แค้น ที่ฝังใจทำให้เธอต้องถูกจองจำ และรับผลกรรมทั้งที่ไม่ได้เป็นคนเริ่ม! ***** "ก็แค่เชลยไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น" "แต่ฉันก็มีหัวใจนะคะ...ฉันมีความรู้สึกและเจ็บปวดเป็น" "เป็นเช่นรึ? ฮึ! ความรู้สึกของเธอไม่ได้มีผลสำหรับเรา.,." "หยาบช้าสิ้นดี!" "เทียบเท่าไม่ได้กับสิ่งคาว ๆ ที่พ่อเธอทำ" "พวกแกมันระยำ!" "เราทำได้มากกว่าจุดไฟเผาทั้งเป็นอีก.,.หรือเธออยากจะลอง" จอมโจรทรนงผู้คนขนานนามถึงความโหดร้าย เหี้ยมโหด ชายโฉดที่พรากพรหมจรรย์ของเธอ 'จัสซีเนีย' เธอเสียความสาวให้เขา 'จาห์มาล์' ผู้ชายป่าเถื่อนในแถบทะเลทราย สถานที่กบดานอันแสนไกล ที่ไม่มีใครอยากเข้าไปใกล้ ภายใต้ชายคาของกรงขัง หัวใจดวงน้อยของจัสซีเนียถูกย่ำยีด้วยแรงราคะของความเคียดแค้น ตัวแทนแรงอาฆาตที่เธอไม่ได้กระทำ แต่ต้องรับผลกรรมแทนผู้เป็นพี่อย่างจำยอม.....ด้วยฝีมือของราชาโจร!
กรงรักราชาโจร
ตอนที่ 1
(จัสซีเนีย)
"ที่ให้ไปสืบได้เรื่องยังไงบ้าง" เสียงเข้มดุดันน่าเกรงขามเอื้อนเอ่ย ในสิ่งที่เคยสั่งการกับคนสนิทในทำตามคำสั่ง
"เรียบร้อยขอรับนายท่าน ตามรายงานในแฟ้มนี้ทั้งหมด" แฟ้มสีดำทมิฬถูกยื่นไปตรงหน้าของนายเหนือหัว ที่เนื้อในมีเรื่องราวของตัวการใหญ่ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำที่โสมมและผิดกฎหมาย
"ฮึ! มันจะต้องได้รับบทลงโทษจากเรา...กำจัดพวกมัน!" เมื่อได้อ่านเนื้อหาที่สืบมา รอยยิ้มเย้ยหยันก็เผยขึ้นบนใบหน้าเข้มดุทันที
"แต่เรื่องนี้ใหญ่นัก กระผมว่านายท่านไม่ควรผลีผลาม เพราะถ้าหากท่านพ่อทรงทราบเข้าต้องโดนลงโทษหรือต่อว่าแน่ ๆ"
"บอกว่าอย่าพูดคำที่มันยุ่งยากกับเรา เราไม่ชอบยังไงก็เป็นเพื่อนกัน"
"แต่ศักดิ์ท่านสูงกว่ากระผม"
"ช่างสิ! ไม่ได้สนใจสักหน่อย...เราขอสั่งห้ามเด็ดขาดนับจากนี้ เราสองคนจะพูดเพียงธรรมดาฉันท์มิตร"
"ยกเว้นอยู่ในคฤหาสน์ต่อหน้าท่านพ่อและท่านแม่ของท่านขอรับ"
"ตามนั้นก็ย่อมได้"
(ปล่อยฉันนะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ไอ้พวกโจรใจบาป! ปล่อย!)
"เสียงเอะอะโวยวายอะไร!?"
"จะออกไปดูให้ครับ"
"อืม"
เสียงดังที่โวยวายอยู่นอกกระโจม ทำให้คนด้านในที่คุยกันต้องสนใจ เสียงแหลมแผดดังกังวานต่อว่า ที่บ่งบอกถึงการเป็นหญิง สถานที่แห่งนี้ที่อยู่ห่างไกลผู้คนนับหลายร้อยไมล์ ไม่มีผู้ใดได้ย่างกรายเข้ามาเหยียบย่ำได้ พื้นที่อันเป็นที่ขนานนามโด่งดัง กำลังซุ้มโจรที่โหดเหี้ยม หากผู้ใดหลุดเข้ามาทั้งที่มีลมหายใจ แต่การกลับออกไปนั้นไร้วิญญาณ
"มาจากที่ใด?" ริฎวานที่เดินออกมาจากกระโจมใหญ่ เปล่งวาจาถามไถ่ถึงบุคคลที่ไม่คุ้นหน้า รูปลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นหญิง กำลังถูกจับกุมด้วยแรงชายสองคน กดไหล่ของเธอดันไว้ คุกเข่าลงกับพื้นทรายที่ตอนนี้ร้อนระอุ
"กระผมเห็นนางผู้นี้ด่อม ๆ มอง ๆ ดูมีพิรุธเลยจับตัวมาขอรับท่านริฎวาน" เสียงของลูกน้องบอกเล่า ในขณะที่จับล็อกหล่อนไว้
"ที่นี่ยากจะมีใครได้เข้ามา...เธอเป็นใคร!?" ริฎวานยืนมองหญิงตรงหน้า ด้วยท่าทางที่น่าเกรงขาม ไม่ต่างจากผู้เป็นนายเลยสักนิด
"พวกโจรใจบาป! พวกแกมันเลว! ชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน" เสียงแข็งกร้าวตะโกนด่าทอ ทั้งที่คนฟังนั้นยังไม่รู้สาเหตุ ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างฉงนใจงุนงง
"เธอมาจากไหน แล้วทำไมถึงได้ด่าทออย่างไม่มีสาเหตุเช่นนี้" ริฎวานยังคงไม่เข้าใจ จนได้เอ่ยปากพูดออกไปอีกครั้ง ทั้งที่ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกัน
"ทำไมจะไม่มีเหตุผล พวกแกฆ่าพ่อแม่ฉัน พวกแกมันระยำชาติชั่ว! ฉันจัสซีเนียคนนี้จะไม่ยอมให้พ่อแม่ฉันตายฟรี...พวกแกต้องชดใช้!!" หล่อนแผดเสียงดังอย่างไม่คิดกลัว ดวงตาคมจ้องเขม็งอย่างเคืองโกรธ
"จัสซีเนีย?" เสียงที่ก่อความรำคาญให้กับคนด้านในจนต้องเดินออกมาดูให้รู้แจ้งด้วยตัวเอง เป็นจังหวะเดียวกับชื่อที่ได้ยิน จนเขาต้องเอ่ยซ้ำกับชื่อของเธอผู้ถูกจับกุม
"นายท่าน" เมื่อเห็นผู้เป็นนายเหล่าบริวารจึงโค้งตัวคำนับอย่างเคารพ
"เธอบอกว่าชื่ออะไรนะ?" จาห์มาล์ ผู้ที่ถูกขนานนามว่าราชาโจร เขาเดินไปหยุดตรงหน้าของหล่อน แล้วย้อนถามด้วยสีหน้าเรียบตึง สายตาดุดันจ้องมองเธออย่างรอคำตอบ
"จำชื่อของฉันใส่สมองแกไว้ให้ขึ้นใจ จัสซีเนีย คือชื่อของฉัน...สักวันฉันจะฆ่าโจรป่าเถื่อนอย่างพวกแกให้ตายคามือ!"
เพี๊ยะ!! หล่อนพูดจบประโยคด้วยน้ำเสียงกร้าว ชื่อที่ดังเข้าหูของจาห์มาล์ ทำให้ฝ่ามือหนาของเขาฟาดลงใบหน้าของหล่อนอย่างแรงจนหน้าหัน และฟุบลงต่ำเกือบราบกับพื้นทราย
"เลวระยำจริง ๆ ฮึ!"
"ปากดีเสียจริง...เอานางไปขังแล้วล่ามโซ่ไว้ คนอย่างนางเราจะจัดการเอง!"
"ขอรับ!"
เขาทำให้หัวใจของผมเต้นแรง ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็น จนอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา แต่ว่าเราสองคนดันแตกต่างกันคนละขั้ว ความรู้สึกดี ๆ ที่ผมมีให้จะเปลี่ยนแปลงทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ไหมนะ?
แม้จะดูเดียงสาสดใส แต่ใครจะรู้ว่าเธอนั้นแอบซ่อน ความเร่าร้อนไว้ในกาย ใจแข็งนักระวังเจออ้อนรักของ 'น้องอันดา' แล้วใจจะละลาย
เพราะเงื่อนไขบ้า ๆ ไร้เหตุผล ทำให้ผู้หญิงใสซื่ออย่าง เรนิตา ต้องตกเป็นเหยื่อของผู้ชายร้ายกาจ
คำว่าหน้าที่มันฝังลึกอยู่ในหัวสมอง อีกทั้งฐานะที่แตกต่างจนไม่อาจเอื้อมมือถึง ทำให้เขาต้องกล้ำกลืนฝืนความรู้สึกที่มีต่อ 'จัสทีน่า' เอาไว้ ทำได้เพียงเฝ้ามองดูเธอใกล้ ๆ เท่านั้น และสุดท้ายเขาต้องจากไป ทิ้งไว้เพียงความทรงจำอันเจ็บร้าว เธอไม่ได้ฟังแม้กระทั่งคำลาจาก 'ฮะมีส' สร้างความทุกข์ทรมานให้แก่เธอจนเกือบสิ้นลมหายใจสุดท้าย...
เมื่อความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิทบานปลาย จนกลายเป็นความรักที่เก็บซ่อนภายใต้คำว่า เพื่อน ที่หลอมละลายพวกเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ความรักครั้งนี้ต้องเจออุปสรรคมากมาย ทั้งคนใหม่และคนเก่าที่เข้ามาพัวพัน จนความรักเกิดการแตกหัก ทั้งความรับผิดชอบที่ไม่อาจหลีเลี่ยง พวกเขาจะผ่านปัญหาความรักนี้ได้อย่างไร มาลุ้นกัน!
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"