“อา... ซี้ด... โอว... ซี้ด... อูย... โอว... ซี้ด... โอว...”
เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องที่ปิดทึบด้านในทำให้ ‘รัชนี’ ต้องกุมฝ่ามือเข้าหากันแน่น แต่ไม่ใช่เพราะตกใจ ตื่นกลัว หรือตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก แต่มันมาจากความรู้สึกโทษตัวเอง ว่าควรจะหาทางป้องกันเสียงด้านในไม่ให้เล็ดลอดออกมาด้านนอกให้มากกว่านี้
เพราะขณะนี้ไม่ใช่เธอที่ยืนอยู่ลำพัง ณ ด้านหน้าห้อง แต่ยังมี ‘หนูดี’ ผู้ช่วยของเธอยืนอยู่ด้วย และจากสีหน้าของหนูดีที่แดงแจ๋นั้น รัชนีก็เดาได้ว่าสาววัย 30 ที่เพิ่งผ่านการแต่งงานไปไม่ทันถึงปี คงจะเดาได้ว่าคนข้างในนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ แต่เธอล่ะ...
“พี่นีคะ บอสไม่น่าทำอย่างนี้เลยนะคะ ประเจิดประเจ้อที่สุด นี่ลูกค้าก็จะมาอยู่แล้ว แทนที่จะเตรียมตัวต้อนรับลูกค้า แต่บอสกลับ...”
รัชนีมองหนูดีที่ทำท่าทางกระฟัดกระเฟียดมองค้อนเข้าไปในห้องกระจกปิดทึบ ราวกับว่าสิ่งที่ ‘ชานนท์’ หรือ บอสหนุ่มหล่อลากดินของพวกเธอกำลังทำอยู่นี้มันน่ารังเกียจจริงๆ หนูดีอาจจะคิดแบบนั้น แต่สำหรับเธอ...
“เรื่องของเจ้านายน่ะหนูดี ไม่ใช่เรื่องของเรา พี่ว่าเราควรคิดที่จะหาทางให้บอสออกมาดีกว่านะ และก็คิดเผื่อไปถึงเรื่องทำห้องเก็บเสียงด้วย ทำยังไงก็ได้ ไม่ให้เสียง... เอ่อ... เสียงพวกนั้นเล็ดลอดออกมาอีก”
รัชนีแทบจะกัดฟันพูดเมื่อเสียงนั้นยังดังประสานกับเสียงพูดของเธอไม่หยุด และดูท่าจะดังมากขึ้นๆ เสียอีกด้วย
“พี่นี! หนูดีไม่เข้าใจพี่เลย พี่จะไปทำห้องเก็บเสียงให้บอสทำไมคะ พี่นีควรจะเตือนบอสว่าเสียง... ไอ้เสียงซี้ดซ้าดนั่นน่ะ มันดังทะลุออกมาข้างนอกแล้วนะ บอสจะได้ไม่ทำอีก นี่พี่นีทำเหมือนกับว่า... พี่นีสนับสนุนบอสให้ทำอย่างนั้นอ่ะ”
รัชนีถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อหนูดีทำท่าจะมีอารมณ์ขึ้นมาจริงๆ ทั้งที่มันสมควรมั้ยล่ะ ใช่สิ... มันสมควรมั้ยที่ชานนท์ทำอะไรแบบนี้ในที่ทำงาน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ทว่ามันหลายต่อหลายครั้งแล้วที่เธอต้องมาคอยตามเช็ดตามล้าง ต้องทำแม้กระทั่งเก็บถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วไปทิ้งถังขยะ
เรียกได้ว่าที่ไหนก็ได้ที่ลับตาคนอื่น ขอเพียงไม่มีคนเห็น ชานนท์ก็พร้อมจะทะลุทะลวงเคหาสวาทของคู่ขาได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ แต่นั่นไม่รวมเสียงนะ เพราะทุกครั้งที่ผ่านมา มันกลายเป็นว่าเธอต้องคอยกันคนไม่ให้เข้ามาเห็น ไม่ให้ใครมาได้ยินเสียง ส่วนเธอล่ะ...
“พี่นีคะ... พี่นี!”
“ฮ่ะหนูดีว่าไง”
“พี่นีเป็นอะไรคะ หนูดีเรียกตั้งนาน”
“ว่าไงเหรอ”
“แล้วจะเอายังไงคะ นี่ลูกค้าใกล้จะมาแล้วนะคะ ใครจะเข้าไปทำให้บอสหยุด หยุด... กิจกามนั่นอ่ะ”
หนูดีหน้าตาบอกบุญไม่รับเมื่อเสียงจากด้านในยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังรัวเร็วเป็นจังหวะกระชั้นถี่มากขึ้นไปอีก เสมือนว่าคนด้านในที่ตีตั๋วทัวร์ไปสวรรค์กำลังจะถึงอยู่รอมร่อ แต่เวลาที่กระชั้นถี่มากกว่านี่แหละที่ทำให้ร้อนใจจนจะรอไม่ไหวอยู่แล้ว
“หนูดีไปดูแลความเรียบร้อยในห้องประชุมป่ะ เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง”
“จริงเหรอคะ พี่นีจัดการได้จริงๆ เหรอคะ”
“เออน่า... ไปเถอะ หรือว่าเราจะเป็นคนไปจัดการล่ะ”
“ไม่อ่ะค่ะ เชิญพี่นีตามสบาย หนูดีไปล่ะค่ะ ขืนอยู่ตรงนี้อีกนาทีเดียว มีหวังหนูดีคงต้องขอลากลับบ้านแน่”
“ทำไมล่ะ ทำไมต้องกลับบ้าน นี่เราโมโหบอสจนอยู่ไม่ไหวเลยเหรอ” รัชนีถามพลางขยับแว่นเพื่อมองใบหน้าของหนูดีให้ชัดมากขึ้น เพราะผู้ช่วยของเธอในตอนนี้ทำท่าขนลุกขนพอง แต่ใบหน้านั้นกลับแดงก่ำดั่งคนอยู่กลางแดดมาเป็นเวลานาน
“โธ่! พี่นีคะ ก็เสียงขึ้นสวรรค์เชิญชวนซะแบบนั้น หนูดีก็อยากไปมั่งสิคะ ใครไม่อยากก็ตายด้านแล้วล่ะค่ะ”
หนูดีเดินไปไกลแล้ว แต่รัชนียังคงยืนอึ้งกับสิ่งที่ผู้ช่วยบอก ‘ใครไม่อยากก็ตายด้านแล้วล่ะค่ะ’ นั่นหนูดีว่าเธอใช่มั้ย เธอใช่มั้ยที่เป็นคน ‘ตายด้าน’ อย่างนั้นเหรอ เธอเป็นคนตายด้านอย่างนั้นเหรอ
รัชนีส่ายใบหน้าไปมา ในหัวสมองมีแต่เพียงเสียงของหนูดีที่ดังซ้ำๆ กันไปมา แต่แล้วเสียงจากด้านในที่ดังกลบเกลื่อนทุกความคิดก็ทำให้ร่างอวบอิ่มต้องเร่งเข้าไปด้านในโดยเร็ว ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะระเบิดออกมาเพราะคำว่า ‘ตายด้าน’ คำนั้น
เพียงประตูเปิดแย้มพอแค่ร่างเธอจะแทรกเข้าไปได้ ภาพที่เห็นเด่นชัดอยู่ในมุมที่ตรงกันข้ามกับประตูก็ทำให้รัชนีต้องชะงักค้าง ตัวแข็งทื่อก้าวขาไม่ออก เพราะภาพที่เห็นนั้นคือ ผู้ชายที่มีโครงร่างสูงใหญ่ไม่ต่างจากชายต่างชาติ กำลังส่งอัดความแข็งแกร่งกึ่งกลางกายใส่ร่างของหญิงสาวที่เห็นเพียงท่อนขากางห่างออกจากกัน
จังหวะกระแทกกระทั้นรุนแรงทำให้รัชนีถึงกับเผลออ้าปากค้าง ก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลียไล้ที่ริมฝีปากเพื่อลดทอนความแห้งผากนั้นได้บ้าง เพราะเขายังอยู่ในชุดสูทสากล เรียบหรู ราคาแพง ทว่ามันมีแต่เพียงท่อนบนน่ะสิ ท่อนล่างน่ะเหรอ ก็กองเรี่ยราดอยู่กับพื้น