หนี้ที่ไม่ได้ก่อ เธอ ต้องใช้แทนเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อเลี้ยงที่เลี้ยงเธอมาจนโต ทว่า ความเป็นจริงกลับทำร้ายเธอ เมื่อพ่อเลี้ยงได้สร้างรอยแค้นให้ เขา มาเฟียหนุ่มฮ่องกง ไม่ใช่แค่เพียงหนี้ก้อนโต เขา...มาเฟียไร้หัวใจ อดีตเขาเคยมีหัวใจ ทว่า เมื่อเขาสูญเสียคนรักไปด้วยฝีมือลูกหนี้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความแค้น ที่ทำให้เขากลายเป็นคนไร้หัวใจ ไร้ความปรานี และปิดกั้นความรักตั้งแต่นั้นมา เธอ...หญิงสาวสู้ชีวิต ตั้งแต่มอปลาย เธอทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนมาตลอด เมื่อผู้เป็นแม่เสียชีวิต เธอก็ใช้ชีวิตกับพ่อเลี้ยง มาตลอดจนเรียนจบด้วยความยากลำบาก เธอมีหัวใจที่เข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เพื่อตอบแทนบุญคุณ
บทนำ
บ้านสวน, อัมพวา
เสียงกุกกักดังขึ้นกลางดึกทำให้ชญานินสะดุ้งตื่น เธอตัดสินใจเปิดไฟแค่ห้องนอนเพราะห้องของเธออยู่ติดกับโถงห้องนั่งเล่นทำให้ไฟสามารถส่องสว่างถึงแม้จะเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม แต่เธอก็สามารถเห็นความเคลื่อนไหวและของภายในโถงห้องนั่งเล่น เธอค่อยๆ เปิดประตูห้องอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อเธอเปิดประตูกว้างขึ้นก็พบร่างท้วมของผู้ชายคนหนึ่งที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะเดินออกจากห้องและเอ่ยเรียกชายร่างท้วม
"พ่อค่ะ มาทำอะไรกลางดึกแบบนี้ค่ะ พ่อดื่มเหล้ามาอีกแล้วเหรอ" ชญานินเอ่ยพลางขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นสุราจากชายร่างท้วมที่เธอเอ่ยเรียกว่า 'พ่อ' เธอชินแล้วกับการเห็นชายร่างท้วมกลับมาพร้อมกลิ่นสุรา แต่เธอก็ไม่เคยชินกับการที่พ่อส่งเสียงดังกลางดึก แม้พักหลังจะบ่อยขึ้นก็ตาม
บ้านของเธอเป็นบ้านสวนอยู่ริมแม่น้ำ ห่างจากถนนใหญ่ไม่มากแต่ก็ไม่มีเพื่อนบ้าน หากเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีใครรู้ รอบตัวบ้านก็มีสวนผลไม้เล็กๆ ที่แม่เป็นคนทำไว้ตั้งแต่เธอจำความได้และหลังจากสูญเสียแม่ไปจากโรคร้ายเธอก็คอยดูแลสวนหลังกลับจากงานร้านกาแฟและช่วงวันหยุดเพียงคนเดียว เพราะเธอไม่มีเงินมากมายที่จะจ้างคนมาดูแล
"มีเงินหรือเปล่า พ่อต้องการเงินสักห้าหมื่น" ธนัทพงษ์เอ่ยขึ้นพลางรื้อค้นลิ้นชักไปทั่วโถงห้องนั่งเล่น ชญานินมองตามร่างท้วมที่เดินไปทั่วก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป
"หนูไม่มีเงินแล้วค่ะ เมื่อวานพ่อก็มาเอาไปแล้วสามหมื่น เงินก้อนสุดท้ายที่หนูมี กว่าจะได้เงินเดือนจากร้านกาแฟก็สิ้นเดือนค่ะพ่อ"
"แกต้องมี! ถ้าแกไม่มีให้ฉันพวกเจ้าหนี้ก็จะมาฆ่าพวกเราและยืดบ้าน แกต้องการให้เป็นแบบนั้นหรือไง! " ธนัทพงษ์เดินมาตะคอกใส่ชญานินก่อนจะเดินชนไหล่หญิงสาวเข้าห้องนอนของเธอเพื่อรื้อค้นหาเงินต่อโดยไม่ฟังคำพูดของเธอที่เริ่มสั่นเครือพลางน้ำตาเอ่อคลอหันไปมองผู้เป็นพ่อ
ธนัทพงษ์ ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเธอ เขาคือพ่อเลี้ยง หลังจากพ่อแท้ๆ ของเธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ แม่ของเธอก็แต่งงานใหม่เพื่อที่จะได้สบายและมีชีวิตครอบครัวที่มั่นคงดีกว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดียว แม้จะมีสวนแต่เศรษฐกิจก็ย่ำแย่จนบางครั้งก็ขายผลไม้ไม่ได้ต้องนำไปแจกให้กับคนในตลาด ในช่วงแรกแม่และพ่อเลี้ยงของเธอทั้งขยันและช่วยกันทำงานจนมีเงินพอใช้แต่ก็ไม่ขาดแคลน แต่ทว่า พ่อเลี้ยงของเธอเริ่มติดการพนันและเปลี่ยนไปในช่วงที่เธอขึ้นมัธยมปลาย นับแต่นั้นมาเธอต้องดิ้นรนทำงานส่งตัวเองเรียนมาตลอด แม่ของเธอก็เริ่มป่วยเพราะทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้สูญเสียแม่ไป เงินทำศพของแม่ก็ถูกพ่อเลี้ยงนำไปเขาบ่อนจนหมด เธอจึงต้องออกค่าทำศพเองทั้งหมด ในช่วงนั้นเธอทั้งเหนื่อยและท้อแต่เพราะแม่ของเธอเคยสอนไว้ว่า
...ถ้าล้มต้องรีบลุก ถ้ามัวแต่เจ็บมัวแต่ท้อ เราก็ไม่มีทางไปถึงฝันและทำสำเร็จ...
เพราะคำสอนของแม่ทำให้เธอฮึดสู้และขยันให้มากขึ้นจนผ่านช่วงเวลายากลำบากมาได้จนเธอเรียนจบ แต่เพราะเศรษฐกิจไม่ดีทำให้เธอหางานยากโดยเฉพาะกับสายที่เธอเรียนมา เธอไม่เคยได้งานประจำนอกจากทำงานรายวันและทำงานหลายงานเพื่อที่จะได้หาเงินมาหมุนเวียนทันใช้ แม้ค่าใช้จ่ายจะไม่เยอะแต่เพราะพ่อเลี้ยงของเธอเข้าบ่อนบ่อยมากกว่ากลับบ้าน ทำให้ค่าใช้จ่ายหนักไปทางนี้เสียมากกว่า
เธอนึกถึงคำสอนของแม่ก่อนจะยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาและหันกลับไปยังธนัทพงษ์พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อให้พ่อของเธอเข้าใจในสิ่งที่พูดออกไป
"ไม่มีค่ะ ไม่มีสักบาทเลยค่ะพ่อ พ่อกลับไปผ่อนผันได้ไหมคะ แล้วหนูจะเร่งทำงานหาเงินมาให้ค่ะ"
"ก็ได้ แกต้องรีบหาเงินมาให้ฉันให้ทันสิ้นเดือนหน้าก็แล้วกัน! " ธนัทพงษ์เอ่ยเสียงห้วนก่อนจะเดินกลับออกจากห้องของชญานินตรงไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปนอนที่ห้องของตัวเอง
ชญานินมองตามร่างท้วมของพ่อเลี้ยงจนลับตาก่อนจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นพลางเสยผมยาวสลวยของตัวเองให้พ้นใบหน้าที่ตกลงมาปรกหน้าเพียงเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจและควบคุมไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมากับสิ่งที่เธอเจอเป็นประจำ แต่ไม่เคยคุ้นชินเลยสักครั้ง
...
ห้าเดือนต่อมา
ชญานินยังคงทำงานหาเงินอยู่เช่นเดิม แม้ห้าเดือนก่อนเธอจะเร่งทำงานหาเงินจนครบจำนวนที่พ่อของเธอต้องการ หลังจากได้เงินแล้ว ธนัทพงษ์ก็ไม่ได้กลับบ้านอีกเลยสามเดือนจนกระทั่งช่วงเช้าพ่อของเธอติดต่อกลับมาว่าจะกลับบ้าน แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆ กับน้ำเสียงที่ดูร้อนรนและเหมือนกับกำลังกลัวใครมาเห็นเพราะจากการรีบร้อนคุยให้เธอรู้เพียงว่าจะกลับเท่านั้นและตัดสายทันที
หลังจากเลิกงานที่ร้านกาแฟเธอก็ตรงไปยังตลาดเพื่อซื้อกับข้าวกลับบ้านมาทานกับธนัทพงษ์หลังจากที่ไม่ได้ทานข้าวพร้อมหน้ามาหลายเดือน แม้จะรู้สึกว่าธนัทพงษ์จะกลับบ้านระยะสั้นแต่เธอก็อยากทานข้าวกับพ่อ หลังจากซื้อจบครบท้องฟ้าก็มืด เธอจึงรีบกลับบ้านทันทีเพื่อไม่ให้พ่อของเธอรอนานและเธอไม่อยากกลับบ้านดึกไปมากกว่านี้
"กลับมาแล้วค่ะพ่อ" ชญานินเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังไม่ทันเข้าบ้าน พลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัยที่เห็นบ้านยังมืดอยู่แต่กลับมีร้องท้าของธนัทพงษ์ และก่อนหน้าที่เธอจะเลิกงานธนัทพงษ์ก็ส่งข้อความมาบอกว่าถึงบ้านแล้ว แต่ทำไมถึงไม่ยอมเปิดไฟ ชญานินไม่ได้คิดอะไรมาก เธอถอดรองเท้าและเดินเข้าบ้านก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดไฟที่อยู่ไม่ห่างจากประตูทางเข้าบ้าน และเมื่อไฟสว่างขึ้นเธอก็พบธนัทพงษ์นั่งกุมศีรษะอยู่ที่เก้าอี้หวายยาวสีขาวหน้าทีวี หากเธอไม่ได้เห็นรอยเลือดที่ติดมือของธนัทพงษ์ก็คงไม่ตกใจและไม่คิดอะไรมาก เธอยืนตัวสั่นมองไปยังธนัทพงษ์พลางเอ่ยถามเสียงสั่น
"พ่อค่ะ เป็นอะไร...หรือเปล่าคะ"
"แกมาแล้วเหรอ แกมีเงินให้พ่อมั้ย พ่อจะไปต่างจังหวัดกับเพื่อน เพื่อนมันหางานมาให้พ่อทำ แต่พ่อไม่มีเงินติดตัวเลย" ธนัทพงษ์ที่ได้สติหลังจากได้ยินเสียงของชญานินอีกครั้ง ธนัทพงษ์ผละมือออกจากศีรษะพลางหันไปมองชญานินที่ยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู
"จริงเหรอคะ พ่อจะไปทำงานเหรอคะ แล้ว...แล้วที่มือพ่อ" ชญานินเอ่ยถามออกไปด้วยความสับสน เธอไม่รู้ว่าควรจะถามหรือพูดเรื่องไหนก่อนพลางก้าวเดินเข้าไปใกล้ธนัทพงษ์และวางถุงกับข้าวลงบนโต๊ะก่อนจะคุกเข่ากับพื้นด้านหน้าธนัทพงษ์
"พ่อแค่ขับรถชนหมานะ พ่ออุ้มมันไปไว้ข้างทาง แกมีเงินให้พ่อมั้ย"
"งั้นเหรอคะ ตอนนี้หนูมีแค่หมื่นห้าเองค่ะ" ชญานินเอ่ยไปทั้งที่ในใจกลับรู้สึกว่าธนัทพงษ์กำลังโกหก แต่เธอก็ไม่ได้สอบถามอะไรไปมากกว่านั้นและเอ่ยตอบออกไป
"มันไม่พอ...จริงสิ! " ธนัทพงษ์เงียบลงก่อนจะพูดขึ้นใหม่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะลุกเดินไปยังลิ้นชักข้างโต๊ะวางทีวี ธนัทพงษ์หยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกมา ทำให้ชญานินรีบลุกขึ้นไปดึงกล่องแว่นออกจากมือธนัทพงษ์ทันที
"ไม่ได้นะคะ แหวนแต่งงานของพ่อกับแม่หนู" ชญานินรีบเอ่ยออกไปด้วยความตกใจและกลัวว่าชายหนุ่มจะเอาไปขาย เธอจึงกำกล่องแหวนไว้ในมือแน่น แต่แรงของเธอไม่อาจสู่แรงของธนัทพงษ์ได้ ธนัทพงษ์ออกแรงดึงและกระชากกล่องแหวนจากมือของเธอพลางผลักเธอจนล้มลงศีรษะกระแทกขอบโต๊ะวางทีวี เธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจนรู้สึกได้มีเลือดอุ่นๆ ไหลลงมาที่หน้าผาก
"พ่อกับแม่แกตายไปนานแล้ว! มีแค่ฉันที่เลี้ยงแกมาจนโตป่านนี้แล้ว แกควรจะตอบแทนบุญคุณฉัน! แหวนแต่งงานคู่นี้คงขายแล้วได้เยอะอยู่ ฉันขอก็แล้วกัน" ธนัทพงษ์พูดพลางมองกล่องแหวนด้วยรอยยิ้มพอใจก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าของชญานินขึ้นมาและหยิบเงินในกระเป๋าของเธอไปจนหมดก่อนจะหันกลับไปยิ้มขอบใจชญานินโดยไม่สนใจว่าเธอเจ็บกับการกระทำของเขามากแค่ไหนและเดินออกจากบ้านไป
"พ่อค่ะ! อย่าเอาไปนะคะ หนูขอร้อง! พ่อค่ะ พ่อ! " ชญานินตะโกนเรียกพลางลุกขึ้นวิ่งไปยังหน้าบ้านทันทีทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เธอไม่สนใจว่าเลือดจะไหลจนเปรอะเปื้อนใบหน้า สิ่งเดียวที่เธอสนใจในตอนนี้คือแหวนแต่งงานของพ่อกับแม่เธอที่ทิ้งไว้เป็นของแทนใจให้เธอมีกำลังใจชิ้นสุดท้าย สิ่งเดียวที่มีค่าและเป็นแรงบันดาลใจให้เธอดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ แต่ตอนนี้ถูกพ่อเลี้ยงที่เธอมองว่าเป็นเหมือนพ่อแท้ๆ คนหนึ่งที่เลี้ยงดูเธอมาจนโต
ชญานินเร่งฝีเท้าวิ่งตามรถกระบะที่ขับออกไปโดยไม่สนว่าเธอกำลังวิ่งเท้าเปล่าบนทางที่เต็มไปด้วยหินและเศษไม้ยามค่ำคืนที่มองไม่เป็นอะไรตามข้าง เธอวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อตามธนัทพงษ์ แต่ทว่า ความมืดก็ทำให้เธอมองไม่เห็นทางและคราบน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ตลอดเวลาที่วิ่งตามรถของธนัทพงษ์ก็ยิ่งทำให้เธอลำบากในการมองเห็น เธอวิ่งไปสะดุดหินจนล้มลงหัวเข่ากระแทก ชญานินมองรถกระบะที่ขับออกไปจนลับตาทั้งน้ำตาที่ไหลมาผสมกับเลือดอาบแก้มขวาของเธอ
"พ่อ พ่อค่ะ ฮึก ฮือ อย่าเอาไป ฮึก แม่จ๋า หนูขอโทษ ฮือ แม่จ๋า หนูคิดถึงพ่อกับแม่ หนูเหนื่อยเหลือเกิน ฮือ" ชญานินสะอึกสะอื้นทั้งน้ำตา เอ่ยเรียกเสียงแผ่วพลางนึกถึงพ่อกับแม่แท้ๆ ของเธอ ภาพความทรงจำสมัยเด็กที่แสนอบอุ่นและมีความสุขมากกว่าตอนนี้ที่ไม่มีเศษเสี้ยวของความสุขหลงเหลืออยู่ เมื่อความสุขสุดท้ายของเธอถูกพ่อเลี้ยงเอาไปจากเธอเสียแล้ว และไม่มีวันที่จะได้กลับคืนมา
--------------------------------------------------------
สำหรับเรื่องนี้ หนี้ร้ายพ่ายรัก เป็นนิยายชุด หัวใจมาเฟีย ซึ่งเป็นตอนของ โลแกนและชญานิน
เรื่องนี้ก็จะมีทั้ง ดราม่า ฉากอิโรติก รักหวานแหวว บู๊ สลับกันไปนะจ้ะ แบบว่าเกือบจะครบรสก็ว่าได้
คอมเม้นต์ติชมกันได้นะจ้ะ คำติชมของรีดทุกคนคือคำกำลังใจและแนะแนวนำไปปรับปรุงจ้า
เธอมีแฟนมาแล้วหลายคนก็จริง แต่ไม่เคยมีสักคนที่จะได้แอ้มเธอ แต่ไหงกลับกลายเป็นพี่ชายของเพื่อนกันที่ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอไปได้เล่า! ไม่ใช่เธอไม่อยากมีแฟนเสียหน่อย แต่มีแล้วก็ไม่ได้อยากปล่อยเนื้อปล่อยตัวนะ! --------------------------------- คุณเชื่อเรื่อง 'ตกหลุมรัก' ตั้งแต่แรกพบหรือไม่ มันมีอยู่จริงหรือ กับรักแรกพบที่มาพร้อมกับสัมพันธ์ที่เร่าร้อน! เซนนิก้า นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเกิดอาการแปลกๆ เมื่อได้เห็นวงหน้าของเธอ คุณหนูเชอเอม แต่เขาแค่เพียงหวังจะเครมเธอเท่านั้น เพราะเหยื่อยังไงก็คือเหยื่อ ทว่าไม่รู้ว่าใครลิขิตหรือกลั่นแกล้งกันแน่ ลิขิตให้คนทั้งสองคือรักแรกพบ! เรือนร่างที่เสียให้กับเขาเป็นคนแรกที่ได้แอ้มเธอคือกำไร หวั่นไหวคือโบนัส ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างเร่าร้อนที่เริ่มง่ายก้จบงาน แต่เชอเอมไม่จบ! ทว่า เขาก็ไม่จบเช่นกันเมื่อก้อนเนื้อในอกยังคงเรียกร้องหาเธอไม่ต่างกันกับเธอ
สัญญา มีเงื่อนไขของมันเสมอ แต่ทว่า สัญญา ที่เต็มไปโดยความแค้นและความรัก...จุดจบของสัญญาครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร และเธอกับเขาจะเลือกอะไรระหว่งความแค้น กับ ความรัก
น้องสาวข้างบ้านสุดเผ็ดร้อนกำลังยืนเปลื้องผ้าอยู่ปลายเตียงนอนในห้องของเขา มีหรือเขาจะไม่รีบดึงเธอมาร่วมเตียง แม้ใจจะไม่คิดเอาน้องสาวเพื่อนแต่เธอร้อนแรงจนความเป็นชายแข็งขื่อเพียงเธอสัมผัสโดนตัวเขา!
เธอลุ่มหลงไปกับรสสวาทในตัวเขา พลันเปลี่ยนเป็นความรักอย่างไม่รู้ตัว ทว่าช้ากว่าเขาที่ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น!
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
หลิวชิวเยว่จบชีวิตจากชาติภพปัจจุบัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของหญิงอ้วน ชื่อเดียวกับตัวเอง อีกทั้งตัวเธออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะไปแต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชิงเป่ย จากซีอีโอสาวแสนสวย ผู้ทระนงตนว่า ฉันสวย รวยและเริ่ดในปฐพี ต้องกลายมาเป็นหญิงอ้วน น้ำหนักร่วมสองร้อยจิน (100กิโลกรัม) แถมด้วยฉายา สตรีกาลกิณี ! แล้วข่าวลือที่ว่าแม่ทัพหนุ่มสามีของเธอ เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ (ชอบผู้ชาย) นั้นเป็นจริงหรือไม่...จำต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง! ทว่า... ยามจันทร์เต็มดวง หลิวชิวเยว่กลับค้นพบความลับของสามี เมื่อเขากลายร่างเป็น หมีแพนด้า ! หลิวชิวเยว่จะใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณอย่างไรให้แฮปปี้ เมื่อต้องมีสามีเป็น หมีแพนด้าผู้คลั่งรัก !