รับส่งขึ้นสวรรค์ทั่วทุก ‘ซอย’ โดยเฉพาะ ‘ซอยถี่ๆ ซอยลึกๆ’ ผมยิ่งชอบ ‘ซอยตัน’ วิ่งไปชนจึ๊กๆ ผมก็รับนะครับสนใจใช้บริการนี่นามบัตรผม กด 6969 เรียก ‘ผัวเบอร์ 1’ รับประกันส่งถึงสวรรค์ไม่มีหยุด สะดุด ให้เสียเซลฟ์
รับส่งขึ้นสวรรค์ทั่วทุก ‘ซอย’ โดยเฉพาะ ‘ซอยถี่ๆ ซอยลึกๆ’ ผมยิ่งชอบ ‘ซอยตัน’ วิ่งไปชนจึ๊กๆ ผมก็รับนะครับสนใจใช้บริการนี่นามบัตรผม กด 6969 เรียก ‘ผัวเบอร์ 1’ รับประกันส่งถึงสวรรค์ไม่มีหยุด สะดุด ให้เสียเซลฟ์
สวัสดีครับ พี่ๆ นักอ่านทุกท่าน ผมชื่อ ‘หนึ่ง’ ครับ หนึ่งที่แปลว่า ที่หนึ่งนั่นแหละครับ ต้องขอบคุณพ่อแม่ผมนะครับที่ตั้งชื่อผมได้เหมาะสมกับความจริงมาก เพราะตั้งแต่เกิดจนจำความได้ ชีวิตผมก็มักเกี่ยวข้องกับ ‘เลข 1’ เสมอ พี่ๆ อยากรู้แล้วใช่ไหมครับว่ามีอะไรบ้างน้า... ที่ตัวผมไปเกี่ยวพันกับ ‘1’ อย่างนั้นก็ตามผมมาเลยครับ...
‘ฉันเกิดอยู่แดนอีสาน... ถิ่นกันดารที่เขาดูหมิ่นดูแคลน’ แอบเอาเพลงน้าหมู พงษ์เทพ มาร้องเสียเลย
ใช่ครับ ผมเป็นคนอีสานโดยกำเนิด จังหวัดที่ผมเกิดก็คือ 101 เห็นไหมละครับ ชีวิตผมเกี่ยวพันกับเลข 1 จริงๆ จังหวัดในประเทศไทยมีตั้ง 77 จังหวัด ไหงผมตกช่องมาเกิดที่ 101 ได้ละเนี่ย อิอิ... อันนั้นต้องไปถามพ่อและแม่ผมต่อ
พอโตเข้าโรงเรียนได้พ่อแม่ก็พาผมมาฝากเข้าเรียนอนุบาล 1 ผมก็ได้เลขที่ 1 อยู่ห้อง อ.1/1 ยังไม่หมดนะครับ ก็ผมน่ะมันเรียนเก่ง ได้เป็นหัวหน้าชั้นตลอด ก็ไต่เต้าขึ้นมาอยู่ ป.1/1 – 6/1 พอเรียนมัธยมก็ได้อยู่ห้อง ม.1/1 อีกนั่นแหละครับตามประสาเด็กเรียนดี กีฬาเด่น บวกกับหน้าตาเอ็นเตอร์เทนคนอื่นเสมอ เรียกภาษาบ้านๆ ว่า ‘หน้าตารับแขก’ นั่นแหละครับ เพราะผมก็มักจะได้รับเลือกให้เป็นประธานชมรมนู้นนี้โน้นตลอดๆ เวลามีกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ ผมนี่แหละได้รับเลือกเป็นคนแรกเลย
จนเรียน ม.6 ความภาคภูมิใจแรกในชีวิตวัยรุ่นของผมก็มาเยือน ผมได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียนครับพี่น้อง ชีวิตผมในตอนนั้นดีงามมาก... เรียกได้ว่าเดินไปทางไหน สาวๆ รุ่นน้องก็มักจะมากรี๊ดกร๊าดเรียกผมว่า
‘พี่หนึ่งคะ พี่หนึ่งขา...’ ผมนี่ตัวลอยเลยครับ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นตลอดน่ะสิครับ เรื่องราวดราม่าเริ่มเข้ามาในชีวิตผมอย่างลางๆ จนผมเกิด ‘สภาวะทิ้งตัว’ อย่างแรงก็ตอนตัดสินใจไม่เอ็นทรานซ์นี่แหละครับ
ไม่ใช่ว่าผมกลัวจะสอบเข้าไม่ได้นะครับ เพราะผมก็ถือว่าเป็นเด็กเรียนคนหนึ่งเลยล่ะ และจากแนวข้อสอบที่ผมหมั่นทบทวนอยู่ตลอดนั้นก็ทำให้ผมมั่นใจว่า ผมสามารถสอบเข้าเรียนในสาขาที่ผมอยากเรียนได้สบาย แต่เพราะผมเป็นเด็กดียังไงล่ะครับ ผมรักพ่อแม่ รักครอบครัวครับ ‘งงล่ะสิ... ว่าทำไมผมไม่เอ็นทรานซ์’
ก็ผมน่ะเป็นลูกชายคนโต ที่บ้านก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไร แค่พ่อแม่ส่งเสียผมได้จบ ม.6 นี่ก็ถือว่าท่านเก่งมากแล้ว ผมเองความที่เป็นพี่ชายคนโตของน้องๆ อีกหลายคน ผมก็ควรจะเสียสละมาช่วยพ่อแม่ทำงานส่งเสียน้องๆ นั่นแหละครับเส้นทางโลดแล่นในเมืองใหญ่จึงมาเยือนผมจนได้
ใช่ครับ เด็กอีสานอย่างผมจะทำงานทั้งทีก็ต้องโน่น ‘กรุงเทพมหานคร’ เมืองฟ้าเมืองสวรรค์ที่เด็กบ้านนอกคอกนาอย่างผมใฝ่ฝันว่าจะได้มาสูดดมกลิ่นเมืองศิวิไลซ์สักครั้งในชีวิต
‘จากแดนอีสานบ้านเกิดเมืองนอน มาเล่นละครบทชีวิตนัก’ ผมชอบพี่ไมค์ครับ และรักในเส้นทางเสียงเพลงลูกทุ่งมาก แต่ผมไม่ได้มาเป็นนักร้องนะครับ โธ่! พี่ๆ คิดดูสิครับ เด็กหนุ่มวัยละอ่อนอย่างผม ใครจะผลักจะดันเข้าวงการล่ะครับ
แม้หน้าตาผมจะดีเข้าขั้น ‘ณเดชน์ + เจมส์จิ’ ก็เหอะ แต่หากผมต้องไปเสนอตัวให้เก้ง กวาง บ่าง ชะนี ผมก็ไม่กล้าหรอกครับ ผมน่ะยังซิงนะครับพี่ ทั้งทวนแท่งและช่องแคบมะละกาของผม ยังซิงทั้งสองทาง แหม... แต่มันก็ซิงไม่นานนักหรอกครับ
ใช่ครับ ผมเข้ามากรุงเทพฯ ได้ไม่นาน เส้นทางเปิดบริสุทธิ์ผมก็เริ่มขึ้น อายจังที่ต้องเล่าเรื่องตัวเองแบบนี้ แต่มันอดภูมิใจไม่ได้นี่ครับ เพราะไม่ว่าจะสาวแก่ แม่ม่าย คุณน้าข้างบ้าน หรือแม้แต่น้องหมวยในร้านก็บอกว่าของผมน่ะ ‘ใหญ่’ กว่าใครทั้งนั้น แถมทุกคนยังการันตีว่าผมน่ะเป็นที่หนึ่งสมชื่อจริงๆ
ผมเริ่มต้นงานแรกด้วยการเป็นลูกจ้างในร้านขนมปังแถวบางบัวทองครับ แต่ผมไม่ทิ้งการเรียนนะครับ ผมน่ะลงเรียนรามฯ เอาไว้ สาขาที่ผมเลือกน่ะหรือครับ ‘รัฐศาสตร์ การเมืองการปกครอง’ ที่เลือกสาขานี้ก็เพราะผมอยากนำความรู้ที่ผมได้รับไปพัฒนาชุมชนของผมครับ ก็บอกแล้วไงครับว่าผมน่ะเด็กรักเรียน และผมก็ยังสำนึกรักบ้านเกิดของตัวเองอย่างแรงเสียด้วย
แต่เส้นทางอาชีพของผมก็ทำให้ผมมีปัญหากับการเรียนบ้างเล็กน้อย จะว่าไปก็คงไม่เล็กไม่น้อยสักเท่าไร แต่ผมมันลูกคนไม่รวยครับ ผมก็ต้องเลือกอาชีพไว้ก่อนล่ะ กลางวันทำงาน กลางคืนแบ่งเวลาอ่านหนังสือครับ โดยผมน่ะจะทำตารางเรียนเองเหมือนตอนเรียนมัธยมเลยครับ ผมจะเขียนไว้ว่าวันไหนจะอ่านวิชาอะไร เริ่มกี่โมงถึงกี่โมง ถ้าไม่ทำอย่างนี้มีหวังผมคงเรียนไม่จบหรอกครับ ยิ่งทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เรื่องยากสำหรับผมเลยนะเนี่ย
พี่ๆ อย่าเบื่อเรื่องเล่าของผมเสียก่อนล่ะ ว่าเอ... ฉันจะอ่านเรื่องเสียวหรือมาตามอ่านอัตชีวประวัติของผมกันแน่ เอาเป็นว่าผมรับประกันความเสียวด้วยอาวุธยาวใหญ่ประจำกายของผมแน่นอน แต่ผมอยากให้พี่ๆ รู้จักตัวผมให้ดีกว่านี้น่ะครับ
ถึงผมจะสร้างความเสียวให้สาวๆ ไม่จำกัดเวลา แต่ผมก็เป็นคนหนักเอาเบาสู้นะครับ งานหนักหนาแค่ไหนผมก็ไม่เกี่ยงหรอก ขอแค่ให้ได้เงินมาส่งเสียครอบครัวและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แต่หากจะสร้างความสุขให้ทุกๆ คน ผมก็แสนจะยินดี เริ่มเสียวแล้วล่ะสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า... อย่างนั้นมาเริ่มประสบการณ์เสียวครั้งแรกไปกับผมได้เลยครับ
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
© 2018-now MeghaBook
บนสุด