๆ ที่เดินทางมาถึง ราฟาเอลจึงได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม อย่างที่ไม่เคยสักครั้งที่จะได้พักร่างกายอย่างนี้มาก่อน เขาทำงานหนักพอๆ กับหุ่นยนต์ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสพัก เขาจึงอยากกอบโกยเวลาช่วงนี้ไว้ให้เต็มที่
วันหยุดแสนสบายผ่านไปอย่างสงบ จนวันหนึ่งสิ่งที่ราฟาเอลไม่คาดไว้ก็เกิดขึ้น เขาออกมาเดินเล่นเหมือนทุกวัน แต่วันนี้กลับมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสียนี่... เขากลายเป็นฮีโร่ เมื่อดันยื่นมือไปช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่งเข้า หล่อนจงใจฆ่าตัวตาย!! โดยการเดินลงทะเลเพื่อให้จมน้ำตาย
มันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่พาตัวเองเข้าไปพัวพันกับสาวเจ้าปัญหาคนนั้น!! ราฟาเอลคิดปลงๆ เมื่อสาวน้อยฟื้นขึ้นมาหลังจากหมดสติ ดวงตาหวานแฝงประกายหวั่นวิตกเมื่อฟื้นขึ้นมากลางเตียงกว้างโดยปราศจากเสื้อผ้าห่อหุ้มกาย พร้อมกับเสียงกรีดร้องโวยวายดังขึ้นทันทีที่เจ้าหล่อนฟื้นคืนสติ
เอมิกา กรชวัลฟื้นขึ้นมาหลังจากสิ้นสติจากการจมน้ำที่ตัวเองหวังใช้ปลิดชีพ เพื่อประชดแฟนหนุ่มที่สลัดเธอทิ้ง แฟนของเธอหนีไปแต่งงานกับไฮโซสาว ทั้งที่ตกลงกันเป็นหมั้นเป็นเหมาะว่าจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หญิงสาวเลยรู้สึกเคว้ง!! ทั้งชีวิตเอมิกามีเพียงกรณ์ที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งแฟน เอมิกาไม่มีพ่อ แม่มีเพียงกรณ์ที่เป็นเพื่อนข้างบ้านเท่านั้น บุพกาลีของเอมิกาจากไปตั้งแต่เธอยังอยู่มัธยมต้นด้วยอุบัติเหตุ เอมิกาจึงอยู่ภายใต้การดูแลของป้าเพชรลดามาตั้งแต่ตอนนั้น ป้าเลี้ยงดูให้เอมิกาอยู่ในกรอบดีงาม จนทำให้กรณ์นึกขัดใจทุกครั้งที่พยายามขอมีความสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาวกับหล่อน เธอมักจะบอกปัดทุกครั้ง อ้างด้วยเรื่องรักนวลสงวนตัวเมื่อเธอถูกปลูกฝังมาแบบนั้นตั้งแต่วัยเยาว์ กรณ์เป็นหนุ่มที่หน้าตาดี แต่เขามีทะเยอทะยานสูง!! เพราะความยากไร้ของตัวเองกดดันให้กรณ์ใฝ่สูง แต่ก็ยังเสียดายความสาวของเอมิกา เขาจึงยังพยายามยื้อเธอไว้ จนกระทั่งทั้งสองคนเรียนจบ กรณ์ได้งานที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งธนาคารแห่งนั้นมีพรรณรายเป็นรองผู้อำนวยการ กรณ์พยายามตีสนิทกับกับพรรณรายทุกทาง จนหล่อนหลงรักกรณ์เข้าจนได้ วัยที่ห่างกันเพียง5ปีไม่ใช่อุปสรรคที่มากั้นขว้างความรักของสาวใหญ่กับหนุ่มละอ่อนได้ ทั้งสองคนจึงตกลงแต่งงานกัน ทิ้งให้เอมิกาจมอยู่กับน้ำตา เมื่อกรณ์นำการ์ดแต่งงานมามอบให้ในวันหนึ่งพร้อมทั้งคำขอโทษที่ไม่สามารถทำตามสัญญากับหล่อนได้ เพราะความเศร้ารุมเร้า เอมิกาจึงอยากหาที่พักใจสักพัก เธอขอป้าไปพักชายทะเล และท่านก็อนุญาต เมื่อเห็นใจความทุกข์ในใจของหลานสาว โดยไม่รู้ว่าเอมิกาตัดสินใจจบชีวิตลงที่แห่งนั้น เอมิกานอนคร่ำครวญถึงกรณ์และตกลงฆ่าตัวตายในวันที่กรณ์แต่งงาน เธอแอบหวังให้เขาสำนึก และเสียใจที่ทำให้เธอต้องตาย
เอมิกาเดินลงทะเลด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง...น้ำตาไหลนองหน้า ร่างเล็กๆ จมลงไปในสายน้ำอันมืดมิด หลับตาลงยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจำยอม รู้สึกแสบร้อนในโพลงจมูก เมื่อน้ำทะเลเค้มไหลทะลักลงสู่ลำคอจนสำลัก ร่างน้อยทิ้งตัวลงในสายน้ำอันเย็นเฉียบก่อนที่สติจะดับวูบไป เธอรับรู้ถึงการกระชากอย่างรุนแรง แต่สติที่มีดับวูบไปก่อน ก่อนที่จะรับรู้การปรากฏตัวของราฟาเอล
ราฟาเอลหัวเสียเป็นอย่างมากเมื่อช่วยสาวน้อยขึ้นมาจากน้ำได้สำเร็จ ร่างบางอ่อนปวกเปียกและไร้สติ จนเขาไม่รู้ว่าจะพาหล่อนไปไว้ที่ไหน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจนำเอมิกาไปไว้ที่บ้านพักตัวเอง หลังสำรวจคร่าวๆ สาวน้อยที่นอนหมดสติไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง หล่อนลมหายใจเป็นปกติ หลังจากที่ทำให้เอมิกาคายน้ำที่สำลักเข้าไปออกมาจนหมด เขาจึงจับเอมิกานอนบนเตียงกว้างภายในห้อง ลงมือถอดเสื้อผ้าออกจากร่างบางตรงหน้าด้วยความหวังดี เมื่อหล่อนมีอาการหนาวสั่น
นั่นเป็นการตัดสินใจผิดอย่างใหญ่หลวงที่สุดสำหรับราฟาเอล!! เมื่อลอกคราบหล่อนจนหมดตัว เอมิกานอนเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้า ความเย้ายวนของหล่อนทำให้ราฟาเอลอึ้ง!! ผู้หญิงตรงหน้ามีทุกอย่างๆ ที่ผู้หญิงควรมี จนราฟาเอลต้องกลืนน้ำลายลงคืออย่างฝืดเฝื่อน สายตาวนเวียนอยู่ที่อกอิ่มขาวนวลอย่างห้ามไม่อยู่ ปลายยอดอกสีระเรื่อหดเกร็งยามถูกความเย็น เขาละสายตาไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว ยอมเสียมารยาทถึงขั้นสำรวจหล่อนยามหลับใหล สายตาคมวาวมองละเรื่อยตลอดเรือนกายบอบบาง เอวเล็กคอดกิ่ว แต่สะโพกกลับผายกว้าง เรียวขายาวงามจนร่างกายของตัวเองประท้วงเพราะความเย้ายวนของหล่อนแท้ๆ ชายหนุ่มตัดใจตวัดผ้าห่มปกปิดร่างอวบอิ่มไว้อย่างแสนเสียดาย
ราฟาเอลตัดสินใจหันหลังให้กับความอวบอิ่ม เขาเดินกระแทกส้นเท้าเข้าไปอาบน้ำ เพื่อชำระคราบทรายที่เปรอะเปื้อนออกจากร่างกาย แล้วจึงออกมานั่งมองเอมิกาเงียบๆ สาวน้อยฟื้นขึ้นมาหลังจากหลับไปนาน เธอทะลึ่งลุกขึ้นนั่งอย่างไม่รู้ว่าตัวเองโป้เปลือย ปล่อยให้คนที่นั่งรอยลโฉมไปเห็นเต็มๆ ตา อกอิ่มสั่นระรัวยามสาวเจ้าขยับกาย เรียกความร้อนของร่างกายราฟาเอลให้ไหลไปรวมอยู่ที่จุดๆ เดียว จนต้องกัดฟันข่มกลั้นเอาไว้ภายในใจ เขาจินตนาการถึงความเร่าร้อน นึกอยากจะฝังกายลงบนร่างบางเย้ายวน ตักตวงความหวานฉ่ำ เสียให้สาสมใจจนหมดเรี่ยวหมดแรงเลยทีเดียว
เอมิกาเหลียวมอง เมื่อได้ยินเสียงผิดปกติ เธอรีบตะครุบผ้าห่มขึ้นปิดบังร่างกายจากสายตาร้อนแรงคู่นั้น แค่ราฟาเอลกวาดตาไปทั่วร่างกายตนเอง เธอก็รู้สึกเร่าร้อนอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้ชายคนไหนมาก่อน
เมื่อราฟาเอลเรียกร้องและทวงบุญคุณที่ได้ช่วยชีวิตของเธอขึ้นมาจากสายน้ำด้วยความสาวของเธอเอง เอมิกาซึ่งอยากจะประชดแฟนหนุ่มเป็นทุนเดิม จึงตกลงอย่างไม่ลังเล ความสัมพันธ์เร่าร้อนท่ามกลางธรรมชาติสวยงาม ราฟาเอลสอนให้เอมิการู้จักกับความเร้นลับระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย จากสาวน้อยไร้เดียงสากลายเป็นสาวน้อยร้อนรัก จนราฟาเอลนึกอยากจะพาเอมิกากลับไปด้วย เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกัน
“ไปอยู่กับผมไหม? เมื่อที่นี่ไม่มีใครต้องการคุณ...ว่าไงเอมิ” เสียงทุ้มกระซิบถามหลังจากจบบทรักร้อนแรงไปหมาดๆ
“ไม่ค่ะ...” เอมิกาปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด
“ทำไมล่ะ...” ดวงตาสีฟ้ามองตรงมาและถามอย่างต้องการความกระจ่าง
“ไม่รู้สิคะ...แต่เอมิมั่นใจว่าเราคงไปกันไม่รอด เอมิขออยู่ที่นี่และเก็บคุณไว้ในนี้ดีกว่า” เอมิกาชี้นิ้วเข้าหาอกซ้ายของตัวเองและยิ้มให้ราฟาเอลอย่างอ่อนโยน
ราฟาเอลก้มลงจุมพิตเรียกร้อง เขาหวังให้เอมิกาเปลี่ยนใจ จนยินยอมตามไปอยู่ด้วยกันในตอนนี้ถึงจะยังไม่รู้ว่าจะวางเธอไว้ในตำแหน่งไหน...แต่บอกได้ตามตรง เขาไม่สามารถทิ้งเอมิกาไว้เพียงลำพังตอนนี้ได้ กายใหญ่โตสอดแทรกลงไปในที่อันควรและขยับกายอย่างร้อนแรงจนสาวน้อยครวญครางเสียงสั่นๆ อย่างออดอ้อน
เอมิกายกมือขึ้นโบกไปมาเมื่อร่างของราฟาเอลลับหายไปจากสายตา ภายในเขตของสายการบินที่ราฟาเอลใช้โดยสารกลับประเทศตัวเอง น้ำตาเม็ดเล็กๆ ไหลรินลงมาเรื่อยๆ ก่อนที่เอมิกาจะตัดใจหมุนตัวกลับไปพบกับความจริงที่รอคอย มือน้อยๆ ยกขึ้นลูบแผ่นท้องแบนเรียบที่ในตอนนี้อาจจะมีบางอย่างกำลังเจริญเติบโตอยู่ในครรภ์ ของเธอ ซึ่งน่าจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอกับราฟาเอลนั่นเอง หญิงสาวลือกที่จะไม่บอกความจริง ยามราฟาเอลลาจาก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ระหว่างเธอกับเขา เอมิกาหวังจะเก็บไว้ดูต่างหน้าเวลานึกถึงราฟาเอล
ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น