สุภาษิตสอนหญิงยุคไฮเทคว่าไว้ แรด! เท่านั้นที่ครองโลก จริงเปล่าหว่า? เอาเป็นว่าเราอย่าไปสนใจมันเลยนะ มาลุ้นกันดีกว่าว่า ‘รัชนี’ เลขาสาววัยดึก จะทำยังไง ‘ชานนท์’ บอสสุดหล่อจึงจะสนใจเธอ เธอต้อง แรด!! ขนาดไหน บอสถึงจะชวนเธอขึ้นเตียง เอ... หรือว่าขึ้นโต๊ะทำงานดี อย่างไหนนะ จะแรดกว่า คำเตือน!!! อย่าหวังสาระกับนิยายเรื่องนี้ (เพราะไม่มี) แค่รักแล้วต้องเอาให้ได้ แรด!! เท่านั้นที่ครองโลก จริงปล่าว? แล้ว ‘นอ’ ของแรดนี่มีไว้เพื่อพุ่งชนจริงๆ ใช่มั้ย? ถ้าอยากรู้ก็ต้องตามมา อิอิ...
“อา... ซี้ด... โอว... ซี้ด... อูย... โอว... ซี้ด... โอว...”
เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องที่ปิดทึบด้านในทำให้ ‘รัชนี’ ต้องกุมฝ่ามือเข้าหากันแน่น แต่ไม่ใช่เพราะตกใจ ตื่นกลัว หรือตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก แต่มันมาจากความรู้สึกโทษตัวเอง ว่าควรจะหาทางป้องกันเสียงด้านในไม่ให้เล็ดลอดออกมาด้านนอกให้มากกว่านี้
เพราะขณะนี้ไม่ใช่เธอที่ยืนอยู่ลำพัง ณ ด้านหน้าห้อง แต่ยังมี ‘หนูดี’ ผู้ช่วยของเธอยืนอยู่ด้วย และจากสีหน้าของหนูดีที่แดงแจ๋นั้น รัชนีก็เดาได้ว่าสาววัย 30 ที่เพิ่งผ่านการแต่งงานไปไม่ทันถึงปี คงจะเดาได้ว่าคนข้างในนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ แต่เธอล่ะ...
“พี่นีคะ บอสไม่น่าทำอย่างนี้เลยนะคะ ประเจิดประเจ้อที่สุด นี่ลูกค้าก็จะมาอยู่แล้ว แทนที่จะเตรียมตัวต้อนรับลูกค้า แต่บอสกลับ...”
รัชนีมองหนูดีที่ทำท่าทางกระฟัดกระเฟียดมองค้อนเข้าไปในห้องกระจกปิดทึบ ราวกับว่าสิ่งที่ ‘ชานนท์’ หรือ บอสหนุ่มหล่อลากดินของพวกเธอกำลังทำอยู่นี้มันน่ารังเกียจจริงๆ หนูดีอาจจะคิดแบบนั้น แต่สำหรับเธอ...
“เรื่องของเจ้านายน่ะหนูดี ไม่ใช่เรื่องของเรา พี่ว่าเราควรคิดที่จะหาทางให้บอสออกมาดีกว่านะ และก็คิดเผื่อไปถึงเรื่องทำห้องเก็บเสียงด้วย ทำยังไงก็ได้ ไม่ให้เสียง... เอ่อ... เสียงพวกนั้นเล็ดลอดออกมาอีก”
รัชนีแทบจะกัดฟันพูดเมื่อเสียงนั้นยังดังประสานกับเสียงพูดของเธอไม่หยุด และดูท่าจะดังมากขึ้นๆ เสียอีกด้วย
“พี่นี! หนูดีไม่เข้าใจพี่เลย พี่จะไปทำห้องเก็บเสียงให้บอสทำไมคะ พี่นีควรจะเตือนบอสว่าเสียง... ไอ้เสียงซี้ดซ้าดนั่นน่ะ มันดังทะลุออกมาข้างนอกแล้วนะ บอสจะได้ไม่ทำอีก นี่พี่นีทำเหมือนกับว่า... พี่นีสนับสนุนบอสให้ทำอย่างนั้นอ่ะ”
รัชนีถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อหนูดีทำท่าจะมีอารมณ์ขึ้นมาจริงๆ ทั้งที่มันสมควรมั้ยล่ะ ใช่สิ... มันสมควรมั้ยที่ชานนท์ทำอะไรแบบนี้ในที่ทำงาน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ทว่ามันหลายต่อหลายครั้งแล้วที่เธอต้องมาคอยตามเช็ดตามล้าง ต้องทำแม้กระทั่งเก็บถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วไปทิ้งถังขยะ
เรียกได้ว่าที่ไหนก็ได้ที่ลับตาคนอื่น ขอเพียงไม่มีคนเห็น ชานนท์ก็พร้อมจะทะลุทะลวงเคหาสวาทของคู่ขาได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ แต่นั่นไม่รวมเสียงนะ เพราะทุกครั้งที่ผ่านมา มันกลายเป็นว่าเธอต้องคอยกันคนไม่ให้เข้ามาเห็น ไม่ให้ใครมาได้ยินเสียง ส่วนเธอล่ะ...
“พี่นีคะ... พี่นี!”
“ฮ่ะหนูดีว่าไง”
“พี่นีเป็นอะไรคะ หนูดีเรียกตั้งนาน”
“ว่าไงเหรอ”
“แล้วจะเอายังไงคะ นี่ลูกค้าใกล้จะมาแล้วนะคะ ใครจะเข้าไปทำให้บอสหยุด หยุด... กิจกามนั่นอ่ะ”
หนูดีหน้าตาบอกบุญไม่รับเมื่อเสียงจากด้านในยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังรัวเร็วเป็นจังหวะกระชั้นถี่มากขึ้นไปอีก เสมือนว่าคนด้านในที่ตีตั๋วทัวร์ไปสวรรค์กำลังจะถึงอยู่รอมร่อ แต่เวลาที่กระชั้นถี่มากกว่านี่แหละที่ทำให้ร้อนใจจนจะรอไม่ไหวอยู่แล้ว
“หนูดีไปดูแลความเรียบร้อยในห้องประชุมป่ะ เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง”
“จริงเหรอคะ พี่นีจัดการได้จริงๆ เหรอคะ”
“เออน่า... ไปเถอะ หรือว่าเราจะเป็นคนไปจัดการล่ะ”
“ไม่อ่ะค่ะ เชิญพี่นีตามสบาย หนูดีไปล่ะค่ะ ขืนอยู่ตรงนี้อีกนาทีเดียว มีหวังหนูดีคงต้องขอลากลับบ้านแน่”
“ทำไมล่ะ ทำไมต้องกลับบ้าน นี่เราโมโหบอสจนอยู่ไม่ไหวเลยเหรอ” รัชนีถามพลางขยับแว่นเพื่อมองใบหน้าของหนูดีให้ชัดมากขึ้น เพราะผู้ช่วยของเธอในตอนนี้ทำท่าขนลุกขนพอง แต่ใบหน้านั้นกลับแดงก่ำดั่งคนอยู่กลางแดดมาเป็นเวลานาน
“โธ่! พี่นีคะ ก็เสียงขึ้นสวรรค์เชิญชวนซะแบบนั้น หนูดีก็อยากไปมั่งสิคะ ใครไม่อยากก็ตายด้านแล้วล่ะค่ะ”
หนูดีเดินไปไกลแล้ว แต่รัชนียังคงยืนอึ้งกับสิ่งที่ผู้ช่วยบอก ‘ใครไม่อยากก็ตายด้านแล้วล่ะค่ะ’ นั่นหนูดีว่าเธอใช่มั้ย เธอใช่มั้ยที่เป็นคน ‘ตายด้าน’ อย่างนั้นเหรอ เธอเป็นคนตายด้านอย่างนั้นเหรอ
รัชนีส่ายใบหน้าไปมา ในหัวสมองมีแต่เพียงเสียงของหนูดีที่ดังซ้ำๆ กันไปมา แต่แล้วเสียงจากด้านในที่ดังกลบเกลื่อนทุกความคิดก็ทำให้ร่างอวบอิ่มต้องเร่งเข้าไปด้านในโดยเร็ว ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะระเบิดออกมาเพราะคำว่า ‘ตายด้าน’ คำนั้น
เพียงประตูเปิดแย้มพอแค่ร่างเธอจะแทรกเข้าไปได้ ภาพที่เห็นเด่นชัดอยู่ในมุมที่ตรงกันข้ามกับประตูก็ทำให้รัชนีต้องชะงักค้าง ตัวแข็งทื่อก้าวขาไม่ออก เพราะภาพที่เห็นนั้นคือ ผู้ชายที่มีโครงร่างสูงใหญ่ไม่ต่างจากชายต่างชาติ กำลังส่งอัดความแข็งแกร่งกึ่งกลางกายใส่ร่างของหญิงสาวที่เห็นเพียงท่อนขากางห่างออกจากกัน
จังหวะกระแทกกระทั้นรุนแรงทำให้รัชนีถึงกับเผลออ้าปากค้าง ก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลียไล้ที่ริมฝีปากเพื่อลดทอนความแห้งผากนั้นได้บ้าง เพราะเขายังอยู่ในชุดสูทสากล เรียบหรู ราคาแพง ทว่ามันมีแต่เพียงท่อนบนน่ะสิ ท่อนล่างน่ะเหรอ ก็กองเรี่ยราดอยู่กับพื้น
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"