สัญญา มีเงื่อนไขของมันเสมอ แต่ทว่า สัญญา ที่เต็มไปโดยความแค้นและความรัก...จุดจบของสัญญาครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร และเธอกับเขาจะเลือกอะไรระหว่งความแค้น กับ ความรัก
สัญญา มีเงื่อนไขของมันเสมอ แต่ทว่า สัญญา ที่เต็มไปโดยความแค้นและความรัก...จุดจบของสัญญาครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร และเธอกับเขาจะเลือกอะไรระหว่งความแค้น กับ ความรัก
ความลับไม่มีในโลก
ประเทศไทย;กรุงเทพมหานคร
ผับย่านสุขุมวิท
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มทั่วทั้งผับที่บ่งบอกว่ายังไม่ถึงเวลาผับปิดและเพื่อเร่งนักท่องราตรีให้สนุกไปกับเพลงที่เปิดอย่างเมามันและแน่นอนหญิงสาวที่มีหน้าตาหวานใสราวเจ้าหญิงหลุดออกมาจากนิทานได้ออกลีลาเต้นอยู่กลางฟอร์และด้วยลีลาท่าเต้นของเธอที่ยั่วเย้าก็ทำให้เธอเป็นจุดสนใจของทุกคนในผับรวมถึงนักธุรกิจในคาบนายแบบที่จ้องมองเธอตาไม่กะพริบแม้ข้างกายจะมีหญิงสาวจากผับนั่งคลอเคลียเขาอยู่
"ไปสืบมาว่าเธอคือใคร"เขาสั่งเลขาที่ยื่นอยู่ข้างๆ ให้ไปสืบมาว่าเธอคือใครเพียงแค่นี้เลขาหนุ่มที่ทำงานกับเขามาหลายปีรับรู้ถึงความหมายมันดี เลขาเช่นเขาไม่เพียงแค่สืบอย่างเดียวแต่ต้องติดต่อเธอเลยต่างหาก
"ครับ"เลขาหนุ่มตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินออกไปหามุมเงียบๆ ทำงานที่เจ้านายหนุ่มสั่งมาเมื่อครู่อย่างรวดเร็วทันใจและไม่นานเจ้านายหนุ่มก็เดินตามออกมาพร้อมหญิงสาวจากผับ กลับคอนโดเพื่อไปต่ออารมณ์ที่ค้างให้ได้สำเร็จความใคร่
ด้านหญิงสาวที่เป็นที่สนใจของคนทั้งผับโดยเฉพาะผู้ชายในค่ำคืนนี้ เธอหยุดเต้นเมื่อเพลงจบก่อนจะเดินกลับโต๊ะไปพร้อมกับเพื่อนของเธออีกคนที่ออกมาเต้นพร้อมเธอด้วยความเหนื่อย
"ตลอดเลยสินะที่ยัยต้าร์ออกเที่ยวผับแล้วต้องเต้นแบบนี้จนเป็นจุดสนใจยากที่จะลืม"เมื่อเธอมาถึงโต๊ะก็เจอลูกแซวของเพื่อนที่นั่งดูตั้งแต่เพลงเริ่มจนจบเพลง
"ก็ใครล่ะเล่นขี้โกงตลอดเลยจนฉันกับยัยฟ้าต้องออกไปเต้นแบบนี้"เธอสวนกลับทันทีด้วยอารมณ์ไม่ดีนักเพราะเธอไม่ชอบเลยสายตาที่พวกผู้ชายในผับต้องมองเธอจนจะทะลุเสื้อผ้าจนจะเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอแล้ว แม้นี้จะไม่ใช่คืนแรกแต่เธอก็ยังไม่ชิดและไม่ชอบสายตาที่มองมาเลยสักนิด มันน่าขยะแขยงที่สุด
"ได้ไง อย่ามากล่าวหากันถ้าไม่มีหลักฐานนะจ๊ะเพื่อนรัก มาๆ มาดื่มต่อเถอะ"เพื่อนที่แซวเธอพูดดักคออย่างเหนือกว่าก่อนจะพูดเปลี่ยนเรื่องชวนทุกคนดื่มน้ำสีอำพันที่วางอยู่บนโต๊ะที่เต็มแก้วทุกใบ
"เฮ้ๆ แกไปเครียดอะไรมาจากไหนเนี่ยยัยต้าร์ดื่มรวดเดียวหมดแบบนี้เดี๋ยวก็กลับคอนโดไม่ไหวหรอก"เพื่อนที่ออกไปเต้นกับเธอพูดห้ามเมื่อเห็นว่าเธอดื่มรวดเดียวหมดและสิ่งที่เธอดื่มคือเตกีล่าเพียวๆ แบบนี้ยัยตัวแสบของเพื่อนๆ อย่างเธอจะอยู่มีสติครบถ้วนจนผับปิดรึเปล่าเนี่ย
"เปล่า เหนื่อยจากเต้นเลยหิวน้ำนะ"เธอตอบพลางเทขวดเตกีล่าลงใส่แก้วก่อนจะยกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เธอวางแก้วลงพลางจ้องมองแก้วที่ว่างเปล่าในสมองเธอก็คิดถึงเรื่องหนึ่ง เรื่องที่เธอคิดมันมาหลายคืนก็ยังหาคำตอบไม่ได้สักทีก่อนจะพูดขึ้นทำให้เสียงหัวเราะของเพื่อนๆ เงียบลงทันที
"ฉันกลับก่อนนะ"
"อ้าว ทำไมวันนี้กลับเร็ว"
"ปวดหัวนิดหน่อย"เธอบอกก่อนจะเดินออกมาจากโต๊ะทันทีและตรงไปที่รถที่จอดอยู่ด้านหน้าผับก่อนจะขับกลับทันที
เช้าวันต่อมา
ปังๆ ๆ
"ยัยต้าร์! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ! "
"..."
"ยัยต้าร์! "
ปังๆ ๆ
เสียงเคาะประตูจากหน้าห้องเสียงดังจนทำให้คนข้างห้องเปิดประตูออกมาดูก็พบว่าหญิงสาวเจ้าของห้องจะเคาะประตูห้องตัวเองทำไมคีย์การ์ดห้องตัวเองก็มีเปิดเข้าไปสิแต่ความคิดของทุกคนนั้นผิดเพราะคนที่มาเคาะประตูกลับกลายเป็นพี่สาวของเจ้าของห้องที่ยังคงไม่ตื่นมาเปิดห้องให้กับพี่สาวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่ยังไม่สร่างทำให้หญิงสาวเจ้าของห้องนอนหลับสนิท
ปังๆ ๆ
"ยัยต้าร์! ยัยต้าร์! พี่บอกให้แกเปิดประตูยังไงล่ะ! "
เสียงเคาะและเสียงตะโกนของเบลล่าไม่ยอมหยุดจนกว่าเจ้าของห้องจะมาเปิดประตูให้ แต่ชายหนุ่มที่อยู่ห้องข้างๆ ทนไม่ไหวเดินออกมาจากห้องกระชากแขนของเบลล่าให้หันไปเผชิญหน้าแต่เมื่อเห็นเต็มๆ ตาก็นึกแปลกใจว่าคนอย่างน้ำทิพย์นึกอุตริลุกขึ้นมาแต่งสวยทำหน้าทำผมแล้วเป็นบ้ามายืนเคาะประตูห้องตัวเองอยู่แบบนี้ ที่เขาแปลกใจนั้นเป็นเพราะเขาทำงานที่เดียวกับน้ำทิพย์และยังคอยแวะหาซื้อของกินมาให้น้ำทิพย์เวลาที่น้ำทิพย์มีงานเข้ามาให้ทำเป็นกองภูเขา
"เธอเป็นบ้าอะไรมายืนเคาะประตูห้องตัวเองจนคนอื่นรำคาญแบบนี้"
"นายเป็นใคร อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ! "
โดยที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับครอบครัวของน้ำทิพย์เลยทำให้เขาไม่ทันสังเกตว่านั้นไม่ใช่หญิงสาวที่เขาหมายถึงและด้วยที่ทุกคนที่นี่เมื่อเห็นน้ำทิพย์เข้ามาอยู่ใหม่ต่างก็คิดว่าเป็นพี่สาวเธอที่เป็นนางแบบแต่ก็เลิกคิดทันทีเมื่อเธอยื่นบัตรประชาชนให้ดูว่าเธอไม่ใช่พี่สาวของเธอทำให้ทุกคนที่นี่คิดว่าเธอไปทำศัลยกรรมให้หน้าสวยคล้ายพี่สาวเธอเท่านั้นและครั้งนี้ทุกคนที่ไม่ยอมกลับเข้าห้องสักทีก็มองว่าเธอนั้นอุตริอยากแต่งสวยเหมือนนางแบบเบลล่าหรือก็คือพี่สาวของเธอ
"นี้ๆ เธอคงไม่บ้าจริงๆ หรอกนะถึงจำเพื่อนตัวเองไม่ได้นะ"
"ฉันไม่ได้บ้าและจำได้ว่าไม่มีเพื่อนโรคจิตแบบนาย! นี่! ยัยต้าร์ เปิดประตูให้พี่นะ! "
ปังๆ ๆ
เธอตอบนพพลเพื่อนของน้องสาวก่อนจะหันมาส่งเสียงดังพลางทุบประตูไม่ยอมหยุดและครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะดังมากพอให้เจ้าของห้องลุกขึ้นออกจากเตียงเดินงัวเงียยังไม่สร่างเมาออกมาเปิดประตูให้กับผู้เป็นพี่สาวและเมื่อเธอเดินมาเปิดประตูด้วยสภาพหัวยุ่งชุดเดิมของเมื่อวานทำให้กลิ่นเหล้าลอยมาแตะจมูกผู้เป็นพี่สาวแม้จะจางลงแต่ในระยะใกล้ชิดเธอก็ยังได้กลิ่นเหล้าจากตัวน้องสาว
เบลล่ามองสภาพน้องสาวอย่างอารมณ์เดือดสุดๆ และอึ้งไปตามๆ กันแต่ก็ไม่เท่ากับเพื่อนข้างห้องอย่างนพพลและคนอื่นๆ ที่ยื่นอึ้งกับภาพข้างหน้าที่มีหญิงสาวหน้าตาเหมือนกันเพียงแต่คนละสไตล์กันอีกคนเป็นถึงนางแบบแสนสวยและเซ็กซี่แต่อีกคนเป็นยัยบ้าตัวแสบทำตัวสบายๆ ไม่รักสวยรักงามและการที่เสียงเงียบของพี่สาวทำให้เธอปรับสายตามองคนตรงหน้าดีๆ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบว่าเป็นใครที่มาเคาะประตูเสียงดังก่อนจะรีบดึงแขนพี่สาวเข้าห้องโดยไม่สนใจเพื่อนข้างห้องอย่างนพพลที่กำลังจะอ้าปากถามก่อนจะรีบปิดประตูล็อกกลอนทันทีและเอ่ยถามผู้เป็นพี่สาวทันทีที่เข้ามาอยู่ในห้องด้วยกันสองคน
"พี่เบลมาทำอะไรที่นี้ค่ะ เดี๋ยวคนอื่นก็จับได้หรอกค่ะ ถ้าคุณพ่อรู้คงต่อว่าพี่เบลแน่ๆ เลยค่ะ"น้ำทิพย์เอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงพี่สาวแต่กับคนเป็นพี่สาวไม่สนใจในสิ่งที่น้องสาวพูดเลยสักนิดก่อนจะพูดขึ้น
"ไม่มีใครอุตริวิ่งไปฟ้องคุณพ่อหรอก แกนั่นแหละเมื่อคืนไปเที่ยวไหนมา! "เบลล่าขึ้นเสียงในตอนท้ายเมื่อถามถึงเรื่องเมื่อคืนที่น้องสาวฝาแฝดไปก่อเรื่องเอาไว้
"ไปเที่ยวผับกับเพื่อนๆ มาค่ะ"น้ำทิพย์ตอบตามความเป็นจริงเพราะเธอไม่เคยมีเรื่องปิดบังคนเป็นพี่สาวเลยสักเรื่องมีเรื่องอะไรก็มักจะบอกเสมอแต่ถ้าเรื่องไหนไม่จำเป็นก็ไม่บอกให้คนเป็นพี่สาวเป็นห่วง
"แล้วยังไงต่อ"คนเป็นพี่สาวก็ไม่ยอมหยุดถามแค่นั้นยังถามต่อพลางเดินไปนั่งลงที่โซฟาที่เป็นส่วนของห้องนั่งเล่นและตามมาด้วยน้องสาวที่ไม่เข้าใจสักเท่าไรกับการมาครั้งนี้และเอาแต่ถามเรื่องเมื่อคืน
เธอจำได้ว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ทำอะไรเสียหายและเวลาที่เธอออกไปเที่ยวแบบนี้คนเป็นพี่สาวก็รับรู้ตลอดและเมื่อตอนกลับมาถึงห้องเธอก็ไลน์ไปบอกพี่สาวแล้ว เธอมั่นใจสุดๆ ว่าเธอไม่ได้ทำเรื่องเสียหายแต่แค่ออกไปเต้นเพราะแพ้เกมที่เล่นกันมันไม่ได้ดูไม่เหมาะสมนี่น่าเธอก็ทำมาตลอดเวลาออกไปเที่ยวแล้วแพ้เกมแต่ก็ไม่ได้บ่อยอะไรมากมาย
หนี้ที่ไม่ได้ก่อ เธอ ต้องใช้แทนเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อเลี้ยงที่เลี้ยงเธอมาจนโต ทว่า ความเป็นจริงกลับทำร้ายเธอ เมื่อพ่อเลี้ยงได้สร้างรอยแค้นให้ เขา มาเฟียหนุ่มฮ่องกง ไม่ใช่แค่เพียงหนี้ก้อนโต เขา...มาเฟียไร้หัวใจ อดีตเขาเคยมีหัวใจ ทว่า เมื่อเขาสูญเสียคนรักไปด้วยฝีมือลูกหนี้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความแค้น ที่ทำให้เขากลายเป็นคนไร้หัวใจ ไร้ความปรานี และปิดกั้นความรักตั้งแต่นั้นมา เธอ...หญิงสาวสู้ชีวิต ตั้งแต่มอปลาย เธอทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนมาตลอด เมื่อผู้เป็นแม่เสียชีวิต เธอก็ใช้ชีวิตกับพ่อเลี้ยง มาตลอดจนเรียนจบด้วยความยากลำบาก เธอมีหัวใจที่เข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เพื่อตอบแทนบุญคุณ
เธอมีแฟนมาแล้วหลายคนก็จริง แต่ไม่เคยมีสักคนที่จะได้แอ้มเธอ แต่ไหงกลับกลายเป็นพี่ชายของเพื่อนกันที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอไปได้เล่า! ไม่ใช่เธอไม่อยากมีแฟนเสียหน่อย แต่มีแล้วก็ไม่ได้อยากปล่อยเนื้อปล่อยตัวนะ! --------------------------------- คุณเชื่อเรื่อง 'ตกหลุมรัก' ตั้งแต่แรกพบหรือไม่ มันมีอยู่จริงหรือ กับรักแรกพบที่มาพร้อมกับสัมพันธ์ที่เร่าร้อน! เซนนิก้า นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเกิดอาการแปลกๆ เมื่อได้เห็นวงหน้าของเธอ คุณหนูเชอเอม แต่เขาแค่เพียงหวังจะเครมเธอเท่านั้น เพราะเหยื่อยังไงก็คือเหยื่อ ทว่าไม่รู้ว่าใครลิขิตหรือกลั่นแกล้งกันแน่ ลิขิตให้คนทั้งสองคือรักแรกพบ! เรือนร่างที่เสียให้กับเขาเป็นคนแรกที่ได้แอ้มเธอคือกำไร หวั่นไหวคือโบนัส ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างเร่าร้อนที่เริ่มง่ายก้จบงาน แต่เชอเอมไม่จบ! ทว่า เขาก็ไม่จบเช่นกันเมื่อก้อนเนื้อในอกยังคงเรียกร้องหาเธอไม่ต่างกันกับเธอ
น้องสาวข้างบ้านสุดเผ็ดร้อนกำลังยืนเปลื้องผ้าอยู่ปลายเตียงนอนในห้องของเขา มีหรือเขาจะไม่รีบดึงเธอมาร่วมเตียง แม้ใจจะไม่คิดเอาน้องสาวเพื่อนแต่เธอร้อนแรงจนความเป็นชายแข็งขื่อเพียงเธอสัมผัสโดนตัวเขา!
เธอลุ่มหลงไปกับรสสวาทในตัวเขา พลันเปลี่ยนเป็นความรักอย่างไม่รู้ตัว ทว่าช้ากว่าเขาที่ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น!
ในคืนแต่งงาน ฟู่ฮันจุนบีบคอของเธอ “เจียงอี้หาน ยินดีกับเธอด้วยนะ ตั้งแต่วันนี้ไปชีวิตของเธอจะตกนรก! ” เขาเชื่อว่าเธอเป็นคนทำให้พี่ชายของเขาตาย แต่งงานกับเธอแต่ไม่แตะต้องเธอ ปล่อยให้เธอใช้ชีวิตโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต! แต่น่าเสียดายที่เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น เจียงอี้หานถูกบีบบังคับให้ใช้ร่างกายของเธอช่วยชีวิตฟู่ฮันจุน และตั้งท้องลูกของเขา เจียงอี้หานปกปิดท้องของเธอ ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังภายใต้สายตาของฟู่ฮันจุน ฟู่ฮันจุนเกลียดเธอ ตั้งใจทำให้เธออับอายทรมาน แต่กลับไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ—— “คุณฟู่ คุณนายตบตีกับคนอื่นแล้วครับ! ” เขาแอบไปจัดการคนพวกนั้นจนสิ้นซาก “คุณฟู่ คุณนายบอกว่าทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลฟู่เป็นของเธอครับ! ” เขาแอบโอนหุ้นทั้งหมดให้เป็นชื่อของเธอ เจียงอี้หานไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ คิดแค่จะหนีให้พ้นอย่างเดียว ฟู่ฮันจุนใช้กำลังกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน “คุณนายฟู่ คุณจะพาลูกของเราไปไหนหรือ? ”
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY