“ไม่มีโจรคนไหนยอมรับดีๆ หรอกนะว่าตัวเองเป็นโจร” “ต่อให้คุณพยายามยัดเยียดคำคำนั้นให้กับนิดา ถ้ายังหาหลักฐานมามัดตัวนิดาไม่ได้ นิดาก็ไม่ใช่โจรค่ะ!” ‘นิรดา’ หญิงสาวผู้แสนอาภัพ อุตส่าห์ดิ้นรนแทบตาย กว่าจะได้เดินทางมาทำงานเป็นคนงานเก็บผลไม้ที่เบลเยียม เพียงหวังมีเงินเก็บมากพอที่จะดูแลยายของเธอให้สุขสบาย แต่ยังทำไม่ทันไร ยายก็มาล้มป่วย แถมตัวเองยังถูก ‘มาร์โค วาน ฮัสเซลต์’ นายจ้างหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ ยัดเยียดข้อหาว่าเป็นขโมยเสียอีกทางเดียวที่หญิงสาวจะเลือกได้ มีแต่การกล้ำกลืน ยอมรับข้อเสนอ... เป็นนางบำเรอให้เขา ‘แปดครั้ง’ แลกกับเงินที่จะช่วยต่อชีวิตให้ยายของเธอ ปัญหามีอยู่เพียงเรื่องเดียว นั่นคือ... นิรดาจะทำเช่นไร เมื่อนายจ้างปีศาจของเธอเกิดรู้สึกว่า... แค่แปดครั้ง มันยังไม่ทำให้เขาอิ่ม!!! “ในซองนี่คือเงินต้น ส่วนดอกเบี้ย ฉันจะเก็บจากตัวเธอ” นิรดาผงะ!! ตาเบิกกว้าง มาร์โคอมยิ้ม เขารวบร่างอวบมากอดไว้เต็มแขน ก่อนจะโน้มตัวบดขยี้เรียวปากนุ่มนิ่มด้วยความพึงพอใจ หญิงสาวครางฮือ ขาเธออ่อนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ยังดีที่คนเพิ่งถอนริมฝีปากออกไปช่วยรับไว้ “ปะ...ปล่อยค่ะ อย่าทำกับนิดาแบบนี้” “ฉันทำอะไรเธอนิรดา ฉันแค่อยากได้สิ่งที่เป็นของฉัน เธอไม่เอาเปรียบฉันมากไปหน่อยหรือ?” ชายหนุ่มตอบกลับ “โธ่!” หญิงสาวคราง “มาต่อกันเถอะ เธอจะได้ไม่เสียเวลา!!”
บทที่1.สาวน้อยสุดอาภัพ
กระท่อมหลังน้อยปลูกสร้างอยู่ใกล้ๆ วัดแห่งหนึ่ง มีสองชีวิตอาศัยอยู่ใต้หลังคาสังกะสีเก่าๆ ที่ผุพังใกล้ถึงเวลาปลดละวางเต็มทน ความจนทำให้ยายสร้อยกัดฟันทน นางทำงานรับจ้างทั่วไป หาเลี้ยงหลานกำพร้าคนเดียวที่สิ้นทั้งบิดา มารดาตั้งแต่อายุไม่ถึงเก้าปีดี นิรดาซึ่งเติบโตมาอย่างเข้มแข็ง วันนี้ในวัยสิบแปดปี สาวน้อยวัยรุ่นไม่เคยน้อยใจกับวาสนาอันต่ำต้อยของตนเอง สิ่งที่นิรดาทำคือการช่วยงานทุกอย่างที่ตนเองทำได้ เพราะอยากแบ่งเบาภาระให้กับยายซึ่งแก่ตัวลงทุกวันให้ยายสร้อยมีเวลาพักเหมือนกับคนสูงอายุคนอื่น
แดดยามเช้าปลายฤดูหนาว อีกสองเดือนนิรดาก็กำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ความหวังของเธอคือการเรียนให้สูงขึ้น เพื่อวันหน้าจะได้มีงานมั่นคงทำ และใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาเลี้ยงดูยายสร้อยที่แก่เฒ่าลงไปทุกวันอย่างดี ความหวังนั้นริบหรี่และจวนจะดับมอด เพราะแค่เลี้ยงปากท้องสองยาย หลานก็ยังต้องกระเบียดกระเสียรกันเต็มที่ อะไรที่เคยอยากได้ ไม่เคยได้อย่างใจหวัง... ค่ายาอันน้อยนิดของยายสร้อยบางครั้งยังไม่มีเงินจ่าย นิรดาพยายามใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ พื้นดินในเขตรั้วบ้านมีน้อยนิดก็จริง แต่เธอใช้สอยเต็มที่ ผักหลายอย่างเธอปลูกไว้ตามพื้นที่ว่างๆ ผลของความขยัน เธอกับยายมีผักกินทั้งปี โดยไม่ต้องซื้อ มะเขือเทศต้นเล็กๆ แต่ลูกดกเต็มต้น คะน้าต้นใหญ่อวบชูใบสลอน ผักกาดที่กำลังเขียวสะพรั่งยืนต้นแข่งกับแปลงต้นหอม แม้กระทั่งต้นแคต้นเตี้ยๆ ยังออกดอกดกจนหล่นเกลื่อนพื้น
หญิงสาวในชุดวอร์มเก่าๆ ที่ใช้มาหลายปีจนสีเดิมซีดลง นิรดาเอี้ยวตัวยกแขนไขว่กัน เพื่อคลายความเมื่อยล้า หลังจากนอนขดมาทั้งคืน เธอสละผ้าห่มผืนบางๆ ผืนเดียวห่มให้ยายสร้อย เมื่อคนแก่ๆ ตอนที่มีอากาศเย็น คนแก่ที่หัวเข่าไม่ดีมักจะมีอาการปวดตามข้อตอนดึกๆ
นิรดาฉวยถังน้ำพลาสติก เดินไปตักน้ำจากลำธารที่ไหลผ่านหน้าบ้าน มารดน้ำให้กับพืชผักที่เธอปลูกไว้ แล้วจึงรีบเข้าไปหุงหาอาหารเช้าเตรียมไว้ให้ยาย เธอกระโจมอก ออกมาอาบน้ำที่ท่าไม้หน้าบ้าน รีบแต่งตัวไปโรงเรียนที่อยู่ไกลออกไปไม่เท่าไหร่แต่เช้าตรู่
ดังนั้นเมื่อยายสร้อยตื่นนอน นางจึงไม่ได้พบหลานสาวแล้ว
หญิงสูงวัยมองสำรับกับข้าวที่นิรดาเตรียมไว้ให้ ด้วยดวงตาเออน้ำใสใส ยายสร้อยอยากจะกลับมาแข็งแรงมีกำลังเหมือนเก่า เมื่อนางอยากส่งเสียให้หลานสาวได้เรียนสูงๆ อย่างที่เจ้าตัวหวัง แต่วัยที่เกินเลข6มาหลายปีไม่อำนวยให้ตัวเองทำเช่นนั้นได้ นางเหนื่อยง่ายขึ้น เรี่ยวแรงที่เคยมีก็เริ่มลดน้อยถอยลง
นิรดาเดินเอื่อยๆ ไม่ได้เร่งร้อน เธอออกมาแต่เช้าเพราะไม่อยากใช้สตางค์ที่มีน้อยนิดไปกับค่าโดยสารรถประจำทาง หญิงสาวใช้กำลังเดินด้วยสองขา ประหยัดอดออมเพียงน้อยนิด เพื่อไม่ต้องให้ยายทำงานมากขึ้น
“นิดาๆ” เสียงตะโกนเรียกดังๆ มาจากรถปิคอัฟใหม่เอี่ยม มีเด็กสาวรุ่นเดียวกันกับเธอโผล่หน้าออกมาทางช่องหน้าต่าง พร้อมกับตะโกนเรียก
“ดีจ้าเพชร” หญิงสาวโบกมือตอบกลับยิ้มตอบไปในทันใด
เพชรชมพูเป็นเพื่อนเรียนชั้นเดียวกันกับเธอ เพื่อนสนิทคนเดียวที่ไม่เคยรังเกียจว่าเธอจน “ไปพร้อมเราเถอะนิดา วันนี้พ่อไปส่ง” ธรรมดาแล้วเพชรชมพูจะขับรถมอเตอร์ไซน์ไปโรงเรียน วันนี้นิรดาจึงแปลกใจเมื่อเห็นเพื่อนโดยสารรถยนต์คันโก้มา
“คือ...” หญิงสาวตัดสินใจไม่ถูก
ผู้ใหญ่เที่ยงเลยช่วยเรียกอีกคน ลุงผู้ใหญ่เป็นบิดาของเพชรชมพูนั่นเอง เพื่อนของเธอมีครอบครัวอบอุ่น มีพี่ชายที่กำลังศึกษาอยู่ในรั้วโรงเรียนตำรวจที่จังหวัดนครนายก เขาเป็นความภาคภูมิใจของทุกคนในครอบครัวนั้นเลย
“สวัสดีค่ะลุงผู้ใหญ่” หญิงสาวยกมือทำความเคารพบิดาของเพื่อน ก่อนจะมุดขึ้นไปนั่งเบาะด้านหลังเพชรชมพู
“สวัสดีหนูนิดา ยายสร้อยยังแข็งแรงดีไหมล่ะ” คนโตกว่าทักตอบ ก่อนจะขับเคลื่อนรถยนต์ตรงไปข้างหน้า
“ไม่เลยค่ะ ยายสุขภาพค่อยไม่ดีเท่าไหร่ แต่ไม่ยอมบอกนิดา” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะบ่น เมื่อตนเองมีญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียว หากยายเป็นอะไรไป เธอจะอยู่ยังไง
“โรคคนแก่ล่ะซิ...”
“พ่ออย่าชวนนิดาคุยนอกเรื่องสิคะ ไหนบอกว่ามีข่าวดีมาบอกนิดาไง!!” บุตรสาวคนเล็กของผู้ใหญ่เที่ยงท้วงเสียงใส
นิรดาเหลียวมามองเพื่อน พร้อมกับเลิกหัวคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม
“เรื่องนั้นแหละ...หากนิดากลับมา เราจะได้ไปเรียนด้วยกัน” เพชรชมพูยิ้มแป้น หากนิรดาผ่านสัมภาษณ์ ได้ไปทำงานที่บิดาเธอแนะนำ เรื่องการเรียนต่อของนิรดาก็ไม่น่ามีปัญหา
หญิงสาวมีโอกาสจะได้เป็นนักเรียนโคต้า ผลการเรียนของเธอดีและอยู่ในเกณฑ์คนจนขาดทุนทรัพย์ มีทุนสนับสนุนให้นิรดาเลือก แต่เพราะเธอขัดสนเรื่องค่าใช้จ่ายเลยยังแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ หากจะไปเรียนต่อ ก็สงสารยายสร้อย ยายจะอยู่อย่างไรคนเดียว หมู่นี้ยิ่งไม่ค่อยแข็งแรง...และหากเธอเลือกที่จะเรียน ยายคงทำงานหนักเพิ่มขึ้นอีก เพื่อให้เธอมีเวลาเรียน ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย
“ใช่เลยหนูนิดา ทางอำเภอเขามีงานน่าสนใจ รายละเอียดลุงจะอธิบายให้ฟังอีกที” ผู้ใหญ่เที่ยงเอ่ยเสียงทุ้ม เวทนาเด็กสาวตรงหน้า เมื่อบุตรสาวร้องขอให้หาทางช่วย ผู้ใหญ่เที่ยงเลยหาทางให้ และน่าจะดีกับนิรดาด้วย
โครงการของกระทรวงแรงงาน หาคนงานไปทำงานที่เบลเยียม เป็นคนงานเก็บผลไม้ รายได้ต่อเดือน70,000-80,000 บาท ช่วงปิดเทอมของนิรดาก่อนเริ่มต้นใหม่ในฐานะนักศึกษา นิรดามีเวลามากกว่าสี่เดือน เงินเก็บสักสองแสน คงพอดีสำหรับคนอดออมอย่างเพื่อนของเธอ เพชรชมพูเลยรีบนำมาเสนอให้เพื่อนรับรู้
ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
วิญญาณฮองเฮาชั่วร้ายต้องเข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูหลินจื่อเว่ยที่ตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะต้องต่อกรกับแม่เลี้ยงใจยักษ์และโหดเหี้ยม งานนี้นางจึงต้องงัดฝีไม้ลายมือเก่า ๆ เอามาใช้ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ช่างยากเย็นนัก เมื่อนางมิได้ต่อสู้กับแม่เลี้ยงใจโฉดเพียงคนเดียว เมื่อบัดนี้กลับต้องเผชิญหน้ากับท่านอ๋องคู่หมั้น ที่วิปริตเย็นชาและยังเป็นโรคประสาทบ้าตัณหาผู้หนึ่ง!
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
ผู้หญิงที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต แต่กลับประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของ “หลินจิ่วเอ๋อร์” ภรรยาคนที่สองของแม่ทัพซูเหยียนในทันทีที่นางเปิดตาขึ้นในร่างนี้...
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"