คนหนึ่งรัก…..คนหนึ่งเลิกรัก คนหนึ่งเสียใจ……คนหนึ่งพอใจ คนหนึ่งคิดถึง……คนหนึ่งทิ้งให้คิดถึง
คนหนึ่งรัก…..คนหนึ่งเลิกรัก คนหนึ่งเสียใจ……คนหนึ่งพอใจ คนหนึ่งคิดถึง……คนหนึ่งทิ้งให้คิดถึง
"น่ารำคาญ" ผมพูดขึ้นอยู่เบาะหลังรถหรูที่นั่งมาหลังจากที่สายตาปะทะเข้ากับฝูงนักข่าวจำนวนมากที่รอต้อนรับ ไม่ต่างอะไรจากแร้งรุมศากศพ แค่คิดก็ทำเอาหงุดหงิด
"คิดเห็นอย่างไรกับข่าวที่เกิดขึ้นในเครือของ ACTOR ตอนนี้บ้างครับ/คะ?" ไม่ทันที่เป้าหมายอย่างผมจะลงจากรถ ก็พบกับคำถามไม่เข้าหู
ขายาวก้าวลงจากรถที่นั่งมาหวังฝ่าฝูงนักข่าวจำนวนมากเข้าไปด้านในพร้อมกับบอดี้การ์ดที่คอยคุ้มกันแต่เหมือนจะไม่เป็นผลเพราะจำนวนนักข่าวที่มากจนยากเกินไปที่จะเปิดทาง
"ช่วยตอบคำถามหน่อยได้ไหมครับว่ามันเป็นความจริงหรือเปล่าหรือว่าที่ไม่ตอบเพราะว่ามันคือเรื่องจริงตามที่เป็นข่าว" คำถามที่ไม่รู้ว่าถูกกรองมากจากส่วนไหนในสมองทำให้ผมเลือกที่จะหยุดเดินและหันมองหน้าเจ้าของเสียงนั้นชัดๆ
"การที่ผมไม่ผูกสัมพันธ์กับคนจำนวนมากไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องการนะครับ แต่ผมแค่ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของผมจนเกินเหตุหรือถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากที่จะยุ่งกับใครเลยด้วยซ้ำถ้าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับงาน ผมว่าคุณน่าจะลองทำเหมือนผมบ้าง"
เหมือนคำพูดของผมจะเป็นผลทำเอาเจ้าตัวถึงกับหน้าซีดเล็กน้อย แต่ก็เอาเถอะผมไม่มีเวลามากพอที่จะต่อปากต่อคำกับใคร
และไม่นานมากจากความวุ่นวายผมก็ฝ่าฝูงนักข่าวมาได้แม้จะแลกมาด้วยความยากลำบากก็เถอะ
"ดูสิ่งที่แกทำ! มันเสียหายมากขนาดไหนแกเห็นหรือยัง!?" ผมชินแล้วล่ะ กับคำกรนด่าของผู้เป็นพ่อหรือจะเรียกว่าท่านประธานดี?
"หุ้นตกไปกี่ร้อยล้านล่ะครับครั้งนี้"
เพี๊ยะ!
ไม่ทันสิ้นเสียงดีฝ่ามือหนาของคนเป็นพ่อก็ตบลงมาที่หน้าผมอย่างจัง ผมนิ่งไปอย่างคิดไตร่ตรองกันสิ่งที่เกิดผม ถ้าให้ไล่มาตั้งแต่จำความได้นี่คงเป็นครั้งแรกที่พ่อตบหน้าผม
"นอกจากจะไม่สำนึกยังมาทำท่าทีแบบนี้ใส่ฉันอีกนะแก!" ท่าทางของพ่อโกรธจัดในระยะที่ผมเองก็เคยเจอมาก่อนเหมือนกัน
"แล้วแกจะทำยังไงต่อ ดูผู้หญิงที่แกควงสิ ไม่เคยจะซ้ำหน้ากันเลยสักข่าว งามไส้ดีไหมล่ะ” ใช่ครับเพราะข่าวที่ผมควงสาวแบบว่าเข้าโรงแรมไม่ซ้ำหน้าทำให้หุ้นบริษัทตกพรวดวันละหลาย ๆ สิบล้าน พ่อถึงได้เดือดขนาดนี้
เครือกรุ๊ป ACTOR เป็นธุรกิจส่งออกรายใหญ่ระดับโลกถ้ามีเรื่องนิดหน่อยมากระทบก็ทำหุ้นตกได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
"กลับมาเป็นคนเดิมได้เเล้ว หนูพิมเธอตายไปนานแล้ว" ผมขมวดคิ้วขึ้นกับประโยคที่พ่อพูดบอก ผมไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะพูดเรื่องนี้มาทำเพื่ออะไร
"ผมขอตัว" ไม่รอให้คู่สนทนาได้ตอบกลับอะไรไปมากกว่านี้ก็เดินออกมาพร้อมกับคำกรนด่ามากมายตามหลัง นี่มันวันอะไรของผม วันโดนพ่อด่าแห่งชาติงั้นเหรอ
พิมคือภรรยาที่ผมรักมาก แม้ชีวิตถ้าผมแลกเธอกลับมาจากอุบัติเหตุเมื่อ 5 ปีที่แล้วได้ ผมก็จะทำ
"นายน้อยอย่าไปใส่ใจเลยนะครับ คุณท่านแค่โมโห" เอ็มมือขวาคนสนิทของผมพูดขึ้นหลังจากที่เราทั้งคู่เดินเข้ามาที่ห้องทำงานของผมแล้ว
"เงียบ" มันก้มลงมาพื้นพร้อมกับมือที่ประสานกันอยู่ด้านหน้า
อีกด้าน
ผมถูกเรียกตัวกลับมาประเทศไทยด่วนเพราะคุณพ่อ ความจริงแล้วผมเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีที่ฝรั่งเศสและมีแพลนจะทำงานที่นั่นสักระยะเพื่อหาประสบการณ์แล้วกลับมาช่วยบริษัทของคุณพ่อทีหลัง
"แล้วสรุปคุณพ่อเรียกดีนกลับมาด่วนเพราะอะไรครับลุงเอก" นั่งนึกหาเหตุผลมาตลอดที่ขึ้นเครื่องมาก็ไม่อาจจะรู้ความคิดของท่านเองเลยเพราะปกติแล้วถ้ามีเหตุให้ต้องกลับไทยคุณพ่อก็ต้องบอกล่วงหน้าสิแต่ครั้งนี้ไม่ใช่
"ไม่มีใครรู้ความคิดของนายท่านได้หรอกครับคุณหนู" ก็จริงอย่างลุงแกว่านะ
ตอนนี้ลุงเอกมารับผมที่สนามบินและเราก็กำลังเดินทางกลับบ้านพร้อมกับรถคุ้มกันจำนวนมาก ก็นะคุณพ่อกับธุรกิจมากมายทั้งผิดและถูกกฎหมายลูกกลับมาทั้งทีคงไม่ดีถ้าคู่แข่งทางการค้าจะลอบฆ่าผม เอาเถอะความสบายใจของท่านหนิ
เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ถึงที่หมาย ประตูรั้วขาวขนาดใหญ่เปิดออกเมื่อรถคันแรกเข้าจอดจ่อประตูหวังเข้าด้านในคฤหาสน์กว้าง
"ผมไม่กลับมาแค่ปีเดียวบ้านเราเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลยเหรอครับ" ไม่คิดว่าผมจะกลายเป็นเด็กคิดถึงบ้านไปได้
"นายท่ายสั่งปรับปรุงบริเวณบ้านเมื่อสามวันที่แล้วก่อนคุณหนูกลับมาเองครับ"
ลุงเอกเป็นลูกน้องคนสนิทของคุณพ่อเขาแหละ การที่ได้มารับผมก็เพราะความไว้ใจล้วนๆ เพราะท่านรู้ว่าลุงเอกสามารถปกป้องผมได้แน่นอนยามเกิดเหตุฉุกเฉิน
ผมพยักหน้าให้กับคำตอบของลุงเอกก่อนจะหันมาสนใจกระเป๋าที่ตัวเองสะพายมาเพื่อเตรียมพร้อมจะลงจากรถแต่รู้สึกว่าจะมีคนยืนต้อนรับผมอยู่ก่อนแล้วด้วย
"คุณพ่อสวัสดีครับ คิดถึงจังเลย" ผมเดินไปสวมกอดคุณพ่อที่มารอรับทันทีที่ลงจากรถ เราทั้งคู่สนิทกันมากถึงมาก แต่ก็ไม่ได้ตามใจผมให้เสียนิสัยอะไรขนาดนั้นหรอก ตามใจตามที่เห็นสมควร
คุณแม่เสียไปตั้งแต่ผมยังเด็กๆ เลยมีแค่คุณพ่อเท่านั้นที่ทำหน้าที่ดูแลผมทุกอย่าง ถามว่าคุณแม่เป็นอะไรถึงเสีย ผมให้คำตอบไม่ได้หรอกครับเพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
"ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะลูก" ฝ่ามือหนาลูบลงบนผมนุ่มของผู้เป็นลูกอย่างอ่อนโยนผิดฐานะเจ้านายจนลูกน้องหลายๆ คนต่างส่งยิ้มให้กับภาพที่เห็นแต่ก็ต้องชะงักเสียก่อนเมื่อปะทะสายตากับผู้เป็นนาย
"เข้าบ้านกันเถอะ ลูกกลับมาเหนื่อยๆ ขึ้นไปอาบน้ำ พักผ่อนเเล้วเดี๋ยวเย็นนี้พ่อจะให้คนขึ้นไปตามสำหรับดินเนอร์"
"ดีเหมือนกันครับ เจ๊ทแล็กจนได้" ไม่แปลกที่จะแจ๊ทแล็กเลยครับก็ดูทามโซนของไทยกับฝรั่งเศสสิ มากี่ครั้งๆ ก็ไม่เคยชินเลย
กระเป๋าสัมภาระของผมถูกเคลื่อนย้ายขึ้นไปบนห้องจนหมดในระยะเวลาไม่นานด้วยฝีมือแม่บ้านก่อนจะขอตัวละจากคุณพ่อขึ้นไปอาบน้ำแล้วงีบพอให้หายแจ๊ทแล็กสักหน่อยก็ยังดี
"กลับมาแล้วนะครับคุณแม่" ก่อนเข้าห้องไม่ลืมที่ผมจะแวะไหว้คุณแม่ในห้องของท่าน แต่ดูจากธูปหนึ่งดอกที่ถูกจุดไว้จนเหลือครึ่งก็น่าจะเป็นของคุณพ่อ
"คุณพ่อคงบอกแล้วใช่ไหมครับ คิดถึงจังเลยนะ" มือเล็กเอื้อมเข้าไปลูบวนกับรูปในกรอบบริเวณแก้มสวยของผู้เป็นแม่ก่อนจะหลุดออกจากห้วงความคิดเมื่อเสียงหนึ่งเข้าแทรก
"คุณหนูคะ ป้าจัดของเข้าที่ให้หมดแล้วนะคะ" ผมหันไปพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปและไม่ลืมที่จะปิดประตูให้เข้าที่เหมือนเดิม
ร่างบางของผมยืนเปลือยอยู่หน้ากระจกที่สะท้อนภาพเงาของตัวเองออกมาให้เห็นถึงส่วนโค้งส่วนเว้าในร่างกายที่ผมคุ้นชิน
ทำไมตนถึงไม่เกิดมารูปร่างเหมือนผู้ชายที่เขาตัวสูงๆ โตๆ นะ แอบสงสัยอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยที่จะได้คำตอบเพราะมันเหมือนจะเป็นเรื่องปกติของผมไปเสียแล้วน่ะสิ
"คุณหนูคะ คุณท่านให้ขึ้นมาถามว่าต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ?" เสียงป้าจิ๋ว หัวหน้าแม่บ้านประจำเอ่ยถามขึ้นจากด้านนอกห้องน้ำ
"ไม่ครับป้า" ผมตะโกนรับจากด้านในก่อนจะรีบแต่งตัวใส่เสื้อคุมเดินออกจากห้องน้ำ
"งั้นเดี๋ยวป้าจะขึ้นมาตามอีกทีตอนทานมื้อเย็นนะคะ"
"ครับป้า ฝากล็อคห้องให้ดีนหน่อยนะครับ" ว่าบอกและเดินไปปรับอุณหภูมิแอร์ให้เย็นลงหลังจากป้าเดินออกไปก่อนจะทิ้งตัวนอนลงทั้งเสื้อคุมผืนเดียว เพลียมากขอนอนหน่อยแล้วกัน
18:30 น.
"ป้ากำลังไปตามคุณหนูพอดีเลยค่ะ" ป้าจิ๋วพูดขึ้นเมื่อมาเจอผมที่บันไดเชื่อมชั้นพอดี
"พอดีว่ากับข้าวมันหอมไปถึงห้องเลยครับ ดีนคิดถึงฝีมือป้าจิ๋วจะแย่เลยรีบลงมา" อันนี้ผมไม่ได้โกหกนะกลิ่นกับข้าวที่คุ้นเคยมันหอมแบบสุดๆ ไปเลย
"งั้นไปกันเถอะค่ะ นายท่านรอคุณหนูอยู่" ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินนำอีกคนไปที่ห้องอาหาร
"ลงมาแล้วเหรอลูก"
"ครับคุณพ่อ พอดีว่ากลิ่นอาหารห๊อมหอม ขึ้นไปตามถึงบนห้องเลย" ผมเดินไปเข้าที่ประจำของตัวเองพลางตอบกลับผู้ที่รออยู่ก่อนแล้ว เสียนิสัยจริง ๆ เลยให้คุณพ่อรอทานข้าวได้ไงเนี่ย
เราสองพ่อลูกเริ่มทานข้าวทันทีที่เด็กในบ้านตักข้าวให้ นานๆ ทีจะได้ทานข้าวด้วยกันมันก็จะอร่อยหน่อย ๆ บวกกับฝีมือการทำกับข้าวของป้าจิ๋วอีก สุดยอดไปเลย
"ว่าแต่คุณพ่อจะบอกได้ยังครับว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเรียกดีนกลับไทยด่วนขนาดนี้ล่ะ" ผมถามขึ้นพลางตักข้าวในช้อนเตรียมจะใส่ปาก
ก็ตั้งแต่กลับมาพ่อยังไม่พูดอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องที่ให้ผมกลับไทย ผมเลยต้องชิงถามก่อนเพราะความอยากรู้และข้องใจ
"ดีนจำเพื่อนพ่อที่ชื่อลุงเจตน์ได้ไหม?" คุณพ่อชำเลืองมองมาทางผมกลายๆ ก่อนจะพูดขึ้นถาม
"ลุงเจตน์ที่เมื่อก่อนชอบมาบ้านเราบ่อยๆ น่ะเหรอครับ ว่าแต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้เห็นเลยนะครับ" พูดตอบบทสนทนาหลังจากรู้สึกอิ่มข้าวพอดีก่อนจะวางช้อนส้อมในมือลงอย่างเบาแรง จับผ้าขึ้นเช็ดริมฝีปากบางของตัวเองก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มตาม
"นั่นแหละ พอดีว่าลุงเจตน์อยากให้ดีนกับลูกเขาแต่งงานกัน"
"แค่ก ๆ....คุณพ่อว่าอะไรนะครับ" สำลักน้ำสิงานนี้ ผมไม่ได้ยินอะไรผิดไปใช่ไหม?
"ใจเย็นๆ ค่อยๆ ดื่มสิลูก ก็ลุงเจตน์มาปรึกษาพ่อเรื่องลูก ว่าอยากจะให้แต่งงานกับลูกเขา พ่อก็คิดเหมือนกันนะว่าลูกพ่อจะได้มีคนดูแล พ่อจะได้หมดห่วง" คุณพ่อพูดต่อหลังจากที่ผมมีท่าทีหายจากอาการสำลักน้ำแล้ว
สายตาที่ส่งมาตอนนี้ของคุณพ่อเหมือนกับตอนทำงานเลย มันยิ่งทำให้ผมรู้ว่าครั้งนี้คุณพ่อจริงจังกับมันมากแค่ไหน แล้วแบบนี้ผมจะหาข้ออะไรมากังขาท่านได้
"แต่ลูกลุงเจตน์เป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอครับหรือว่ามีผู้หญิงอีกที่ดีนไม่รู้" คิ้วคู่สวยเริ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างรอคำตอบ
ตั้งแต่เด็กจนโตมาก็รู้แค่ว่าลุงเจตน์มีลูกผู้ชายอายุก็มากกว่าผมราว ๆ 4-5 ปีได้ แต่ทำไมถึงมาคุยเรื่องแต่งงานกับผมที่ตัวก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน
"ไม่มีหรอก ลุงเจตน์มีลูกแค่คนเดียว" ผมไม่ได้จำผิดแต่ทำไมล่ะ?
"คุณพ่อหมายความว่าจะให้ดีนแต่งงานกับผู้ชายเหรอครับ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับพ่อ?" ไม่โอเค ผมไม่โอเคและไม่เข้าใจว่าผู้เป็นพ่อกำลังคิดอะไรอยู่
"ใจเย็น ๆ ก่อน พ่อเห็นว่าพี่เขาก็เป็นคนดีปกป้องดีนได้ พ่อไม่สามารถอยู่กับดีนได้ตลอดนะ เข้าใจพ่อหน่อย" คุณพ่อพูดบอกด้วยน้ำเสียงที่ซอร์ฟลงจากประโยคก่อนหน้าพลางวางช้อนส้อมในมือลงและมองมาที่ผมอย่างตั้งใจนัยน์ตาคู่นั้นแสดงให้เห็นชัดเจนถึงความเป็นห่วง ถึงจะแบบนั้นก็เถอะผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
"แล้วทำไมคุณพ่อไม่ถามดีนสักคำล่ะครับ ทำไมไม่เข้าใจดีนบ้าง"
"ดีนอิ่มแล้ว ดีนจะขึ้นห้อง" น้อยใจครับมีแค่คำเดียวเลยที่อธิบายความรู้สึกในตอนนี้ของผมได้
"หยุดนะดีน พ่อไม่ชอบคนไม่เปิดรับฟังอะไร กลับมานั่งที่เดิม”
"........" ผมที่กำลังจะลุกออกจากเก้าอี้ก็ต้องนั่งลงเหมือนเดิมเพราะรู้แจ้งถึงนิสัยส่วนตัวของผู้เป็นพ่อ
"พรุ่งนี้เย็นลุงเจตน์และครอบครัวจะมาทานข้าวเย็นที่นี่ หวังว่าลูกจะทำตัวดีๆ" คุณพ่อที่เหมือนจะไม่อยากให้เรื่องมันยืดเยื้อก็สรุปทุกอย่างรวบมัดเหมือนมัดมือชกผมเป็นกลาย
"ดีนปฏิเสธอะไรได้บ้างล่ะครับ" นั่นแหละครับผมปฎิเสธอะไรได้ด้วยเหรอ เพราะคำตัดสินของพ่อเป็นที่สิ้นสุดไง
ผมที่ตอนนี้อารมณ์แย่มาเต็มที่ก็ลุกขึ้นเดินไปชั้นสองทันทีก่อนที่เสียงเรียกของป้าจิ๋วจะตามมาติดๆ รอดีนอารมณ์โอเคกว่านี้แล้วกันนะครับป้า
"คุณหนูคะ คุณหนู" ป้าจิ๋วเรียกตามคุณหนูของเธออย่างเป็นห่วงพลางเดินตามไปดูอาการแต่กลับหยุดนิ่งเสียก่อนกับเสียงที่ดังขึ้นแทรก
"ปล่อยเขาไป" นายใหญ่ของบ้านพูดบอกเสียงเรียบก่อนจะถอนหายใจออกมากเฮือกใหญ่อย่างรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าลูกตนต้องไม่พอใจกับสิ่งนี้เป็นแน่
แต่จะให้ทำยังไงได้เพราะสิ่งที่ตนมอบให้ก็เพื่อตัวลูกเองทั้งนั้น เอาเถอะข่มโคขืนให้กลืนหญ้ากันหน่อยจะเป็นอะไรไป
คนที่ไม่ได้รักกัน แต่ถูกจัดให้แต่งงานกันเพียงเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจของครอบครัว ให้ตายก็รักกันไม่ได้อยู่ดี
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
จากอดีตนักล่าซอมบี้ในวันสิ้นโลกต้องผันตัวเป็นสาวน้อยชาวไร่สุดแกร่งที่ต้องช่วยแม่และน้องสาวให้รอดพ้นจากญาติพี่น้องมหาภัยและความยากจน เปิดธุรกิจร่ำรวยใหญ่โตเอาให้เหลือกินเหลือใช้ไปทั้งชาติ!
"ท่านครับ คนยังไม่ตาย ต้องการชนอีกทีไหมครับ" "จัดการเลย" เสิ่นอันหยูซึ่งกำลังจมอยู่ในกองเลือด ได้ยินคำสั่งของสามีกับหู เธอกับเขาไม่เคยเป็นสามีภรรยาที่แท้จริง และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่เคยมีลูก อย่างไรก็ตาม การแต่งงานที่ไม่มีบุตรทำให้แม่สามีกล่าวหาว่าเสิ่นอันหยูมีบุตรยาก ตอนนี้ สามีของเธอไม่เพียงนอกใจเธอเท่านั้น แต่เขาต้องการให้เธอตายด้วย! เขาก็หย่ากับเธอได้ แต่นี่เขาพยายามจะฆ่าเธอ... ในวันที่หย่ากัน เสิ่นอันหยูที่เคยรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดนั้นก็แต่งงานกับชายอีกคนหนึ่งทันที สามีคนที่สองของเธอเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในเมือง เธอสาบานว่าจะใช้อำนาจของเขาให้เป็นประโยชน์และแก้แค้นคนที่เคยทำร้ายเธอ! เดิมทีการแต่งงานของพวกเขาในครั้งนี้ควรเป็นเพียงข้อตกลงที่หาประโยชน์สำหรับทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แต่สุดท้าย เธอกลับถูกชายที่ดื้อรั้นคนนี้ตรึงไว้กับกำแพง "เอาจริงเลยได้ไหม ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไป"
กฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลก "อาหมอกฤษฎิ์" หนุ่มใหญ่วัย 34 ปี มาเฟียในคราบคุณหมอสูตินรีเวชแห่งโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศ โหด เหี้ยม รักใครไม่เป็น เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น สำหรับเขารักแท้ไม่เคยมีรักดีๆ ก็มีให้ใครไม่ได้ แต่สุดท้ายดันมาตกหลุมรักแม่ของลูกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น❤️ "เฟียร์สตีนอยู่ดีๆรู้ตัวอีกทีก็มีลูกสาววัย4ขวบแล้วอ่ะครับ แถมแม่ของลูกทำเอาใจเต้นแรงไม่หยุดเลยนี่เรียกว่าตกหลุมรักใช่ไหมครับ" นลินนิภา อารีย์รักษ์ "ที่รัก" สาวน้อยวัยแรกแย้มบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฐานะยากจนสู้ชีวิต เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องตกเป็นของเขา คนนั้นด้วยความเต็มใจ จนทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคุณแม่ยังสาวด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เล่นตลกเหวี่ยงให้เธอกลับมาพบกับเขาคนนั้นอีกครั้ง พ่อของลูกคนที่เธอถวิลหาไม่เคยลืม ❤️ "ตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรก ห่างกันไกลแค่ไหนใจยังคงคิดถึงเธอเสมอ ❤️พ่อของลูก" หนูน้อยแก้มใส กมลชนก อารีย์รักษ์ สาวน้อยวัย 4 ขวบ สดใสร่าเริง ฉลาดมาก ซนมาก แสบมาก เซี้ยวมาก เฟียสมาก ใครเห็นเป็นต้องหลงรักในความช่างพูดและขี้อ้อนของน้อง "ลุงหมอเป็นพ่อขาของแก้มใสเหรอคะ" หนูเป็นลูกของคุณพ่อกฤษฎิ์กับคุณแม่ที่รักค่ะ หนูจะเป็นกามเทพตัวจิ๋วที่จะมาแผลงศรให้คุณพ่อกับคุณแม่รักกัน❤️มาเอาใจช่วยหนูกันด้วยนะคะ
ลู่จื้อ อาศัยอยู่ในไต้หวัน เธอเป็นเจ้าของคาสิโนขนาดใหญ่ ที่ส่งต่อมาจากพ่อบุญธรรมที่รับเธอมาเลี้ยงจากบ้านเด็กกำพร้า เธอวางมือคืนอำนาจให้ญาติพี่น้องของพ่อบุญธรรม แต่พวกเขากลับตามฆ่าเธอ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด