บทที่๑ อย่าเดินหนีบัว
นางสาวใบบัว ทวีทรัพย์หญิงสาววัยยี่สิบสามเพิ่งจบมหาวิทยาลัยหมาดๆ ด้วยการเคี่ยวเข็ญกึ่งช่วยเหลือของคนรักและเพื่อนสนิท จากนั้นจึงเดินย่ำบนกองเงินกองทองที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายทิ้งไว้ให้ชนิดที่ไม่ต้องทำมาหากินให้เหงื่อไหลไคลย้อยก็มีกินมีใช้ได้อย่างฟุ่มเฟือยไปทั้งชาตินี้และชาติหน้าหากสามารถนำติดตัวไปได้เมื่อตายแล้ว
หญิงสาวกรีดเสียงใส่หน้าคู่หมั้นหนุ่มอดีตรุ่นพี่จากรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน ผู้หยิบยื่นความอาทรปลอบประโลมในยามที่หมดสิ้นญาติมิตร ในวันที่มีข่าวเครื่องบินเล็กของนักธุรกิจชาวไทยตกกลางหุบเขาในประเทศเพื่อนบ้านระหว่างเดินทางไปแสวงบุญและท่องเที่ยว
ใบบัวในเวลานั้นเป็นนักศึกษาปีสองได้รับข่าวร้ายช่วงเวลาพักรับประทานอาหารกลางวัน จานข้าวและแก้วน้ำร่วงหลุดมือแตกกระจายเต็มพื้น ก่อนเจ้าตัวจะทรุดลงนั่งหมดแรงไม่สนใจความเปรอะเปื้อนบนพื้นแม้แต่น้อยเขาเป็นคนแรกที่เข้ามาถึงตัวแล้วประคองหล่อนขึ้นมา ก่อนแนะนำตนเองว่าชื่อแทนคุณ เป็นนักศึกษาปีสี่คณะเดียวกันและอาสาพากลับไปรอฟังข่าวที่บ้านเพื่อจะได้จัดการเรื่องงานศพในขั้นต่อไป
วันนั้นคือจุดเริ่มต้นที่แทนคุณเข้ามาในชีวิตใบบัว จากต้องกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรก็มีเขาเป็นคู่หมั้นและสามีทางพฤตินัย เพราะใบบัวรับแทนคุณมาอยู่ในบ้านในฐานะคู่หมั้นที่จะแต่งงานกันหลังจากเรียนจบ
แม้คนหัวเก่าอย่างแม่นมยุลีอดีตพี่เลี้ยงของแม่และกลายมาเป็นพี่เลี้ยงของใบบัวจะคัดค้านว่าไม่ดีไม่งามใบบัวก็ไม่สนใจ ทำให้การได้แทนคุณมาเป็นสมาชิกในครอบครัวต้องแลกกับการที่นมยุลีเก็บกระเป๋าย้ายไปอยู่เรือนเล็กหลังบ้านซึ่งในอดีตตาของใบบัวเคยใช้เป็นที่เก็บของเก็บเศษวัสดุที่เหลือจากการก่อสร้างบ้าน เพราะไม่อยากอยู่ร่วมชายคากับแทนคุณ
ยามที่เหมือนความรักเข้าตาใบบัวก็ไม่ได้อนาทรร้อนใจใดๆ กับการย้ายออกไปของแม่นม หล่อนกลับมีความสุขที่ได้แสดงความรักกับแทนคุณโดยไม่ต้องเกรงสายตาตำหนิของคนในบ้าน
เพราะนอกจากนมยุลีจะย้ายไปแล้วหล่อนยังให้ผึ้งหลานสาวนมยุลีที่ช่วยทำงานบ้านมาตั้งแต่สาวยันกลางคนย้ายไปด้วยเพื่อจะได้ช่วยดูแลนมยุลีอย่างใกล้ชิดแม้ถูกดักคอว่าขับไล่ไสส่งคนเก่าแก่ออกจากบ้านเพื่อจะได้ทำเรื่องบัดสีอย่างไม่อายสายตาใครหล่อนก็ไม่สนใจเพราะชอบทำจริง
แม้แต่ตอนนมยุลีกับผึ้งอยู่ในบ้านใบบัวก็ทำ อยากกอดจูบแทนคุณตอนไหนก็ทำตามใจ โดยไม่สนว่าใครจะมองเช่นไรรวมถึงไม่สนใจข้างบ้านที่อาจจะมองมาด้วย
แต่ความจริงแล้วที่ให้ผึ้งย้ายไปนอนกับนมยุลีเพราะใบบัวห่วงใยนั่นเอง แม้ความห่วงใยและหวังดีนี้จะไม่มีคนเห็นค่าก็ตามที อย่างน้อยใบบัวก็เชื่อว่าตายายคงจะรับรู้ว่าไม่ได้ทอดทิ้งคนเก่าแก่ตามที่ท่านเคยสั่งเสียเอาไว้
ถึงแม้ฐานะทางบ้านจะดีเข้าขั้นเศรษฐีแต่ครอบครัวทวีทรัพย์ไม่ได้พักอาศัยในคฤหาสน์หลังใหญ่บนที่ดินกว้างที่มีสระว่ายน้ำหรือสนามเทนนิสอย่างที่หลายคนคิด ตาของใบบัวเลือกอยู่บ้านตัวอย่างในหมู่บ้านจัดสรรที่สร้างขายเป็นโครงการปฐมฤกษ์ หลังจากนั้นก็มีโครงการสอง สาม สี่ ตามมา
และจากการสร้างบ้านขายก็ขยับขยายมาสร้างอาคารปล่อยเช่าอีกหลายอาคาร รายได้หลักของครอบครัวจึงได้จากค่าเช่าอาคารและที่พักอาศัยจำนวนหลายหลักในแต่ละเดือน
นับว่าโชคดีเป็นของใบบัวที่เมื่อบุพการีเสียชีวิตลงไม่มีหนี้สินให้ต้องตามชำระ ทั้งยังได้เงินก้อนโตจากการทำประกันชีวิตของทั้งสองเหมือนตอนที่ตายายเสียชีวิตด้วยความชราในเวลาไล่เลี่ยกัน
กิ่งแก้วมารดาของหล่อนก็รับมรดกโดยไม่มีหนี้สินให้ต้องตามชำระสะสางส่วนฝ่ายปู่ย่านั้นใบบัวไม่ค่อยรู้จักเพราะเสียชีวิตไปก่อนที่จะลืมตาดูโลก รู้แต่ว่าพ่อเป็นลูกคนเดียวจึงรับมรดกคนเดียวเช่นตนเวลานี้
การเป็นลูกคนเดียวหลานคนเดียวมันก็ดีตรงนี้นี่เอง