เมื่อเดือนก่อนเธอถูกไล่ออกจากงานที่ทำอยู่อย่างกะทันหัน นั่นทำให้เธอกลุ้มใจจนเผลอร้องไห้กับตัวเองหลายครั้ง ทุกๆ วันยังคงแต่งตัวออกจากบ้านแต่เธอไม่ได้ไปทำงานแต่อย่างใด เธอเดินสมัครงานจนขาทั้งสองข้างแทบจะเดินไม่ไหว ปริญญาบัตรและเกียรตินิยมที่ได้มาแทบไม่ได้ช่วยอะไรในเวลานั้น กระทั่งเพื่อนสนิทยื่นมือมาช่วย
“น้องอายหลับแล้วหรือจ๊ะทราย”
“หลับแล้วจ้ะ” ทรายแก้วหันมาตอบมารดาของเด็กหญิงตัวน้อยพร้อมส่งยิ้มให้
“งั้นเราออกไปคุยกันที่ห้องรับแขกหน่อยสิ” ฤทัยเอ่ยบอกก่อนจะเดินนำออกไปก่อน ทรายแก้วจับผ้าห่มคลุมตัวให้เด็กหญิงอีกนิดแล้วกวาดสายตามองรอบๆ จากนั้นจึงเดินตามออกไป
“มีอะไรจะคุยกับเราอย่างนั้นเหรอ” พี่เลี้ยงสาวเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นกันเอง นั่นเพราะเธอกับฤทัยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พออีกฝ่ายรู้ว่าเธอถูกไล่ออกจากงานจึงเสนอให้มาเป็นพี่เลี้ยงลูกของเธอ ทั้งๆ ที่ทรายแก้วปฏิเสธไปด้วยเหตุผลว่าเธอไม่มีประสบการณ์ แต่ฤทัยกลับไว้ใจและขอร้องให้มาลองทำงานนี้ดูก่อน บวกกับเธอเองก็ไม่ไว้ใจคนอื่นพอที่จ้างได้เช่นกัน
จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบสี่เดือนแล้วที่ทรายแก้วเข้ามารับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ลูกสาว ซึ่งทรายแก้วก็รับผิดชอบงานของตัวเองได้เป็นอย่างดี เธอใจเย็นเวลาอยู่กับเด็กและบวกกับความรักเด็กอยู่แล้วงานที่คิดว่ายากจึงไม่ยากอย่างที่คิด
“คือ...อย่างที่เราเคยบอกทรายไปว่าคุณเมฆมีแผนจะย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ” ฤทัยเกริ่นนำออกไปก่อน
“อื้อ...เราจำได้” นอกจากจำได้แล้วทรายแก้วยังสนับสนุนให้ฤทัยย้ายตามสามีไปด้วย แต่ตอนนั้นเพื่อนกลับปฏิเสธเพราะกลัวจะปรับตัวไม่ได้
“เรามาลองคิดกับตัวเองดูอีกทีตามที่ทรายแนะนำ ก็เลยได้คำตอบว่าเราจะตามคุณเมฆไปทำงานที่ต่างประเทศ” คำตอบของฤทัยทำให้ทรายแก้วยิ้มออกมา
“ดีแล้ว แล้วนี่จะเดินทางเมื่อไหร่”
“อีกสองอาทิตย์ ขอโทษนะที่เรามาบอกกะทันหันแบบนี้” ฤทัยเอ่ยขอโทษออกไป ทีแรกเธอเองก็ตั้งใจจะอยู่เลี้ยงลูกรอสามีที่นี่ แต่ไปๆ มาๆ การย้ายไปอยู่ด้วยกันน่าจะดีกว่าแยกกันอยู่ โดยเฉพาะกับลูกสาวของเธอ
“ไม่เป็นไรเลย มีเวลาให้เราหางานใหม่อีกตั้งหลายวัน สบายมาก” ทรายแก้วส่งยิ้มให้เพื่อนสนิท
“ถ้าไงเราจะช่วยหางานใหม่ให้อีกแรง เพราะทรายก็เป็นพี่เลี้ยงได้อย่างดี ดีมากๆ เลยด้วย” ฤทัยเอ่ยชมจากใจ
“ขอบใจเธอมากนะฤทัย”
“เราต่างหากที่ต้องขอบใจเธอ ส่วนนี่เราให้” เอ่ยจบฤทัยก็ยื่นอะไรบางอย่างมาให้ทรายแก้ว นั่นทำให้คนตรงหน้าเกิดความสงสัยขึ้นทันที
“อะไร”
“เงินเดือนเดือนนี้กับโบนัสพิเศษ”
“ยังไม่หมดเดือนจะรีบให้เราไปทำไมแล้วเงินโบนัสพิเศษอะไรนั่นเราไม่รับได้ไหม เก็บไว้ให้น้องอายเถอะ”
“ไม่ได้ เธอต้องรับแล้วก็ห้ามปฏิเสธด้วย มันออกจะน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่เธอทำให้น้องอาย” ฤทัยคว้ามือของทรายแก้วไว้แล้วส่งซองสีน้ำตาลให้พร้อมกำมือเพื่อนไว้แน่นเพื่อไม่ให้ปล่อย สุดท้ายทรายแก้วก็จำต้องยอมรับ
คืนนั้นหลังจากกลับมาถึงบ้าน ทรายแก้วก็ค้นหางานใหม่ในอินเตอร์เน็ตและส่งใบสมัครไปทันที รวมถึงผ่านไปที่ไหนแล้วเห็นป้ายติดประกาศรับสมัครงงานเธอก็เข้าไปสมัครอย่างไม่รีรอ ทว่ากลับยังไม่มีที่ไหนเรียกตัว บวกกับบรรยากาศในบ้านที่ไม่น่าอยู่มากขึ้นทุกวัน เธอก็ยิ่งอยากไปให้พ้นๆ
“มีเงินไหม ขอหน่อย” เอ่ยจบธิดาก็แบมือขอเงิน แม้เธออายุมากกว่าทรายแก้วสิบกว่าปีแต่เรื่องวุฒิภาวะนั้นแทบจะติดลบ
“ไม่มีค่ะ”
“ไม่มีได้ยังไง เห็นออกไปทำงานทุกวัน” เมื่อถูกปฏิเสธธิดาก็เริ่มหัวร้อน เพราะหวังเต็มเปี่ยมว่าทรายแก้วต้องให้เงินเธอใช้
“ไม่มีให้คนอื่นใช้ค่ะ” ทรายแก้วเน้นย้ำคำว่าคนอื่นจนธิดาหน้าชา ลูกติดของสามีเธอคนนี้ภายนอกดูเรียบร้อยๆ แต่คำพูดคำจาร้ายกาจไม่เบา
“อีนังทราย ลืมไปแล้วหรือไงว่ากูเป็นแม่มึงนะ” ธิดาเท้าสะเอวตะคอกใส่ทรายแก้ว ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่ได้ให้ค่าอะไร
“แค่แม่เลี้ยงไม่ใช่หรือคะ”