หากพรหมลิขิตทำให้เราพบกัน ได้โปรดทำให้ฉันรักเขาได้เต็มหัวใจ +++++ เพราะไม่แน่ใจในความเป็นชายของคู่หมั้น ‘ศิศิรา’ จึงต้องพิสูจน์ แต่นั่นกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสูญเสีย ‘ปรมะ’ นักเขียนและจิตรกรหนุ่ม ปลีกวิเวกมาหาโลเคชันเขียนนิยายอยู่ชายทะเล แต่โชคดีที่สวรรค์ส่งนางฟ้าแสนบริสุทธิ์ผุดผ่องมาให้ ทว่า ‘นางฟ้าคืนเดียว’ กลับจากไปก่อนรุ่งสาง ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นในใจ ปรมะต้องหาเธอให้พบ เบาะแสเดียวมีเพียงชื่อ ‘น้ำค้าง’
ดวงตาหวานจ้องจับหน้าประตูไม้สีขาวอย่างชั่งใจ แววหวานหวั่นไหวกับบางสิ่งบางอย่างที่ครุ่นคิดมาตลอดทั้งคืน ความกลัวที่จะทำมีมากก็จริงแต่ก็ไม่เท่าความใคร่รู้ที่ยิ่งเร่งเร้าให้เธอทำตามในสิ่งที่ตัดสินใจและวางแผนจนทำให้ร่างบางสมส่วนมาหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนี้
‘น้ำค้าง..แกต้องพิสูจน์ ถ้าแกอยากรู้ว่าที่พวกยายพัชรพูดกันมันจริงหรือเปล่า’
‘แต่..ฉันไม่กล้าหรอกดา อยู่ๆ แกจะให้ฉันไปทำอะไรอย่างนั้นได้ไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ’
‘ฉันก็ไม่ได้ให้แกไปปล้ำพี่เขาเสียหน่อย แค่ใส่จริตเล็กๆ น้อยๆ มีมารยาหน่อยๆ ให้พี่เขาให้ปึ๋งปั๋งบ้างน่ะ แกทำเป็นไหม ให้พี่เขาแสดงความเป็นแมนๆ ให้แกเห็นน่ะ แค่เขาตื่นตัวหรือจุ๊บๆ แกนิดหน่อยก็โอแล้ว แกต้องสัมผัสได้แน่ว่าเขาโอหรือไม่โอ.. OK!..’
‘จะทำอย่างนั้นได้ไงดา พี่ชัฎเขาจะหาว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนที่ เอ่อ..เอ่อ..ไปให้ท่าเขาน่ะ’
‘อ้าว! แล้วแกจะเอายังไง มีอย่างที่ไหนคบกันมา 4 ปีไม่เคยแม้แต่จะจับมือถือแขน เป็นคนอื่นน่ะเขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ไม่งั้นแกก็ถามพี่ชัฎเขาไปตรงๆ เลยว่า..เป็นหรือไม่เป็น ไอ้ที่สงสัยจะได้หายเสียที ฉันเป็นเพื่อนแกนะค้าง ฉันไม่อยากให้แกตัดสินใจผิดๆ นี่ยังไม่ได้แต่งงานกันก็ถือว่าดีไป แต่คุณหญิงแม่ของพี่แกเล่นลงข่าวว่าลูกชายเขาจะแต่งงานต้นปีหน้า โดยที่ไม่ถามแกสักคำ แล้วแกจะยังยอมเรอะ เป็นฉัน..ไม่อ่ะ ไม่รู้พี่นพยอมได้ไง พี่นพนะพี่นพ เฮ้อ!..’
กิริยาทอดถอนหายใจของนิดาทำให้ ‘น้ำค้าง หรือ ศิศิรา’ นั่งยิ้มแหยๆ อย่างไม่รู้ว่าจะพูดต่อได้ยังไงว่าคนที่ทำให้เธอต้องคิดหนักนั้นไม่ใช่ ‘ชัฎพงษ์’ ที่เป็นคนรัก แต่ทว่ากับเป็น ‘นพนิตย์’ ผู้เป็นพี่ชายของเธอต่างหากเล่า
คำพูดของนิดาเหมือนจะยังก้องอยู่ในสมอง ที่ตอนนี้เหมือนจะอื้อๆ ตึงๆ กับหลายความคิดที่ประเดประดังกันเข้ามา มือบางยกขึ้นหมายจะเคาะให้เสียง ก็เธอตัดสินใจแล้วนี่ อุตส่าห์ช่วยกันวางแผนจนได้อยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 ในบังกะโลริมทะเลหลังนี้ หาดส่วนตัวที่เงียบสงบไม่ได้มีผู้คนพลุกพล่าน หากพลาดพลั้งไปคงจะไม่มีใครคาบข่าวไปถึงหัวหนังสือได้
ประตูห้องด้านหน้าถูกเปิดออกก่อนที่เธอจะทันได้เคาะเรียกทำให้ใบหน้าสวยหวานต้องยิ้มเก้อๆ กับกิริยายกมือค้างของตัวเอง
“อ้าว! น้ำค้าง ว่าไงจ๊ะ หิวข้าวแล้วใช่ไหม มา..พี่จะพาไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกัน”
เจ้าของห้องที่เปิดประตูออกมาจัดได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง เรือนร่างสูงโปร่งออกจะผอมบางไปสักนิดแต่ด้วยมาดหนุ่มออฟฟิตจึงทำให้เขาดูดีไปอีกแบบหนึ่ง ผิวกายที่ขาวนวลอมชมพูกับริมฝีปากแดงระเรื่อที่เธออดจะสงสัยทุกครั้งไม่ได้ว่ามันเป็นสีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือเป็นสีที่เขาปรุงแต่งขึ้นมาให้ดูดียิ่งขึ้น แต่วันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้
“น้ำค้างจะมาชวนพี่ชัฎไปทานอาหารน่ะค่ะ แต่ไม่ต้องออกไปข้างนอก เพราะว่า..นางฟ้าเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพแล้วค่ะ”
“หือ..เหรอจ๊ะ เอ..แต่ว่านางฟ้าของพี่เตรียมอะไรไว้ให้พี่ทานบ้างล่ะ” ชัฎพงษ์พูดพลางเอียงหน้ายิ้มเก๋ ก่อนที่จะแทรกตัวออกมาจากประตู โดยที่ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายที่จะถูกร่างของศิศิราที่ยืนขวางอยู่เลยสักนิด
ศิศิราปรายตามองกิริยาของชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้น แววคลางแคลงใจบ่งบอก ‘นางฟ้า’ คำเรียกขานที่พี่ชายและคู่หมั้นหนุ่มมักจะใช้เรียกเธออยู่เสมอ เพราะว่านพนิตย์..พี่ชายเพียงคนเดียวของเธอ
นับจากพ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตเพราะเครื่องบินตกเมื่อหลายปีก่อนทำให้มีเพียงนพนิตย์คนเดียวเท่านั้นที่ดูแลเธอมาตลอด และนพนิตย์มักจะพูดเสมอว่าเธอเป็น ‘นางฟ้าน้อยๆ ที่พี่นพต้องดูแลปกป้อง’ ทำให้คู่หมั้นหนุ่มก็เลยเรียกเธอว่า ‘นางฟ้า’ ตามไปอีกคน แต่ในยามนี้ไม่มีใครสักคนที่จะรู้ว่า หัวใจของนางฟ้ามันบอบช้ำแค่ไหน ดวงตาหวานฉายแววเศร้าแต่เพียงครู่เดียวก็กลับเปลี่ยนเป็นแย้มยิ้มเหมือนเดิมอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่ชัฎคะ งั้นเราไปดินเนอร์กันเถอะค่ะ น้ำค้างขอฉลองความสำเร็จโปรเจคใหม่ของพี่ชัฎล่วงหน้าเลยละกัน”
ร่างบางก้าวประชิดตัว มือบางคล้องต้นแขนชายหนุ่มในลักษณะกึ่งชวนให้เดินไปข้างหน้า
“โอ๊ะ! จ้ะ น้ำค้างเดินไปก่อนเถอะนะ ขอให้องครักษ์พิทักษ์นางฟ้าเดินตามละกัน เดี๋ยวนางฟ้าของพี่หกล้มหกลุกไป พี่ชายนางฟ้าจะได้มาเอาพี่ตายกันพอดี” ชัฎพงษ์เบี่ยงตัวหลบอย่างสุภาพพร้อมผายมือไปด้านหน้า
“ค่ะ” ใบหน้างามยิ้มหวานอย่างเขินอายในคำพูดที่คู่หมั้นหนุ่มสัพยอกก่อนสีหน้าจะฉายแววเจ็บปวดกับความสงสัยที่ใคร่รู้คำตอบออกมา ดวงตาหวานงดงามร้อนผ่าวแพขนตางอนหนากะพริบถี่ขับไล่หยาดน้ำตาที่พาลจะไหล
‘น้ำค้าง ที่ฉันมาบอกเธอน่ะเพราะไม่ต้องการให้เธอโดนเขาสนสะพายนะ ถ้าเขาแมนเต็มร้อยน่ะเขาไม่ไปเดินเฉิดฉายอยู่ในบาร์เกย์ที่ฮ่องกงหรอก เธอเชื่อฉันดิ ถ้าเธอยังไม่อยากช้ำใจ’
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ