เพราะสัมพันธ์สวาทจากแผนลวง เขาผู้ไร้ซึ่งความรัก จึงเกลียดชังในสิ่งที่เธอไม่ได้ก่อ ตราหน้าด่าทอดั่งหญิงแพศยาไร้ค่า เธอจำสั่งหัวใจให้ด้านชา เพียงฝืนทนอยู่ทดแทนคุณ
เพราะสัมพันธ์สวาทจากแผนลวง เขาผู้ไร้ซึ่งความรัก จึงเกลียดชังในสิ่งที่เธอไม่ได้ก่อ ตราหน้าด่าทอดั่งหญิงแพศยาไร้ค่า เธอจำสั่งหัวใจให้ด้านชา เพียงฝืนทนอยู่ทดแทนคุณ
เวลาประมาณหนึ่งทุ่มของค่ำวันหยุดปลายสัปดาห์ประตูรั้วอัลลอยเลื่อนเปิดอัตโนมัติเมื่อเสียงแตรให้สัญญาณดังไปถึงคนในบ้านที่เจ้าของรถโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าแล้วว่าเขากำลังเดินทางมาถึง
และเมื่อประตูรั้วซึ่งเปรียบเสมือนเส้นแดนกั้นความพลุกพล่านจากรถราภายนอกปิดลง ไม่ให้ความวุ่นวายจอแจปะปนเข้ามาในอาณาบริเวณบ้านกึ่งไม้กึ่งปูนสองชั้น ที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางหมู่ต้นไม้น้อยใหญ่ซึ่งให้ความร่มรื่นและร่มเย็นแก่เจ้าของตลอดระยะเวลายี่สิบปีกว่าที่ผ่านมา เจ้าของร่างสูงลงจากรถมาพร้อมกระเป๋าเอกสารและเสื้อคลุมตัวนอกที่พาดแขนไว้ ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าเดินออกจากโรงรถทางฝั่งขวามือของบริเวณบ้านลัดเลาะมาตามทางเดินที่ปูด้วยไม้หมอนรถไฟเก่าสลับหญ้าสีเขียวสด
“เป็นยังไงบ้างลูก” เสียงผู้เป็นแม่ทักลูกชายคนเดียวดังมาก่อนจะทันได้เห็นหน้าที่เขาพยายามปรับไม่ให้ยับยู่ เพราะตลอดทางขับรถกลับบ้านใจของคมิกพนธ์นั้นเต็มไปด้วยความขุ่นมัว
“เพิ่งตกลงเรื่องโครงการใหญ่ไปเมื่อเช้าเองครับ นัดเซ็นสัญญากันอาทิตย์หน้า”
...แม้มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น แต่ครอบครัวของนีรากลับไม่ได้ปลื้มเปรมไปกับความก้าวหน้าของเขาอย่างที่ควรเป็น
“ดีจัง แล้วเรื่องที่ไปกินข้าวกับพ่อแม่ของหนูน้ำเป็นไงบ้าง” นางครองขวัญรับกระเป๋าของลูกชายไปถือไว้ พร้อมกับเดินเคียงกันเข้าบ้าน แม้เป็นวันเสาร์ แต่ลูกชายก็ออกไปบริษัทครึ่งวัน ก่อนจะไปกินข้าวที่บ้านของแฟนสาว
“กับข้าวอร่อยครับ” หากทว่าคนเป็นลูกไม่ได้บอกมารดาต่อว่า เหตุการณ์หลังจากนั้นคนร่วมโต๊ะแทบทำให้เขาขย้อนของเก่าออกมาเลยทีเดียว!
ได้กระเป๋าลูกชายแล้วสตรีวัยสี่สิบสี่ปีก็ถือมันไปวางบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น นางครองขวัญเดินเข้าไปในครัวเพื่อสั่งเด็กรับใช้ที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ให้เตรียมยกสำรับออกมาตั้งโต๊ะ คมิกพนธ์นั่งถอดรองเท้าและถุงเท้าเก็บเข้าที่ ในหัวก็ยังคิดถึงถ้อยคำดูถูกซึ่งบังเอิญได้ยินที่บ้านของแฟนสาว
‘ถึงจะเป็นคนเก่ง ทำงานจนมีบริษัทของตัวเองก็ตามเถอะ แต่ก็หนีคำว่าลูกเมียน้อยไม่ได้หรอก เอ่ยชื่อใครเขาก็ทัก บอกชื่อคนก็รู้จักว่าแม่ของแฟนน้ำเป็นเมียน้อยคุณภวิล กี่ปีๆ เรื่องมันก็ยังฉาวโฉ่ รักอยู่กับคนพี่ดีๆ จู่ๆ ดันมาท้องกับคนน้อง ทั้งที่คู่หมั้นเขาก็มีอยู่ทนโท่’
‘ให้โอกาสเดียวหน่อยสิคะคุณแม่ เรื่องนานนมแล้วจะเอามาใส่ใจทำไม คนที่ทำเรื่องไม่ดีคือแม่ของเดียว ไม่ใช่เดียวซะหน่อย’
‘การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคนสองคนนะน้ำ พ่อเรารึก็มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย เพื่อนฝูงคนใต้บังคับบัญชาก็ไม่น้อย ไหนจะเพื่อนของแม่ที่กระทรวงอีก เขาถือกันจะตายเรื่องเมียน้อยเมียเก็บ’
‘ถึงยังไงเดียวก็ไม่ใช่คนผิด เดียวเป็นคนดี คุณพ่อคุณแม่ก็รู้นี่คะ’
‘แล้วความดีมันจะทำให้เรารอดพ้นไม่ถูกคนนินทาได้เหรอ แม่ไม่เอาด้วยหรอกนะ จะมีลูกเขยทั้งทีก็ขอให้ได้คนไม่มีอดีตด่างพร้อยเถอะ แม่ก็นึกว่าน้ำแค่ลองคบเผื่อเลือก ที่ไหนได้น้ำกลับจริงจังกับพ่อคนนี้เสียได้’
จากที่บังเอิญได้ยิน แม้แฟนสาวพยายามอธิบายกับมารดาของเธอ แต่ในสายตาคนในครอบครัวของนีรา เขาก็ได้ขึ้นชื่อเป็นผู้ชายที่มีประวัติไม่คู่ควรกับหญิงสาวอยู่ดี
ชายหนุ่มครุ่นคำนึงอยู่คนเดียว ขณะกำลังจะเงยหน้าขึ้นนั้น คมิกพนธ์ก็เห็นปลายเท้าคู่หนึ่งมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ ลักษณะเท้าที่อวบอูม แตกต่างจากคนเป็นแม่ ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง
“น้ำค่ะคุณเดียว”
ตรงหน้าเขาคือหญิงสาวรูปร่างอวบ ผิวขาว กะด้วยสายตาคงสูงราวๆ หนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด เธอส่งยิ้มที่มองดูฝืนและแฝงไปด้วยท่าทางหวาดหวั่นให้เขา
คมิกพนธ์มองข้ามคนแปลกหน้าไปยังมารดา นางครองขวัญจึงเอ่ยขึ้น
“นี่ไงผึ้ง ลูกสาวของวิธานที่ขอฝากให้ทำงานบ้านเรา”
อลิมายิ้มกว้างขึ้นเมื่อนายผู้หญิงแนะนำตัวเธอกับลูกชายนาง พุ่มมืออิ่มที่ยื่นแก้วน้ำให้ชายหนุ่มยังคงมีอาการสั่น ในความคิดของหญิงสาวอายุสิบแปดมีความกริ่งเกรงอยู่ทุกอณู...นี่นะเหรอคุณเดียว ผู้ชายที่พ่อบอกว่าเป็นเจ้านายที่ดุ และกำชับให้เธอทำตัวดีๆ เขาจะได้ให้ทำงานและอยู่ด้วย
ถานเจ๋อบอกว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเขาจะไปเฟิงโจว เฉวียนโจวและถายโจว “เฟิงโจว...” ชายหนุ่มพยักหน้า “ข้าจะไปดูเฉิงหยางปิงเสียหน่อย” สือจิ่วมือกำลังพับผ้า สายตามองอาจื้อที่นั่งเล่นกลองป๋องแป๋งอยู่บนตักอาเจ๋อ “ดูเฉยๆ นะ อย่าเข้าไปยุ่งกับเขา” “กลัวเขาจะทำอะไรข้างั้นรึ เขาไม่รู้จักข้านะ” “ไม่รู้แหละ ถ้าเขาไม่มายุ่งกับเราก่อน ก็ห่างๆ เขาไว้ ข้าไม่อยากให้เจ้าไปดึงดูดเขากลับมาวุ่นวายกับอาจื้ออีก อาจื้อเป็นลูกของข้า” “เป็นลูกข้าด้วย” ถานเจ๋อย้ำ สือจิ่วเห็นถึงความแน่วแน่ในดวงตาคู่นั้น “ตราบใดที่ข้ายังเป็นพระเอกในนิยายเรื่องนี้ ตัวร้ายจะทำอะไรข้าได้” “จัว...ย้าย” เสียงเล็กพูดขึ้นมา คนเป็นพ่อมันเขี้ยวจึงบีบแก้มเด้งของเด็กชายพร้อมทำเสียงดึ๋งๆ ไปด้วย มีเสียงฟึดฟัดของเจ้าอ้วนให้ได้ยิน มือเล็กฟาดกลองป๋องแป๋งใส่เข่าอาเจ๋อไปหนึ่งหน สือจิ่วค้อนพระเอกคนเก่งกับความขี้โอ่ของเขา “ก็ไหนเจ้าบอกว่าพระเอกชื่อจ้าวต่งหมิง” ถานเจ๋อวางอาจื้อบนเตียง มีเขานั่งกั้นไม่ให้ลูกตก ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นนับ “ตอนนี้จ้าวต่งหมิงคงอายุหกขวบเองมั้ง ถ้าเขาเป็นพระเอก เจ้าอ้วนก็ต้องเป็นตัวร้าย มิสู้ข้าแย่งตำแหน่งพระเอกมา ให้เฉิงหยางปิงเป็นตัวร้ายไปเลยยังดีกว่า ส่วนเจ้าก็เป็นนางเอก...ดีไหม”
เมื่อชีวิตและความสาวถูกตีราคาเพียงห้าแสนบาท เดือนอ้ายที่ถูกบังคับขายตัวจึงยอมตกเป็นทาสสวาท มอบความรักและหัวใจให้ผู้เป็นเจ้าของชีวิตเธอ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะตอบแทนเธอกลับ ด้วยความรักไม่ใช่เพียงความใคร่ แต่ถึงแม้เธอจะรักและทำทุกอย่างเพื่อเขามากแค่ไหน ในหัวใจของจักรพัฒน์ เดือนอ้ายก็เป็นได้เพียงนางบำเรอที่หน้าตาคล้ายคนรักเก่า สำหรับเขา เธอเป็นได้แค่เงาของแพรพราว ไม่ใช่วุ้นหรือเดือนอ้ายที่เขารัก
‘คนของอ้าย อ้ายหวง ไม่เป็นที่หนึ่ง ไม่เป็นที่สอง ถ้าพี่เครื้อรักจริง อ้ายต้องเป็นเมียคนเดียวเท่านั้น’ เน้นคำว่า ‘เมีย’ หนักหน่อย เพราะตำแหน่งนี้ไอ้อ้ายคู่ควร! ‘อ้ายดูแลตัวเอง สะอาดตั้งแต่หัวถึงเท้า วันไหนเที่ยวเล่นมอมแมมหน่อยพี่เครื้อก็ยกเว้นนะ’ ‘อืม’ ‘อ้ายรู้จักกาลเทศะ มีน้ำใจ อันนี้พี่เครื้อชมเองบ่อยๆ ยืดได้ใช่มะ’ ‘ได้’ ‘อ้ายซักล้างกวาดถูทำความสะอาดบ้านได้ งานช่างก็ทำคล่อง กับข้าวก็ทำเป็น ถ้ามีของสดในตู้เย็น ยังไงก็ต้องได้กับไว้กินข้าวสักจาน เนี่ย...ดีพร้อมทุกด้านแบบนี้ ถ้าพี่เครื้อปล่อยอ้ายหลุดมือ จะต้องมีคนบอกว่าพี่เครื้อน่ะ...โงว่วววว’ ‘ครับๆ...พี่จะไม่โงว่ววว น้องอ้ายต้องเป็นเมียพี่เครื้อคนเดียวเท่านั้น’
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
คู่หมั้นของเธอนอกใจแม่เลี้ยงของเธอ และทั้งสองก็ร่วมมือกันวางแผนหลอกลวงทรัพย์สินของครอบครัวเธอ และวางกับดักให้เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เพื่อที่จะแก้แค้น เหวินหญ่าจึงตัดสินใจหาผู้ชายคนหนึ่งมาก่อเรื่องที่ที่งานหมั้นและฉีกหน้าพวกเขาทั้งคู่ โดยไม่คาดคิดหลังจาก "ประกาศหาแฟนโดยจ่ายค่าตอบแทนสูง"แล้ว เธอก็ได้หนุ่มสุดหล่อมาจริงๆ! เหวินหญ่าคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กยากจนที่เพื่อเงินเท่านั้น แต่หลังจากอยู่กับเขา โชคของเธอก็ดีขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เดินนเล่นในห้างสรรพสินค้าใดก็ได้รับคูปองสำหรับแบรนด์หรูที่ซื้อฟรีและได้ชุดมูลค่านับแสนฟรี! ในงานหมั้น เขาออกงานอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ทุกคนนั้นตกตะลึงและประกาศอย่างเปิดเผยว่าเธอคือผู้หญิงของเขา! เดิมทีคิดว่าพวกเขาจะแยกทางกันหลังจากเรื่องนี้จบลง แต่เขากลับติดตัวเธอไม่ยอมไปไหนอีก "เราเพิ่งหมั้นกัน ตอนนี้ผมเป็นคู่หมั้นของคุณแล้ว" เหวินหญ่าหัวเราะเบา ๆ "คุณหมิ่น คุณคงไม่ใช่คิดว่าฉันรวยก็เลยไม่ยอมปล่อยฉันมั้ง?" หมิ่นซือหางยิ้ม เขาเป็นหลานชายของตระกูลใหญ่ ตระกูลหมิ่น เป็นซีอีโอของฮั้วเชง กรุ๊ป และเป็นถึงเจ้านายเบื้องหลังที่ควบคุมเส้นชีวิตทางเศรษฐกิจของเมืองไฮทั้งหมด เขาต้องมาสนใจเงินเล็กน้อยของเธอเหรอ? ต่อมาเหวินหญ่ารู้ว่าเขาคือคนที่เอาครั้งแรกของเธอไปในคืนนั้น!
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด