"นอนกับพ่อก็นอนมาแล้วแค่นอนกับลูกอีกคนมันจะเป็นไรไป!ว่ามั้ย?" ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากอย่าเย้ยหยัน มองสำรวจเรือนร่างเปลือยเปล่าของคนใต้ร่างที่นอนตัวสั่นน้ำตาไหลอาบสองแก้ม สไนเปอร์ ปรมะ โชติฐิติเมธานนท์ เจ้าของใบหน้าหล่อสังหาร ผู้จัด/ผู้กำกับ ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเด็ดขาดไม่กลัวใครเวลางานคืองาน ใครที่ได้ร่วมงานด้วยต้องตั้งใจและจะประสบความสำเร็จทุกราย ถือว่าเป็นมาเฟียในวงการ เย็นชา เคร่งขรึมกับทุกคนยกเว้นคนในครอบครัว นับดาว หฤทย์ณิศา เอกอนันต์ เด็กสาวเจ้าของรอยยิ้มโลกละลาย ถึงฐานะทางบ้านจะไม่สู้ดี แต่รอยยิ้มของเธอทำให้พ่อและคนรอบข้างมีความสุข เธอสดใส อัธยาศัยดี ขี้เล่น ความฝันคือการได้โปรดิวเซอร์มือหนึ่ง แต่ด้วยเหตุไม่คาดคิดเธอตั้งรับไม่ทัน ด้วยความ ลำบากการแบ่งแยก การเอาเปรียบ เธอเป็นได้แค่เพียง เด็กกอง ที่ต้องทำงานหนักตื่นเช้าเข้างานก่อนทุกคนแต่ต้องกลับดึกทุกวัน แต่คนเราเลือกเกิดไม่ได้เธอได้แต่ก้มหน้ารับกรรม!แต่เพราะพลังบวกและคนที่รออยู่ข้างหลังทำให้เธอยิ้มรับ "ขอบคุณนะคะที่เมตตาดาว" "ที่ดาวมีกินมีใช้ทุกวันนี้ก็เพราะคุณ" สองร่างเปลือยเปล่านอนกอดคลอเคลียกันอยู่บนเตียง "เพราะหนูเอาใจเก่งแบบนี้ไงฉันถึงได้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น" ชายวัยห้าสิบปลายๆ พูดเสียงอ่อนเสียงหวานมือสากลูบไล้คลอเคลียเนินอกอิ่มด้วยความเสน่หา "ดาวจะทำให้คุณมีความสุขทุกวันเลยค่ะ ขอแค่คุณเมตตาเด็กน้อยตาดำๆ คนนี้" มือเรียวไม่อยู่นิ่งลูบไล้แผงอกเลื่อนต่ำ ลงไปที่หน้าท้องล้วงลงไปใต้ผ้าห่ม กอบกุมความแข็งแกร่งชักรูดขึ้นลงอย่างชำนาญมือ "อ่าส์~~ ฉะ....ฉันจะไปไหนได้ในเมื่อหนูเด็ดขนาดนี้!" ชายวัยห้าสิบ ยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเด็กสาวรุ่นลูกใช้ปากปรนเปรอความใคร่มอบความสุขที่เขาปรารถนามาตลอด หลายปีที่ภรรยาคู่ใจไม่สามารถมอบความสุขกับเรื่องบนเตียงให้ตนได้ตั้งแต่เธอแท้งลูกและป่วยออด ๆ แอดๆ และไม่สามารถร่วมรักกับสามี ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ผู้เป็นสามีมีบ้านเล็กบ้านน้อยแต่เธอก็ไม่ได้ต่อว่าเพราะเธอรู้ตัวว่าให้ในสิ่งที่สามีต้องการไม่ได้ แต่ผู้ชายมันกลับไม่เคยพอเมื่อสามีพาเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับลูกชายเข้าบ้าน ทำเรื่องน่าอายโดยไม่สนใจว่าคนเป็นเมียจะรู้สึกยังไง และวันนี้สาวเจ้าก็ออดอ้อนเอาใจผัวแก่ให้พาเข้าบ้าน และยังยุยงส่งเสริมให้เขาหย่าขาดจากภรรยาเพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นคุณผู้หญิงและมีชีวิตสุขสบายอย่างที่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ๆ "อ๊ะ อ๊ะ อ๊างง ดาวเสียวจังค่ะ" "ของคุณมันใหญ่ทำเอาดาวทั้งจุกทั้งเสียว~~" ร่างบางนั่งควบม้าขย่มอยู่บนตัวชายรุ่นพ่ออย่างเมามัน สองมือบีบขย้ำสองเต้าอวบอิ่ม กัดปากยั่วยวนอารมณ์ของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ปัง!! "ป๊า!!!" "ออกมาเรามีเรื่องต้องคุยกัน!!" แต่ระหว่างสองร่างเปลือยเปล่ากำลังสนุกกับรสสวาทอันเร่าร้อน เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงเข้มดุดันตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด "มีอะไร!ไว้คุยกันฉันไม่ว่าง!" แต่ผู้เป็นพ่อกลับไม่สนใจสองมือยังคงบีบจับอยู่กับเต้าอวบอิ่ม "ถ้าไม่ออกมาผมจะพังเข้าไป!" ชายหนุ่มพูดอย่างข่มอารมณ์ สองมือกำหมัดแน่นด้วยตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาที่กำลังสอบคัดเลือกการประกวดภาพยนตร์สั้นรอบชิงชนะเลิศต้องทิ้งทุกอย่างเมื่อได้รับข้อความจากแฟนสาวว่าแม่พยายามกินยาฆ่าตัวตาย แต่ตัวต้นเหตุกลับไม่สนใจ กลับพาเมียน้อยเข้าบ้าน ปัง!! "อร้าย!!!" หญิงสาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดโดยที่เธอยังนั่งแก้ผ้าล่อนจ้อน นั่งทับอยู่บนตัวของอีกฝ่าย "จะมากเกินไปแล้วนะสไนเปอร์!!" ผู้เป็นพ่อสถบลูกชายอย่างหัวเสีย "....." แต่หญิงสาวกลับไม่สนใจมองหน้าชายหนุ่มด้วยความเสน่หา เพราะรูปร่างหน้าตาเขามันชั่งถูกใจหล่อนเสียจริง "หึ...ไม่ต้องมาอ่อยกู!ผู้หญิงแรดๆ ร่านๆ แบบมึง!ให้พรีกูก็ไม่เอา!" "จะออกไปจากบ้านกูดี ๆหรือให้กูเอาคนมาลากมึงออกไป!!" แต่ทว่าชายหนุ่มกลับด่าเธออย่างไม่สนใจผู้เป็นพ่อที่จ้องหน้าลูกชายอย่างโมโห เพียะ!! "มันจะมากเกินไปแล้วนะ!" "ยังไงหนูนับดาว เขาก็มีศักดิ์เป็นเมียกู!" ผู้เป็นพ่อลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูพันช่วงล่าง เดินเข้าไปตบลูกชายด้วยความโมโห "หึ...เมีย?" สายตาแข็งกร้าวเกรี้ยวกราดมองไปที่หญิงไร้ยางอายที่ตอนนี้เธอก็ยังคงเปลือยกายเพื่อยั่วยวนเขา "อีตัวสิไม่ว่า!" "ป๊ารู้มั้ย ม๊าเกือบตายก็เพราะมัน!!!" เขาตะโกนใส่หน้าพ่อเสียงแข็งและขี้หน้าหญิงไร้ยางอายที่ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น!
กาญจนบุรี
"พี่ดาว!!"
"อยู่ไหนพ่อให้มาตามครับ"
"พี่ดาว!พี่นับดาว!"
"อยู่ไหน! "
"คิก..คิก.."
ร่างบางที่แอบอยู่หลังต้นไม้ ถึงกับต้องกลั้นขำ หัวเราะคิกคัก
เมื่อเด็กชายตะวัน น้องชายวัย 6 ขวบ วิ่งหอบจากบ้านเข้าสวนที่อยู่ไกลพอสมควร เพื่อมาตามพี่สาวคนสวย
เด็กชายชะเง้อคอมองซ้ายทีขวาที แล้วทำหน้ามุ่ยเมื่อหาคนพี่ไม่เจอ
"พี่นับดาว!!!!!!!"
เด็กชายตะวันตะโกนสุดเสียง
"......." แต่เธอกลับเงียบค่อยๆ เดินย่องไปยืนอยู่หลังน้อง
"ตะวัน!!!!" และตะโกนใส่หูน้องชายสุดเสียง
"......"
แต่ทว่าเด็กชายตะวันกลับหันมาจ้องหน้าพี่สาวตาเขม็ง
ถ้าเป็นคนอื่นปกติทั่วไปด้วยระดับเสียงดังขนาดนี้หูคงแตกไปแล้ว แต่เพราะเด็กชายพิการทางหู มาตั้งแต่เด็ก ให้ตะโกนจนคอแตกก็แทบจะไม่ได้ยิน
พ่อเคยพาลูกชายไปรักษาตัวในกรุงเทพฯ หลายต่อหลายครั้ง แต่เพราะครอบครัวฐานะค่อนข้างลำบาก เลยช่วยลูกชายได้แต่ซื้อเครื่องช่วยฟังราคาถูก พอให้ลูกนั้นได้ยินเสียงอะไรบ้าง
"ไว้พี่เรียนจบ พี่จะหาเงินผ่าตัดให้ตะวันนะ" พี่สาวย่อตัวลงลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู ดวงตากลมโตเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
เธอกับน้องห่างกัน 15 ปี ถึงจะเป็นลูกที่เกินมาจากมารดาคนละคน แต่สายใยรักสายสัมพันธ์ ความรักที่มีให้กันมันก็มาล้นเอ่อ
ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมหญิงสาวเลยกลับมาช่วยพ่อทำงานที่สวนเล็กๆ พ่อเธอเป็นชาวสวนปลูกผักปลูกผลไม้ขายตามตลาด
ด้วยที่พ่อเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ตั้งแต่เธออายุเท่าๆ กับน้องชาย
พ่อแม่แยกทางกันแต่เธอเลือกที่จะอยู่กับพ่อเพราะไม่อยากไปจากบ้านที่มีความทรงจำมากมายนี้ไปไหน
หลังจากที่เลิกกับแม่ พ่อก็ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินส่งเสียลูกสาวเรียน จนได้เจอกับแม่ของตะวันแต่โชคร้ายคุณน้าสาวคลองลูกชายได้เพียงไม่กี่วันก็ด่วนจากโลกไปก่อน
ทำให้พ่อเสียใจมาก แต่พ่อไม่เคยทำตัวไม่ดียิ่งขยันทำมาหากินขยันเป็นเท่าตัวเพื่อหาเลี้ยงลูกทั้งสอง
แต่โชคดีหน่อยที่ลูกสาวเป็นคนรักดีได้ทุนเรียนฟรี จนจบมหาวิทยาลัยและได้เข้าไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ
หลังเลิกเรียนหญิงสาวก็ไปทำงานประจำเป็นพนักงานงานขายที่ร้าน 7 ถึงเงินเดือนจะไม่มากแต่ก็ทำให้เธอไม่ต้องรบกวนพ่อ
และมีเงินเก็บส่งให้พ่อกับน้องทุกเดือน แต่เธอก็ไม่ได้ทำแต่งานประจำ
ยังรับตัดต่อทำคลิปตามสายงานที่เล่าเรียนมาถึงจะไม่เก่งอะไรมากมายแต่ก็พอเอาตัวรอดได้
เธอมีความฝันมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่ชอบเสียงเพลง ชอบร้อง ชอบการตัดต่อ ชอบดูหนังละครซีรีส์ มันเลยเป็นแรงบันดาลใจให้อย่างเรียนด้านนี้
ถึงฐานะทางบ้านจะไม่อำนวยเหมือนคนอื่นเขาแต่เธอก็เลือกใช้ความสามารถให้เกิดประโยชน์ เธอตัดสินใจทำคลิปวิดีโอเรื่องสั้นส่งเข้าประกวด
และเป็นที่น่าภูมิใจเธอได้รับรางวัลชนะเลิศ เลยได้มีโอกาสสานฝันเรียนมาถึงทุกวันนี้
เธอเลือกเรียนด้านภาพยนตร์ คณะดิจิตอลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ เรียนฟิล์มโดยเฉพาะ มีสามสาขาให้เลือก คือ โปรดักชัน เรียนเกี่ยวกับ กำกับ ตัดต่อ อาร์ตฯ
ต่อมาคือแอดมิน เรียนเกี่ยวกับการบริหารงาน หรือโปรดิวเซอร์
สุดท้ายคือ ศึกษาหนัง เรียนเกี่ยวกับโครงสร้างหนัง วิจารณ์หนัง
ที่เธอเลือกเรียนด้านนี้เพราะชอบร้องเพลง ชอบดูซีรีส์ ชอบการตัดต่อ
ระหว่างที่เรียนก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองว่าง รับทำนี้นั้นหารายได้เสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ตลอด
วันไหนอารมณ์ดีหน่อยก็จะมีไลฟ์สดร้องเพลงให้แฟนคลับทางแอปพลิเคชัน TikTok ฟัง ถ้ามีคนถูกใจชอบเพลงที่ร้องก็พอได้ค่าขนมอาหารแต่ละอาทิตย์
แต่...เธอกลับไม่เคยเปิดเผยตัวตนกับใคร ไม่มีใครรู้จักเพราะค่อนข้างเป็นคนขี้อาย
แต่เวลาเรียนเธอกลับเต็มที่ไปกับมัน ตัดความเขินอายทิ้งไป แต่พออยู่นอกตำรา เฮ้อ!กลับเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจเอาซะเลย
เพราะชีวิตครอบครัวที่เราลำบาก ต้นทุนชีวิตที่ต่ำ เป็นที่ดูถูกดูแคลนแต่นั่นมันกลับทำให้เธออยู่เหนือคนอื่น
คือการที่ต้องดิ้นรนด้วยตัวเองมันทำให้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเข้มแข็งและสามารถยืนหยัดสู้ เพื่อตัวเอง ครอบครัววิ่งตามความฝัน
เธอไม่เคยอายที่มีพ่อเป็นคนจน เป็นแต่ชาวไร่ชาวแต่หญิงสาวกลับพูดอย่างภาคภูมิเพราะเธอมีพ่อที่เป็นตัวอย่างที่ดี ขยันอดออม ไม่เคยคดโกงใคร มันเป็นความภาคภูมิใจที่เธอรักและศรัทธาในตัวพ่อมาตั้งแต่เด็ก
ถึงจะอดมื้อกินมื้อแต่ก็ไม่เคยงอมืองอเท้าขอใคร พ่อจะสอนลูกเสมอ "เกิดเป็นคนแค่ขยันก็ไม่อดตาย ไม่เลือกงานไม่ดูถูกเงินบาท" เพราะคำสอนเหล่านี้ถูกปลูกฝังตั้งแต่เธอยังเล็ก ๆ จนถึงทุกวัน
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ไม่อดตายขอแค่ขยับและซื่อสัตย์แค่นั้นพอ
"พ่อบอกแล้วใช่มั้ยไม่ต้องไปทำงานช่วยพ่อ มีหน้าที่เรียนก็เรียนเรื่องทำงานเป็นหน้าที่ของพ่อ "
ทันทีที่ลูกสาวมาถึงบ้านคนเป็นพ่อก็จัดแจงตั้งโต๊ะตักข้าวเสิร์ฟอาหารที่ลงมือทำเองจาก พืชผักปลอดสารพิษที่ปลูกเองในสวน ให้ลูกสาวสุดที่รัก
"ได้ไงคะ หนูเป็นลูกก็ต้องช่วยงานพ่อสิ จะปล่อยให้พ่อลำบากคนเดียวได้ไง!"
"นั่งเลย หนูทำเอง" ร่างบางลุกขึ้นแย่งชามข้าวจากมือพ่อ ตักข้าวใส่จากให้น้องและพ่อด้วยรอยยิ้ม
"ขอบคุณครับ!" เด็กชายยกมือไหว้พี่สาวแบบนี้ทุกครั้งเพราะมีครูดีอยากพ่อคอยสอนให้รู้จักมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่
"น้องชายพี่น่ารักที่สุดเลยไว้พรุ่งนี้พี่จะพาไปซื้อของ" ใบหน้าหวานเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มีอะไรสุขใจเท่าได้อยู่กับคนที่รัก
ชีวิตในเมืองกรุงชั่งเปล่าเปลี่ยว เด็กผู้หญิงตัวคนเดียวต้องใกล้บ้านวิ่งตามความฝัน ดิ้นรนทุกอย่างด้วยตัวเอง เพื่อความอยู่รอด
สังคมที่วุ่นวายเต็มไปด้วยความแก่งแย่งชิงดี ไม่มีญาติสนิทหรือมิตรสหายที่จริงใจ ทำให้เธอกลายเป็นคนพูดน้อยและไม่ค่อยมีเพื่อนเพราะไม่มีใครอยากผูกมิตรกับคนจนอย่างเธอ
แต่ทุกครั้งที่ได้กลับบ้านเธอเหมือนเป็นคนละคน เธอสดใสยิ้มเก่งเป็นที่รักของเด็กๆ และผู้ใหญ่แถวนั้น
"มีเงินก็เก็บไว้ ซื้อข้าวของให้ตัวเองไม่ใช่ซื้อให้แต่พ่อกับน้อง" เพราะเห็นลูกเป็นคนประหยัด แต่พอกลับบ้านมาที กลับสิ้นเปลืองเงินให้กับพ่อและน้องเลยทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกไม่ค่อยดี
ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นพ่อกลับต้องอาศัยลูกทุกอย่าง
"ดาวไม่อยากได้อะไรคะ แต่มีคนอยากได้ของเล่นใช่มั้ย"
นับดาวหันไปยิ้มให้น้องชายที่อ้อน อยากได้ของเล่น หุ่นยนต์บังคับวิทยุกับพ่อมานานแต่ก็ไม่ได้สักทีเธอเห็นแล้วอดที่จะสงสารน้องไม่ได้
เลยควักเงินในกระเป๋าที่เก็บไว้เพื่อจะซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้น้องล่วงหน้า
"พ่ออ๊ะ ชอบคิดมาก ดาวเป็นพี่คนโตเป็นลูกสาวพ่อดาวก็ต้องหาเงินเลี้ยงพ่อกับน้องสิคะ!" หญิงสาวทำหน้าอ้อนเอียงหน้าถูแขนพ่อไม่ต่างอะไรกับลูกแมวตัวน้อย ๆ
"เราก็แบบนี้ตลอด ตามใจแต่อยากใช่สุรุ่ยสุร่ายก็พอเผื่อเวลาเดือดร้อนจะได้ไม่ลำบาก"
คนเป็นพ่อได้แต่ยิ้มอย่างปลื้มปีติที่ลูกสาวที่เขาเลี้ยงมากับมือเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณ แบบนี้เวลาเขาจากไปเขาก็เชื่อได้ว่าพี่น้องจะไม่ทอดทิ้งกัน!
สายตาคนเป็นพ่อได้แต่มองลูกสองคนแล้วแอบถอนหายใจ เพราะไม่รู้จะได้อยู่เห็นความสำเร็จของลูกถึงวันไหน...
ความรักของฉันมันคงเหมือนนาฬิกาทราย.. .. เมื่อด้านหนึ่งถูกเติมเต็ม....อีกด้านกลับว่างเปล่า ..และสูญสิ้นไป..กับกาลเวลา........ "สำหรับฉันเธอมันก็แค่ผู้หญิงไร้ค่า อยู่บนที่สูงแต่ทำตัวต่ำ" "หึ....ขอบคุณค่ะที่ชม จะพูดแค่นี้ใช่มั้ย จะได้ไปอ่อยผู้ชายต่อ" "อ้อ...ถ้าสนใจ เชิญนะคะ พอดีชอบแบบ ทีเดียวหลายๆคนมันสนุกดี แต่คนดีๆอย่างพี่...."เธอมองเขาอย่างพิจารณา พร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะเดินจากไป หมับ!! "มีอะไรอีกคะ หรือว่าสนใจอยากไปร่วมเตียงด้วย" "......" ชายหนุ่มเงียบ มองหน้าเธออย่างเอาเรื่อง และออกแรงบีบข้อมือเล็กอย่างแรง แต่คนตรงหน้ากลับไม่แสดงท่าทีว่าเจ็บ ถึงเธอจะเจ็บเหมือนกระดูกกำลังจะแหลกเป็นชิ้นๆ "ถ้าไม่ทำอะไรก็ปล่อย พี่ไม่อยากได้แต่คนอื่นเขาอยากได้!" พรึบ!! เธอสะบัดมือเขาอย่างแรงและเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง หมับ! "ว้าย เป็นบ้าอะไรปล่อยนะ" แต่ไม่ทันจะเดินไปถึงไหนร่างบางก็ถูกกระชากจนตัวปลิว จนชนเข้ากับกำแพงห้องอย่างแรง "ถ้าเธอยังหาเรื่องอุ่นอีก ฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่!" เขามองเธออย่างเกรี้ยวกราด "หึ...ทำไมค่ะ จะแกล้งแล้วจะทำไม" เธอมองหน้าเขาอย่างไม่เกรง ยิ่งได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้วมันยิ่งรู้สึกเจ็บ ทำไมนะทำไมต้องรักคนที่ไม่มีใจ "ปล่อย!" "ทำไม จะรีบไปเสนอตัวให้ไอ้บ้านั่นรึไง!"ใบหน้าหล่อคม ยื่นเข้าใกล้ พร้อมตะเบ็งเสียงแข็งใส่หน้าเธอ มือหนาออกแรงบีบท่อนแขนราวกับจะให้มันแหลกละเอียด "ใช่แล้วจะทำไม คืนนี้เรามีนัดกัน จะไปทำอะไรกันคนไม่ต้องให้บอกนะ หรือว่าอยากรู้จะได้ถ่ายคลิปมาให้ดู!" "หึ...ร่าน! ถ้ามันคันมากเดี๋ยวฉันจะสังเคราะห์ให้เธอเอง" "นะ...ฺฮื่อ" ร่างเล็กดิ้นพยายามให้หลุดจากพันธนาการเมื่อ เขาประกบปากจูบดูดเม้มริมฝีปากบางสีแดงอย่างแรง เขาดูดเม้มมันอย่างหนักหน่วง มือหนาลูบบีบขย้ำหน้าอกอย่างแรงเหมือนจะให้มันแหละติดมือออกมา "ฮื่อ" เสียงหวานร้องท้วงในลำคอ เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มปาก จนแทบจะอ้วก -ญี่ปุ่น ณิชาภัทร โชติฐิติเมธานนท์ ดีไซเนอร์สาวสวย เก่งฉลาดไม่ยอมใคร มั่นใจในตัวเอง ลูกสาวคนโตของแด๊ดดี้กันต์ อายุ 24 -แบงค์ นิธิภัทร์ พัชรกานต์กุล วิศวกรหนุ่มไฟแรง หล่อเก่งมีความสามารถทั้งศึกษาวิเคราะห์ คำนวณ ออกแบบ ตรวจสอบแก้ไขปัญหาและควบคุมการผลิต....วัย 27 ความผูกพันระหว่างคนเป็นสิ่งมีค่าและมีความหมาย เป็น เสมือนเรื่องราวและความทรงจำดี ๆ ที่คนทุก ๆ คนไขว่คว้า แต่กลับมีน้อยช่วงเวลา ที่สอนสิ่งดี ๆ ให้เราได้รับรู้ ที่มีค่าให้เรานึกถึง ทุกครั้งที่นึกถึงมัน จะคอยย้ำเตือนเราให้นึกถึงช่วงวันเก่าๆ ที่ดึงทุก ๆ คนไว้ให้อยู่ร่วมกัน สิ่ง ดี ๆ ที่ผ่านไปเป็นเสมือนเม็ดทรายในนาฬิกาที่ร่วงหล่น…… ทุกเม็ดทรายแทน ความหมายของ………………ความผูกพัน ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………ความห่วงใย ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………ความชิดใกล้ ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………การไขว่คว้า ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………ความคิดถึง ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………ความลึกซึ้ง ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………วันเวลา ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………สิ่งมีค่า ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………จิตใจ ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………ตัวตน ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………คำว่า “รัก” ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………คำว่า “เรา” ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………คำว่า “มิตรภาพ” ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………คำว่า “เพื่อน” ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………” ทุกสิ่งที่เต็มใจ ให้เพื่อเธอ” เม็ดทรายเหล่านี้แม้จะ ร่วงหล่น แต่ก็ยังคงรวมกันในนาฬิกาทราย คอยย้ำเตือนเราถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ผ่านมา เป็นนาฬิกาที่มีค่าและมีความหมาย อยู่ในความทรงจำของกันและกันตลอดไป … ช่วงเวลาแห่งความสุข อาจไม่เคย อยู่กับเรานานในโลกของความเป็นจริง เป็นเหมือนสิ่งที่ผ่านเข้ามาและก็ผ่านเข้าไป ให้เราได้สัมผัส ให้เราได้รู้สึกดี ๆ ให้เราได้รู้สึกอบอุ่นและมีความสุข แต่ถึงแม้ช่วง เวลาเหล่านี้อาจจะไม่ยาวนาน แต่มันสร้างสิ่งดี ๆ ให้เรามากมาย มันมีค่าและยิ่งใหญ่ และจะเป็นกำลังใจให้เราตลอดไป มันจะแทนความหมายของความเป็น “เพื่อน” ตลอดไป…… “นาฬิกาทรายใบนี้ ขอให้แทนมิตรภาพของเราตลอดไป ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่เราห่างไกล โดยไม่ผูกพัน” ขอบคุณบทความจาก คุณ นุชรัตน์ รักมาก คำเตือน ในทุกเรื่องทุกการกระทำของตัวละครเกิดจากจินตนาการ ไม่ใช่เรื่องจริงไม่ควรลอกเลียนแบบการกระทำที่ไม่เหมาะสม อันจะนำไปสู่ความสูญเสียความผิดบาปทั้งปวง ไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายต่อตัวบุคคลหรือวิชาชีพใดวิชาชีพหนึ่ง หากอ่านแล้วไม่มั่นใจว่าหรือไม่เลียนแบบได้หรือไม่แนะนำให้ปรึกษาผู้ปกครองค่ะ นิยายเรื่องนี้เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เพราะอาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม ความรุนแรง เพศ หรือการใช้ภาษาโปรดใช้วิจารณญาณและเสพเนื้อหาอย่างมีสตินิยายเรื่องนี้เกิดจากความต้องการจะเขียนของนักเขียนเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรือสนับสนุนการใช้ความรุนแรงในชีวิตจริง รบกวนอ่านคำเตือนก่อนอ่านของนักเขียนแล้วค่อยตัดสินใจหากไม่ชอบไม่เป็นไรค่ะ ©ลิขสิทธิ์เป็นของผู้สร้างสรรค์ แต่เพียงผู้เดียวการเผยแพร่ทำซ้ำดัดแปลงโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตผิดกฎหมายตาม พ. ร. บลิขสิทธิ์ 2537 มาตรา 1527 31 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ ไม่อนุญาตให้คัดลอกทำซ้ำดัดแปลงตัดภาพหรือถ่ายภาพไปเผยแพร่ใด ๆ ทั้งสิ้นหากพบจะขอดำเนินคดีตามกฎหมาย❌❌❌ พึ่งหัดแต่งนิยายเป็นมือใหม่หัดแต่งคำบางคำอาจจะใช้ผิดไปต้องขออภัยด้วยนะ คำโปรยเนื้อหาการบรรยายอาจใช้คำได้ไม่สวยเท่ากับนักเขียนท่านอื่นๆ แต่ก็ตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ 14 กุมภาฯ 13/01/2022 ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ
“ฮึ ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เป็นแม่ของลูกฉันจำใส่หัวเธอไว้!” “ค่ะ หนูรู้ตัวดีว่าตัวเองก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งที่คุณใช้เงินซื้อมา” “รู้ตัวก็ดี จะได้ไม่ต้องพูดซ้ำ!” น้ำเสียงราบเรียบท่าทีนิ่งเฉยสายตาเย็นชาของ ปรเมศวร์ จ้องหน้า พิชญา เด็กสาวด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจ เพราะไม่มีทางเลือกเธอต้องยอมเป็นของเล่นให้เขาจนกว่าเขาจะเบื่อเพื่อแลกกับความสุขสบายของครอบครัว เธอต้องอดทนนะ แนนนี่ “หนูเจ็บ!” เด็กสาวในชุดนักเรียน มองหน้าชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว เมื่อเธอขัดขืนไม่ยอมทำตามคำสั่ง "อย่ามาลีลา" เขาพ่นลมหายใจแรงๆ อย่างหงุดหงิด ยิ่งดวงตากลมโตคู่นั้นสั่นระริกมันยิ่งสร้างรำคาญใจให้แก่เขา “ไม่ทำได้มั้ย” เด็กสาวมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งขาไขว่ห้างหลังพิงโซฟาจ้องหน้าเธออย่างเบื่อหน่าย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคำขอของเธอไม่เป็นผลแต่เธอก็อยากจะลองดูอีกสักครั้ง พรึบ! “ฮึ...ไม่อยากให้พ่อแม่และน้อง ๆ เธอสบายรึไง!” ใบหน้าหล่อคมคายที่นิ่งเรียบ ไร้ซึ่งอารมณ์ยากจะคาดเดา เดินตรงเข้าไปประชิดตัวสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า สายตาเกรี้ยวกราดเลือดเย็นมองเธออย่างดูถูกเหยียดหยาม “แคก ๆ ๆ” เด็กสาวสำลักควันบุหรี่ที่เขาตั้งใจพ่นใส่ “อย่ามาทำเป็นลีลาแค่นอนอ้าขาให้ฉันเอามันจะตายรึไง!” เขาทิ้งมวนบุหรี่ลงพื้นแล้วใช่เท้าเหยียบ พรึบ! ร่างบางถูกผลักล้มหงายหลังนอนราบกับเตียงอย่างแรง “อย่าทำอะไรหนูเลย” สองมือยกขึ้นไหวพร้อมดันตัวรูดถอยหนีเมื่อชายหนุ่มค่อยๆ เอามือค้ำยันที่นอนคลานเข่าเข้ามาประชิดตัว “อย่าทำเหมือนไม่เคย!” น้ำเสียงราบเรียบแววตาดุดันทำเอาคนฟังถึงกับจิตใจวูบหาย สาวน้อยมองเขาอย่างหวาดกลัวเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบางเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเจอเทพบุตรในคราบซาตานอย่างเขา ที่ภายนอกเป็นนักธุรกิจหนุ่มเจ้าพ่อเหมืองเพชรพันล้านที่ทุกคนในแวดวงไฮโซรู้จักเขาดี แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักตัวตนที่แท้จริงและด้านมืดของเขา ที่ดุร้าย ป่าเถื่อนเหมือนสัตว์ป่า “ขอแค่เรียนจบอดทนไว้” สาวน้อยได้แค่นึกคิดพูดปลอบใจตัวเอง เพียงแค่เธอเรียนจบมีงานทำเธอก็จะไม่ต้องตกเป็นทาสอารมณ์ของคนใจร้ายอย่างเขา ที่เห็นเธอเป็นเพียงสินค้าตัวหนึ่ง แต่เธอจะรู้มั้ยว่าสินค้าทุกอย่างที่ตกต้องอยู่ในมือเขาแล้วนั้น ถ้าเขาไม่เบื่อเธอจะไม่ได้อิสรภาพและชีวิตของเธอคืน แควก!! “กรี๊ด!!!” “หนูเจ็บ!” ชุดนักเรียน ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ อย่างไม่ไยดี “ฮึ...น่ารำคาญ!” “ทำเป็นเล่นตัว เล่นตัวยังไงราคาค่าตัวเธอมันก็ไม่ได้ขึ้นไปกว่านี้หรอก” นิ้วเรียวยาวปลดกระดุมเสื้ออย่างเร่งรีบ สายตาคมกริบจดจ้องไปยังร่างเปลือยเปล่า ดวงตาสาวน้อยยังคงสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว ถึงนี่จะเป็นครั้งที่สองที่เขาจะทำเรื่องน่าอายกับเธอแต่ด้วยความที่ยังเด็ก เธอทั้งสับสนและไม่เข้าใจทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องมาแบกรับทุกอย่างไว้แต่เพียงคนเดียว แค่เพราะพ่อเธอต้องการเงินไปใช้หนี้การพนัน เพื่อให้น้อง ๆ ได้ทีที่ซุกหัวนอน เพื่อให้แม่ได้มีหน้ามีตาอยู่ในสังคมจอมปลอมทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องมาแบกรับทุกอย่างไว้แค่คนเดียว ทั้งหมดนี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงขายตัวตามช่อง ผิดก็แต่ชายหนุ่มบินไปๆ มาๆ เพื่อติดต่อธุรกิจทำให้เธอไม่ต้องประเชิญหน้ากับเขาทุกวัน แต่ในเวลาเดียวกันถ้าเขากลับมาเขาจะส่งลูกน้องคนสนิทมารับตัวเธอเพื่อไปสนองอารมณ์ของเขา “อ้าขาออก!” น้ำเสียงราบเรียบที่เขาเอ่ยออกมาพร้อมฝ่ามือใหญ่จับที่ขา ทำให้คนตัวเล็กถึงกับสะดุ้ง พรึบ! ร่างบางถูกดึงให้มาอยู่ใต้ร่างหนา “ฉันไม่อยู่...แอบไปร่านที่ไหนรึเปล่า” ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยริมฝีปากบางชมพูระเรื่อ ผิวขาวใสเรียบเนียนอมชมพูทำให้สายตาคู่ดุดันค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนมองร่างบางด้วยความปรารถนา “ฉันลงทุนซื้อเธอมาด้วยเม็ดเงินก้อนโต เธอคงจะรู้ดีว่าต้องทำยังไงฉันถึงจะพอใจและครอบครัวเธอถึงจะสบาย” ใบหน้าหล่อเหลา ก้มลง...มอบจุมพิตให้แก่เธออย่างอ่อนโยน แต่นั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้คนตัวเล็กใต้ร่างรู้สึกดีขึ้นสักนิด แต่ทว่าเธอกลับรู้ดีว่านี่มันแค่เริ่มต้น “ฮื้อ!” สาวน้อยนิ่วหน้าเมื่อสัมผัสถึงของแข็งบางอย่างค่อย ๆ ถูกสอดใส่ดันเข้ามาในตัวเธอโดยไร้ซึ่งเกาะป้องกัน “รู้ใช่มั้ยฉันไม่ชอบเสียง มันน่ารำคาญ!” เด็กสาวเม้มริมฝีปากแน่นเป็นเสียตรง เมื่อแก่นกายขนาดใหญ่สอดดันเข้ามาในตัวเธอทีเดียวจนมิดลำ ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด เมื่อแก่นกายขนาดใหญ่สับเอวสอบถาโถมเข้าใส่ร่องแคบเธออย่างเร่าร้อน รุนแรง แต่เธอก็ต้องเก็บกลั่นไม่ให้มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาเพราะฉะนั้นมันจะยิ่งเป็นการทำให้เขาหงุดหงิดและกระทำกับเธอรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที