เมื่อหนูเหมียวดันเอ่ยคำทักทายคุณบิ๊กว่า ‘บิ๊กสมชื่อเชียวนะ’ แค่นั้นคุณบิ๊กก็ร้อนสิคะ ก็เหมียวน่ะเป็นสาวใช้เรือนร่างอวบอึ๋มน่ากระแทกกระทั้นแบบนั้น ใครจะอดใจได้ล่ะ คุณบิ๊กก็ไม่เอาไว้เหมือนกันค่ะ แต่สุดท้ายแล้ว ใครกันล่ะที่จะเยี่ยมยอดกว่ากัน ในเมื่อ คุณบิ๊กได้แต่เอ่ยชมหนูเหมียวว่าเป็น ‘สาวใช้คนเก่ง’ ที่มีลีลาชั้นเชิงทั้งเพลงลิ้นเพลงดอกไม้จนคุณบิ๊กต้องเสียน้ำไปเยอะ
ผมชื่อ ‘บิ๊ก’ ครับ ช่วงเรียนมหาลัยปี 4 ผมเรียนหนักมาก บางครั้งต้องทำรายงานกับเพื่อนๆ จนดึกดื่น ทำให้ผมกลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง แม้ว่ารถเมล์จะหมดประมาณเที่ยงคืน แต่ผมก็สู้ระยะเวลาเดินทางไม่ไหวครับ บางคืนผมเลยต้องอาศัยนอนตามบ้านเพื่อน
สุดท้ายแม่ก็เลยฝากให้ผมไปอยู่ที่บ้านลุงแถวมีนบุรีน่ะครับ จะได้เดินทางได้สะดวกหน่อย ประกอบกับลุงผมต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดนาน 1 เดือน นั่นก็เท่ากับว่าผมจะได้ช่วยลุงดูแลบ้านไปด้วยเลย
ลุงผมเป็นพ่อหม้ายเมียตายครับ แต่แกไม่ได้แต่งงานใหม่ แม่ว่าแกครองตัวเป็นโสดเพราะรักเมียมาก อีกอย่างระยะเวลาทำใจที่เมียตาย ทำให้แกทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการทำงาน แกจึงติดที่จะใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง อีกทั้งยามที่แกต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัด บ้างก็ 1 เดือน และมีบ้างที่หลายเดือน ทำให้แกอยากใช้ชีวิตให้คุ้มค่ามากที่สุด หากมีเมียใหม่แกก็คงจะทำงานไม่ได้เต็มที่
“คิดซะว่าเป็นบ้านของตัวเองนะบิ๊ก มีอะไรขาดเหลือก็บอกเหมียวเขา”
“ครับลุง เดินทางปลอดภัยนะครับ สวัสดีครับ”
ผมกดตัดสายโทรศัพท์ ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้สีฟ้าหม่นตรงหน้า จากแผนที่ที่แม่ให้มา บ้านเลขที่ และคำยืนยันจากลุงที่คุยโทรศัพท์กันเมื่อครู่ก็ยืนยันได้ว่าผมมาถูกบ้านแล้ว
ใช่ครับ ผมเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก ผมก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปล่ะครับ เวลาแม่ชวนไปบ้านญาติ ผมไม่อยากไปหรอก อ้างว่าติดเรียน ติดทำรายงานมั่ง แค่นี้แม่ก็ไม่บังคับผมแล้ว และวันแรกที่ผมย้ายมาอยู่บ้านลุง ก็เป็นวันที่ลุงเดินทางไปดูงานพอดีครับ ผมก็เลยไม่ได้เจอลุง ได้แต่คุยโทรศัพท์กันเมื่อสักครู่เท่านั้น
ติ๊งหน่อง... ติ๊งหน่อง...
ผมกดออดหน้าบ้านได้สักพักหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้ครับ ทั้งที่ลุงบอกว่าเด็กทำงานบ้านที่ชื่อว่า ‘เหมียว’ เธออยู่ในบ้าน แต่เธอกลับไม่ออกมาเปิดประตูให้ผมครับ หรือว่าเธอจะไม่อยู่ ผมคิดก่อนจะเดินตรงไปยังประตูเล็กที่อยู่ด้านข้าง มองลอดเข้าไปก็เห็นว่าลงกลอนไว้ นั่นก็แปลว่าเธอจะต้องอยู่ข้างในแน่ แต่ทำไมเธอไม่ออกมาเปิดประตูให้ผมล่ะครับ
ผมเริ่มหงุดหงิดแล้วล่ะ เพราะตั้งแต่เช้าก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง กะว่าจะรีบมาให้ทันเจอลุง ก่อนที่ลุงจะออกจากบ้าน แต่ก็ไม่ทัน
ความหงุดหงิดทำให้ผมถือวิสาสะหาทางเข้าไปด้านในด้วยตัวเอง ผมเปิดกระเป๋าเป้ หยิบเอาไม้บรรทัดฟุตเหล็กอันจิ๋วออกมา แล้วปฏิบัติการสะเดาะกุญแจของผมก็ดำเนินไปอย่างง่ายดาย ไม่ต่างจากขุนแผนสะเดาะกุญแจเข้าไปลักพานางวันทองเลยครับ ก็อย่างที่ผมบอกไปแล้ว ผมน่ะกลับบ้านดึกประจำ ไอ้เรื่องสะเดาะกุญแจเข้าบ้านนี่งานถนัดของผมเลย
แค่แป๊บเดียวผมก็ขนกระเป๋าสัมภาระใบเขื่อง 2 ใบ เข้ามาด้านในรั้วบ้านได้สำเร็จ แต่ถึงตอนนี้สาวใช้ที่ชื่อว่าเหมียวก็ยังไม่โผล่หน้าออกมาครับ
ผมส่ายหัวด้วยความขัดใจ เพราะโมโหแทนลุงที่ดันจ้างสาวใช้แบบนี้มาดูแลบ้าน ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลุงถึงไว้ใจให้เหมียวดูแลบ้าน เพราะถ้าผมเป็นโจร สาวเหมียวคงถูกฆ่าหมกท่อส้วมไปแล้วล่ะ
ผมเดินลัดเลาะไปตามแนวรั้วของบ้านที่น่าจะนำทางไปสู่ด้านหลังของตัวบ้าน เพราะประตูด้านหน้านั้นล็อคเอาไว้ และเสียงตะหลิวกระทบกับกะทะ บวกกับกลิ่นหอมของอาหารจานผัดที่โชยมาก็ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าที่สาวเหมียวไม่ไปเปิดประตูให้ผมนั้นเพราะว่าเธอกำลังทำกับข้าวอยู่นี่เอง
แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องตำหนิกันหน่อยที่ทำเพลินจนไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงกริ่ง ทั้งๆ ที่เสียงนั้นควรจะดังไปทุกจุดในตัวบ้านสิ
ผมเดินตามกลิ่นและเสียงจนมาถึงลานโล่งด้านหลังของตัวบ้าน ซึ่งน่าจะใช้เป็นที่ซักล้าง เพราะเห็นมีอุปกรณ์ซักผ้า คือ เครื่องซักผ้า กะละมัง และแปรง พิงผนังบ้านอยู่ ทว่าสิ่งที่ทำให้ผมชะงักเท้าที่จะก้าวเดินต่อไปก็คือ
‘ชุดชั้นในสตรี’
แม่นครับ ชุดชั้นในสตรีที่ภาษาบ้านๆ เราเรียกกันว่า ‘เสื้อใน, ยกทรง, กางเกงใน หรือ กางเกงลิง’ นั่นแหละครับ ที่ทำให้ผมสะดุดกึก ก็จะไม่ใช่สะดุดได้ยังไง เพราะทั้งหมดนั่นตากเรียงกันเป็นแนวอยู่บนราวที่ต่อง่ายๆ จากท่อพีวีซี
ขนาด สี และแบบต่างๆ ราวกับกวักมือเรียกผมเข้าใกล้ โดยเฉพาะตัวที่เป็นลูกไม้สีแดงสดนั่น ทั้งเสื้อในและกางเกงใน ทำให้ผมเดินเข้าหาราวกับละเมอ รู้ตัวอีกที จมูกและปากของผมก็อยู่ชิดติดเนื้อผ้า
‘อา... หอม’
ผมเผลอตัวดมกางเกงชั้นในของใครก็ไม่รู้ครับ แต่... ผมว่าผมรู้แล้วล่ะ เมื่อเสียงฮึมฮัมเพลงร่วมสมัยดังแว่วมา
ผมสูดความหอมจากเนื้อผ้าหอมกรุ่นด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินลัดเลาะไปสู่ทิศทางของห้องครัว เพราะผมยังได้ยินเสียงตะหลิวกับกะทะกระทบกันอยู่ไม่หยุด และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ผม ‘แข็ง’
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ