สัญญา มีเงื่อนไขของมันเสมอ แต่ทว่า สัญญา ที่เต็มไปโดยความแค้นและความรัก...จุดจบของสัญญาครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร และเธอกับเขาจะเลือกอะไรระหว่งความแค้น กับ ความรัก
สัญญา มีเงื่อนไขของมันเสมอ แต่ทว่า สัญญา ที่เต็มไปโดยความแค้นและความรัก...จุดจบของสัญญาครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร และเธอกับเขาจะเลือกอะไรระหว่งความแค้น กับ ความรัก
ความลับไม่มีในโลก
ประเทศไทย;กรุงเทพมหานคร
ผับย่านสุขุมวิท
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มทั่วทั้งผับที่บ่งบอกว่ายังไม่ถึงเวลาผับปิดและเพื่อเร่งนักท่องราตรีให้สนุกไปกับเพลงที่เปิดอย่างเมามันและแน่นอนหญิงสาวที่มีหน้าตาหวานใสราวเจ้าหญิงหลุดออกมาจากนิทานได้ออกลีลาเต้นอยู่กลางฟอร์และด้วยลีลาท่าเต้นของเธอที่ยั่วเย้าก็ทำให้เธอเป็นจุดสนใจของทุกคนในผับรวมถึงนักธุรกิจในคาบนายแบบที่จ้องมองเธอตาไม่กะพริบแม้ข้างกายจะมีหญิงสาวจากผับนั่งคลอเคลียเขาอยู่
"ไปสืบมาว่าเธอคือใคร"เขาสั่งเลขาที่ยื่นอยู่ข้างๆ ให้ไปสืบมาว่าเธอคือใครเพียงแค่นี้เลขาหนุ่มที่ทำงานกับเขามาหลายปีรับรู้ถึงความหมายมันดี เลขาเช่นเขาไม่เพียงแค่สืบอย่างเดียวแต่ต้องติดต่อเธอเลยต่างหาก
"ครับ"เลขาหนุ่มตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินออกไปหามุมเงียบๆ ทำงานที่เจ้านายหนุ่มสั่งมาเมื่อครู่อย่างรวดเร็วทันใจและไม่นานเจ้านายหนุ่มก็เดินตามออกมาพร้อมหญิงสาวจากผับ กลับคอนโดเพื่อไปต่ออารมณ์ที่ค้างให้ได้สำเร็จความใคร่
ด้านหญิงสาวที่เป็นที่สนใจของคนทั้งผับโดยเฉพาะผู้ชายในค่ำคืนนี้ เธอหยุดเต้นเมื่อเพลงจบก่อนจะเดินกลับโต๊ะไปพร้อมกับเพื่อนของเธออีกคนที่ออกมาเต้นพร้อมเธอด้วยความเหนื่อย
"ตลอดเลยสินะที่ยัยต้าร์ออกเที่ยวผับแล้วต้องเต้นแบบนี้จนเป็นจุดสนใจยากที่จะลืม"เมื่อเธอมาถึงโต๊ะก็เจอลูกแซวของเพื่อนที่นั่งดูตั้งแต่เพลงเริ่มจนจบเพลง
"ก็ใครล่ะเล่นขี้โกงตลอดเลยจนฉันกับยัยฟ้าต้องออกไปเต้นแบบนี้"เธอสวนกลับทันทีด้วยอารมณ์ไม่ดีนักเพราะเธอไม่ชอบเลยสายตาที่พวกผู้ชายในผับต้องมองเธอจนจะทะลุเสื้อผ้าจนจะเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอแล้ว แม้นี้จะไม่ใช่คืนแรกแต่เธอก็ยังไม่ชิดและไม่ชอบสายตาที่มองมาเลยสักนิด มันน่าขยะแขยงที่สุด
"ได้ไง อย่ามากล่าวหากันถ้าไม่มีหลักฐานนะจ๊ะเพื่อนรัก มาๆ มาดื่มต่อเถอะ"เพื่อนที่แซวเธอพูดดักคออย่างเหนือกว่าก่อนจะพูดเปลี่ยนเรื่องชวนทุกคนดื่มน้ำสีอำพันที่วางอยู่บนโต๊ะที่เต็มแก้วทุกใบ
"เฮ้ๆ แกไปเครียดอะไรมาจากไหนเนี่ยยัยต้าร์ดื่มรวดเดียวหมดแบบนี้เดี๋ยวก็กลับคอนโดไม่ไหวหรอก"เพื่อนที่ออกไปเต้นกับเธอพูดห้ามเมื่อเห็นว่าเธอดื่มรวดเดียวหมดและสิ่งที่เธอดื่มคือเตกีล่าเพียวๆ แบบนี้ยัยตัวแสบของเพื่อนๆ อย่างเธอจะอยู่มีสติครบถ้วนจนผับปิดรึเปล่าเนี่ย
"เปล่า เหนื่อยจากเต้นเลยหิวน้ำนะ"เธอตอบพลางเทขวดเตกีล่าลงใส่แก้วก่อนจะยกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เธอวางแก้วลงพลางจ้องมองแก้วที่ว่างเปล่าในสมองเธอก็คิดถึงเรื่องหนึ่ง เรื่องที่เธอคิดมันมาหลายคืนก็ยังหาคำตอบไม่ได้สักทีก่อนจะพูดขึ้นทำให้เสียงหัวเราะของเพื่อนๆ เงียบลงทันที
"ฉันกลับก่อนนะ"
"อ้าว ทำไมวันนี้กลับเร็ว"
"ปวดหัวนิดหน่อย"เธอบอกก่อนจะเดินออกมาจากโต๊ะทันทีและตรงไปที่รถที่จอดอยู่ด้านหน้าผับก่อนจะขับกลับทันที
เช้าวันต่อมา
ปังๆ ๆ
"ยัยต้าร์! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ! "
"..."
"ยัยต้าร์! "
ปังๆ ๆ
เสียงเคาะประตูจากหน้าห้องเสียงดังจนทำให้คนข้างห้องเปิดประตูออกมาดูก็พบว่าหญิงสาวเจ้าของห้องจะเคาะประตูห้องตัวเองทำไมคีย์การ์ดห้องตัวเองก็มีเปิดเข้าไปสิแต่ความคิดของทุกคนนั้นผิดเพราะคนที่มาเคาะประตูกลับกลายเป็นพี่สาวของเจ้าของห้องที่ยังคงไม่ตื่นมาเปิดห้องให้กับพี่สาวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่ยังไม่สร่างทำให้หญิงสาวเจ้าของห้องนอนหลับสนิท
ปังๆ ๆ
"ยัยต้าร์! ยัยต้าร์! พี่บอกให้แกเปิดประตูยังไงล่ะ! "
เสียงเคาะและเสียงตะโกนของเบลล่าไม่ยอมหยุดจนกว่าเจ้าของห้องจะมาเปิดประตูให้ แต่ชายหนุ่มที่อยู่ห้องข้างๆ ทนไม่ไหวเดินออกมาจากห้องกระชากแขนของเบลล่าให้หันไปเผชิญหน้าแต่เมื่อเห็นเต็มๆ ตาก็นึกแปลกใจว่าคนอย่างน้ำทิพย์นึกอุตริลุกขึ้นมาแต่งสวยทำหน้าทำผมแล้วเป็นบ้ามายืนเคาะประตูห้องตัวเองอยู่แบบนี้ ที่เขาแปลกใจนั้นเป็นเพราะเขาทำงานที่เดียวกับน้ำทิพย์และยังคอยแวะหาซื้อของกินมาให้น้ำทิพย์เวลาที่น้ำทิพย์มีงานเข้ามาให้ทำเป็นกองภูเขา
"เธอเป็นบ้าอะไรมายืนเคาะประตูห้องตัวเองจนคนอื่นรำคาญแบบนี้"
"นายเป็นใคร อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ! "
โดยที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับครอบครัวของน้ำทิพย์เลยทำให้เขาไม่ทันสังเกตว่านั้นไม่ใช่หญิงสาวที่เขาหมายถึงและด้วยที่ทุกคนที่นี่เมื่อเห็นน้ำทิพย์เข้ามาอยู่ใหม่ต่างก็คิดว่าเป็นพี่สาวเธอที่เป็นนางแบบแต่ก็เลิกคิดทันทีเมื่อเธอยื่นบัตรประชาชนให้ดูว่าเธอไม่ใช่พี่สาวของเธอทำให้ทุกคนที่นี่คิดว่าเธอไปทำศัลยกรรมให้หน้าสวยคล้ายพี่สาวเธอเท่านั้นและครั้งนี้ทุกคนที่ไม่ยอมกลับเข้าห้องสักทีก็มองว่าเธอนั้นอุตริอยากแต่งสวยเหมือนนางแบบเบลล่าหรือก็คือพี่สาวของเธอ
"นี้ๆ เธอคงไม่บ้าจริงๆ หรอกนะถึงจำเพื่อนตัวเองไม่ได้นะ"
"ฉันไม่ได้บ้าและจำได้ว่าไม่มีเพื่อนโรคจิตแบบนาย! นี่! ยัยต้าร์ เปิดประตูให้พี่นะ! "
ปังๆ ๆ
เธอตอบนพพลเพื่อนของน้องสาวก่อนจะหันมาส่งเสียงดังพลางทุบประตูไม่ยอมหยุดและครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะดังมากพอให้เจ้าของห้องลุกขึ้นออกจากเตียงเดินงัวเงียยังไม่สร่างเมาออกมาเปิดประตูให้กับผู้เป็นพี่สาวและเมื่อเธอเดินมาเปิดประตูด้วยสภาพหัวยุ่งชุดเดิมของเมื่อวานทำให้กลิ่นเหล้าลอยมาแตะจมูกผู้เป็นพี่สาวแม้จะจางลงแต่ในระยะใกล้ชิดเธอก็ยังได้กลิ่นเหล้าจากตัวน้องสาว
เบลล่ามองสภาพน้องสาวอย่างอารมณ์เดือดสุดๆ และอึ้งไปตามๆ กันแต่ก็ไม่เท่ากับเพื่อนข้างห้องอย่างนพพลและคนอื่นๆ ที่ยื่นอึ้งกับภาพข้างหน้าที่มีหญิงสาวหน้าตาเหมือนกันเพียงแต่คนละสไตล์กันอีกคนเป็นถึงนางแบบแสนสวยและเซ็กซี่แต่อีกคนเป็นยัยบ้าตัวแสบทำตัวสบายๆ ไม่รักสวยรักงามและการที่เสียงเงียบของพี่สาวทำให้เธอปรับสายตามองคนตรงหน้าดีๆ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบว่าเป็นใครที่มาเคาะประตูเสียงดังก่อนจะรีบดึงแขนพี่สาวเข้าห้องโดยไม่สนใจเพื่อนข้างห้องอย่างนพพลที่กำลังจะอ้าปากถามก่อนจะรีบปิดประตูล็อกกลอนทันทีและเอ่ยถามผู้เป็นพี่สาวทันทีที่เข้ามาอยู่ในห้องด้วยกันสองคน
"พี่เบลมาทำอะไรที่นี้ค่ะ เดี๋ยวคนอื่นก็จับได้หรอกค่ะ ถ้าคุณพ่อรู้คงต่อว่าพี่เบลแน่ๆ เลยค่ะ"น้ำทิพย์เอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงพี่สาวแต่กับคนเป็นพี่สาวไม่สนใจในสิ่งที่น้องสาวพูดเลยสักนิดก่อนจะพูดขึ้น
"ไม่มีใครอุตริวิ่งไปฟ้องคุณพ่อหรอก แกนั่นแหละเมื่อคืนไปเที่ยวไหนมา! "เบลล่าขึ้นเสียงในตอนท้ายเมื่อถามถึงเรื่องเมื่อคืนที่น้องสาวฝาแฝดไปก่อเรื่องเอาไว้
"ไปเที่ยวผับกับเพื่อนๆ มาค่ะ"น้ำทิพย์ตอบตามความเป็นจริงเพราะเธอไม่เคยมีเรื่องปิดบังคนเป็นพี่สาวเลยสักเรื่องมีเรื่องอะไรก็มักจะบอกเสมอแต่ถ้าเรื่องไหนไม่จำเป็นก็ไม่บอกให้คนเป็นพี่สาวเป็นห่วง
"แล้วยังไงต่อ"คนเป็นพี่สาวก็ไม่ยอมหยุดถามแค่นั้นยังถามต่อพลางเดินไปนั่งลงที่โซฟาที่เป็นส่วนของห้องนั่งเล่นและตามมาด้วยน้องสาวที่ไม่เข้าใจสักเท่าไรกับการมาครั้งนี้และเอาแต่ถามเรื่องเมื่อคืน
เธอจำได้ว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ทำอะไรเสียหายและเวลาที่เธอออกไปเที่ยวแบบนี้คนเป็นพี่สาวก็รับรู้ตลอดและเมื่อตอนกลับมาถึงห้องเธอก็ไลน์ไปบอกพี่สาวแล้ว เธอมั่นใจสุดๆ ว่าเธอไม่ได้ทำเรื่องเสียหายแต่แค่ออกไปเต้นเพราะแพ้เกมที่เล่นกันมันไม่ได้ดูไม่เหมาะสมนี่น่าเธอก็ทำมาตลอดเวลาออกไปเที่ยวแล้วแพ้เกมแต่ก็ไม่ได้บ่อยอะไรมากมาย
หนี้ที่ไม่ได้ก่อ เธอ ต้องใช้แทนเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อเลี้ยงที่เลี้ยงเธอมาจนโต ทว่า ความเป็นจริงกลับทำร้ายเธอ เมื่อพ่อเลี้ยงได้สร้างรอยแค้นให้ เขา มาเฟียหนุ่มฮ่องกง ไม่ใช่แค่เพียงหนี้ก้อนโต เขา...มาเฟียไร้หัวใจ อดีตเขาเคยมีหัวใจ ทว่า เมื่อเขาสูญเสียคนรักไปด้วยฝีมือลูกหนี้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความแค้น ที่ทำให้เขากลายเป็นคนไร้หัวใจ ไร้ความปรานี และปิดกั้นความรักตั้งแต่นั้นมา เธอ...หญิงสาวสู้ชีวิต ตั้งแต่มอปลาย เธอทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนมาตลอด เมื่อผู้เป็นแม่เสียชีวิต เธอก็ใช้ชีวิตกับพ่อเลี้ยง มาตลอดจนเรียนจบด้วยความยากลำบาก เธอมีหัวใจที่เข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เพื่อตอบแทนบุญคุณ
เธอมีแฟนมาแล้วหลายคนก็จริง แต่ไม่เคยมีสักคนที่จะได้แอ้มเธอ แต่ไหงกลับกลายเป็นพี่ชายของเพื่อนกันที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอไปได้เล่า! ไม่ใช่เธอไม่อยากมีแฟนเสียหน่อย แต่มีแล้วก็ไม่ได้อยากปล่อยเนื้อปล่อยตัวนะ! --------------------------------- คุณเชื่อเรื่อง 'ตกหลุมรัก' ตั้งแต่แรกพบหรือไม่ มันมีอยู่จริงหรือ กับรักแรกพบที่มาพร้อมกับสัมพันธ์ที่เร่าร้อน! เซนนิก้า นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเกิดอาการแปลกๆ เมื่อได้เห็นวงหน้าของเธอ คุณหนูเชอเอม แต่เขาแค่เพียงหวังจะเครมเธอเท่านั้น เพราะเหยื่อยังไงก็คือเหยื่อ ทว่าไม่รู้ว่าใครลิขิตหรือกลั่นแกล้งกันแน่ ลิขิตให้คนทั้งสองคือรักแรกพบ! เรือนร่างที่เสียให้กับเขาเป็นคนแรกที่ได้แอ้มเธอคือกำไร หวั่นไหวคือโบนัส ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างเร่าร้อนที่เริ่มง่ายก้จบงาน แต่เชอเอมไม่จบ! ทว่า เขาก็ไม่จบเช่นกันเมื่อก้อนเนื้อในอกยังคงเรียกร้องหาเธอไม่ต่างกันกับเธอ
น้องสาวข้างบ้านสุดเผ็ดร้อนกำลังยืนเปลื้องผ้าอยู่ปลายเตียงนอนในห้องของเขา มีหรือเขาจะไม่รีบดึงเธอมาร่วมเตียง แม้ใจจะไม่คิดเอาน้องสาวเพื่อนแต่เธอร้อนแรงจนความเป็นชายแข็งขื่อเพียงเธอสัมผัสโดนตัวเขา!
เธอลุ่มหลงไปกับรสสวาทในตัวเขา พลันเปลี่ยนเป็นความรักอย่างไม่รู้ตัว ทว่าช้ากว่าเขาที่ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น!
ซูลี่สวยแต่ชอบเสแสร้ง โม่สิงหย่วนไม่เคยสนใจฟังคำหวานที่ซูลี่พูดล้อเล่นเลย ต่อมา ซูลี่ก็เลิกเอาใจเขา โม่สิงหย่วนคว้าเธอเข้ามากอด “ซูลี่ เอาใจฉันหน่อยสิ ฉันจะยกทุกอย่างให้หมด” โม่สิงหย่วนมักจะสุขุมรอบคอบเสมอ จนกระทั่งพบซูลี่ เขาก็หมดความควบคุม
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
"ที่รัก ฉันจะชดใช้ให้เธอด้วยทั้งชีวิตของฉัน แต่งงานใหม่กันน๊า!" หลินเอินเอิน "คุณไม่รู้สึกอายเขาบ้างเหรอที่ตามง้อฉันทุกวัน! คุณเป็นหมารึไง!" ป๋อมู่หาน "ที่รัก ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ และเพื่อเธอคนเดียวเท่านั้น!" หลินเอินเอินหัวเราะ เธอเป็นทั้งทนายชื่อดัง หมออัจฉริยะสากล และแฮ็กเกอร์ระดับแนวหน้า ทำไมเธอต้องแต่งงานใหม่กับไอ้ผู้ชายหมาๆ นั่นละ ช่างน่าขันจริง ๆ "ไม่มีวันแต่งงานใหม่หรอก ใสหัวไปไกลๆ ซะ!"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
เสิ่นสุยยินถูกบังคับให้ดำรงชีวิตในสถานะที่ด้อยกว่าตั้งแต่เด็ก การถูกกดขี่มาอย่างยาวนานไม่ได้ทำให้เธอสูญเสียความภาคภูมิใจในตัวเองแม้แต่น้อย การตกต่ำของตระกูลเสิ่นในสายตาของคนภายนอกดูเหมือนจะเป็นความเสื่อมของตระกูลสูงศักดิ์ แต่แท้จริงแล้วนี่เป็นโอกาสเดียวของเสิ่นสุยยินที่จะกลับคืนสู่ชีวิตใหม่ นางต่อสู้กับคนอื่นเพื่อแก้แค้นให้ท่านแม่ทว่ากลับไม่รู้ว่าทุกแผนการของนาง เขากำลังจ้องตามองอยู่ ลู่จินหวยให้นางหลอกใช้ตนเองเป็นประโยชน์ได้ตามอำเภอใจของนาง แต่ไม่เคยให้นางต้องเปื้อนเลือดแม้แต่นิด สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงตัวนางเท่านั้น “เสิ่นสุยยิน ทางที่ดีเจ้าจะแกล้งทำไปตลอดชีวิต”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY