‘ชบาดง’ หญิงสาวบ้านป่าที่ไม่ประสาในเรื่องความรัก ทว่าสิ่งนั้นกลับเป็นเสน่ห์จนทำให้เขาหลงรักเธอจนถอนตัวไม่ขึ้น แต่ชบาไม่ใช่ดอกไม้ที่คู่ควรกับแจกันทอง เมื่อต้องเลือกระหว่างดอกไม้ในเมือง กับ ดอกชบาบ้านป่า เขาควรจะเลือกใคร ‘ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเธอ... ไม่เคยมีดอกไม้ดอกไหนงดงามเท่า’ ‘โลดแล่นไปในห้วงแห่งกลิ่นหอมรัญจวน’
ฝ่ามือแกร่งปาดไล่หยาดเหงื่อที่ไหลซึมผ่านคอเสื้อลงมาเป็นทาง ก่อนจะปลดรังดุมเสื้อเชิ้ตออกและกระพือเรียกลมเย็นจากภายนอกเข้ามาปะทะแผงอกด้านใน กว่า 2 ชั่วโมงที่เดินเท้าเข้ามาในป่าทำให้เหงื่อไหลโทรมกายไม่ต่างจากอาบน้ำ ทว่ามันไม่ใช่ความเย็นสดชื่นของสายน้ำ แต่มันเป็นความร้อนรุ่มของอุณหภูมิร่างกายที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะ ซึ่งทั้งหมดจะไม่เป็นอย่างนี้หากเขาตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ของรถมาเป็นอย่างดี
รถจี๊ปสีเขียวไพลที่ใช้สำหรับสัญจรไปมาระหว่างปางไม้กับพื้นราบเกิดขัดข้องจนไม่สามารถแก้ไขได้ ทำให้เขาต้องจอดทิ้งไว้ที่แนวป่า ก่อนจะตัดสินใจเดินเท้าไปที่หมู่บ้านที่ใกล้กับปางไม้มากที่สุด เพราะหากจะเลือกเดินกลับลงไปที่ด้านล่างก็จะทำให้การเดินทางในวันนี้เสียเปล่า และหากจะเลือกเดินตรงไปยังปางไม้ก็อาจจะไปไม่ทันพลบค่ำ ทางที่ดีเขาควรเลือกที่จะขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านป่าที่เคยเห็นว่าอาศัยอยู่แถวนี้จะดีกว่า
เสียงน้ำตกที่ดังซู่อยู่ไม่ไกลทำให้ ‘นิธิต’ แน่ใจว่าอีกไม่นานคงถึงจุดหมาย เพราะน้ำเป็นสัญญาณของการมีชีวิต ที่ใดมีน้ำที่นั่นย่อมมีชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีกลุ่มชาวบ้านอาศัยอยู่แถวนี้แน่
ฝีเท้าที่พยายามเร่งเดินเพื่อให้ถึงหมู่บ้านก่อนพลบค่ำหันเหไปทางต้นเสียงในทันที เพราะในยามนี้เขาเหนื่อยเหลือเกิน ร่างกายอ่อนล้าเสียจนอยากจะพักกายเอนหลัง แต่เสียงน้ำที่ได้ยินใกล้เข้ามาก็ทำให้เปลี่ยนใจอยากจะดำผุดดำว่ายชำระล้างคราบเหงื่อไคลออกไปให้พ้น
สองเท้าพาก้าวเร็วไวทว่าเสียงหวานที่ดังแว่วมาจากธารน้ำข้างหน้าก็ทำให้หัวคิ้วเข้มต้องขมวดเข้าหากัน แววตาครุ่นคิดไม่แน่ใจครั้งแรกในชีวิต ใบหน้าแหงนมองคาคบไม้ที่เริ่มมีแสงสีส้มจางๆ พร้อมทั้งนกป่าที่บินว่อนกู่ร้องเรียกกันไปมา นิธิตแน่ใจว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมีผู้หญิงคนไหนมานั่งฮัมเพลงอย่างสุขอุราอยู่ในป่าได้
เข้าป่ามาก็หลายครั้งทำให้พบเจอเรื่องราวแปลกๆ ของป่ามาก็มาก หรือว่าจะเป็นอีกครั้งที่เขาต้องบัญญัติไว้ในสารานุกรม “เรื่องแปลก” นิธิตกระชับสายเป้ที่ต้นแขนก้าวตรงไปยังต้นเสียง
“เอาว่ะ ให้มันรู้กันไป เกิดมาชีวิตเดียว ได้เห็นแต่ของแปลกๆ คุ้มจะตาย”
ดวงตาคมเข้มมุ่งมั่นมองตรงไปพยายามระงับความตื่นเต้นปนตื่นกลัว หากว่าสิ่งที่เห็นนั้นจะเป็น...
หากต้องเจออาถรรพ์ของป่าจนชีวิตต้องพบกับความวุ่นวายเขาก็ถือว่าคุ้ม เพราะยังไงเขาก็คงหนีเรื่องราวเหล่านี้ไปไม่พ้น ครอบครัวของเขาทำธุรกิจปางไม้ ความเชื่อเรื่องป่าเป็นเรื่องที่ต้องเคารพและยึดถือตลอดมา ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาคิดดีมาดี เจ้าป่าเจ้าเขาจะต้องคุ้มครองป้องกัน
ทว่า... สิ่งที่นิธิตได้เห็นกลับทำให้เนื้อกายชายหนุ่มเย็นวาบไปทั้งร่างตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะ ก่อนจะร้อนวูบวาบจนเขาแทบอยากจะสลัดไล่เสื้อผ้าที่ขวางกั้นเกะกะเนื้อกายไปเสียให้พ้น เพราะสิ่งที่เห็นนั้นคือ... เรือนร่างของหญิงสาว งดงามและสมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
ผิวละเอียดขาวนวลเนียนดูมีเลือดฝาด ส่งผลให้ร่างที่เต้นรำไปมาช้าๆ ในลำธารที่มีน้ำสูงอยู่เพียงระดับเอวของเธอนั้น คล้ายจะมีแสงสว่างเรืองรองอยู่ในตัวเองอย่างบางเบา เส้นผมดำขลับยาวสยายละบั้นเอวคอดกิ่วสะบัดพลิ้วไปมา โยกย้ายส่ายสะโพกสวยตามจังหวะทำนองเพลงที่เธอฮึมฮัมด้วยเสียงไพเราะ
นิธิตมองความสวยงามตรงหน้าแล้วเกิดอาการอยากจะเข่าอ่อนอยู่เพียงแทบเท้าของเธอ แม้ยังมองไม่เห็นใบหน้าแต่เขาก็มั่นใจว่าเธอต้องงดงามอย่างที่สุด ดวงตาคมเข้มฉายความปรารถนาที่ถูกปลุกอย่างกะทันหันไล้สำรวจทั่วด้านหลังของร่างเปล่าเปลือย แม้บั้นท้ายจะจมอยู่ปริ่มน้ำแต่ความใสก็ทำให้เห็นอะไรๆ ใต้น้ำได้โดยง่าย
หญิงสาวยังคงฮัมเพลงส่ายสะโพกใบไม้ไหวไปมาตามจังหวะจะโคน เรือนผมยาวสยายสีดำมันขลับเปียกลู่แนบไปกับเรือนร่างละอยู่ตามสะโพกผาย ทว่ากลับไม่สามารถปกปิดความงามที่สวรรค์สรรค์สร้างได้เลยสักนิด
นิธิตกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นที่สุด เมื่อปลายยอดสีชมพูสดนั้นคล้ายจะเด้งดึ๋งไปมา ยามที่เธอนั้นถลาไปตามด้านข้างของลำธาร เพียงเพื่อต้องการหยอกเย้าเล่นกับหมู่ปลาตัวเล็กตัวน้อย
“อุ้ย! น้องปลาจ๋าจะไปไหน มาให้พี่จับซะดีๆ”
เสียงหวานเอ่ยถามเจ้าปลาตัวน้อยราวกับเป็นเพื่อนเล่น ก่อนจะหัวเราะคิกคักไปมา ภาษาไทยที่เขาฟังเธอเข้าใจทั้งหมด และเสี้ยวหน้าที่หันหาเจ้าปลานั้นก็ทำให้น้ำลายเหนียวจนแทบจะกลืนลงคอไปไม่ได้ นั่น...
เธอไม่ใช่นางฟ้าจำแลงแปลงร่างลงมาใช่ไหม หรือไม่ใช่ผีป่าผีไพรที่จะมาหลอกล่อให้เขาหลงใหลในยามฟ้าสลัวใกล้ค่ำอย่างนี้ เธอมีเลือดเนื้อมีตัวตนและมี... ความอวบอิ่มที่น่าสัมผัสแตะต้องใช่หรือไม่ นิธิตครุ่นคิดราวคนละเมอและเสียงหัวเราะที่ดังแว่วมาไม่ขาดสายก็ทำให้เขาหมดความยับยั้งช่างใจใดๆ อีกแล้ว
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"