เมื่อ ‘รัก’ ถูกเวลาทําให้พรากจาก แต่ก็เป็น ‘เวลา’ ที่จะทําไห้ได้รักกลับคืน เมื่อโลกนี้มีไทม์แมชชีน อดีตแสนวุ่นกับอนาคตแสนสงบ จึงถูกดึงดูดให้เข้าใกล้ และเขาจะแก้ไขปัจจุบันให้มันเป็นอนาคตให้ได้ เมื่อ 'ด็อกเตอร์มาวิน' หรือ 'วินซ์' นักฟิสิกส์วัย 38 ผู้ขลุกตัวอยู่ในแอเรีย X สถานที่วิจัยไทม์แมชชีนของประเทศนีโอวิสท์นอส พาตัวเองออกเดินทางย้อนเวลาไปเมื่อ 20 ปีก่อน โดยที่ไม่รู้ตัวว่าจะได้กลับมาเจอกับ 'ทอยส์' รักแรกที่เขาหลงลืม รักในอดีตของทอยส์ กับ รักในอนาคตของผู้การนาธาน และปมเบื้องหลังการสูญเสียความทรงจําของมาวิน ความสัมพันธ์ที่มากกว่าแค่คนสองคน บทสุดท้ายจะจบลงอย่างไร #testoftime *นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
.
.
ในสวนสาธารณะกว้างกลางฤดูหนาวที่อุณหภูมิ 27 องศา แม้ไม่หนาวมาก แต่ก็ถือว่าเย็นสบายและชวนรื่นรมย์มากกว่าหน้าร้อนที่ต้องทนเผชิญมาตลอดปี ต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิบปีสูงตระหง่านตั้งเด่นกระจายตัวมอบร่มเงา ไม้พุ่มไม้ดอกถูกปลูกตัดแต่งและดูแลอย่างดีกระจายตัวตามการจัดวางที่ถูกออกแบบมา ทั้งสวยงาม เบ่งบานและใกล้ร่วงหล่น ที่มุมหนึ่งของสวนมีอดีตหอคอยสังเกตการณ์เฝ้าระวังการลอบหลบหนีของนักโทษที่ถูกปลดระวาง ตั้งอยู่กลางสระน้ำรูปวงกลม ขณะที่อีกฝั่งของสวน มีลานสเก็ตบอร์ด สนามบาส และมุมเครื่องเล่นเด็ก ที่นี่กลายเป็นสวนสาธารณะหลังจากทำหน้าที่เป็นสถานจองจำนักโทษร่วมร้อยปี
ใต้แสงแดดอ่อนที่ส่องแยงทะลุลอดหมู่ใบไม้สีเขียวอมเหลืองที่ชูช่อแตกระแนงเป็นแพใหญ่ของต้นไม้ที่มีลำต้นหนาขนาดหลายคนโอบ สองเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนมอปลาย เสื้อเชิ้ตสีขาวปักชื่อชั้น ทั้งอักษรย่อชื่อของโรงเรียน สอดอยู่ในกางเกงขาสั้นสีดำที่ถูกรัดหลวมไว้ด้วยเข็มขัดหนังสีเดียวกัน ทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่บนผืนหญ้าเขียวที่กินพื้นที่ไกลสุดปลายสายตา อย่างน้อยก็ไกลเกินกว่าที่พวกเขาจะเห็นรั้วขอบโดยรอบ
คนตัวสูงกว่ากำลังก้มมองใบงานเนื้อกระดาษหยาบสีเปลือกไข่ขนาด A5 ที่อยู่ในมือ ปลายปากกาจรดลงกรอกบันทึกข้อมูลที่สังเกตได้ ..ในสระน้ำมีสัตว์สปีชีส์ชนิดอื่นอาศัยอยู่นอกจากปลา เช่น แพลงตอน และสาหร่าย ระบบนิเวศของที่นี่..
ส่วนคนตัวเล็กกว่ากลับเหยียดขานอนสบายวางศีรษะบนตักของคนที่ตั้งใจทำการบ้านเพียงลำพัง
ลมอ่อนพัดเอาใบไม้ใบเล็กสีเหลืองซีดลอยละลิ่วตกบนอกเสื้อของคนที่เอาแต่นอนอย่างเกียจคร้าน เพียงไม่นานมือใหญ่ก็หยิบมันออกอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าจะกวนคน (ตั้งใจ) หลับ ..ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ อกบางยกตัวสม่ำเสมอ เขาเผลอมองไล่ไปบนใบหน้าเรียวเล็กที่ไม่ต่างจากเด็กหนุ่มทั่วไป ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นโดยไม่แจ้งเขาล่วงหน้ามาสักพัก
แพขนตาดำเรียงเบียดสละสลวย คิ้วเข้มแต่ไม่เข้มมากและได้รูป จมูกจัดว่าโด่งและก็มีดั้งสวยรองรับ ริมฝีปากไม่บางไม่หนาแต่มีเนื้ออวบชวนให้มอง
ในเวลาที่มีแต่ความเงียบระหว่างกัน ก็ยังได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร ไม่รู้ว่ารู้ใจกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งที่ตอนเข้ามาเรียน คนตัวเล็กทำเหมือนเกลียดขี้หน้าเขามากมาย เรียกว่าตั้งป้อมรังเกียจกันก็ยังได้ ..เพราะเขาใช้วิธีทำความรู้จักเพื่อนใหม่ในแบบของตัวเอง แต่กลายเป็นถูกมองว่าใช้ของขวัญเพื่อซื้อมิตรภาพความเป็นเพื่อน
..ก็แค่ของเล่นจากสำเพ็งเอง ทำไมต้องคิดเยอะ
ไม่รู้ว่าเขาคิดน้อย หรือคนตัวน้อยคิดมาก
เขาตกใจที่ของขวัญชิ้นเล็กถูกส่งคืนกลับมาพร้อมกับกระดาษหนึ่งแผ่นที่ถูกพับปิดบังข้อความไว้ภายใน เขาเปิดมันออกอ่าน ข้อความในนั้นมีใจความคล้ายว่ากำลังตำหนิการกระทำของเขา ประมาณว่า ‘เพื่อน’ ไม่ได้ซื้อได้ด้วยของ..
แค่อ่านก็สะอึก คนคนนี้เป็นคนแบบไหนกัน ต้องจริงจังกับคำว่า ‘เพื่อน’ มากขนาดนั้นเลยรึไง
ถึงคนมากเรื่องจะเด่นสะดุดตาเพราะรูปลักษณ์แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจเท่าการทำตัวที่ต่างจากคนทั่วไป ไม่ก็เพราะการที่เขาโดนเกลียดขี้หน้าตั้งแต่วันแรก เลยทำให้คนที่ปฏิเสธของขวัญอยู่ในความสนใจมากกว่าใครๆ เขาหัวเราะกับตัวเองก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งอยู่แถวถัดไปอีก 2 แถว ..ชักอยากรู้ว่าถ้าได้สนิทด้วยจะเป็นยังไง
..จนกระทั่งได้สนิทกัน
“อ่ะ อือ” เสียงครางบิดดังจากคนที่นอนสลบไสลไปได้ราวหนึ่งชั่วโมง สองแขนเล็กถูกยื่นเหยียดจนสุดแขนเกือบจะต่อยเอาหน้าของคนที่เอาแต่จ้องมองหลังจากหยิบใบไม้ออกจากอกให้คนที่เพิ่งตื่นจากฝัน
“นอนต่อดิ”
“กี่โมงแล้ว”
“ห้าโมง”
“เห้ย ห้าโมง! ทำไมไม่ปลุก”
“ทำไมต้องปลุก”
“ก็ทอยส์ต้องรีบกลับไง เดี๋ยวโดนแม่ดุ”
ความเป็นห่วงถูกส่งออกมาในเนื้อความ เขายกยิ้มพึงพอใจ นี่ล่ะมั้งสิ่งที่ได้จากการสนิทกัน
คนที่เพิ่งตื่นพลิกตัวตะแคงก่อนจะใช้สองมือดันตัวเองให้ลุกขึ้น ส่วนคนที่ถูกให้ยืมตักก็ช่วยออกแรงดันอีกแรง
“อ๊ะ” เสียงร้องดังแผ่วเบาจากคนที่นั่งนิ่งๆ ทำงานอยู่คนเดียวตลอดชั่วโมง
“เป็นอะไร” คนเพิ่งลุกขึ้นนั่งถามด้วยความเป็นห่วง
“...” เขาไม่ได้ตอบ แต่สีหน้าบูดเบี้ยวเล็กน้อย
“ขาชา?”
“อืม” คนถูกถามพยักหน้าตอบก่อนจะพยายามยืดขาออกไปบ้างเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว แต่คนที่เพิ่งตื่นกลับหัวเราะขบขันพลางยื่นสองมือมาเขย่าขาที่ชาอยู่ของคนเสียสละ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะฉายอยู่บนใบหน้าที่เศร้าสร้อยมาตลอดทั้งวัน ทอยส์พอใจที่ได้เห็นมัน เขากลัดกลุ้มมาทั้งวันว่าจะทำยังไงให้คนรักหายเจ็บปวดจากสิ่งที่เจอมา
“พอได้แล้ววิน มัน..!” เขาร้องลั่นเมื่อความทรมานปวดแปลบแล่นไปทั่วขา มันดำเนินอยู่ไม่นานอาการชาก็ผ่อนคลายลง เขามองหน้าคนช่างแกล้งที่ยังยิ้มกว้าง ..มันน่านัก
“กลับกันเถอะ” วินตั้งท่าจะลุกจากพื้นหญ้าที่ถูกทับจนราบเตียน แต่มือใหญ่ก็รั้งแขนเล็กไว้
“ไม่ต้องหรอก เราโทรบอกแม่แล้ว” พูดพลางยก PCT* ในมือโบกไปมา
“แต่เย็นแล้ว ยังไงก็ต้องกลับ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่สีหน้าที่แสดงออกมากลับไม่เป็นไปอย่างที่พูด วินของเขาไม่ได้อยากกลับบ้านสักนิด
“ไปบ้านเราก่อนไหม” คนตัวสูงเอ่ยชวน หวังว่าจะยืดเวลาและมอบพลังดีๆ ให้วินก่อนกลับได้
“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวนาน”
ทอยส์ยกมือลูบผมนิ่มๆ อย่างหมั่นไส้ เขาไม่ชอบเลยที่วินรู้ใจและรู้ทันเขาเสมอ ตั้งแต่ตกลงคบกัน ทั้งคู่ก็มักหาโอกาสเติมเต็มความรู้สึกให้กัน หลายครั้งก็เกือบจะยับยั้งห้ามใจกันไม่อยู่ พลังวัยแตกหนุ่มมันพลุ่งพล่านจนไม่อยากจะทนทรมาน
“งั้นไปกินไอติมแล้วค่อยกลับ เราเลี้ยงเอง” เขารู้ดีว่าคนตัวเล็กกว่าชอบของหวาน ยิ่งตอนอารมณ์ไม่ดี เครปเจ้าใหม่ที่เพิ่งมาเปิดในโรงอาหารเลยเป็นของโปรดของมาวิน ..กล้วยราดช็อกโกแลต เป็นเมนูที่วินสั่งประจำ
“เลี้ยงทำไม ต้องเป็นเราที่เลี้ยงทอยส์ดิ งานเราก็ไม่ได้ช่วย เอาแต่หลับ” มาวินรู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยทำงานกลุ่มวิทยาศาสตร์ ทั้งที่ไม่เคยหันหลังให้กับวิชาโปรด แต่วันนี้..เขาไม่มีแรงจะทำอะไรจริงๆ
“งั้นวินก็เลี้ยงไอติมเรา แล้วเราก็เลี้ยงฮอตดอกวิน”
“เดี๋ยวก็กินข้าวที่บ้านไม่ลงหรอก”
“เรากินจุ วินก็รู้”
ด้วยความที่ทอยส์สูงเกือบ 180 ในวัยนี้ จึงกลายเป็นจอมล้างผลาญอาหารในสายตาของกลุ่มเพื่อน ชามกระดูกหมูติดเนื้อที่ขอจากเจ๊ร้านก๋วยเตี๋ยวในโรงอาหารจึงวางอยู่ตรงหน้าเขาเสมอ และไม่มีใครกล้าแย่งแทะ เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ลอกการบ้านจากคนเก่งเลขอย่างเขา
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!