เธอลุ่มหลงไปกับรสสวาทในตัวเขา พลันเปลี่ยนเป็นความรักอย่างไม่รู้ตัว ทว่าช้ากว่าเขาที่ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น!
เธอลุ่มหลงไปกับรสสวาทในตัวเขา พลันเปลี่ยนเป็นความรักอย่างไม่รู้ตัว ทว่าช้ากว่าเขาที่ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น!
Introduction
ประเทศอิตาลี
ค่ำคืนที่เงียบสงบถูกกลบด้วยเสียงเพลงคลอเบาๆ ภายในงานเลี้ยงสุดหรูที่จัดขึ้นภายในสถานทูตไทยในกรุงโรมประเทศอิตาลี งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นเพื่อต้อนรับชาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศอิตาลีและยังเป็นการต้อนรับเขมมิกา คาเปซโน่อดีตนักแสดงชื่อดังที่ผันตัวมาเป็นทูตสันถวไมตรีของประเทศไทยเต็มตัวหลังได้รับเลือกและได้แต่งงานกับซานเซสนักเขียนชื่อดังชาวอิตาลี ซึ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเอธิโอเปียหลังเข้าร่วมโครงการโอบอุ้มรักเด็กด้อยโอกาสจนลุล้วงพร้อมกับลูกสาววัยสิบเก้าปีที่ลาเรียนมาร่วมงานตามคำเชิญจากสถานทูต
ความครื้นเครงภายในงานมีอย่างต่อเนื่องเมื่อชาวไทยด้วยกัน ซึ่งอยู่ต่างถิ่นได้มาพบปะพูดคุยกันในค่ำคืนนี้ ไม่เว้นแม้แต่เหล่านักธุรกิจที่ถูกเชิญมาในฐานะแขกวีไอพีต่างก็ร่วมสนุกไปกับงาน โดยเฉพาะได้พบปะกับนักธุรกิจที่ทำงานประเภทเดียวกันที่จับกลุ่มยืนสนทนากันอย่างสนุกปาก
อัฐพล พาณิชวิสุทธิ์รองประธานบริหารบริษัทส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ นักธุรกิจชาวไทยหล่อคมตามฉบับชายเอเชีย ทว่ามีผิวพรรณขาวราวกับว่าไม่เคยออกแดดท้าลม สูงโปร่งกำยำเข้าแบบฉบับชายในฝันของผู้หญิงไทย หากใครได้รู้จักและสนิทสนมกับเขาจะรู้ว่าครอบครัวของชายหนุ่มเลี้ยงลูกชายลูกสาวมาอย่างคุณชายคุณหนูแต่จิตใจกลับไม่เย่อหยิ่งเป็นกันเองและให้ความสำคัญกับผู้ที่ไม่มีโอกาสได้รับสิ่งที่ควรได้รับจึงเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทุนให้กับโครงการต่างๆ ที่เขมมิกาเป็นตัวแทนประเทศไทย เขาจึงถูกเชิญมาร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ซึ่งทำให้ทุกคนภายในงานต่างแปลกใจที่เห็นชายหนุ่มมาปรากฏตัวในค่ำคืนงานเลี้ยงนี้ ทั้งที่ก่อนหน้างานเลี้ยงต่างๆ ส่งคำเชิญไปหลายต่อหลายครั้งไม่เคยตอบรับ จึงถูกพูดถึงว่าเป็นคนเข้าถึงยากทั้งที่ไม่ได้มีนิสัยเย่อหยิ่ง แม้แต่หญิงรุ่นเล็กไปจนถึงหญิงรุ่นใหญ่ยังหลงในเสน่ห์ในความเอาอกเอาใจเก่ง ใส่ใจในทุกรายละเอียดหรือที่ใครคอยสมญานามให้ว่า...
ผู้ชายเหลือร้าย
จึงเป็นสาเหตุทำให้สาวๆ ในงานต่างจับจ้องไปที่ชายหนุ่มเพียงผู้เดียวอย่างหลงใหลมัวเมาไปกับเขาที่อยู่ในชุดเสื้อกั๊กสูทสีดำตัดขาว เสริมให้ดูเป็นผู้ชายสมาร์ตอีโก้สูง โดยเฉพาะเสาวนี ลีหญิงสาวลูกครึ่งไทยจีนที่บังเอิญได้เข้าร่วมงานเลี้ยงเพราะได้รับอภิสิทธิ์จากนักธุรกิจหนุ่มที่จับมือทำงานร่วมกัน เธอสนใจในตัวอัฐพลอย่างเห็นได้ชัดจนหญิงสาวในงานต่างพากันยอมแพ้ไปตามๆ กันเมื่อเห็นว่ายังไงแล้วก็คงสู้หล่อนไม่ได้ เพราะหล่อนทั้งสวย ยั่วยวน เก่งและมีชื่อเสียงในด้านเป็นซัพพลายเออร์ให้กับนักธุรกิจชื่อดัง รวมไปถึงบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งมาแล้ว มีหรือที่ผู้ชายอย่างอัฐพลจะไม่สนใจในตัวหล่อน
ทว่า ตัวชายหนุ่มกลับไม่ได้สนใจหญิงสาวในงานที่จ้องจะจับเขากลับออกจากงานเลี้ยงยามเลิกรา แต่สายตาคมของเขากลับจับจ้องไปยังหญิงสาวผู้มีรอยยิ้มสดใส ซึ่งทำให้หัวใจสั่นไหวในยามที่เขามองโดยไม่มีสาเหตุ
มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
รอยยิ้มหวานจับใจรับเข้ากับดวงตากลมโต จมูกนิดน่าบีบเสียให้หายมันเขี้ยว โดยเฉพาะเรียวปากอิ่มสีชมพูระเรื่อไร้การแต่งแต้มน่าสัมผัส จุมพิตลงไปอย่างละมุนละไมแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนในภายหลัง คงสร้างความหฤหรรษ์ให้ไม่น้อย…จะมากน้อยแค่ไหนเขาไม่รู้ เว้นแต่ได้สัมผัสกับริมฝีปากนั้นเสียก่อน
ตอนนี้กึ่งกลางกายของเขารู้สึกปวดหนึบขึ้นมาฉับพลันเพียงมองและจินตนาการ มือใหญ่ที่ล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงกำเข้าหากันแน่น ขบกรามเบาๆ เพื่อข่มให้อารมณ์ในกายทุเลาลง แต่ทว่าระหว่างนั้นเพื่อนนักธุรกิจชาวอิตาลีก็พาหญิงสาวและแม่ของเธอเดินเข้ามาทักทายเสียนั่น การได้เห็นสาวเจ้าในระยะใกล้ รอยยิ้มสดใสบนใบหน้ายิ่งกระจ่างชัดให้หัวใจเต้นแรง กึ่งกลางกายที่กำลังสงบลงปะทุขึ้นอีกครั้ง
เขาแทบคลั่ง!
“พี่เขมกับหนูนิด พี่สะใภ้และหลานสาวแท้ๆ ของผมครับ” อากูสโนแนะนำคนทั้งสองให้กับเหล่าเพื่อนนักธุรกิจด้วยกันได้รู้จักก่อนจะแนะนำเพื่อนๆ เป็นการกลับ “นี่คนไทยครับพี่เขม คุณอัฐพล คนนี้คุณแอนเดรียและคนนี้คริสตรันครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ส่วนคุณอัฐ พี่รู้จักแล้ว หนึ่งในผู้ร่วมทุนโครงการ ขอบคุณสำหรับแรงสนับสนุนนะคะ อ้อ นิด ลูกรู้จักกับคุณอาเสียสิ เผื่อบังเอิญเจอคุณอาที่เมืองไทยจะได้จำกันได้”
เขมมิกายื่นมือไปทำความรู้จักกับเพื่อนอีกสองคนของน้องสามีที่ได้รับเชิญมาเป็นกรณีพิเศษจากสถานทูตก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มให้กับอัฐพลที่เพียงส่งยิ้มบางอย่างละมุนให้ ด้วยเพราะรู้จักกันอยู่ในระดับหนึ่ง ไม่วายดันหลังลูกสาวที่ยืนหลบก้าวมาข้างหน้าเพื่อทำความรู้จัก
ขนิษฐาส่งยิ้มกว้างตามมารยาทให้กับคุณอาทั้งสามอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก ค้อมศีรษะแสดงความยินดีที่ได้พบและได้รู้จักคนทั้งสามพร้อมน้ำเสียงใสเปล่งออกไป
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณอา”
“ยินดีครับ...หนูนิด” อัฐพลเปล่งเสียงทุ้มต่ำพราวเสน่ห์อย่างที่ใครจับไม่ได้พลางพิศใบหน้าสวยหวานของหญิงสาววัยสิบเก้าปีตรงหน้าที่เอาแต่ก้มหน้าอย่างรักษามารยาท ก่อนจะละสายตากลับมามองคนเป็นแม่ก่อนกล่าวถาม “หนูนิดเรียนอยู่ที่ไทยเหรอครับคุณเขม”
“ใช่ค่ะ รู้สึกว่าจะเรียนอยู่ที่เดียวกับหลานสาวคุณอัฐด้วยนะคะ ตอนนี้ก็อยู่ปีสองแล้ว ถ้าเจอแกก็ฝากๆ ดูหน่อยนะคะ แกอยู่ที่นั้นคนเดียว” เขมมิกาหันกลับมาตอบคำถามอัฐพลหลังสนทนากับเพื่อนอีกคนของน้องสามีจบพอดี
“ได้ครับ ผมยินดี” เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง แต่ภายในยกยิ้มพึงใจกับคำขอที่ไม่ได้จริงจังมากนัก
“ขอบคุณนะคะ ฝากเอ็นดูแกด้วย ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะคะ เพื่อนๆ ของฉันเรียกแล้ว จะได้พายายหนูไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ด้วย คนที่นี่ลูกจักแต่ลูกชายคนโต” ส่งยิ้มพลางโอบเอวลูกสาวเตรียมเดินออกจากกลุ่ม
“เชิญครับ” ชายหนุ่มทั้งกลุ่มพูดเป็นเสียงเดียวกันก่อนจะหันกลับมาจับกลุ่มสนทนากันต่ออย่างเพลิดเพลินเมื่อสองแม่ลูกที่ยังสาวยังสวยเดินจากไป
ทว่า สายตาของอัฐพลยังคงจับจ้องแต่หญิงสาววัยสิบเก้าปีที่อยู่ในชุดเดรสแขนกุดสีขาวลออตาคาดเอวด้วยผ้ายืดสีดำแบรนด์หรู สวมใส่รองเท้าส้นสูงสีครีมเข้ากับชุด ใบหน้าไม่ได้แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางใดๆ นอกจากครีมบำรุง คิ้วทรงสวยถูกแต่งให้เข้าทรงขึ้นมาเล็กน้อย เรียวปากอิ่มแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีพีชอ่อน ปล่อยผมยาวสลวยติดกิ๊บเพชรเพียงตัวเดียวอยู่เหนือใบหูด้านซ้ายเท่านั้น
สายตาคมจับจ้องเพียงแต่หลานสาวของเพื่อนทุกการเคลื่อนไหว แม้มือที่ถือแก้วแชมเปญจะต้องยกชนกับเพื่อนและกรอกมันลงลำคอ สายตายังคงจับจ้องเธอเพื่อมองรอยยิ้มที่ส่งผลต่อหัวใจของเขาให้เต้นแรงไม่ยอมหยุดยามที่เธอยกยิ้มหรือหัวเราะอย่างสนุกใจในยามที่มีบทสนทนาอย่างสนุกสนานกับเหล่าเพื่อนพ้องของผู้เป็นแม่
เธอน่ารัก...
ประเทศไทย
มือใหญ่ของอัฐพลลากปลายนิ้วลงบนกรอบรูปสีขาวอย่างอ้อยอิ่ง สายตาคมมองรูปถ่ายหญิงสาวยืนหันหลังให้กับกล้องมีเพียงใบหน้าสวยหวานเปื้อนรอยยิ้มสดใสหันมาด้านข้างให้เห็นเพียงเสี้ยวหน้าที่อยู่ด้านในกรอบรูป
อัฐพลแทบคลั่งที่ต้องมานั่งคิดถึงหญิงสาวในรูป จินตนาการระบายความใคร่เพียงคนเดียวเพื่อปลดปล่อยความอึดอัดที่กึ่งกลางกายของตัวเองทุกครั้ง อดนึกเสียดายไม่ได้หากตนไม่ตัดสินใจแอบถ่ายรูปสาวเจ้าเก็บไว้ คงสร้างความหงุดหงิดใจให้กับตัวเองไม่น้อยกว่านี้เป็นแน่
สายตาคมละจากใบหน้าเสี้ยวด้านข้างของหญิงสาวในรูปหันไปมองที่หน้าประตูระเบียงห้องนอนที่เปิดแง่มไว้ เสียงเฮฮาสนุกสนานของหลานสาวอย่างเชอเอมดังลอดเข้ามาภายในห้องนอน ทว่าเรียกความสนใจเขาไม่ได้มากเท่าเสียงหวานใสของใครบางคนที่ดังตามเข้ามา แม้จะยังไม่เห็นใบหน้าแต่เขายังจดจำได้ดีว่ามันเป็นน้ำเสียงของใครอย่างไม่คิดลืมเลือน ทั้งที่ผ่านมาสี่เดือนแล้วเขายังจำเสียงนั้นได้ดี
‘ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณอา’
น้ำเสียงหวานและรอยยิ้มสดใสยังคงติดตรึงใจเขาอยู่เสมอ ทวงท่ายังประจักษ์อยู่ในสายตาคม ผิวพรรณขาวลออตาภายในชุดเดรสขับผิวน้อยๆ
ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานสีดำวัสดุเนื้อดีหลังโต๊ะทำงานภายในห้องนอน เดินลงบันไดบนชั้นลอยต่ำผ่านชั้นวางหนังสือสูงเกือบติดเพดานห้องกั้นกลางระหว่างโต๊ะทำงานและเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ ก้าวเดินตรงไปยังริมระเบียงห้องนอนก่อนยกมือใหญ่ขึ้นดันประตูกระจกให้เปิดกว้าง ก้าวออกไปยืนที่ระเบียงห้องล้วงมือลงภายในกระเป๋ากางเกง จ้องมองไปยังกลุ่มหญิงสาวที่กำลังสนทนากันอย่างสนุกสนาน ทั้งที่บนโต๊ะภายใต้หลังคาศาลายุโรปทรงแปดเหลี่ยมเต็มไปด้วยสมุดและกระดาษขนาดเอสี่ตั้งอยู่กลางสวนหลังบ้าน
ทว่า แม้ภายใต้ศาลายุโรปทรงแปดเหลี่ยมนั้นจะมีหญิงสาวหน้าตาสวยหวานไม่น้อยไปกว่าหลานสาวของตัวเอง แต่มีเพียงหนึ่งคนที่เขาไม่อาจละสายตาไปไหนได้อีกเมื่อได้เจอเธออีกครั้ง
“หนูนิด”
ปากบางเผยอขึ้นเปล่งเสียงเรียกชื่อเล่นหนึ่งในหญิงสาวทั้งห้าคนแผ่วเบา พลันเรียวปากยกยิ้ม สายคาคมพิศวงหน้าสาวเจ้าด้วยดวงตาหมาป่าที่เจอเหยื่อแสนอร่อยอยู่ตรงหน้าเตรียมทะยานตัวพุ่งตะครุบเหยื่อให้อยู่ในอุ้งมือโดยไวในเวลาอันเหมาะสมเพื่อไม่ให้เหยื่อหลุดจากกรงเล็บไปได้อีกแล้ว
อัฐพลมองวงหน้าหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนหมุนตัวก้าวเท้าเดินกลับเข้ามาภายในห้องนอนตรงไปยังประตูห้องเพื่อลงไปยังชั้นล่างทานมื้อกลางวันที่ห้องทานอาหาร เฉกเช่นเดียวกับกลุ่มหญิงสาวที่ร้องโอดครวญด้วยความหิวดังลอยมาไกลๆ
“ยายเอม ฉันหิวแล้วอ่ะ พักเรื่องรายงานก่อนได้มั้ย พวกแกหิวกันหรือยัง” วาสนาวางปากกาในมือลงร้องขึ้นด้วยความหิวพลางมองไปหาคนอื่นเพื่อหาแรงหนุน
“ฉันก็หิวแล้วนะเอม” ขนิษฐาพูดขึ้นสั้นๆ พลางพยักหน้า
เพียงประโยคสั้นๆ ของเธอกลับทำให้ร่างสูงของอัฐพลไม่รั้งรอฟังคนอื่นอีกต่อไป เขาก้าวเดินหายเข้าไปด้านในโดยไม่มีใครรู้ว่าถูกคุณอาของเพื่อนมองลงมาที่พวกตนและหายกลับเข้าไปในห้องอย่างเงียบเฉียบ ทว่าไม่ใช่กับขนิษฐาที่เจ้าตัวรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองมาจึงหันไปยังทิศทางที่สัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้ แต่ก็พบเพียงแผ่นหลังกว้างของคนร่างสูงที่กำลังเดินหายกลับเข้าไปด้านใน ซึ่งเธอก็ไม่ทราบว่าเป็นห้องของใครก่อนจะรีบลุกพลางหาของหนักมาวางทับกระดาษเมื่อเชอเอมเอ่ยเร่งเรียกให้ตามเข้าไปด้านใน
เมื่อทั้งห้าสาวเดินเข้ามายังห้องทานอาหารก็พบกับชายร่างสูงนั่งอยู่หัวโต๊ะกำลังทานมื้อกลางวันอยู่เพียงคนเดียว ครั้งแรกที่ทั้งสามสาวเพื่อนของเชอเอมเห็นก็ต่างพากันยกยิ้มกรุ้มกริ่มมองชายหนุ่มตรงหน้าที่ดูสมาร์ตแต่เย็นชา เว้นก็แต่ขนิษฐาที่รู้สึกคุ้นใบหน้าของเขาคล้ายเคยเจอที่ไหนแต่ก็นึกไม่ออกแกมฉงนว่าคนตรงหน้าเป็นใคร หากจะเป็นพี่ชายก็คงไม่ใช่เพราะเพื่อนของตนไม่มีพี่ชายแท้ๆ ส่วนพ่อของเพื่อนก็ทำความรู้จักกันตั้งแต่ย่างกายเข้ามาที่นี่เมื่อเช้า
ดูยังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้ เขาเป็นใครกันนะ...
แต่ก่อนที่ขนิษฐาจะฉงนใคร่รู้หาคำตอบไปมากกว่านี้ เชอเอมก็ไขข้อข้องใจให้กับสาวๆ ทั้งสี่ด้วยการก้าวเดินไปหาชายร่างสูงที่เงย
ใบหน้าขึ้นมามองพลางวางช้อนลงก่อนจะวางมือลงบนบ่ากว้างทั้งสองก่อนเอ่ยปากแนะนำให้เพื่อนทั้งสี่รู้จักผู้เป็นอาของตนอย่างเต็มใจนำเสนอรายงานอย่างไรอย่างนั้น
“เห็นหนุ่มหล่อที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณอาของฉันเอง อาอัฐ...อัฐพลรองประธานบริษัทที่เป็นหนุ่มเนื้อหอมสุดๆ เลยล่ะ โดยเฉพาะสาวๆ นางแบบ”
“แนะนำอาให้เพื่อนรู้จักแบบนี้ อาก็ดูแย่ในสายตาเพื่อนของเอมน่ะสิ” อัฐพลพูดขึ้นเสียงทุ้มละมุนจนเพื่อนของเชอเอมทั้งสามสาวยืนส่งยิ้มกว้างอย่างหุบไม่มิดเมื่ออาของเพื่อนแกล้งเย้ากลับหลานสาวด้วยท่าทางอ่อนโยน ก่อนจะหันกลับมามองที่เพื่อนของหลานสาวพร้อมรอยยิ้มอย่างที่ไม่มีใครรู้เลยว่ารอยยิ้มของเขาถูกส่งไปให้ขนิษฐาที่ยืนยิ้มให้เพื่อนทั้งสามอยู่ด้านหลัง
“หยุดยิ้มเลยนะคะอาอัฐ เพื่อนหนูมันจะหลงเสน่ห์เอาได้ มาๆ มานั่งกินข้าวไปพร้อมกับอาอัฐเลยแล้วกัน อาอัฐไม่ถือใช่มั้ยคะ” เชอเอมทำท่ายกมือขึ้นมาแบออกเพื่อปิดรอยยิ้มอยู่ระดับปากขอผู้เป็นอาแต่ไม่ได้ปิดแนบไว้อย่างรักษามารยาทระหว่างหลานกับอาพลางกวักมือเรียกเพื่อนให้เดินมานั่งลงประจำที่เพื่อทานมื้อกลางวัน ก่อนจะแกล้งย่นจมูกใส่เมื่ออัฐพลแกล้งเย้ากลับมาพลางให้คำตอบกลับไป หันไปพูดกับเพื่อนๆ ในท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มนึกสนุกเมื่อได้เห็นเพื่อนๆ ตื่นเต้นที่ได้เจอกับอาของตน
“อาไม่ถือ จะถือก็ตรงที่เอมไม่แนะนำเพื่อนให้อาได้รู้จักเสียที”
“แบบนี้ก็ต้องแนะนำกันเองค่ะ สาวๆ เชิญแนะนำกันเองเลยนะจ๊ะ แต่ห้ามจีบนะ ฉันหวง”
“แหม...หนูชื่อว่านค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณอา” วาสนาทำเสียงขึ้นจมูกใส่เชอเอมด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเริ่มแนะนำตัวเองเป็นคนแรกพลางเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเชอเอมซึ่งอยู่ข้างอัฐพลทางด้านขวา
“ส่วนหนูชื่อเจนนี่ค่ะ วันนี้ขอฝากท้องที่บ้านด้วยนะคะ” เจนจิราเป็นคนถัดไปก่อนจะเดินมานั่งลงข้างวาสนา
“น้ำหวานค่ะ” อังคนาแนะนำตัวสั้นๆ พลางเดินตามเจนจิรามานั่งลง
เมื่อเพื่อนทั้งสามแนะนำตัวจนครบและเดินไปนั่งกันเรียบร้อย ขนิษฐาจึงตัดสินใจเดินอ้อมท้ายโต๊ะอาหารมานั่งลงข้างเชอเอมก่อนจะแนะนำตัวเองออกไปไม่ให้เสียมารยาท เพราะอาของเพื่อนกำลังจ้องมาที่เธอด้วยรอยยิ้มอย่างรอคอยให้ตนพูดออกไป
“หนูนิดค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณอา” ขนิษฐาส่งยิ้มบางอย่างมีมารยาทก่อนจะหลุบตาลงหลบสายตาคมของอาเพื่อนที่มองมายังตนด้วยความรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่ก็อดลอบมองไม่ได้ด้วยความคุ้นใบหน้าหล่อคมของคุณอาเพื่อน
“ยินดีที่ได้รู้จัก...หนูนิด”
อัฐพลส่งยิ้มให้กับทุกคนก่อนจะดึงสายตากลับมาที่ขนิษฐาพลางเปรยเรียกชื่อเล่นหญิงสาวราวกับคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นัยน์ตาฉายแววลุ่มลึกอย่างที่คนมองก็ไม่เข้าใจ แต่ทว่าไม่มีใครสังเกตเห็นความแปลกที่เกิดขึ้นจากคำพูดของเขายกเว้นคนถูกเรียกชื่ออย่างสาวเจ้าที่หลุบตาลงอีกครั้งพลางเสมองไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันกลับมาสนใจจานอาหารที่เด็กในบ้านนำมาเสิร์ฟ จัดการทานมันลงท้องโดยไม่ร่วมวงสนทนากับเพื่อนๆ ที่เกิดคำถามมากมายส่งให้กับคุณอาของเพื่อน
ทว่า แม้ปากบางจะเปิดขึ้นตอบคำถามพลางยกยิ้มแต่สายตาคมคอยลอบมองใบหน้าด้านข้างของขนิษฐาที่ก้มหน้าก้มตาทานมื้อกลางวันอย่างไม่คิดเงยหน้าขึ้นมามองหรือร่วมวงกับเพื่อนๆ ของเธอ ถึงแม้จะมีบ้างที่สาวเจ้าหันมาตอบคำถามเชอเอมยามที่ถูกถามและทุกครั้งที่หันกลับมาตอบก็ต้องสบนัยน์ตาลุ่มลึกของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ พลันรอยยิ้มพราวเสน่ห์ก็ถูกส่งให้กับเธอทุกครั้ง
บังเอิญเสียจริง เธอไม่เพียงเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกับเชอเอมแต่ยังเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันเสียนั่น
ชายหนุ่มนึกขันกับความบังเอิญในใจพลางมองหญิงสาวที่รีบหันหน้าหนีเมื่อสบสายตาเขาอีกครั้ง รอยยิ้มขันจึงปรากฏขึ้นจางๆ เมื่อเห็นสาวเจ้าแอบยกมือขึ้นมาตบเบาๆ ที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง
ใจเต้นหรือ...สาวน้อย
หนี้ที่ไม่ได้ก่อ เธอ ต้องใช้แทนเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อเลี้ยงที่เลี้ยงเธอมาจนโต ทว่า ความเป็นจริงกลับทำร้ายเธอ เมื่อพ่อเลี้ยงได้สร้างรอยแค้นให้ เขา มาเฟียหนุ่มฮ่องกง ไม่ใช่แค่เพียงหนี้ก้อนโต เขา...มาเฟียไร้หัวใจ อดีตเขาเคยมีหัวใจ ทว่า เมื่อเขาสูญเสียคนรักไปด้วยฝีมือลูกหนี้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความแค้น ที่ทำให้เขากลายเป็นคนไร้หัวใจ ไร้ความปรานี และปิดกั้นความรักตั้งแต่นั้นมา เธอ...หญิงสาวสู้ชีวิต ตั้งแต่มอปลาย เธอทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนมาตลอด เมื่อผู้เป็นแม่เสียชีวิต เธอก็ใช้ชีวิตกับพ่อเลี้ยง มาตลอดจนเรียนจบด้วยความยากลำบาก เธอมีหัวใจที่เข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เพื่อตอบแทนบุญคุณ
เธอมีแฟนมาแล้วหลายคนก็จริง แต่ไม่เคยมีสักคนที่จะได้แอ้มเธอ แต่ไหงกลับกลายเป็นพี่ชายของเพื่อนกันที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอไปได้เล่า! ไม่ใช่เธอไม่อยากมีแฟนเสียหน่อย แต่มีแล้วก็ไม่ได้อยากปล่อยเนื้อปล่อยตัวนะ! --------------------------------- คุณเชื่อเรื่อง 'ตกหลุมรัก' ตั้งแต่แรกพบหรือไม่ มันมีอยู่จริงหรือ กับรักแรกพบที่มาพร้อมกับสัมพันธ์ที่เร่าร้อน! เซนนิก้า นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเกิดอาการแปลกๆ เมื่อได้เห็นวงหน้าของเธอ คุณหนูเชอเอม แต่เขาแค่เพียงหวังจะเครมเธอเท่านั้น เพราะเหยื่อยังไงก็คือเหยื่อ ทว่าไม่รู้ว่าใครลิขิตหรือกลั่นแกล้งกันแน่ ลิขิตให้คนทั้งสองคือรักแรกพบ! เรือนร่างที่เสียให้กับเขาเป็นคนแรกที่ได้แอ้มเธอคือกำไร หวั่นไหวคือโบนัส ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างเร่าร้อนที่เริ่มง่ายก้จบงาน แต่เชอเอมไม่จบ! ทว่า เขาก็ไม่จบเช่นกันเมื่อก้อนเนื้อในอกยังคงเรียกร้องหาเธอไม่ต่างกันกับเธอ
สัญญา มีเงื่อนไขของมันเสมอ แต่ทว่า สัญญา ที่เต็มไปโดยความแค้นและความรัก...จุดจบของสัญญาครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร และเธอกับเขาจะเลือกอะไรระหว่งความแค้น กับ ความรัก
น้องสาวข้างบ้านสุดเผ็ดร้อนกำลังยืนเปลื้องผ้าอยู่ปลายเตียงนอนในห้องของเขา มีหรือเขาจะไม่รีบดึงเธอมาร่วมเตียง แม้ใจจะไม่คิดเอาน้องสาวเพื่อนแต่เธอร้อนแรงจนความเป็นชายแข็งขื่อเพียงเธอสัมผัสโดนตัวเขา!
หลินหลั่งเยี่ยน เป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ จากรัฐ เป็นสาวอัจฉริยะที่ทุกคนในองค์กรอิจฉา มีความสามารถทางการต่อสู้สูงและไม่ยอมใคร แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก ทำให้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้องสาวฝาแฝดของเธอเพียงลำพัง หลังจากผ่านไปเจ็ดปี ในที่สุดรัฐก็อนุมัติอิสรภาพให้เธอ หัวใจของหลินเหลิงเหยียนเต้นระรัวด้วยความคาดหวัง ขณะที่เธอกำลังเดินทางกลับบ้าน แต่เธอกลับต้องพบว่าป้าของเธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราในบ้านพักของพ่อแม่ผู้ล่วงลับ ขณะที่น้องสาวของเธอเองกลับถูกบังคับให้นอนในคอกสุนัขและกินของเหลือ ทันใดนั้น เธอพลิกโต๊ะอาหารด้วยความโกรธ ป้าข่มขู่? เธอใช้วิธีการที่เด็ดขาดถอนตัวจากการร่วมมือ จนบริษัทของป้าพังทลายลงอย่างรวดเร็ว! การกลั่นแกล้งในโรงเรียน? เธอปลอมตัวเป็นน้องสาว เข้าไปในโรงเรียนและตัดสินใจสู้ไฟด้วยไฟ จากนั้นเธอก็ถ่ายทอดสดตอนพวกอันธพาลคุกเข่าร้องขอความเมตตา ถูกเยาะเย้ยเรื่องตัวตน? หลินหลั่งเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา“ใช่ ฉันก็แค่คนธรรมดา” ในวินาทีถัดมา ครอบครัวที่มีชื่อเสียงมายืนยันว่า“เธอคือลูกสาวคนโตของเรา!” สถาบันวิจัยแห่งชาติ “พวกเราคือเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ!” …… ซือฮานเฟิง ผู้เป็นผู้นำของตระกูลลึกลับ ไม่เคยปรากฏตัวในสายตาสาธารณชน ข่าวลือว่าเขาเป็นคนเยือกเย็นและไร้ความปรานี บางคนเคยเห็นเขายืนสูบบุหรี่ในสถานการณ์ที่น่ากลัว และบางคนก็เห็นเขาฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา แต่ต่อมากลับมีคนเห็นว่าเขาไล่ตามหลินหลั่งเยี่ยนจนถึงมุมกำแพง ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าและความไม่พอใจ “หลั่งเยี่ยน ฉันช่วยเธอจัดการพวกนั้นแล้ว เธอควรจะอยู่เป็นเพื่อนกับฉันบ้างไหม?” “เราไม่ใช่แค่พันธมิตรหรือ?” หลินหลั่งเยี่ยนพูดอย่างงงงวย ซือฮานเฟิงถอนหายใจลึกๆ แล้วจูบเบาๆ บนริมฝีปากของเธอ “ตอนนี้ล่ะ”
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
"กลับมาคบกันไม่งั้นฉันจะบอกพ่อแม่เธอเรื่องคืนนั้นที่ฉันเอาเธอแล้ว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY