ความสุขจากสิ่งที่ยื้อแย่งเขามา จะต่างอะไรกับการอยู่บน ‘วิมานเพลิง’ “เพราโพยม” จิตกรสาวมากความสามารถ เส้นทางชีวิตเต็มไปด้วยเกียรติยศและชื่อเสียง มีทุกสิ่งที่ปรารถนา ยกเว้น... ความรัก และเมื่อความรักโบยบินมาพบพาน รักของเธอก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทว่ากลับถูกโรยด้วยความงดงามของกลีบดอกงิ้วที่ฉาบไว้ด้วยหนามแหลมคม และร้อนแรงราวอยู่ในกองไฟ “ปราณรต์” ช่างภาพหนุ่มรูปหล่อ ความรักของเขา... เหมือนสายลม ที่พร้อมจะพัดพาให้ความเย็นชื่นใจ และโหมกระหน่ำทำลายไม่หลงเหลือ ++++++++ “ผัวก็เหมือนแปรงสีฟัน ของส่วนตัว ต้องใช้คนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ของที่ใครจะยืมไปใช้ชั่วครั้งชั่วคราว แปรงสะอาดหายคันแล้วก็เอามาคืน” “ฉันไม่ได้ต้องการเงินของคุณ! จำเอาไว้! ไม่ต้องมาซื้อผัวฉัน!” “คุณไม่ได้อยู่บนวิมานนางฟ้า แต่คุณมันอยู่บนวิมานดอกงิ้ว! จำเอาไว้ คุณมันอยู่บนวิมานดอกงิ้ว! เมียน้อย! พวกแย่งผัวชาวบ้าน เมียน้อย!” ‘ครอบครัวแม่ไม่เคยมีใครต้องเป็นเมียน้อยเขา แค่คิดว่ามีสายเลือดเดียวกัน แม่ก็ยังอยากจะกรีดเอาเลือดพวกนั้นออกมาซะให้หมดเพราะมีไว้ก็เหมือนประจานความน่ารังเกียจของครอบครัวตัวเอง’ ‘คนที่แสนดี มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น’ ‘รางวัลอันทรงเกียรติมอบไว้แด่เธอ...ไอดอลเมียน้อย’ ‘เมียน้อยก็ไม่ต่างจากหมาที่ต้องรอคอยเศษอาหารจากเจ้าของ อดบ้างอิ่มบ้าง แต่ก็ยังรอคอย’ ‘ริจะเป็นเมียน้อยมันก็ได้ขึ้นสวรรค์แค่ตอนนอนเท่านั้นแหละ เพราะทุกครั้งที่ตื่นมันก็ไม่ต่างกับอยู่ในนรก!!!’
เสียงคลื่นที่ครวญตามแรงลมสาดซัดเข้าหาชายฝั่ง สลับกับเสียงนกทะเลกู่ร้องแว่วมาให้ได้ยิน เป็นสัญญาณเตือนว่าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้น ส่งผลให้คนซึ่งนั่งนิ่งซบใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาลงกับหัวเข่า ต้องพยายามแหงนขึ้นมองความเปลี่ยนแปลงรอบตัว
ยามเมื่อฝ่าเท้าก้าวลงจากรถ ก่อนจะเหยียบย่ำลงบนผืนทรายแห่งนี้ ความมืดดำยังคงอยู่รอบกาย แต่ว่าในขณะนี้กลับกลายเป็นว่ามีแสงสว่างจางๆ ปรากฏขึ้นอยู่ ณ เส้นขอบฟ้า ทำให้สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้มากขึ้น
คราบน้ำตาที่ทอดตัวลงเป็นสายขนาบสองข้างแก้ม เธอจำต้องปล่อยให้มันไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อความทุกข์ระทมนั้นเข้าโหมกระหน่ำซัดเข้าใส่ จนไม่อาจต้านทานหยาดน้ำแห่งความเจ็บช้ำไว้ได้ไหว เพื่อช่วยชะล้างหัวใจที่กลัดทุกข์ให้ผ่อนคลายลงบ้าง หัวใจที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่ามันแหลกสลายจนไม่มีชิ้นดี น่าแปลกที่มันก็ยังคงเต้นอยู่ทุกขณะ แม้ในขณะนี้ก็เช่นกัน
ทว่าค่ำคืนที่ผ่านมา ความทุกข์นั้นไม่เพียงยังคงอยู่ แต่มันกลับทำให้เธอยิ่งตอกย้ำถึงความผิดพลาดและความล้มเหลวในชีวิตมากขึ้น และมีบ้างบางเสี้ยวเวลาที่เธอแอบคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความฝันที่พัดผ่านเข้ามา และเมื่อเธอตื่นขึ้น ‘ทุกข์’ เหล่านั้นก็จะจางหายไป แต่สัมผัสจากแรงลมทะเลที่พัดผ่านเข้าหาตัว บวกกับความชื้นฉ่ำที่รับรู้อยู่บนผืนทรายก็ทำให้เธอต้องบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่ความฝันอย่างที่เธออยากให้เป็น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความจริงที่เธอต้องยอมรับ ด้วยหัวใจที่ยังคงทิ้งรอยเจ็บ
ระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร จากนนทบุรีมาประจวบคีรีขันธ์ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลยสักนิด เมื่อตลอดทั้งเส้นทางนั้นเธอมีหยาดน้ำตาเป็นเพื่อนร่วมทาง ความเข้มแข็งที่เธอแสดงออกให้ใครหลายคนได้เห็นจึงพังทลายลงเมื่อต้องอยู่กับตัวเอง เพราะแท้ที่จริงแล้วหัวใจเธอนั้นบอบช้ำเสียจนเธออยากจะหันไปหาหลักยึด อยากทบทวนในสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิต อยากปลอบใจตัวเองว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเธอได้คิดและตัดสินใจอย่างถูกต้องแล้วที่สุด อยากปลดปล่อยหยาดน้ำตาให้เคล้าคลอไปกับเสียงทะเลและเกลียวคลื่น อยากคร่ำครวญโหยไห้ไปกับคลื่นลมให้สาสมกับโชคชะตา ที่ชักพาความรักเข้ามาทักทาย ก่อนจะฝากรอยจารึกที่ไม่มีวันลบออกไปไว้ให้เธอดูต่างหน้า และความทุกข์นั้นก็โหมซัดเสียจนดวงตาแดงก่ำบอบช้ำ จนต้องปิดเปลือกตาลงอีกครั้งเพราะไม่อาจสู้แสงที่เริ่มจะปรากฏ ณ เส้นขอบฟ้านั้นได้
แสงสว่างที่ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาบนท้องฟ้า ทำให้เปลือกตาซึ่งบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักต้องกะพริบถี่ขึ้น เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างและความเจิดจ้า
แสงสีส้มจางที่มองเห็นได้สุดสายตาค่อยๆ เคลื่อนขยายตัวจนเป็นวงกว้างมากขึ้น แม้จะยังไม่เห็นสิ่งทรงอำนาจที่มอบความอบอุ่นให้แก่พื้นโลก แต่แค่เพียงรัศมีที่แผ่ออกมาก็ทำให้ความเย็นยะเยือกในยามค่ำคืนและความหนาวสะท้านในหัวใจค่อยๆ มลายหาย
เกาะแก่งที่เคยมืดทึบอยู่ในทะเลปรากฏออกมาเบื้องหน้าราวภาพฝัน ดวงตาที่ทอดมองไปไกลค่อยๆ กะพริบถี่ขึ้นเพราะความเจ็บช้ำที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจนั้นคล้ายจะป่าวร้องว่า...เมื่อใดที่แสงสว่างมาเยือนจนมองเห็นสิ่งต่างๆ ในโลกใบนี้ได้ชัดเจน เมื่อนั้นก็จะมองเห็นถึงจุดด่างดำในชีวิตของใครบางคนชัดเจนขึ้นไปด้วย รวมทั้งตัวเธอ
ร่างผอมบางที่กลับมามีทรวดทรงอวบอิ่มไม่ต่างจากนางแบบซึ่งมีสรีระงดงามกอดกระชับหัวเข่าตัวเองดั่งจะเรียกร้องหาความอบอุ่น ปล่อยให้เส้นผมสีดำหยักศกได้ทิ้งตัวยาวสยายกระจายไปตามแรงลม ชุดเดรสผ้าฝ้ายสีขาวฉลุลายลูกไม้ราคาแพงลิบจากดีไซเนอร์ชื่อดังของเมืองไทยกำลังเปียกชื้นไปด้วยน้ำทะเลที่ซัดสาดเข้าใส่
เธอสั่นสะอื้นอีกครั้งราวกับจะปลดปล่อยทุกข์ทั้งหลายให้มลายไปกับแสงแรกแห่งวัน ให้ความทุกข์นั้นได้สลายไปกับระลอกคลื่นที่สาดซัดในทันทีที่กระทบเข้าหาฝั่ง
ดวงตาซึ่งเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตามองตรงไปข้างหน้าคล้ายจะดื่มด่ำกับภวังค์ความทุกข์ ที่แม้จะบอกตัวเองให้เข้มแข็งไว้ดังใจคิด และหวังว่าสักวันหนึ่งเธอจะหลงลืมความเจ็บปวดนั้นได้ แต่ยิ่งพยายามลืมเท่าไรกลับยิ่งจดจำ เมื่อฝ่ามือยังอดไม่ได้ที่จะสัมผัสไปยังหน้าท้องตัวเองไปมาด้วยความโหยหาในสิ่งนั้น...สิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่ามี แต่แล้วก็มี และเมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นมี ก็กลับมาจากไปอย่างที่เธอไม่สามารถจะยื้อไว้ได้ ไม่ต่างอะไรจากชื่อเสียงและเกียรติยศ
ภาพแห่งเกียรติยศและชื่อเสียงที่เคยเกิดขึ้นก่อนที่จะหลุดลอยไป ภาพแห่งความรักหวานละมุน และภาพแห่งความทุกข์มหาศาลต่างหมุนเวียนเปลี่ยนวนกันเข้ามาให้เธอหวนคะนึงหาไม่รู้จบ และตราบจนสิ้นลมหายใจนี้ เธอก็คงจะลืมไม่ลง
ฝ่ามือยังคงวางทาบไว้บริเวณหน้าท้องของตัวเอง หยาดน้ำตาไหลรินเป็นสาย พยายามคิดว่าใครบางคนนั้นเข้ามาเพียงเยี่ยมเยือนและก็จากไป ใครบางคนที่คงทำบุญร่วมกันมาไม่พอ จึงได้มาพบและจากลากันอย่างง่ายดาย และก็เป็นใครบางคนที่ทำให้เธอเลือกที่จะหักดิบหัวใจตัวเอง
เธอรู้ว่ามันเจ็บเจียนตาย แต่สุดท้ายเธอก็มั่นใจว่าเธอยังหายใจได้อยู่ เพียงแต่ต้องใช้เวลาเท่านั้น อาจจะหนึ่งเดือน สองเดือน หรืออาจยาวไปถึงหนึ่งปี สองปี หรืออาจยาวนานไปจนตลอดชีวิต แต่เธอก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งบาดแผลที่ยังคงความสดเหล่านี้จะกลับกลายเป็นแผลเก่าและตกสะเก็ดไปได้เองตามกาลเวลา อาจจะคันปนแสบนิดๆ ซึ่งหากเธอทนไม่ได้ที่ต้องไปแกะเกาด้วยความคิดซ้ำๆ ตอกย้ำความผิดในวันวาน ทว่าในวันหนึ่งมันก็ต้องหายเจ็บอย่างแน่นอน แม้ว่าจะทิ้งร่องรอยของบาดแผลไว้ให้เห็นบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าที่จะปล่อยให้แผลสดนั้นกลัดหนองจนอาจกลายเป็นเนื้อร้ายที่สามารถคร่าชีวิตเธอได้
“ฟ้าสวยดีนะครับ”
เสียงทุ้มดังขึ้น พร้อมกับใครคนหนึ่งนั่งลงที่ด้านข้าง ทำให้ใบหน้าฉ่ำชื้นไปด้วยวาวน้ำตาหันมองหาที่มาของเสียง หัวคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นครุ่นคิด ก่อนดวงตาซึ่งอ่อนล้าจะปิดลงเพราะเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินที่จะคิดถึงสิ่งใดในยามนี้ เธอเหนื่อยล้าเหลือเกิน
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก