เพียงสบตาร่างกายเธอสั่นสะท้าน คาเอล เดอร์มินอฟ ชายผู้มีใบหน้าหล่อเหล่าแววตาชวนฝัน แต่นัยน์ตาสีอำพันกลับซ่อนเปลวไฟอันลุกโชน เธอไม่อาจรับรู้ความแค้นอันล้ำลึก แม้ตอนที่อยู่ภายใต้ร่างอันสมบูรณ์แบบของเขา
เพียงสบตาร่างกายเธอสั่นสะท้าน คาเอล เดอร์มินอฟ ชายผู้มีใบหน้าหล่อเหล่าแววตาชวนฝัน แต่นัยน์ตาสีอำพันกลับซ่อนเปลวไฟอันลุกโชน เธอไม่อาจรับรู้ความแค้นอันล้ำลึก แม้ตอนที่อยู่ภายใต้ร่างอันสมบูรณ์แบบของเขา
ตี๊ด! ตี๊ด!
เสียงโทรศัพท์ปลุกคนตัวใหญ่ให้ตื่นขึ้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำ ใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนาได้รูป ริมฝีปากหยักลึก ดวงตาเรียวคม นัยน์ตาสีอำพัน คาเอล เดอร์มินอฟลุกนั่งหยิบมือถือหัวเตียงขึ้นมาดูเบอร์ เขากดรับแล้วกรอกเสียงตามสาย
“โทรมาหาพี่มีอะไรเหรอมิร่า”เขาถามปลายสายน้ำเสียงอ่อนโยน เพราะคุ้นเคยกับน้ำเสียงหวานแผ่วดี
“พี่คาเอล” เสียงสะอื้นทำให้ชายหนุ่มชะงัก รู้สึกตกใจไม่น้อย
“มีเรื่องอะไรมิร่า!”
“ฟาเบียนเค้ากำลังจะแต่งงาน ฟาเบียนขอเลิกกับมิร่า มิร่าจะทำยังไงดีคะพี่คาเอล มิร่ากำลังท้องลูกของเขาอยู่”มิร่าสะอื้นไห้หัวใจแทบแหลกสลาย คำมั่นสัญญาแต่เก่าก่อนไม่มีความหมายเหตุใดเขาถึงเห็นหญิงอื่นดีกว่าเธอ ทั้งที่อยู่ด้วยกันมานาน
ได้ฟังคำน้องสาวชายหนุ่มครุ่นคิด มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่ไอ้ฟาเบียนกล้าทำกับน้องเขาขนาดนี้เชียวเหรอ ทีเมื่อก่อนมันมาขอร้องคบหา แทบจะคุกเข่าเอาหน้าแนบเท้า แต่มาวันนี้คิดจะทิ้งก็ตัดกันอย่างไรเยื่อใย ไม่สนแม้แต่ลูกตัวเอง บัดซบ! หากไม่ได้สั่งสอนคงไม่รู้สำนึกสินะ
“มิร่าใจเย็นนะมันอาจไม่เป็นความจริงก็ได้”คนเป็นพี่ช่วยปลอบ ใจภาวนาอย่าให้สิ่งที่น้องบอกเป็นความจริง เขาเองตอนนี้ยุ่งยากวุ่นวาย เพราะโปรเจคใหม่กำลังจะสำเร็จ หากได้ตั้งบริษัทน้องสาวคงสบาย
ปลายสายเงียบกัดริมฝีปากแน่น หากเธอไม่แน่ใจคงไม่ติดต่อพี่ชายหรอก ที่พึ่งสุดท้ายมีเพียงพี่คาเอลเท่านั้น
“มิร่าแน่ใจพี่คาเอล มิร่าเห็นกับตาตัวเอง”
เสียงน้องสาวทำเอาหัวใจกระตุกวูบ ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เขาใจคอไม่ดี
“มิร่ารอพี่ก่อนนะ เดี๋ยวพี่บินไปหา มันยังไม่แต่งตอนนี้หรอกใช่ไหม!”
“อีกสองวันค่ะพี่คาเอล”
“รอพี่นะ พี่จะไปจัดการไอ้ฟาเบียนมันเอง”
“แล้วมิร่าจะรอนะคะพี่คาเอล”
มือใหญ่ยกขึ้นเสยผมด้วยความหงุดหงิด กดเบอร์ติดต่อว่าที่น้องเขยกลับไม่มีสัญญาณตอบรับ หากฟาเบียนทำเรื่องนี้จริงเขาไม่มีวันให้อภัยแน่ แล้วผู้หญิงที่กล้าแต่งงานกับคนที่มีพันธะมันเป็นใครกัน ช่างไร้ยางอายไม่มีจิตสำนึกในส่วนดี นั่งประจำเครื่องคอมพิวเตอร์จัดการจองตั๋วเดินทางไปยังอเมริกา เร็วที่สุดคือมะรืน กัดฟันข่มกลั้นความขุ่นเคืองเอาไว้ พยายามทำใจให้เย็นทั้งที่มันร้อนจนแทบระอุ หากฟาเบียนคิดถึงตอนที่ตนมาขอคบน้องสาวสักหน่อยมันคงใช้สมองครุ่นคิดถึงการเลิกรากับมิร่า
ไม่เป็นไรหากเขาเกลี่ยกล่อมอาจยังทัน ฟาเบียนไม่ใช่คนโง่งม หมอนั้นพอมีส่วนดีในตัวบ้างหากเอาเรื่องลูกมายึดไว้คงคิดได้ ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงบนฟูกหนาหลับตาลงในที่สุด
งานวิวาห์บุตรสาวนักธุรกิจระดับแนวหน้าของประเทศไทย พิมพ์วลี ปัทมพิสุทธิ์ สาวชาวไทยมาศึกษายังอเมริกา ด้วยใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาเรียวสวย จมูกโด่งรั้น ผิวขาวเนียนลออ ริมฝีปากบางระเรื่อสีชมพู จึงมีชายหนุ่มมากมายมาขายขนมจีบแต่ทว่าเธอไม่เล่นด้วย เพราะถูกใจกับอดีตนักศึกษาดีเด่นเจ้าของบริษัทซีเจคจำกัด ลูกครึ่งสเปนไทย ฟาเบียน อาลาโน่ พรหมจักร งานแต่งถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีเพื่อนนักศึกษาสมัยร่วมเรียน รวมถึงแวดวงนักธุรกิจ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวถึงความงดงามของเจ้าสาว และความหล่อเหลาของเจ้าบ่าว
ร่างสูงในชุดทักซิโด้สีขาวก้าวออกมาต้อนรับแขกในงาน การแต่งงานครั้งนี้เพื่อบริษัทซีเจค หากได้เงินทุนจากบริษัทภรรยามาหมุนเวียน เขาจะเติบโตก้าวหน้าในงานมากยิ่งขึ้น แม้ความรู้สึกผิดมันเกาะกุมเต็มใจก็ตาม ยังไงเสียเขาเองคิดดูแลมิร่าอยู่แล้ว แต่ในฐานะภรรยาลับไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้
เวลาผ่านไปพักใหญ่พิธีกรเริ่มงาน เจ้าสาวในชุดวิวาห์เกาะอกสีขาวยามกร่อมเท้า เรียวแขนสวมถุงมือถึงข้อศอก ผมถูกรวบประดับด้วยดอกลิลลี่ใบหน้าแต่งแต้มโทนสีอ่อนปรากฎตัว ฟาเบียนยกยิ้มพึงพอใจในตัวเจ้าสาวตนเอง สองร่างก้าวเคียงกันยืนบนเวทีเพื่อบอกถึงความในใจที่มีต่อกันให้แขกเหรื่อได้รับรู้
“คุณสองคนพบกันได้ยังไงเหรอครับ”พิธีกรเอ่ยถามชายหนุ่ม
“เราพบกันที่มหาวิทยาลัยครับ”
“แล้วเป็นรักแรกพบเลยหรือเปล่า”
ฟาเบียนหันมองว่าที่ภรรยาแล้วอมยิ้ม เดินเข้ามาโอบไหล่บาง
“ครับ รักแรกพบ”
เสียงผู้คนโห่ร้องด้วยความยินดี กับคำพูดของเจ้าบ่าว ก่อนพิธีกรจะหันมาทางเจ้าสาวบ้าง
“แล้วคุณพิมพ์วลี ชอบอะไรในตัวเจ้าบ่าวครับ”
“ฉันชอบที่เขาเป็นคนเก่งค่ะ”เธอตอบชัดเจน
การที่ยินยอมแต่งงานกับฟาเบียน เขาเก่งมีความสามารถในการบริหารธุรกิจ หน้าตาใช้ได้ควงไปไหนมาไหนไม่อาย มีดีกรีถึงนักเรียนดีเด่นของมหาวิทยาลัยชื่อดัง มีหรือเธอจะปล่อยให้หลุดมือ ต่อให้เขาจะมีใครควงอยู่ก็ตาม
“ตอบชัดเจนมากเลยนะครับ”พิธีกรหัวเราะเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นเรามาตัดเค้กกันต่อเลยนะครับ”
สองบ่าวสาวก้าวลงจากเวที แต่ทว่ากลับมีเสียงฮือฮาดังขึ้น สาวร่างอวบอิ่มเนื่องจากการตั้งครรภ์ปรากฏในงาน มิร่าสาวเท้าอย่างเชื่องช้าในชุดราตรีสีดำ หยุดยืนกลางงาน ทุกคนต่างมองเป็นตาเดียว เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้น ฟาเบียนจ้องมองใบหน้าซีดเผือด พิมพ์วลีกัดฟันแน่นความโกรธพุ่งทะยาน
“ใครปล่อยให้คนบ้าเข้ามาในงาน ไล่มันออกไป!”พิมพ์วลีตะโกนลั่น บอดี้การ์ดวิ่งกรูกันเข้ามา
มิร่าล้วงกระเป๋าหยิบมัจจุราชสีดำออกมา
“กรี๊ด!”เสียงแขกในงานกรีดร้อง แล้วพากันวิ่งหนีแตกตื่น
โชคชะตาเล่นตลกกับเธอหรือไร แค่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวแต่กลับถูกลักพาตัว เธอตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่คุ้นเคยมิหนำซ้ำยังมารู้ความจริงอีกว่า ชายรูปหล่อที่ตนตบหน้าในคืนนั้น ดันเป็นกษัตริย์แห่งประเทศซากวัย ความซวยยังไม่หมด เมื่อฝ่าบาททรงยืนยันต้องการให้เธอเป็นสนม แต่มีหรือคนอย่างนิลลนาจะยินยอม ต่อให้ใหญ่มาจากไหน เธอไม่เคยเกรง แต่แล้วทำไมจากพระพักตร์บึ้งตึง ดันกลับกลายมาเป็นอ่อนโยน เวลายิ่งผันผานหัวใจยิ่งแปรเปลี่ยน
กลิ่นจันทร์ หญิงสาวมากความสามารถ หนีห่างไกลเมืองไทยเพราะเจ็บช้ำจากแฟนหนุ่มซึ่งนอกใจ ทว่าเมื่อกลับมาเขากลับกลายเป็นเจ้าของบ้านที่เธอเคยอาศัยตั้งแต่เด็ก แม่เลี้ยงและพี่สาวต่างบิดารวมหัวกันหักหลังเธอกับพ่อ ขายบ้านหลังนี้ กลิ่นจันทร์ต้องการได้คืน แต่เธอไม่มีเงินมากพอ เมื่อนั้น แฟนหนุ่มซึ่งอยู่ในหัวใจเธอตลอดเวลา แม้เขาทำเรื่องผิดมหันต์ เธอก็มิอาจทำใจให้ลืมลง คิมหันต์ ชายหนุ่มผู้ฝ่าฝันอุปสรรค จำตั้งตัวเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ได้สำเร็จ กระนั้นในหัวใจเขากลับเย็นเยือกราวกับน้ำแข็ง เพียงเพราะถูกแฟนสาวทรยศหนีไปต่างประเทศ เพียงเพราะได้พบกับผู้ชายคนใหม่ ความแค้นฝังแน่นในอก เขารอวันเอาคืน และโอกาสก็มาถึง “ผมจะคืนบ้านให้ ถ้าคุณยอมเป็นเมียผมเป็นเวลาหนึ่งปี”
เมื่อหนึ่งมีรักให้แต่ไม่อาจบอก กับอีกหนึ่งที่ไม่เคยรู้และตั้งหน้าตั้งตาชิงชัง การหมั้นหมายที่เกิดจากผู้ใหญ่ส่งผลให้นาฎสุรีย์ต้องจากลาไปไกลเพื่อรักษาแผลใจ ส่วนอีกคนที่ไม่เคยรับรู้ แท้จริงแล้วกลับห่วงหา ห้าปีต่อมา สองคนได้พบกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอเปลี่ยนไป ส่วนเขากลับรู้หัวใจตัวเอง ******************** เพียะ! ใบหน้าหันตามแรงฝ่ามือ ชายหนุ่มนิ่งงัน มันชาไปทั้งแถบ นาฎสุรีย์มองมือตัวเอง มันกำลังสั่น เมื่อเขาหันมาสบตา เห็นสีหน้าแววตามันเปลี่ยนไป เธอชะงักตัดสินใจหันหลังคิดวิ่งหนี แต่ทว่าเรียวแขนกลับถูกคว้าเอาไว้ “คิดว่าทำแบบนี้ แล้วจะหนีไปงั้นเหรอ มันง่ายไปมั้ง” พูดจบ เขาเหวี่ยงร่างบางลงบนเตียง แล้วใช้เท้าถีบประตูปิดลง ก่อนล็อคอย่างแน่หนา “ช่วยด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที!” หญิงสาวร้องลั่น “แหกปากไปเลย เอาให้ดัง ห้องฉันเป็นห้องเดียวที่ไม่มีกุญแจสำรองไข ถึงมีก็ไม่มีใครก็กล้ามายุ่งหรอกนะ เพราะฉันเป็นคนยังไง ทุกคนรู้ดี” เขาส่งเสียงข่มขู่ นาฎสุรีย์จ้องมองอีกฝ่าย กัดริมฝีปากครุ่นคิดหาทางเอาตัวรอด เธอไม่ได้อยากตบหน้าเขา แต่เพราะคำพูดนั้นมันทำให้ระงับความโกรธไว้ไม่ได้เลย “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ก็นายพูดจาไม่ให้เกียรติกันเลย!” หญิงสาวพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ตอนนี้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ เสียเปรียบอย่างรุนแรง ทว่าแววตาของอีกฝ่าย กลับไม่เย็นลงเลยแม้แต่น้อย “ตอนนี้ต่อให้พ่นอะไรออกมา มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะฉันไม่ให้อภัยเธอ!” เขาตวาดลั่น คนใต้ร่างสะดุ้งสีหน้าตื่นกลัว มือหนาจับสาบเสื้อ ที่เคยถูกกระชากมาก่อนหน้า ออกแรงดึง แควก! มันขาดติดมือ เจ้าของเสื้อชะงักดวงตาเบิกกว้าง กรีดร้องขึ้นมาทันที พยายามดิ้นรนผลักดันอีกฝ่ายเพื่อให้พ้นจากการโดนกระทำ แต่ทว่าอารมณ์ของเขา กลับรุนแรงเกินกว่า เรี่ยวแรงเธอจะต้านทานเอาไว้ได้ “ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน ได้ยินไหม!” คนหน้ามืด ไม่ฟังเสียง ตอนนี้ในหัวเขาแค่ต้องการเอาคืน กับการกระทำไร้ซึ่งการไตร่ตรองของอีกคน คนอย่างพีรดล ไม่มีวันยอมให้ใครมาหยาม เท่าที่ผ่านก็ถือว่ายอมมามากพอแล้ว ริมฝีปากบางถูกฉกฉวยอย่างรวดเร็ว จนคนใต้ร่างร้องครางในลำคอ พยายามผลักไสอีกฝ่าย แต่ร่างกายนั้นกลับไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อยเลย มือหนาลูบไล้ไปตามสัดส่วน ทำเอาเลือดในกายชายหนุ่มเริ่มร้อนฉ่า กระโปรงนักศึกษาถูกรั้งออก เจ้าของน้ำตาเริ่มคลอ ความหวาดกลัวแล่นพล่าน เธอไม่น่าโมโหจนน่ามืด แล้วหลงลืมไปว่า แท้จริงแล้วพีรดลเป็นคนเช่นไร หมดสิ้นแล้วซึ่งหนทางเอาตัวรอด อยากหลับโดยไม่รับรู้อะไรอีกเลย เขาถอนริมฝีปากจ้องมองอีกคน เห็นน้ำตาเธอกำลังไหลรินออกมา ทว่ามันได้ทำให้รู้สึกสงสาร เมื่ออารมณ์ตอนนี้มันกระเจิงไปไกล นาฎสุรีย์มีดีกว่าที่คิด เรือนร่างเย้ายวน ตรงหน้าทำเอาหายใจแทบไม่ออก ตัวตนแข็งขืนจนแทบปริแตก มันกำลังต้องการปลดปล่อย “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง นายอย่าทำอะไรฉันเลยนะ...” เธออ้อนวอนทั้งน้ำตา “มันสายไปแล้ว เธอไม่ควรเข้ามาที่ห้องฉันตั้งแต่แรก...” เขาตอบเสียงรอดไรฟัน จะให้ผละไปได้ยังไง ในเมื่อเธอทำให้เขาแทบคลั่งแบบนี้
เธอถูกจ้างให้แย่งชิงชายคนหนึ่ง ทว่าหญิงคนนั้นเสียใจจนฆ่าตัวตาย เธอจมอยู่กับความเสียใจจนกระทั่งได้พบกับเขา ชายผู้เอื้อมมือมาปลุกปลอบและทำลาย
เพราะความผิดพลาดในค่ำคืนนั้น ทำให้นรีกานต์และกวีวัธน์ต้องแต่งงานกัน ทว่าเขากลับยังคงมีเยื่อใยต่อคนรักเก่าอยู่ เธอจำต้องเดินออกมา เพื่อให้เขาได้สมหวังกับคนรัก แม้กำลังตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม ทว่าเขากลับตามหา เพื่อทวงสิทธิ์ของความเป็นสามีและพ่อของลูกกับเธอ ******************************* ปัง! ประตูปิดลงร่างเธอถูกโยนลงบนเตียง รีบลุกพรวด จ้องมองอีกฝ่ายแววตาตื่นตระหนก “นี่คุณทำบ้าอะไร ไม่ตลกแล้วนะ!” เธอตวาดลั่น “ฉันก็ไม่ตลกเหมือนกัน มาอยู่ที่นี่เพราะต้องการเป็นเมียฉันไม่ใช่หรือไง นี่ไง! กำลังจะทำให้ เธอมาได้จังหวะพอดีเลย ฉันกำลังว่าง กำลังโสด แต่ก่อนแต่ง ฉันขอเช็คของหน่อยก็แล้วกัน ว่ามีดีแค่ไหน!” คนตัวเมากระโจนเข้าหา นรีกานต์รู้ในทันทีว่า ชีวิตตนเองกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว กระโจนหนีด้วยความหวาดกลัว วิ่งตรงไปหาประตู ทว่าเรียวแขนกลับถูกคว้าไว้ กระชากร่างบางเข้าหาจนปะทะแผงอก มือยกทุบตีจิกข่วนอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน แต่เหมือนเขาไม่สะเทือนเลยสักนิด “ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที!” ไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือต่อ ริมฝีปากถูกปิดอย่างรวดเร็ว “อื้อ!” ร่างถูกตรงบนเตียง เรียวแขนรวบไว้เหนือศีรษะ น้ำตาคนโดนกระทำไหลริน เมื่อรู้ว่าตนเองหมดหนทางรอดในคราวนี้ เขาชะงักจ้องมองใบหน้าของคนใต้ร่าง น้ำตาของผู้หญิงมันไร้ความหมายสิ้นดี มารยาแบบนี้ เห็นมาจนสะอิดสะเอียนแล้ว “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันกลัวแล้ว...” “หยุดพูดให้รำคาญสักที นอนเฉยๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็มีความสุขเอง!”
เธอยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อความรัก แต่คนรักกลับมีคนอื่น เธอเลยตัดสินใจแต่งงานกับเขา เพื่อเอาคืนคนพวกนั้น โดยหวังให้เขาคือเครื่องมือระบายความแค้น ทว่าเป็นเธอเองที่ตกหลุมกับดักที่ตนเองวางไว้ ใครจะรู้ว่าเขาจะนำพาให้เธอตกอยู่ในห้วงอารมณ์พิศวาส จนอยากจะถอนตัว
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ครั้งที่เก้าสิบเก้าที่ ‘เจต’ ทำให้ฉันใจสลาย คือครั้งสุดท้ายของเรา เราสองคนเคยเป็นคู่รักดาวเด่นของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา อนาคตของเราถูกวางแผนไว้อย่างสวยหรูว่าจะเข้าเรียนที่จุฬาฯ ด้วยกัน แต่แล้วในช่วงปีสุดท้ายของม.ปลาย เขากลับไปหลงรักผู้หญิงคนใหม่ที่ชื่อ ‘แคท’ เรื่องราวความรักของเรากลายเป็นละครน้ำเน่าราคาถูกที่น่าเบื่อหน่าย เต็มไปด้วยการทรยศของเขาและการขู่ว่าจะเลิกอย่างไร้ความหมายของฉัน ในงานเลี้ยงจบการศึกษา แคท ‘บังเอิญ’ ดึงฉันตกลงไปในสระว่ายน้ำกับเธอ เจตกระโดดลงไปช่วยโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เขากลับว่ายผ่านฉันที่กำลังตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดไปอย่างไม่ใยดี แล้วโอบแขนรอบตัวแคทก่อนจะพาเธอขึ้นจากสระอย่างปลอดภัย ขณะที่เขาช่วยพยุงเธอขึ้นจากสระ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ เขาหันกลับมามองฉันที่ตัวสั่นเทา มาสคาร่าไหลเป็นทางสีดำอาบแก้ม “ชีวิตเธอ ไม่ใช่ปัญหาของฉันอีกต่อไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนน้ำในสระที่ฉันกำลังจะจมดิ่งลงไป คืนนั้นเอง บางสิ่งในตัวฉันก็แตกสลายลงอย่างสมบูรณ์ ฉันกลับบ้าน เปิดโน้ตบุ๊ก และคลิกปุ่มยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ ไม่ใช่ที่จุฬาฯ กับเขา แต่เป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ คนละฟากฝั่งของกรุงเทพฯ
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY