หญิงงามต้องคำสาป 'การเสพสม' คืออาหาร แต่เมื่อความรักมาเยือน นางจะทำเยี่ยงไร ใจหนึ่งก็รัก แต่ร่างกายก็กระหายหิว!!!
หญิงงามต้องคำสาป 'การเสพสม' คืออาหาร แต่เมื่อความรักมาเยือน นางจะทำเยี่ยงไร ใจหนึ่งก็รัก แต่ร่างกายก็กระหายหิว!!!
สองเท้าพาร่างอ่อนล้าเพราะกรำงานหนักมาทั้งวันมุ่งตรงเข้าสู่ตรอกเล็กๆ ที่แยกมาจากถนนเส้นหลักของชุมชนย่านตลาด แม้จะเป็นยามห้ายแต่เสียงพ่อค้าแม่ค้าตะโกนโหวกเหวกร้องเรียกลูกค้าซื้อของ เสียงลูกจ้างโรงเตี๊ยมเรียกลูกค้าเข้าร้าน เสียงหัวเราะต่อกระซิกครื้นเครงจากโรงคณิกา และเสียงการเล่นที่มีเรียงรายตลอดเส้นทางก็ยังดังต่อเนื่องตลอด เสมือนว่าทุกสิ่งบนถนนเส้นหลักนั้นไม่เคยหลับใหล
แต่สำหรับเขา งานรับจ้างแบกข้าวสารที่กรำมาทั้งวัน ก็หนักหนาเสียจนเขาอยากจะทอดร่างลงนอนแล้วให้น้องนางคณิกาที่ชม้อยชายตาให้เมื่อครู่ บีบนวดให้คลายเมื่อย แต่เพราะความจนทำให้ต้องเจียมตัว เงินที่หาได้ในแต่วันก็ต้องเก็บออมไว้ไถ่ถอนที่นาที่เอาไปจำนองไว้เมื่อครั้งแต่งเมีย
เดิมคิดว่าหน้านาครั้งนี้จะได้ข้าวมากพอที่จะขายและปันเงินมาไถ่ถอนได้ แต่โชคชะตาฟ้าก็กลั่นแกล้งให้ปีนี้น้ำท่วมหนัก ข้าวเน่าตายคานาไปแทบทั้งหมด ที่เหลือก็เพียงเอาไว้กิน เขาจึงต้องจากบ้านมาทำงานในเมือง
ดังนั้นไม่ว่าจะอยากปลดเปลื้องความสุขมากแค่ไหน ก็ต้องทนไว้ หรือหากทนไม่ไหว นิ้วมือทั้งห้าก็ช่วยได้ แต่หากพรุ่งนี้เขาขยันมากขึ้น บางทีเขาอาจมีเงินเพียงพอที่จะหาซื้อความสุข แค่ต้องขอให้ ‘ซ้อเจ็ด’ เจ้าของหอคณิกา ช่วยลดราคาค่าตัวแม่นางเหล่านั้นให้หน่อย เขาจะไม่เกี่ยงไม่เลือกนางใด จะให้ซ้อเจ็ดเลือกให้ แม่นางผู้ใดก็ได้ที่จะพอรับเงินน้อยนิดของเขา
“อูย...”
แค่คิด มือกรำงานมาทั้งวันก็ต้องทาบทับกระบองสั้นเอาไว้เพื่อระงับ แต่เสียงหัวเราะของแม่นางคนงามเหล่านั้นก็ยังคงดังต่อเนื่อง เขาจึงต้องเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นอีก ถ้าไม่ได้ยินเสียงหวานหัวเราะต่อกระซิก เขาคงจะห้ามตัวเองจนกว่าจะถึงที่พักได้
ยามดึกเช่นนี้ แสงสว่างจากจันทร์ครึ่งเสี้ยวยังพอให้เห็นเส้นทางได้ ยิ่งเดินมาไกล ทั้งเสียงและแสงก็เริ่มจะลดน้อยลง เพราะแม้จะมีแสงจันทร์นำทาง แต่แนวต้นไม้ที่ขึ้นหนาทึบเรียบริมตลิ่งก็ไม่อาจทำให้จันทร์ทอแสงส่องมาถึงได้
อากาศที่เริ่มเย็นทำให้เขาต้องห่อตัวและเร่งฝีเท้า เพื่อให้ถึงยังจุดหมายโดยเร็ว เพราะหากชักช้าแล้วพบเจอสัตว์มีพิษเข้า เขานี่แหละที่จะเดือดร้อน เพราะคงไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าหมอรักษา ลำพังแค่เงินจะหาห้องพักเล็กๆ แค่ซุกหัวนอนก็ยังทำไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เลือกพำนักที่วัดร้างด้านใน
คิดแล้วก็ท้อใจในโชคชะตาเพราะลำพังแค่เงินค่าจ้างต่อวันก็น้อยแล้ว ยังต้องเจียดไว้สำหรับซื้ออาหารแต่ละมื้อ ดังนั้นเรื่องเข้าพักในโรงเตี๊ยมก็เป็นสิ่งที่ไกลตัว คิดแล้วก็ได้แต่แค่นยิ้ม เพราะจนแสนจน แต่เขายังกล้านึกถึงเรือนร่างของแม่นางเหล่านั้น
ร่างเล็กผอมรีบพาตัวเองเดินลัดเลาะตามริมตลิ่ง สายตาสอดส่ายระแวดระวังภัย แต่แล้วอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ริมน้ำก็ทำให้เขาต้องชะงักฝีเท้า พลางขยี้ตาให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นนั้นใช่อย่างที่คิดไว้จริงหรือไม่
เรือนร่างขาวโพลนท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องกระทบกำลังดำผุดดำว่ายอยู่กลางสายน้ำที่แยกตัวมาจากแม่น้ำสายหลักของเมืองหลวง ขนาบกับตรอกที่เขาเดินเข้า ร่างอรชรแหวกว่ายไปในทิศทางที่เขากำลังตรงไป ‘ท่าน้ำหน้าวัดร้าง’ สถานที่ที่เขาใช้สำหรับชำระล้างร่างกายในแต่ละค่ำคืน
สองเท้าพาก้าวเร็วไวตามใจที่โลดแล่น แม้ว่ามันอยากจะหยุดเต้นเสียเวลานี้ เพราะหากเขาไม่ได้ตาฝาดไป สิ่งที่เห็นนั้นคือ สาวน้อยรูปร่างอรชรที่ไม่ได้นุ่งห่มอะไรเลยสักชิ้น ร่างของแม่นางผู้นั้นเปล่าเปลือยจนเห็นความอวบอิ่มนูนเด่นได้อย่างถนัดตาและยิ่งใหญ่จนเขาอยากไปเห็นให้ใกล้กว่านี้
ยิ่งเดินเข้าใกล้ ดวงตาหื่นกระหายก็ไม่อาจละจากอกอวบอิ่มที่เห็นปริ่มน้ำได้เลย เพราะทรวงอกนั้นไม่ต่างจากดอกบัวคู่งามที่โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา มันทั้งอูมใหญ่ ทั้งขาวผ่องกระจ่างชัดอยู่ในค่ำคืน และเมื่อเจ้าของดอกบัวคู่ใหญ่หันมาเห็นเขา หญิงสาวก็ทำท่าเอียงอาย แต่ชม้ายตาให้เขาราวกับเย้ายั่ว
เขาพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่ท่าน้ำ แต่ไม่วายจะหันมองเข้าไปด้านใน เพราะวัดร้างแห่งนี้ไม่ได้มีเขาอยู่เพียงผู้เดียว แต่ยังมีคนทุกข์ยากแบบเขามาอาศัยอยู่ด้วยกันหลายคน แค่มีที่ซุกหัวนอนเท่านั้น เขาอยากให้แน่ใจว่านอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครเห็นแม่นางน้อยยั่วเย้าผู้นี้
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใคร เขาไม่รอช้าที่จะก้าวเข้าใกล้
ริมฝีปากอวบอิ่มของสาวน้อยแย้มยิ้มพร้อมกับส่ายทรวงอกสะท้านผิวน้ำไปมาราวกับว่าหากขืนเขายังช้ากว่านี้ บัวคู่งามก็อาจจะหลบลี้หนีจากไปได้
ไม่มีอะไรอยู่ในหัวของเขาอีกแล้วในเวลานี้ สิ่งที่เห็นตรงหน้าสั่งการให้ฝ่ามือหยาบใหญ่จากการกรำงานหนักมาทั้งวันและตลอดชั่วชีวิตนี้ไม่รอช้า เร่งถอดเอาเสื้อผ้าชุ่มเหงื่อออกจากร่างแต่โดยเร็ว ฝ่าเท้าพาก้าวลงสู่ริมตลิ่งทั้งที่ดวงตากระหายยังคงจับจ้องใบหน้างามที่มองมาอย่างเรียกร้องเชิญชวน
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
ในคืนแต่งงาน เธอไม่ได้พบเจ้าบ่าว ชายแปลกหน้าที่บุกเข้ามา ทำลายทุกอย่างของเธอ แม่สามีทั้งทุบตีและดูหมิ่น สามีเย็นชาและไร้ความปรานี อีกทั้งยังมีหญิงอื่นหัวเราะเยาะและอวดโอ้ เธอจึงถูกไล่ออกไปจากบ้าน ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นทนายความมือหนึ่ง ที่สามารถใช้เอกสารฟ้องร้องชายที่ทำลายชีวิตเธอได้ แต่เธอไม่รู้ว่าชายคนนั้นคือเศรษฐีที่มีชื่อเสียงในเมืองใหญ่ คนผู้นี้ผ่านผู้หญิงมาหลายคนแต่ไม่เคยผูกพันกับใครเลย มีความสะอาดอย่างมาก อารมณ์แปรปรวน เป็นคนดื้อรั้นและเผด็จการ บังคับให้เธอแต่งงานกับเขา ทำทุกวิธีทางที่เขาจะทำได้ เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิม...
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY