"อย่ามายุ่งกับฉัน เธอไม่มีวันแทนปอได้จำใส่สมองเอาไว้ เธอไม่ได้ครึ่งปอแก้ว ไม่มีวันที่เธอจะแทนได้" "ป่านรู้ดีว่าไม่มีวันแทนพี่ปอได้ ป่านรับรู้มาตลอดว่าป่านไม่มีวันได้ครึ่งพี่ปอ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ช่างในชีวิต ป่านไม่เคยสู้พี่ปอได้เลย แต่ตอนนี้พี่ดีแล่นคือสามีตามกฎหมายของป่าน ป่านดูแลพี่ดีแล่นตามหน้าที่ภรรยา" "ภรรยาเหรอ? หึ! เธอไม่มีสิทธิ์ใช้คำนี้ด้วยซ้ำ" "ในทะเบียนสมรส นางสาวป่านทอทอง ภักดีพิพัฒน์ได้จดทะเบียนสมรสกับนายดีแล่น..." ฉันพูดไม่ทันจบเขาก็รีบพูดแทรกขึ้น ใบหน้าบ่งขอกว่าไม่พอใจที่สุด "มันก็แค่กระดาษใบเดียว ผู้หญิงแบบเธอต่อให้อ้าขาให้ฉัน ฉันก็ไม่เอา อย่าคิดมาเสมอเหมือนปอแก้ว เธอไม่มีวันได้เป็น" พี่ดีแล่นปรามาสฉันด้วยถ้อยคำร้ายกาจ ฉันเชิดหน้าขึ้นแล้วพ่นคำพูดเผ็ดร้อนตอกกลับทันที "แล้วพี่คิดว่าป่านอยากได้พี่เป็นผัวเหรอ ป่านไม่ได้อยากได้ พี่ปอก็คงไม่อยากได้เหมือนกัน ถ้าอยากได้พี่เป็นผัว พี่ปอคงไม่หนีไปหรอก มีอย่างที่ไหนรักกันปานจะกลืนกินพอถึงวันแต่งงานเจ้าสาวก็หนีหาย ถ้าพี่ดีจริงเจ้าสาวคงไม่หายหรอกจริงไหมพี่ดีแล่น!" จ้องหน้าพี่ดีแล่นอย่างท้าทาย ในเมื่อเขาอยาบคายกับฉันก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องพูดจารักษาน้ำใจเขา "ป่านทอทอง!" พี่ดีแล่นตะเบ็งเสียงดังลั่น "อย่าปากดีให้มันมาก" "พี่ไม่มีสิทธิ์ว่าป่าน พี่เกลียดอะไรป่านพี่ถึงทำนิสัยแบบนี้ใส่ป่าน" ฉันเริ่มขึ้นเสียงใส่บ้าง "หึ! ฉันไม่ได้เกลียด แต่ฉันไม่ชอบผู้หญิงแบบเธอ"
งานแต่งถูกจัดขึ้นกลางไร่ส้มพวงประภา ฉันอยู่ในชุดสีชมพูหวาน ใบหน้าของฉันเรียบเฉยไม่ได้แสดงความยินดีหรือมีความสุขเลยแม้แต่น้อย ฉันควรจะมีรอยยิ้ม ฉันควรจะมีความสุขกลับวันที่แสนน่ายินดีแบบนี้
แต่เปล่าเลย ฉันกลับไม่ได้รู้สึกยินดีกับงานแต่งนี้เลยสักนิด ฉันเพียงแค่เป็นเงาของผู้หญิงที่ฉันรัก เธอเป็นพี่สาวฝาแฝดของฉัน
ฉันแต่งงานแทนพี่สาว พี่ของฉันหนีไปตั้งแต่เมื่อคืน เป็นฉันที่ต้องแต่งแทน แต่งกับผู้ชายที่ฉันรัก แต่งกับผู้ชายที่ฉันรักมาหลายปี แต่เขาไม่เคยรักฉันสักนิด
"ป่านช่วยพี่ด้วย พี่ไม่อยากแต่งกับพี่ดีแล่น"
"พี่ก็รู้พี่ดีแล่นรักพี่มาก ถ้าพี่หนีไปพี่เขาคงเสียใจ อีกอย่างป่านก็ไม่เห็นทางออกเรื่องนี้ ป่านจะช่วยพี่ได้อย่างไร"
"ป่านต้องแต่งงานกับพี่ดีแล่น ป่านต้องแต่งกับเขาแทนพี่"
"จะแต่งแทนได้ยังไงคะถ้าพี่ดีแล่นรู้เรื่องนี้ ความรู้สึกของเขาจะเป็นยังไง"
"ช่วยพี่นะป่านพี่ขอร้อง ให้พี่กราบป่านพี่ก็ยอม"
คำขอร้องที่แสนน่าอึดอัด ตอนแรกฉันก็คิดว่าพี่สาวของฉันพูดเล่น ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย ก่อนนอนฉันก็อยากเห็นพี่ดีแล่นกับพี่ปอแสดงความรักกันอยู่เลย
แต่พอถึงตอนแต่งหน้าเจ้าสาว พี่สาวของฉันก็หายไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงจดหมายเล็กๆขอร้องไม่ให้ฉันพูดเรื่องที่พี่ฉันหนีไป ขอร้องไม่ให้ฉันบอกใครเรื่องนี้
มันน่าตลกดีว่าไหมคะ การที่เราแต่งงานกับคนที่รักแทนพี่สาว ฉันรู้ดีเลยว่านับจากนี้ ชีวิตของฉันต้องเจอกับอะไร
"ไปกันได้แล้วยัยป่าน" แม่เสียงแข็งไม่พอใจ หลังจากที่บังคับฉันอยู่นาน ฉันก็ตกลง ฉันจำต้องทำตาม ชีวิตฉันเหมือนกำลังเดินเข้าหากองไฟ รู้ว่าจะต้องร้อนรนต้องถูกเผาต้องเจ็บปวดแต่ฉันก็ทำ
ครอบครัวพี่ดีแล่นก็ไม่อยากเสียหน้า งานแต่งจึงดำเนินต่อไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนต่างกลัวเสียหน้าเสียตา ไม่สนความรู้สึกของลูกๆเลยแม้แต่น้อย
"ยัยปอเป็นเด็กดีจะตาย หนีงานแต่งแบบนี้ต้องมีเหตุจำเป็นอะไรแน่ๆ เสร็จงานนี้ต้องเกณฑ์คนตามหา" แม่พูดพลางทำหน้ากังวล แต่ฉันไม่พูดอะไรต่อ ฉันรู้ทุกอย่างแค่ฉันไม่พูดมันออกมา พูดไปแม่ของฉันก็เสียใจ สู้ให้ท่านรับรู้ว่าพี่สาวของฉันเป็นเด็กดี เป็นผู้หญิงน่ารักเรียบร้อยแบบนี้จะดีกว่า
ถ้าพูดสิ่งที่ฉันแบกรับออกมา ฉันกลัวแม่ฉันจะรับไม่ได้ กลายเป็นฉันที่ชั่วใส่ร้ายพี่สาวเอง ท่านรักพี่ปอมากกว่าฉัน พี่ปอเก่งกว่าฉันทุกอย่างเป็นหน้าเป็นตาให้แม่ ส่วนฉันเรียนหนังสือไม่เก่ง ไม่เคยทำให้พ่อแม่ภูมิใจได้เท่าพี่ปอเลย
แม่พาฉันเดินไปหาเจ้าบ่าวที่ยืนหน้าตึง ใบหน้าของเขาแดงก่ำลามไปถึงใบหู ผู้คนมากมายต่างมาร่วมแสดงความยินดี
ฉันสวมรอยเป็นพี่ปอได้อย่างเเนบเนียน ฉันกับพี่ปอเราหน้าเหมือนกันมาก ถ้าคนไม่สนิทจริงๆแทบจะแยกไม่ออกเลยว่าคนไหนปอคนไหนป่าน
"ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยแม่" พี่ดีแล่นเอ่ยแล้วดึงแขนแม่เดินไปอีกทาง ส่วนแม่ฉันก็รีบเดินตาม ฉันลังเลอยู่นานก็เลยเดินตามเช่นกัน
"แม่จะให้แต่งกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รักไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ?"
"แค่แต่งเอาหน้าเอาตาไว้ก่อน ถ้าคนไร่นู่นรู้ว่าลูกงานแต่งล่มเขาลงสมน้ำหน้า แม่ไม่อยากให้ใครมาพูดหรือนินทาเราให้เสียหน้า"
"ผมไม่แคร์!"
"แต่แม่แคร์ ป่านแต่งในนามหนูปอนะดีแล่น ถ้าหนูปอกลับมาลูกก็ใช้ชีวิตปกติกับเธอ ทุกคนจะรับรู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้ลูกแต่งกับหนูปอ"
"แต่มันคนล่ะคนกัน ผมอยากรู้ว่าปอไปไหน"
"ทุกคนก็ไม่รู้เหมือนกัน โทรหาใครก็ไม่มีใครรู้เลย งานแต่งเสร็จทุกคนก็จะช่วยกันตามหา ถ้าครบ24ชั่วโมง แม่ปริมจะไปแจ้งความ"
"ยกเลิกงานแต่งเถอะ ผมจะไปตามหาเธอ"
"ยกเลิกงานไม่ได้ ทำแบบนี้มันดีกับทุกฝ่ายแล้วลูก ช่วยรักษาหน้าแม่ไว้หน่อยนะ" พี่ดีแล่นเงียบ ส่วนฉันก็ไม่กล้าพูดเช่นกัน
ฉันหันหลังเดินกลับไม่อยากจะเสียมารยาทอยู่ฟังอีกแล้ว ถ้าเขายกเลิกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้างานดำเนินต่อ ฉันก็ต้องแต่งกับพี่ดีแล่น ฉันยอมทุกคนมาตลอดไม่ว่าจะตอนเด็กหรือว่าตอนโตก็ตาม
เขาเดินกลับมาพร้อมแม่ฉันกับแม่พี่เขา ส่วนพ่อเราสองคนไปดูความเรียบร้อยอีกฝั่ง พี่เดินแล่นเดินมายืนข้างฉันแล้วรับแขก เขายิ้มฝืนๆ ฉันรู้ว่าเขาเสียใจและโกรธที่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น
แต่ทุกอย่างต้องดำเนินต่อไป ...
"พี่ดีแล่นหิวน้ำไหม?" ฉันเอ่ยขึ้น แต่พี่เขายังคงนิ่งไม่สนคำพูดฉัน "พี่หิวหรือเปล่าป่านจะเอามาให้ดื่ม"
"ไม่" คำเดียวสั้นๆห้วนๆ ที่เขาเอ่ยออกมา แต่ไม่เป็นไรคงเขาหงุดหงิดที่ไม่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารัก เจ้าสาวหายทั้งที่จะแต่งกันอยู่แล้ว เขาย่อมรู้สึกแย่เป็นธรรมดา
"ตอนจดทะเบียน เซ็นชื่อเป็นชื่อหนูป่านเลยนะ"
"อะไรนะคะ?" ฉันหันไปมองหน้าพ่อชนะพล รู้สึกงงมากๆฉันแต่งงานในนามพี่สาวแต่ทำไมต้องจดทะเบียนสมรสเป็นชื่อตัวเอง
"พ่อบอกให้หนูเซ็นเป็นชื่อหนู เวลาหย่าก็หย่าชื่อหนูมันง่ายและถูกต้องที่สุดเเล้ว มันง่ายถูกต้องตามกฏหมายด้วย"
"แต่เราไม่จดทะเบียนสมรสกันก็ได้นี่คะ"
"ถ้าไม่จดงานแต่งก็ไม่สมบูรณ์สิลูก พ่อว่าจดทะเบียนเป็นชื่อหนูแหละดีที่สุดแล้ว"
"ก็ได้ค่ะ" ฉันพยักหน้ารับคำน้อยๆแล้วจรดปากกาเซ็นชื่อของตัวเองลงทะเบียนสมรส พอเซ็นเสร็จพี่ดีแล่นก็ดึงไปเซ็นชื่อตัวเอง
"ปอกลับมาก็หย่าให้ฉันด้วย!"
"ค่ะ" ฉันพยักหน้า แต่สายตาที่พ่อชนะพลมองฉันกับพี่ดีแล่น มันเป็นสายตาที่มีแต่ความดีใจ ปลื้มใจ
งานแต่งดำเนินไปเรื่อยๆ ฉันเองก็อึดอัดเขาเองก็อึดอัดเช่นกัน จนกระทั่งพิธีเข้าหอทุกคนต่างอวยพรให้เราสองคนมีความสุข มันไม่ใช่ความสุข แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เท่านั้น
"พี่ดีแล่นจะอาบน้ำไหมคะ?" ฉันยิ้มมองหน้า พี่ดีแล่นทำหน้าเหมือนเบื่อระอาฉันเต็มทน ในเมื่อฉันแต่งงานกับพี่ดีแล่นฉันก็ต้องดูแลอย่างดีที่สุด
จนกว่าพี่สาวฉันจะกลับมา...
++++++++++++++++++++++
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"