จู่ๆก็มีชายสวมแว่นหน้าแปลก ดีกรีด๊อกเตอร์จากเมืองนอกโผล่เข้ามาอยู่ร่วมบ้านด้วย แถมยังมารู้ในตอนหลังว่าเป็นคู่หมายตัวเต็งของเธอเสียอีก เรื่องอะไรศศิธิดาจะยอมถูกคลุมถุงชนง่ายๆ ในเมื่อก็รอดมาได้ทุกทีนี่นา ครั้งนี้จะจนมุมหรือไม่มีทางเสียล่ะ แล้วถ้าหากว่าทุกคนรอบตัวเธอพากันจับชายถุงขนาดใหญ่ครอบลงบนหัวเธอพร้อมๆกันเล่า ยังจะหนีรอดได้อีกไหม . บางช่วงบางตอนจาก ‘ดวงใจผลิรัก’ . . . “เวลาคบกับใคร ผมมีธรรมเนียมอยู่อย่าง” “อะไรคะ” “เป็นแฟนกันแล้วต้องรับขวัญให้เธอคนนั้นด้วยน่ะสิครับ” ได้ยินปราชญ์บอกมาอย่างนี้ เข้าทางเธอสิ กอดอกมองเขา เงยหน้าถามยิ้ม “เป็นอะไรไม่ทราบคะคุณด๊อกเตอร์ที่ใช้รับขวัญคนที่คุณเรียกว่าแฟน แหวนเพชร สร้อยสวยๆ เงิน หรือ...” เสียงแจ๋วๆหายไปไหนแล้ว ก็คงตอนที่ถูกปราชญ์เชยคางขึ้นรับจุมพิตแสนอ่อนหวานที่ริมฝีปากอุ่นจัดทาบทับลงหานั่นเองละมัง นี่เขารับขวัญเธออยู่หรอกหรือ อ้าปากจะต่อว่า แต่แล้วก็รู้ตัวเองนั้นพลาดไปถนัดใจ ก่อนจะพริ้มตาหลับลงเพราะเคลิ้มไปกับสัมผัสที่แปลกประหลาดแต่ซาบซ่านที่สุดในชีวิตอย่างที่ไม่เคยได้รับจากใคร แล้วก็น่าตีนักที่ไม่แผลงฤทธิ์ด้วยการผลักอกเขาออก รู้สึกว่ามือของตัวเองยังไต่ขึ้นไปคล้องอยู่ตรงลำคอของเขาอีกด้วย ตอนที่ปราชญ์ผละออก เขาจ้องเข้ามาในดวงตาของเธอด้วยรอยยิ้มชนิดที่เห็นแล้วร้อนฉ่าไปทั่วตัวเลยทีเดียว
พื้นที่กว่าพันไร่กลางที่ราบใกล้แหล่งน้ำและภูเขาแห่งนี้ เต็มไปด้วยรถแบ็คโฮขุดดินและอีกสารพัดรถขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนย้ายตัวเข้าออกสลับคันไปมา ก่อเกิดฝุ่นฟุ้งกระจายจากผืนดินทั่วบริเวณคละคลุ้งจนแทบมองไม่เห็นหน้าค่าตัวว่าใครเป็นใครบ้าง
ชายวัยกลางคนใบหน้าขาวจัด สวมแว่นกันแดดสีเข้มปิดบังหน้าตามากกว่าครึ่ง แต่กระนั้นบริวารโดยรอบพื้นที่ต่างรู้ดีว่าภายใต้แว่นอำพรางนั้นทรงอำนาจมากเพียงใด
“อีกนานไหมถึงจะเรียบร้อย” ชายทรงอำนาจคนนั้นเอื้อนเอ่ยวาจาถามคนสนิทที่ยืนรายงานทุกสิ่งอย่างอยู่ข้างกาย
“ไม่นานครับนาย อีกไม่เกินสามเดือนแน่นอนครับ”
คนสนิทส่งเอกสารในซองให้ผู้เป็นนายเรียบร้อยแล้ว ชายคนนั้นยังคงยืนกอดอกมองไปรอบๆอย่างใช้ความคิด พื้นที่ตรงหน้านี้กำลังแปรเปลี่ยนเป็นโครงการใหญ่ในไม่ช้า เขาลงทุนกับมันไม่น้อย นอกจากเม็ดเงิน เรี่ยวแรงที่มีก็ทุ่มมันลงมากับที่นี่เกือบหมดอีกด้วย ไม่มีทางที่เขาจะให้มันพลาด เสียเปล่าไปโดยเด็ดขาด
คุณธีระกับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ชื่อจันทร์กำลังบ่นเรื่องที่ข้างๆ กั้นรั้วสูงมากกว่าสองเมตร ไหนจะยังมีรถขนาดใหญ่ขับเข้าออกอยู่ตลอดเวลานั่นอีก ท่าทางลึกลับดูแล้วน่าสงสัยไม่น้อย
“ไอ้แปมันว่า...เมื่อวาน น้ำที่ท้ายสวนเขียวเลยเชียวตา” นางจันทร์บ่นขึ้นขณะหยิบปาท่องโก๋เข้าปาก ก่อนยกแก้วเซรามิคสีครีมที่บรรจุกาแฟขึ้นจิบตาม
ขณะเดียวกันก็ปรากฏร่างหญิงสาวในชุดนักศึกษาเดินออกมา พร้อมทั้งพยายามยัดชายเสื้อเข้ากระโปรง เดินมาหยิบขนมปังบนโต๊ะกิน ท่วงท่าไม่ได้นุ่มนวลเท่าหน้าตาที่สวยหวานของเจ้าตัวเท่าใดนัก ก่อนสวมเสื้อคลุมทับอีกที เดินเข้าไปกอดเอวนางจันทร์ หญิงสูงวัยที่เธอเรียกจนติดปากว่า ‘แม่จ๋า’ ถามขึ้น
“ทำไมมันถึงได้เขียวล่ะจ๊ะ”
“ก็ไอ้คนพวกไหนกัน มากว้านซื้อที่แถบนี้ไปจนเกือบหมด คิดจะทำอะไรของมันกันนะ แล้วหนูไม่กินข้าวก่อนล่ะลูก แม่จ๋าทำข้าวผัดไข่ไว้รอท่าตั้งเยอะแน่ะ”
“อยากกินที่ซู้ด แต่อินกลัวไม่ทันรถจ้ะ อ้อ...” หญิงสาวอ้อนประจบประแจง ก่อนนึกขึ้นได้อีกเรื่อง “อินไปค้างที่หอนะแม่”
“มีอะไร ไหนว่าจบแล้วไงลูก ทำไมยังต้องไปนอนค้างอ้างแรมที่หออยู่อีก”
“อินไปเดินเรื่องเอกสารจบน่ะจ้ะ แล้วก็ว่าจะอยู่ฉลองกับเพื่อนๆหน่อย นะแม่นะ...ได้ไหม” ท้ายประโยคส่งสายตาอ้อนๆอย่างที่เคยทำแล้วได้ผล นางจันทร์หน้าไม่ยอมมองให้ใจอ่าน บ่นต่อเสียเลย
“เฮ้อ! เป็นสาวเป็นแส้นะเราน่ะ อย่าให้มันเกินงามนัก เพราะพ่อแท้เชียวหัดลูกเต้าให้กินเหล้าเมายาแต่เล็กแต่น้อย”
ชายสูงวัยที่มีศักดิ์เป็นตาของหญิงสาวเลยพลายโดนหางเลขไปด้วย วางช้อนก่อนแก้ต่างให้ตนเอง “อ้าว อ้าว ก็อยากให้รู้ว่าเหล้ามันเป็นยังไง...ใช่ไหมเจ้าอิน” ท้ายๆนั่นหันไปหาพวกพรรค ขยิบตาส่งให้เป็นอันรู้กัน
หญิงสาวขานรับเสียงใสแจ๋วทันที “จ้ะพ่อจ๋า ถ้างั้นอินไปนะ”
“เดี๋ยวก่อน” นางจันทร์เบรคไว้ทัน เจ้าตัวมุ่ยหน้าก่อนเอ่ยปากโดยที่ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่ท้วง
“ก็ได้ ก็ได้...อินสัญญาว่าจะไม่เมาแบบคราวนั้นจ้ะแม่”
“ดีมากที่รีบสัญญา แม่มีเรื่องจะบอกเราอีกอย่าง คืนวันเสาร์กลับมานอนบ้านด้วยนะ เพราะเช้าวันอาทิตย์แม่มีธุระให้เราทำ”
“โธ่ แม่จ๋า ธุระอะไรแต่เช้าขนาดนั้น...เพราะตอนกลางคืนน่ะ คงเมาปลิ้นแน่ๆ” ศศิธิดาเกือบหลุดปากออกไปแล้วท้ายประโยคนั่น แต่ไม่ได้พูดออกไปไม่อย่างนั้นได้ถูกแม่จ๋าดีดหน้าผากจนแดงแน่ แล้วฉุกคิดได้ว่านี่อาจเป็นกุศโลบายของผู้ที่ขึ้นชื่อว่า ‘แม่จ๋า’ ก็เป็นได้ ที่อยากให้เธอกลับบ้านไวๆ
“หรือจะงดไม่ไปฉลองกับเพื่อนดี เลือกเอานะแม่อิน”
แม่จ๋าของเธอเสนอทางเลือก หน้าตาของท่านบ่งบอกว่าไม่ได้ล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
“แม่น่ะ ก็ได้จ้ะ ก็ได้ งั้นอินไปก่อนนะ เดี๋ยวจะสาย”
โบกมือก่อนเดินลงบ้านไป โดยมีสายตาสองคู่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดูดุจดวงใจมองตามจนลับสายตา
กระบะเขียวตองอ่อนคู่ยากพังอีกแล้ว
เพราะเห็นฝากระโปรงเปิดทิ้งเอาไว้ตรงโรงจอด คนเก่าคนแก่ของบ้านอย่างตาล้วนกำลังก้มๆเงยๆที่ห้องเครื่อง ไม่ต้องเดินไปถามให้เสียเวลาก็รู้ว่ามันไม่สามารถใช้งานได้ในตอนนี้ จึงปรี่ไปหาสองล้อที่จอดว่างอยู่ด้านข้างนั่น ตัดสินใจใช้เจ้านี่แทนเพื่อนยากคันเดิม เดี๋ยวพ่อจ๋าคงให้คนงานไปตามเอารถกลับมาเอง
บิดขันเร่งออกมาได้ครู่ ก็รู้ได้ถึงความหนาวเหน็บจากสายลมที่พัดมาประทะใบหน้าและลำแขนจนถึงปลายนิ้วทั้งสิบที่กำอยู่รอบแฮนด์รถ แต่มันไม่คณาความรู้สึกคนอย่างศศิธิดาได้เลย เพราะใจของเธอมันด้านจนชามากกว่านั้น
กระจกมองข้างที่เจ้าตัวเหลือบตาแลเป็นรอบที่สิบแล้วเห็นจะได้ ปรากฏภาพรถยุโรปขับตามมาในระยะไม่ห่างมากนัก จะแซงก็ไม่แซงไปเสียที พานให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิดเหลือทน
หญิงสาวชะลอความเร็วรถลง เพื่อให้รถคันใหญ่ที่อยู่ด้านหลังแซงหน้าไปก่อน แต่จนแล้วจนรอด รถคันดังกล่าวก็ยังไม่ยอมไปไหน
แต่แล้วจังหวะนั้นเอง มีรถกระบะอีกคันขับสวนเลนมา ทำให้รถยุโรปทางด้านหลังที่จู่ๆก็ขึ้นแซงหน้าเบียดเข้ามาที่รถของเธอจนทำให้หญิงสาวไถลตกถนนไปในที่สุด
เสียงหวานโวยตามมาก่อนเสียงไถลของรถ ดีที่ยังบังคับรถไว้ได้ทัน แล้วเหยียดขาลงแตะพื้นประคองไม่ให้ล้ม สองมือเกร็งล็อกหน้ารถไม่ให้ตกไปในคูน้ำข้างหน้าได้อย่างฉิวเฉียด ไม่วายมองตามรถยุโรปคันดังกล่าวที่ขับเลยไป ไม่แม้แต่จะจอดดูเธอสักนิด
ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"
"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ
ปัญญารัตน์กำแท่งตรวจการตั้งครรภ์ในกระเป๋าไว้จนเหงื่อชุ่มเต็มมือ วันนี้เธอมาเพื่อบอกเขาว่า ท้อง แต่นายแพทย์อนลกลับเอ่ยปาก บอกเลิกความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่าของเขาที่กำลังย้อนกลับมาคบกันอีกครั้ง
คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ
พ่อหายตัวไปอย่างลึกลับ พี่สาวของฉันถูกข่มขืนและจุดไฟเผา พี่ชายถูกทำร้ายจนตายและโยนศพลงแม่น้ำ ใครจะช่วยฉันได้ในสถานการณ์แบบนี้ . "เป็นคนของผม แล้วผมจะช่วยคุณลากคนผิดมาแก้แค้น" เจ้าของคำพูดนั้นคือ รฐนนท์ นิยายไม่เน้นสืบสวน เน้นความสัมพันธ์ของตัวเอก จบดี แฮปปีค่ะ
วันดีคืนดีก็มีมาเฟียมาจอดหน้าบ้าน บอกว่าอยากได้ที่ของผืนสุดท้ายของเธอ มาเฟีย เจ้าของรีสอร์ท ฟาร์มควาย ม้า วัวที่อยู่ตรงรอยต่อของไทยมาเจรจาด้วยตัวเอง ทันทีที่เจอกัน ศศิร์ธาไม่ได้แค่อยากได้ที่ของเธอ ตัวเธอเองเขาก็อยากได้ด้วย เสียแต่ว่าเป็นม่ายลูกติด ไอ้ระยำนั่นมันเอาอะไรคิดถึงได้ถึงผู้หญิงแบบนั้นไป
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี