สัญญา มีเงื่อนไขของมันเสมอ แต่ทว่า สัญญา ที่เต็มไปโดยความแค้นและความรัก...จุดจบของสัญญาครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร และเธอกับเขาจะเลือกอะไรระหว่งความแค้น กับ ความรัก
สัญญา มีเงื่อนไขของมันเสมอ แต่ทว่า สัญญา ที่เต็มไปโดยความแค้นและความรัก...จุดจบของสัญญาครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร และเธอกับเขาจะเลือกอะไรระหว่งความแค้น กับ ความรัก
ความลับไม่มีในโลก
ประเทศไทย;กรุงเทพมหานคร
ผับย่านสุขุมวิท
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มทั่วทั้งผับที่บ่งบอกว่ายังไม่ถึงเวลาผับปิดและเพื่อเร่งนักท่องราตรีให้สนุกไปกับเพลงที่เปิดอย่างเมามันและแน่นอนหญิงสาวที่มีหน้าตาหวานใสราวเจ้าหญิงหลุดออกมาจากนิทานได้ออกลีลาเต้นอยู่กลางฟอร์และด้วยลีลาท่าเต้นของเธอที่ยั่วเย้าก็ทำให้เธอเป็นจุดสนใจของทุกคนในผับรวมถึงนักธุรกิจในคาบนายแบบที่จ้องมองเธอตาไม่กะพริบแม้ข้างกายจะมีหญิงสาวจากผับนั่งคลอเคลียเขาอยู่
"ไปสืบมาว่าเธอคือใคร"เขาสั่งเลขาที่ยื่นอยู่ข้างๆ ให้ไปสืบมาว่าเธอคือใครเพียงแค่นี้เลขาหนุ่มที่ทำงานกับเขามาหลายปีรับรู้ถึงความหมายมันดี เลขาเช่นเขาไม่เพียงแค่สืบอย่างเดียวแต่ต้องติดต่อเธอเลยต่างหาก
"ครับ"เลขาหนุ่มตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินออกไปหามุมเงียบๆ ทำงานที่เจ้านายหนุ่มสั่งมาเมื่อครู่อย่างรวดเร็วทันใจและไม่นานเจ้านายหนุ่มก็เดินตามออกมาพร้อมหญิงสาวจากผับ กลับคอนโดเพื่อไปต่ออารมณ์ที่ค้างให้ได้สำเร็จความใคร่
ด้านหญิงสาวที่เป็นที่สนใจของคนทั้งผับโดยเฉพาะผู้ชายในค่ำคืนนี้ เธอหยุดเต้นเมื่อเพลงจบก่อนจะเดินกลับโต๊ะไปพร้อมกับเพื่อนของเธออีกคนที่ออกมาเต้นพร้อมเธอด้วยความเหนื่อย
"ตลอดเลยสินะที่ยัยต้าร์ออกเที่ยวผับแล้วต้องเต้นแบบนี้จนเป็นจุดสนใจยากที่จะลืม"เมื่อเธอมาถึงโต๊ะก็เจอลูกแซวของเพื่อนที่นั่งดูตั้งแต่เพลงเริ่มจนจบเพลง
"ก็ใครล่ะเล่นขี้โกงตลอดเลยจนฉันกับยัยฟ้าต้องออกไปเต้นแบบนี้"เธอสวนกลับทันทีด้วยอารมณ์ไม่ดีนักเพราะเธอไม่ชอบเลยสายตาที่พวกผู้ชายในผับต้องมองเธอจนจะทะลุเสื้อผ้าจนจะเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอแล้ว แม้นี้จะไม่ใช่คืนแรกแต่เธอก็ยังไม่ชิดและไม่ชอบสายตาที่มองมาเลยสักนิด มันน่าขยะแขยงที่สุด
"ได้ไง อย่ามากล่าวหากันถ้าไม่มีหลักฐานนะจ๊ะเพื่อนรัก มาๆ มาดื่มต่อเถอะ"เพื่อนที่แซวเธอพูดดักคออย่างเหนือกว่าก่อนจะพูดเปลี่ยนเรื่องชวนทุกคนดื่มน้ำสีอำพันที่วางอยู่บนโต๊ะที่เต็มแก้วทุกใบ
"เฮ้ๆ แกไปเครียดอะไรมาจากไหนเนี่ยยัยต้าร์ดื่มรวดเดียวหมดแบบนี้เดี๋ยวก็กลับคอนโดไม่ไหวหรอก"เพื่อนที่ออกไปเต้นกับเธอพูดห้ามเมื่อเห็นว่าเธอดื่มรวดเดียวหมดและสิ่งที่เธอดื่มคือเตกีล่าเพียวๆ แบบนี้ยัยตัวแสบของเพื่อนๆ อย่างเธอจะอยู่มีสติครบถ้วนจนผับปิดรึเปล่าเนี่ย
"เปล่า เหนื่อยจากเต้นเลยหิวน้ำนะ"เธอตอบพลางเทขวดเตกีล่าลงใส่แก้วก่อนจะยกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เธอวางแก้วลงพลางจ้องมองแก้วที่ว่างเปล่าในสมองเธอก็คิดถึงเรื่องหนึ่ง เรื่องที่เธอคิดมันมาหลายคืนก็ยังหาคำตอบไม่ได้สักทีก่อนจะพูดขึ้นทำให้เสียงหัวเราะของเพื่อนๆ เงียบลงทันที
"ฉันกลับก่อนนะ"
"อ้าว ทำไมวันนี้กลับเร็ว"
"ปวดหัวนิดหน่อย"เธอบอกก่อนจะเดินออกมาจากโต๊ะทันทีและตรงไปที่รถที่จอดอยู่ด้านหน้าผับก่อนจะขับกลับทันที
เช้าวันต่อมา
ปังๆ ๆ
"ยัยต้าร์! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ! "
"..."
"ยัยต้าร์! "
ปังๆ ๆ
เสียงเคาะประตูจากหน้าห้องเสียงดังจนทำให้คนข้างห้องเปิดประตูออกมาดูก็พบว่าหญิงสาวเจ้าของห้องจะเคาะประตูห้องตัวเองทำไมคีย์การ์ดห้องตัวเองก็มีเปิดเข้าไปสิแต่ความคิดของทุกคนนั้นผิดเพราะคนที่มาเคาะประตูกลับกลายเป็นพี่สาวของเจ้าของห้องที่ยังคงไม่ตื่นมาเปิดห้องให้กับพี่สาวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่ยังไม่สร่างทำให้หญิงสาวเจ้าของห้องนอนหลับสนิท
ปังๆ ๆ
"ยัยต้าร์! ยัยต้าร์! พี่บอกให้แกเปิดประตูยังไงล่ะ! "
เสียงเคาะและเสียงตะโกนของเบลล่าไม่ยอมหยุดจนกว่าเจ้าของห้องจะมาเปิดประตูให้ แต่ชายหนุ่มที่อยู่ห้องข้างๆ ทนไม่ไหวเดินออกมาจากห้องกระชากแขนของเบลล่าให้หันไปเผชิญหน้าแต่เมื่อเห็นเต็มๆ ตาก็นึกแปลกใจว่าคนอย่างน้ำทิพย์นึกอุตริลุกขึ้นมาแต่งสวยทำหน้าทำผมแล้วเป็นบ้ามายืนเคาะประตูห้องตัวเองอยู่แบบนี้ ที่เขาแปลกใจนั้นเป็นเพราะเขาทำงานที่เดียวกับน้ำทิพย์และยังคอยแวะหาซื้อของกินมาให้น้ำทิพย์เวลาที่น้ำทิพย์มีงานเข้ามาให้ทำเป็นกองภูเขา
"เธอเป็นบ้าอะไรมายืนเคาะประตูห้องตัวเองจนคนอื่นรำคาญแบบนี้"
"นายเป็นใคร อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ! "
โดยที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับครอบครัวของน้ำทิพย์เลยทำให้เขาไม่ทันสังเกตว่านั้นไม่ใช่หญิงสาวที่เขาหมายถึงและด้วยที่ทุกคนที่นี่เมื่อเห็นน้ำทิพย์เข้ามาอยู่ใหม่ต่างก็คิดว่าเป็นพี่สาวเธอที่เป็นนางแบบแต่ก็เลิกคิดทันทีเมื่อเธอยื่นบัตรประชาชนให้ดูว่าเธอไม่ใช่พี่สาวของเธอทำให้ทุกคนที่นี่คิดว่าเธอไปทำศัลยกรรมให้หน้าสวยคล้ายพี่สาวเธอเท่านั้นและครั้งนี้ทุกคนที่ไม่ยอมกลับเข้าห้องสักทีก็มองว่าเธอนั้นอุตริอยากแต่งสวยเหมือนนางแบบเบลล่าหรือก็คือพี่สาวของเธอ
"นี้ๆ เธอคงไม่บ้าจริงๆ หรอกนะถึงจำเพื่อนตัวเองไม่ได้นะ"
"ฉันไม่ได้บ้าและจำได้ว่าไม่มีเพื่อนโรคจิตแบบนาย! นี่! ยัยต้าร์ เปิดประตูให้พี่นะ! "
ปังๆ ๆ
เธอตอบนพพลเพื่อนของน้องสาวก่อนจะหันมาส่งเสียงดังพลางทุบประตูไม่ยอมหยุดและครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะดังมากพอให้เจ้าของห้องลุกขึ้นออกจากเตียงเดินงัวเงียยังไม่สร่างเมาออกมาเปิดประตูให้กับผู้เป็นพี่สาวและเมื่อเธอเดินมาเปิดประตูด้วยสภาพหัวยุ่งชุดเดิมของเมื่อวานทำให้กลิ่นเหล้าลอยมาแตะจมูกผู้เป็นพี่สาวแม้จะจางลงแต่ในระยะใกล้ชิดเธอก็ยังได้กลิ่นเหล้าจากตัวน้องสาว
เบลล่ามองสภาพน้องสาวอย่างอารมณ์เดือดสุดๆ และอึ้งไปตามๆ กันแต่ก็ไม่เท่ากับเพื่อนข้างห้องอย่างนพพลและคนอื่นๆ ที่ยื่นอึ้งกับภาพข้างหน้าที่มีหญิงสาวหน้าตาเหมือนกันเพียงแต่คนละสไตล์กันอีกคนเป็นถึงนางแบบแสนสวยและเซ็กซี่แต่อีกคนเป็นยัยบ้าตัวแสบทำตัวสบายๆ ไม่รักสวยรักงามและการที่เสียงเงียบของพี่สาวทำให้เธอปรับสายตามองคนตรงหน้าดีๆ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบว่าเป็นใครที่มาเคาะประตูเสียงดังก่อนจะรีบดึงแขนพี่สาวเข้าห้องโดยไม่สนใจเพื่อนข้างห้องอย่างนพพลที่กำลังจะอ้าปากถามก่อนจะรีบปิดประตูล็อกกลอนทันทีและเอ่ยถามผู้เป็นพี่สาวทันทีที่เข้ามาอยู่ในห้องด้วยกันสองคน
"พี่เบลมาทำอะไรที่นี้ค่ะ เดี๋ยวคนอื่นก็จับได้หรอกค่ะ ถ้าคุณพ่อรู้คงต่อว่าพี่เบลแน่ๆ เลยค่ะ"น้ำทิพย์เอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงพี่สาวแต่กับคนเป็นพี่สาวไม่สนใจในสิ่งที่น้องสาวพูดเลยสักนิดก่อนจะพูดขึ้น
"ไม่มีใครอุตริวิ่งไปฟ้องคุณพ่อหรอก แกนั่นแหละเมื่อคืนไปเที่ยวไหนมา! "เบลล่าขึ้นเสียงในตอนท้ายเมื่อถามถึงเรื่องเมื่อคืนที่น้องสาวฝาแฝดไปก่อเรื่องเอาไว้
"ไปเที่ยวผับกับเพื่อนๆ มาค่ะ"น้ำทิพย์ตอบตามความเป็นจริงเพราะเธอไม่เคยมีเรื่องปิดบังคนเป็นพี่สาวเลยสักเรื่องมีเรื่องอะไรก็มักจะบอกเสมอแต่ถ้าเรื่องไหนไม่จำเป็นก็ไม่บอกให้คนเป็นพี่สาวเป็นห่วง
"แล้วยังไงต่อ"คนเป็นพี่สาวก็ไม่ยอมหยุดถามแค่นั้นยังถามต่อพลางเดินไปนั่งลงที่โซฟาที่เป็นส่วนของห้องนั่งเล่นและตามมาด้วยน้องสาวที่ไม่เข้าใจสักเท่าไรกับการมาครั้งนี้และเอาแต่ถามเรื่องเมื่อคืน
เธอจำได้ว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ทำอะไรเสียหายและเวลาที่เธอออกไปเที่ยวแบบนี้คนเป็นพี่สาวก็รับรู้ตลอดและเมื่อตอนกลับมาถึงห้องเธอก็ไลน์ไปบอกพี่สาวแล้ว เธอมั่นใจสุดๆ ว่าเธอไม่ได้ทำเรื่องเสียหายแต่แค่ออกไปเต้นเพราะแพ้เกมที่เล่นกันมันไม่ได้ดูไม่เหมาะสมนี่น่าเธอก็ทำมาตลอดเวลาออกไปเที่ยวแล้วแพ้เกมแต่ก็ไม่ได้บ่อยอะไรมากมาย
หนี้ที่ไม่ได้ก่อ เธอ ต้องใช้แทนเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อเลี้ยงที่เลี้ยงเธอมาจนโต ทว่า ความเป็นจริงกลับทำร้ายเธอ เมื่อพ่อเลี้ยงได้สร้างรอยแค้นให้ เขา มาเฟียหนุ่มฮ่องกง ไม่ใช่แค่เพียงหนี้ก้อนโต เขา...มาเฟียไร้หัวใจ อดีตเขาเคยมีหัวใจ ทว่า เมื่อเขาสูญเสียคนรักไปด้วยฝีมือลูกหนี้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความแค้น ที่ทำให้เขากลายเป็นคนไร้หัวใจ ไร้ความปรานี และปิดกั้นความรักตั้งแต่นั้นมา เธอ...หญิงสาวสู้ชีวิต ตั้งแต่มอปลาย เธอทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนมาตลอด เมื่อผู้เป็นแม่เสียชีวิต เธอก็ใช้ชีวิตกับพ่อเลี้ยง มาตลอดจนเรียนจบด้วยความยากลำบาก เธอมีหัวใจที่เข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เพื่อตอบแทนบุญคุณ
เธอมีแฟนมาแล้วหลายคนก็จริง แต่ไม่เคยมีสักคนที่จะได้แอ้มเธอ แต่ไหงกลับกลายเป็นพี่ชายของเพื่อนกันที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอไปได้เล่า! ไม่ใช่เธอไม่อยากมีแฟนเสียหน่อย แต่มีแล้วก็ไม่ได้อยากปล่อยเนื้อปล่อยตัวนะ! --------------------------------- คุณเชื่อเรื่อง 'ตกหลุมรัก' ตั้งแต่แรกพบหรือไม่ มันมีอยู่จริงหรือ กับรักแรกพบที่มาพร้อมกับสัมพันธ์ที่เร่าร้อน! เซนนิก้า นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเกิดอาการแปลกๆ เมื่อได้เห็นวงหน้าของเธอ คุณหนูเชอเอม แต่เขาแค่เพียงหวังจะเครมเธอเท่านั้น เพราะเหยื่อยังไงก็คือเหยื่อ ทว่าไม่รู้ว่าใครลิขิตหรือกลั่นแกล้งกันแน่ ลิขิตให้คนทั้งสองคือรักแรกพบ! เรือนร่างที่เสียให้กับเขาเป็นคนแรกที่ได้แอ้มเธอคือกำไร หวั่นไหวคือโบนัส ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างเร่าร้อนที่เริ่มง่ายก้จบงาน แต่เชอเอมไม่จบ! ทว่า เขาก็ไม่จบเช่นกันเมื่อก้อนเนื้อในอกยังคงเรียกร้องหาเธอไม่ต่างกันกับเธอ
น้องสาวข้างบ้านสุดเผ็ดร้อนกำลังยืนเปลื้องผ้าอยู่ปลายเตียงนอนในห้องของเขา มีหรือเขาจะไม่รีบดึงเธอมาร่วมเตียง แม้ใจจะไม่คิดเอาน้องสาวเพื่อนแต่เธอร้อนแรงจนความเป็นชายแข็งขื่อเพียงเธอสัมผัสโดนตัวเขา!
เธอลุ่มหลงไปกับรสสวาทในตัวเขา พลันเปลี่ยนเป็นความรักอย่างไม่รู้ตัว ทว่าช้ากว่าเขาที่ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น!
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
เพียงสบตาสาวน้อยหน้าหวาน ‘นัยน์ตาชวนฝัน’ ที่อาจหาญตบหน้าซีอีโอผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขา ‘เดวิโก หนึ่งเดียว เวนนิส’ ก็ประกาศก้องกับตัวเองว่า เขาจะต้องลากเจ้าหล่อนเข้าสู่ ‘กรงทอง’ ให้จงได้ ไม่มีวันที่ ‘แม่กวางน้อยด้อยประสบการณ์’ อย่างหล่อนจะต้านทานเจ้าป่า ‘ผู้ชำนาญงานรัก’ อย่างเขาได้ ใครจะคิดว่าวันสุดท้ายของการฝึกงานก่อนจบการศึกษาจะเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล เพียงเพราะเผลอสบตาคมเข้มคู่นั้นเข้าอย่างจัง!! หากฟ้าประทานพรให้เธอขอพรได้หนึ่งข้อ ‘ปรารถนา’ บอกตัวเองอย่างไม่ต้องหยุดคิดว่าพรข้อนั้นที่เธอจะขอคืออะไร เพราะสิ่งเดียวที่เธอจะขอ คือ... ‘ขอให้ผู้ชายบ้าอำนาจ บ้ากามที่จ้องลวนลามเธอคนนี้หายสาบสูญไปซะ’ แต่ยิ่งนานวันเข้า นอกจากฟ้าจะไม่นำพาแล้วยังเหมือนจะเป็นใจหยิบยื่นเนื้อกวางแสนหวานอย่างเธอเข้าปากเสือเสียนี่ เพราะยิ่งเธอพยายามหนีห่างจากเขามากเท่าไร เธอกลับพบว่าตัวเองกลับยิ่งเข้าใกล้เขามากขึ้นเท่านั้น ใกล้เสียจน...เธอสั่นสะท้านไปทั้งกายและใจ “ฉันลงมือปรุงซุปถ้วยนี้ด้วยตัวเองเลยนะ เธอจะไม่ชิมสักหน่อยเหรอ ใช่ว่าใครจะมีวาสนาได้กินฝีมือฉันง่ายๆนะ” “คุณทำคุณก็กินเองสิคะ ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณทำสักหน่อย” “เธอไม่กินงั้นฉันกินเองก็ได้” “เชิญ!” ปรารถนาเบะปากยิ้มหยันพลางขยับกายหมายล้มตัวลงนอน แต่ทว่า... “ว้าย! คุณจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ” “บังเอิญฉันไม่ชอบอะไรที่มันจืดชืดแบบซุปนั่น เลยอยากลองชิมเนื้อกวางอย่างเธอเสียหน่อยว่าจะอร่อยแค่ไหน หึหึ”
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
อินทุภาคือคนที่แม่เลือกให้มาเป็นภรรยาในนามของเขา ซึ่งคนที่เขารัก แม่ไม่ปลื้ม ธีรุตม์รักแม่มากและไม่อยากขัดใจ แต่เขาเอาความผิดหวังทั้งหมดโยนไปที่อินทุภา ยั่วรักภรรยาในนาม ไม่รู้ใครจะยั่วใคร ------------ ธีรุตม์เผยยิ้มหยัน ๆ ออกมาจากมุมปาก ดวงตาของเฉยชาไม่ต่างกัน เป็นอาการที่บอกอีกฝ่ายว่า เขาไร้ซึ่งความรักต่อเธอ “คุณรุตคะ ถ้าคุณจะด่าจะว่าอิน เอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ” คนตัวโตที่กำลังไม่พอใจใช้มือถึงบานประตูให้ปิดสนิท เขาเดินหน้าเข้าหา และมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียง ในหัวใจของอินทุภาร้อนรุ่มเต้นรัว “ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้วว่าอย่าพยายาม ไม่ต้องเสนอหน้ามาทำอะไรให้ฉันทั้งนั้น แค่ฉันยอมแต่งงานกับเธอ ใช่ว่าเธอจะเป็นเมียอย่างที่เธอต้องการนะ เธอไม่ต้องเสนอหน้า ไม่ต้องมาทำหน้าที่ภรรยาอะไรทั้งนั้น เพราะฉันไม่ต้องการ อีกอย่างฉันทนไม่ได้ที่ต้องกล้ำกลืนกินของสวะพวกนั้นลงไปในท้อง เพราะมันเป็นมือของคนชั้นต่ำแบบเธอทำมัน” อินทุภาถึงกับหน้าเสียลงทันที ธีรุตม์ช่างเก่งที่จะใช้คำพูดทำร้ายจิตใจของเธอนัก
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
© 2018-now MeghaBook
บนสุด