'สินค้าพรีเมียม' สุดพิเศษ ดีเยี่ยมจนลูกค้าต้องซื้อซ้ำ!! เพราะเป็นลูกจ้างมันรวยช้า 'เซาะทราย' ดีไซเนอร์ชุดชั้นในสตรี จึงเลือกที่จะเปิดแบรนด์ของตัวเอง 'Sai' ชุดชั้นในเดลิเวอรี่จึงเกิดขึ้น และทำให้เธอได้พบเขา 'ชาร์ค อิโญน่า' สายลับหนุ่มสุดหล่อ 'เธอส่งเขาไปเป็นสินค้าพรีเมียมให้กับลูกค้า เพื่อแลกกับยอดขายก้อนโตที่มีแต่จะเพิ่มขึ้นตามปากต่อปากของผู้ใช้บริการ และเขาก็เต็มใจทำ เพราะความหฤหรรษ์นับครั้งไม่ถ้วนที่ได้รับ มาพร้อมกับภารกิจที่จะสำเร็จอย่างงดงาม' ชาร์คต้องทำทุกวิถีทางที่จะเข้าถึงตัวเป้าหมายให้มากที่สุด แม้ต้องแฝงตัวเป็นพนักงานจัดส่งที่ 'หล่อ ล่ำ อึดเป็นเลิศ' ก็ต้องยอม
“ฌอง เซลิเซ่” ถนนที่เต็มไปด้วยความหรูหราของสินค้าและโลกแฟชั่น ถนนที่มีภัตตาคาร ร้านอาหารขนาดต่างๆ หรือแม้แต่ร้านอาหารจานด่วนให้เลือกบริโภคได้ตามรสนิยม ถนนแห่งความบันเทิงทั้งโรงละคร โรงภาพยนตร์หรือแม้แต่นางโชว์ และเป็นถนนที่หลากหลายไปด้วยผู้คนหลากเชื้อชาติ
ร้านกาแฟข้างทางดูเหมือนจะมีมากกว่าร้านรวงอื่นๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักและทอดอารมณ์มองถนนที่มีชีวิตนี้ด้วยความสุข แต่ร้านที่ลูกค้าสาวๆ จะให้ความสนใจเป็นพิเศษนั้นคงไม่พ้น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง หรือน้ำหอมแบรนด์ดังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Chanel, Guy Laroche, Dior, Caron, Givenchy, Rochas, Guerlain, Paco Rabanne หรือแม้แต่ Louis Vuitton เจ้าพ่อแบรนด์กระเป๋าชั้นนำของโลกที่สร้างจุดเด่นให้ร้านของตัวเองโดยไม่เลือกสถานการณ์แม้ในขณะกำลังปรับปรุงร้านอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้า
กำแพงแห่งแฟชั่นที่สูงตระหง่านจนนักท่องเที่ยวต้องป้องปากร้องอุทานเบาๆ เพราะกระเป๋า Louis ใบยักษ์ไม่ต่างจากกำแพงตึกขนาดมหึมาหลากสีหลายรุ่น ที่ทางผู้ดำเนินการตกแต่งร้านนำมากั้นบดบังสายตาผู้คนที่จะมองเห็นขั้นตอนการดำเนินงานด้านใน
สิ่งที่เห็นยิ่งตอกย้ำว่า “ฌอง เซลิเซ่” ไม่ว่าจะอยู่สถานการณ์ใดก็ยังคงเต็มไปด้วยสีสันของแฟชั่นไม่เสื่อมคลาย และด้วยชื่อเสียงก็ทำให้ผู้คนต่างใฝ่ฝันที่จะมาเที่ยวชม ช้อป ชิม แชะ แชท แชร์ เรื่องราวความเป็นไปบนถนนแห่งนี้กันสักครั้งหากมีโอกาสได้มาเยือนกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อที่จะมาสัมผัสกับบรรยากาศที่ที่ความหลากหลายอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว และนั่นก็นับรวมถึงเธอ “เซาะทราย”
ร่างงามระหงในสัดส่วน 36-24-36 ด้วยสายเลือดสองเชื้อชาติที่ไหลวนอยู่ในตัวเธอทำให้เซาะทรายพกพาความสูง 172 เซนติเมตร ไปไหนต่อไหนให้คนได้มองและทึ่งกับความสวย สง่า เก๋ และดูดีมีสไตล์ได้อย่างลงตัว
ชุดถักโครเชต์ผ้าฝ้ายสีครีมคอปาดแขนยาวและทิ้งระบายละกับสะโพกที่โยกย้ายไปมายามเจ้าของร่างเคลื่อนไหว เข็มขัดหนังเส้นโตสไตล์คอร์เซ็ตต์ ถุงน่องสักหลาดเพิ่มความอบอุ่นพร้อมความเก๋ได้ในช่วงอากาศหนาวๆ และรองเท้าสานส้นสูงติดดอกไม้สีเดียวกันกับโครเชต์ แน่นอนที่สุดว่ากระเป๋าสะพายใบเก๋ก็ต้องเป็นคอลเล็กชั่นเดียวกันกับรองเท้าได้อย่างลงตัว
เครื่องแต่งกายที่บ่งบอกรสนิยมดูโดดเด่นขึ้นมาอีกเท่าตัวเพราะเธอเป็นคนสวมใส่ ไม่จำเป็นต้องเลือกเครื่องแต่งกายแบรนด์เดียวกันหัวจรดเท้า เพราะแค่นำมาแมทซ์กันอย่างลงตัวมันก็ดูดีอย่างที่สุดแล้ว เธอถือคติว่า ปารีสเป็นเมืองแห่งแฟชั่นก็จริง แต่หากต้องแต่งกายตามแฟชั่นทุกกระเบียดนิ้วมันก็คงจะดูรกมากกว่าที่จะดูสวย ดังนั้นแล้วโครเชต์รุ่นแม่จึงเก๋ได้ใจกับถุงน่องนำสมัย
เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกเป็นลอนใหญ่ตามธรรมชาติรับกับใบหน้าที่ผสมผสานความเป็นยุโรปกับเอเชียได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ดวงตาสวยหวานที่ล้อมกรอบไปด้วยแพขนตางอนงามแม้จะดูหวานแต่ประกายภายในกลับฉายชัดถึงความไม่ยอมแพ้ จมูกโด่งได้รูปทรงราวสวรรค์สรรค์สร้าง และริมฝีปากอวบอิ่มที่เหมือนจะแย้มยิ้มน้อยๆ อยู่เสมอนั้น แค่ได้รับการแต่งแต้มสีสันเล็กน้อย เซาะทรายก็เหมาะที่จะเป็นนางแบบแถวหน้าของห้องเสื้อใดสักแห่งบนถนนแห่งนี้
ทว่า... กลับไม่ใช่ เพราะอาชีพที่เธอเลือกท้าทายกว่านั้น และจุดเปลี่ยนในชีวิตกำลังจะเริ่มต้น เพียงแค่เธอจะได้คำตอบในวันนี้
นักท่องเที่ยวมากมายที่กระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆ บนถนนแห่งนี้ ต่างมาเยี่ยมเยือนด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน บ้างต้องการมาดูความศิวิไลซ์ทางด้านความงาม บ้างต้องการมาซึมซับและจับจ่ายซื้อหาสินค้าแฟชั่น และก็มีที่ต้องการเพียงมาเที่ยวชมบรรยากาศและเลือกรับประทานอาหารจากร้านค้าหลากสไตล์
แต่สำหรับเธอแค่แฮมเบอร์เกอร์สัญชาติเบลเยี่ยมสักชิ้นก็อิ่มได้ไปครึ่งวันแล้ว และใครจะเชื่อว่าที่ ฌอง เซลิเซ่ จะมีแฮมเบอร์เกอร์ที่อร่อยชนิดที่ว่าร้านไหนก็ไม่อร่อยเท่า และทำให้เธอมาฝากท้องได้ทุกๆ วัน แต่หลังจากวันนี้ล่ะเธอยังจะมีโอกาสได้มาอิ่มกับมื้อเช้าที่นี่อีกไหม
ดวงตาสวยหวานฉายแววเจิดจ้าท้าทายไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาช้อนขึ้นมองป้ายด้านหน้าตึกที่ตกแต่งสไตล์โปรวองซ์หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สไตล์คันทรีฝรั่งเศส แต่ด้านในนั้นตกแต่งด้วยธีมสีชมพูหวานแหววให้เข้ากับแบรนด์ Princesse ชุดชั้นในสำหรับสาววัยใสที่เลือกเริ่มต้นแห่งวัยสาวด้วยผลิตภัณฑ์ของที่นี่ แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่
ริมฝีปากอวบอิ่มสีลูกพีชฉ่ำน้ำเม้มเข้าหากันพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่เธอตัดสินใจมาแล้ว และไม่ใช่เป็นการตัดสินใจฉับพลันแต่เป็นการไตร่ตรองมากว่าสัปดาห์ สิ่งที่ตัดสินใจไปแล้วคนอย่างเซาะทรายจะไม่เปลี่ยนแปลง
“อะไร! จู่ๆ จะมาบอกว่าลาออก เธอเห็นพี่เป็นยังไงฮะทราย! เป็นหัวหลักหัวตอให้เธอโดดข้ามเพื่อไปหาจุดที่สูงกว่าอย่างนั้นเหรอ แล้วมาบอกแบบนี้พี่จะไปหาดีไซเนอร์ได้จากไหนทัน ไม่ใช่ว่าดีไซเนอร์ชุดชั้นในจะหากันได้ง่ายๆ นะ พี่เข้าใจว่านี่มันเมืองแฟชั่น มีนักเรียนจบใหม่มากมาย แต่ใครจะทำงานให้พี่ได้ถูกใจเท่าเธอ ทราย... คิดดูใหม่อีกครั้งนะ เธออยากได้เงินเพิ่มสักเท่าไร เธอก็บอกพี่มาสิ ไม่ใช่เอะอะๆ ก็จะลาออก อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะว่าแบรนด์ไหนๆ มาจีบเธอบ้าง”
เสียงแปดหลอดเต็มไปด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยวของเกรซดังขึ้น ทั้งเรียกร้องความเห็นใจ ทั้งค่อนแคะ และทั้งเอาเปรียบ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำๆ ไปมา เพราะมันหลายครั้งแล้วที่การเริ่มต้นและจบอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"