‘นิ่ม’ สาวแรกรุ่นวัย 18 รับหน้าที่ดูแลนาบัวของครอบครัว จับพลัดจับผลูเจอขโมยสุดหล่อ แต่ ‘คุณเสก’ ไม่ได้มาเล่นๆ เขาเอาจริง เอาจัง และเอาดุสุดๆ จากสาวน้อยไม่เคยมือชาย ได้เห็นบทรักจังๆ กลางป่า นิ่มจะเร่าร้อนรุมเร้าร่อนร่านได้มากแค่ไหน หล่อนจะหนีพ้นไหม ในเมื่อใจก็อยากเหลือทน
นาบัวหลวงกว้างไกลสุดสายตาคือสถานที่ที่ทำให้ ‘นิ่ม’ มีความสุขที่สุด ดวงตาของเด็กสาววัย 18 ปี สุกใสยิ่งนัก ยามเห็นดอกบัวชูช่อเต็มท้องทุ่ง ดอกเล็ก ดอกใหญ่ ดอกตูม และดอกบาน ต่างแกว่งไกวตามแรงลมปะทะ
นิ่มหลับตาพริ้มสูดดมความหอมของกลิ่นเกสรบัวคละคลุ้ง ก่อนจะเปิดขึ้นมองแหล่งรายได้ที่ดีของครอบครัว รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นที่ใบหน้าอิ่มเอมตามวัยสาว
ร่างอวบอิ่มเกินวัย ก้าวไปตามสะพานไม้ที่พ่อต่อยาวจากตลิ่งไปไกลร่วม 10 เมตร ไว้สำหรับผูกเรือให้หล่อนพายเก็บดอกไม้และฝักบัวได้อย่างสะดวก
พ่อบอกว่าเพราะพี่นาง ครอบครัวของเราถึงได้ลืมตาอ้าปากได้ ซึ่งหล่อนก็เห็นตามนั้น นิ่มก้าวเดินไป ใจก็คิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้นาบัวแห่งนี้กลายมาเป็นสมบัติของครอบครัว
ปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้วที่พี่นางย้ายไปอยู่กับพ่อกำนันอัฐ
แรกเริ่มหล่อนไม่เห็นด้วยเลยที่พ่อพาพี่นางไป ‘ขัดดอก’ ทั้งที่พี่นางไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด วันนั้นหล่อนแอบได้ยินแม่ทุ่มเถียงกับพ่อเรื่องการส่งลูกสาวไปขัดดอก
แม่ร้องไห้ปานจะขาดใจ แต่พ่อก็ไม่ยอม พ่อบอกว่าไม่มีเงินจะไปจ่ายดอกให้พ่อกำนัน ข้าวปีนั้นก็ไม่ได้ผลเพราะน้ำแล้งมาก หากไม่ทำอะไรเลย มีหวังหนี้สินคงพอกพูน และถึงวันนั้นหากพ่อกำนันจะยึดเอาที่นาทั้งหมดไปก็ย่อมได้ ลำพังมีที่ดินทำกิน ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง ก็คงดีกว่าไม่ได้สิทธิ์ในที่ดิน แล้วต้องไปเช่าที่คนอื่นเขาทำกิน
หล่อนได้ยินดังนั้น ก็อยากจะเสนอเป็นคนไปขัดดอกเสียเอง เพราะแค่ไปทำงานบ้านให้พ่อกำนัน หล่อนไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะหล่อนก็แข็งแรงกว่าพี่นาง ให้พี่นางอยู่บ้านดูแลพ่อแม่ดูแลน้องจะดีเสียกว่า แต่นั่นเป็นความคิดก่อนที่แม่จะโพล่งคำร้าวรานออกมา
คำที่ทำให้หล่อนตัวสั่นงันงก ไม่กล้าเผยอหน้าออกไปให้พ่อแม่เห็นว่าหล่อนแอบฟังอยู่ และไม่กล้าแม้แต่จะกระซิบบอกให้พี่นางระวังตัว เพราะคำพูดของแม่คือ
‘พี่ใจร้าย! ใจพี่ทำด้วยอะไร ถึงได้กล้าส่งลูกไปบำเรอกามพ่อกำนัน พี่ไม่คิดถึงจิตใจลูกมันเลย พี่ใจร้าย!’
แม่สะอื้นปานจะขาดใจตาย พ่อยืนกำมือแน่น น้ำตาไหลพรากไม่ต่างกัน ส่วนหล่อนนั้นแทบไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ แม้หล่อนจะเพิ่งอายุ 16 ปี แต่ความแก่นแก้วก็ทำให้รู้ความหมายสิ่งนั้น ‘ขัดดอก-บำเรอกาม’ ให้กับผู้ชายแก่คราวปู่คราวตา พี่นางต้องไปทำสิ่งนั้นให้กับครอบครัว มีเพียงเสียงสะอื้นเท่านั้นที่ปลอบโยนหล่อนในเวลานั้น
ในวันรุ่งขึ้นพี่นางตื่นเช้าหุงหาอาหารไว้ให้พ่อแม่และน้องเหมือนเคย แววตาของพี่นางเศร้าที่จะต้องจากพ่อแม่ไป แม่ยังคงร้องไห้ขอให้พ่อเปลี่ยนใจ หล่อนอยากบอกพี่นางให้รู้ว่าจะต้องไปเจอกับอะไรบ้าง แต่หล่อนก็ไม่กล้า หล่อนกลัวไปหมดทุกอย่าง และก็กลัวว่าความตั้งใจแรกจะเป็นจริง นั่นคือ พ่อแม่ส่งหล่อนไปแทนพี่นาง
ยามสายที่พ่อพาพี่นางออกจากบ้านไป หล่อนซุกตัวนิ่งอยู่ในบ้าน หวาดกลัวทุกสิ่งที่คิด จนยามบ่ายที่พ่อกลับมาจากบ้านพ่อกำนันแต่ไม่มีพี่นางกลับมาด้วย นั่นหล่อนก็ยิ่งหวาดผวา ตื่นกลัว ร้องไห้ตัวสั่น หล่อนกลัวไปสารพัดว่าพี่นางจะเป็นยังไงบ้าง กลัวพี่นางจะทุกข์ และกลัวที่สุดคือพี่นางจะเป็นอันตราย
ทว่าแค่ช่วงเย็นคนของพ่อกำนันก็เอาข้าวปลาอาหารมากมายมาให้ที่บ้าน บอกว่าพี่นางให้เอามาให้ ทั้งอาหารทะเลดีๆ ที่ตั้งแต่เกิดมาพวกหล่อนไม่เคยได้กิน รวมทั้งผลไม้มากมายที่เคยร้องขอให้แม่ซื้อให้กินตอนเด็ก แต่ตอนนั้นหล่อนจำไม่ได้ว่าแม่บอกปัดว่าอย่างไร รู้แต่ว่าพอโตมา หล่อนไม่เคยร้องขอให้แม่ซื้อให้กินอีกเลย เพราะรู้ว่าราคาของมันหมายถึงข้าวกรอกหม้อได้มากกว่า 10 วัน แต่พี่นางกลับฝากผลไม้เมืองนอกมากมายมาให้
และหลังจากวันนั้น ทุกวันที่บ้านหล่อนก็จะมีแต่ข้าวปลาอาหารดีๆ ที่พี่นางฝากมาให้ทุกวัน ทั้งน้ามุกแม่บ้านของกำนันอัฐและเป็นเพื่อนของแม่ก็มักจะหอบเสื้อผ้าดีๆ มาให้พ่อแม่ หล่อน และน้องๆ ไม่ได้ขาด โดยน้ามุกบอกว่าทั้งหมดนี่พี่นางฝากมาให้
แม้หล่อนจะไม่ได้เจอพี่นางเลย แต่สีหน้าท่าทางของพ่อแม่ที่ผ่อนคลายลง รวมทั้งความเป็นอยู่ของที่บ้านที่ดีขึ้นมากมาย หล่อนและน้องๆ ได้เงินไปกินขนมที่โรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ ได้มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ ได้กินของดีๆ ก็ทำให้รู้ว่าพี่นางอยู่ดีมีสุขแค่ไหน และครั้งแรกที่พี่นางกลับมาบ้าน พี่นางเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
พี่นางสวยและสาวสะพรั่ง ใส่เสื้อผ้าดีๆ สะอาดสะอ้าน บ่งบอกว่าพี่นางปราศจากความทุกข์ แต่พี่นางก็ยังเป็นพี่นางคนเดิมของหล่อน ยังรักหล่อนและน้องๆ ไม่เสื่อมคลาย พี่นางย้ำนักหนาให้หล่อนตั้งใจเรียนเพื่อเป็นเสาหลักให้พ่อแม่ให้ได้ จากนั้นอีกไม่กี่เดือน พ่อกำนันก็ให้ช่างมาสร้างบ้านให้ใหม่ คืนที่นาให้พ่อ และให้ที่ดินแปลงนี้มาเปล่าๆ
หล่อนได้ฟังตอนที่พี่นางมาบ้าน พี่นางบอกพ่อกับแม่ว่าพ่อกำนันให้พี่นางเลือกที่ดินในละแวกบ้าน แปลงไหนก็ได้ พ่อกำนันจะโอนให้เป็นชื่อของพี่นาง เพื่อเป็นการตอบแทนที่พี่นางดูแลพ่อกำนันเป็นอย่างดี
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ